มีศิษย์จำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยคนมาที่หอลี้ลับในแต่ละวัน
หลายคนไม่ได้มีธุระอะไรที่นี่
พวกเขามาที่เพียงแค่ต้องการมาดูความยากลำบากของหยางเฉิน
และจะเดินเตร่ไปรอบๆหยางเฉินในทุกๆวัน
นี่ได้กลายเป็นนิสัยของหยางเฉิน เขาจะไม่สนใจหหรือใส่ใจกับคนที่เดินมาใกล้ๆกับเขา
ทุกคนไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือคนรับใช้ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่เดินเข้าไปในหอลี้ลับ
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ท้าประลองที่นี่ เขายังไม่ได้สังเกตคนอื่น และคนอื่นๆก็ยังไม่ได้พยายามที่จะสร้างปัญหาใดๆกับเขา
ดังนั้นหยางเฉินจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆตัวเขา
และมีเพียงแค่ใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อทำการตรวจสอบป้ายหยก ทีละป้ายหยก
อย่างไรก็ตามพลันปรากฏเสียงที่ทำให้หยางเฉินชะงัก ในขณะที่เขากำลังระลึกถึงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในตำหนักเก้าปฐพี
นี่เป็นเสียงที่ให้ความสำคัญกับเขาและหลังจากการเกิดใหม่
หยางเฉินได้คิดถึงอาจารย์ของเขาเท่านั้น และได้ลืมความรู้สึกอันอบอุ่นนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้
หยางเฉินหันหน้ามองไปที่เจ้าของเสียงนั้น ทุกอย่างดูเหมือนกับในความทรงจำของเขา
เธอสวมเสื้อผ้าฝีมือประณีตสวยงาม แววตาที่ดูสงบของเธอ ผิวที่คล้ายกับนางฟ้าในตำนาน
ผู้คนได้หยุดที่ด้านหลังของหยางเฉินเนื่องจากพวกเขายืนอยู่บนทางเดิน
"ศิษย์พี่หญิง กงซุน!"
หลังจากที่เธอร้องออกไปอย่างฉับพลัน จู่ๆหยางเฉินก็สูญเสียคำพูด
เขาไม่ทราบว่าจะต้องพูดอะไร และยืนอยู่อย่างเงียบๆ
"ศิษย์น้องหยาง...การสุ่มอ่านเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
มันอาจส่งผลต่อการบ่มเพาะของเจ้า"
กงซุนหลิง กำลังมองไปยังศิษย์รุ่นน้องที่เธอเพิ่งได้ยินชื่อมาเมื่อเร็วๆนี้
และแนะนำด้วยความตั้งใจอันดี
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉินได้ย้อนกลับมา
ความทรงจำที่เกี่ยวกับกงซุนหลิงเริ่มปรากฏออกมาทีละนิด
ในบางนิกาย ศิษย์อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์จะปรากฏขึ้นและ กงซุนหลิงก็เป็นหนึ่งในเหล่าศิษย์อัจฉริยะ
ในโลกของการบ่มเพาะปลูกที่โหดร้ายและภายใต้การแข่งขันที่รุนแรง
ศิษย์ที่มีพรสวรรค์เหล่านี้ได้เสียชีวิตเนื่องจากเหตุผลต่างๆ นี่เป็นเหตุผลที่หยางเฉิน
ไม่ต้องการให้จูเฉินเตาเปิดเผยความสามารถของเขา
ในชีวิตก่อนหน้านี้ กงซุนหลิงเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ได้เสียชีวิต
ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ทำให้เธอเสียชีวิตไม่ใช่เพราะคนอื่น
แต่เนื่องมาจากช่วงเวลาที่เธอกำลังจะก้าวสูงขึ้นไป เธอประสบกับความล้มเหลวและจบลงด้วยการหายตัวไปราวกับขี้เถ้าและควันที่กระจัดกระจายไปในอากาศ
ความรู้สึกประทับใจของหยางเฉินที่มีต่อเธอไม่ได้ชัดเจนเท่า ซือสานส่าน และ
ซุนชิงเสีย เนื่องจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเธอในโลกมนุษย์
อย่างไรก็ตามในระหว่างการเพาะบ่มของหยางเฉิน ในชีวิตก่อนหน้านี้
ศิษย์พี่หญิงกงซุนหลิง ได้แนะนำเขาอยู่หลายครั้ง
ในเวลานั้นหยางเฉินเป็นศิษย์ธรรมดาทั่วๆไป แต่กงซุนหลิงเป็นศิษย์สายตรง
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หยางเฉินกำลังเดือดร้อน กงซุนหลิงได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
นอกเหนือจากอาจารย์ของเขาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความอบอุ่นที่หยางเฉินได้รับภายในนิกายก็มาจากกงซุนหลิง
การช่วยชีวิตหยางเฉินและบุญคุณอื่นๆ เหตุการณ์ต่างๆในช่วงเวลานั้น
แม้จะยังไม่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ หยางเฉินย่อมต้องไม่ยอมให้ภัยพิบัตินั้นเกิดซ้ำอีกครั้ง
ในเมื่อเขาได้พบกับกงซุนหลิงแล้ว
กงซุนหลิงมีรากจิตวิญญาณธาตุดินที่ยอดเยี่ยม แต่หยางเฉินไม่ทราบรายละเอียดมากนัก
แต่เขาจำได้ว่ากงซุนหลิงได้กลายเป็นศิษย์สายนอกภายในหนึ่งปี
สิบปีถัดมาเธอเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน
ต่อมาในเวลาไม่ถึงแปดสิบปีเธอได้เข้าสู่ดินแดนผู้เชียวชาญก่อลำต้น
หลังจากนั้นภายในร้อยปีเธอสามารถเข้าสู่ระดับผลิดอกและภายในห้าร้อยปีก็สามารถถึงระดับออกผล
ในเวลานั้นหยางเฉินเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับก่อลำต้นขั้นกลาง แม้กระทั่งเรื่องของหยางซีที่ได้ใส่ร้ายเขาจะยังไม่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ก็อาจจะสันนิษฐานได้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของ กงซุนหลิง
ค่อนข้างดีไม่ด้อยไปกว่าซือสานส่านและซุนชิงเสียแม้แต่หยางเฉินก็เริ่มสงสัยว่า กงซุนหลิงมีรากจิตวิญญาณธาตุดินจริงหรือไม่
"ศิษย์น้องหยาง! ศิษย์น้องหยาง! "
กงซุนหลิงเห็นหยางเฉินจ้องมองมาที่เธอโดยไม่พูดอะไรออกมา มันทำให้เธอรู้สึกโกรธ
ผู้คนจำนวนมากหลงใหลในเสน่ห์ของเธอ กงซุนหลิงเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
แต่เธอมีเจตนาที่ดีเมื่อได้เตือนหยางเฉิน แต่เห็นเขาจ้องมองมาที่เธอ มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ
"ขอโทษ ศิษย์พี่หญิงกงซุน ข้ากำลังคิดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เลยเหม่อไปหน่อย!"
เมื่อหยางเฉินได้ยินเสียงของกงซุนหลิง สติของเขาก็กลับมาอยู่กับตัว
เพียงความทรงจำที่ผ่านมาอาจทำให้เขาผิดพลาดได้
มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเหม่อ บางทีในส่วนลึกลงไปในใจของหยางเฉินมีเงาของกงซุนหลิงอยู่
เมื่อได้ยินคำตอบที่สุภาพของหยางเฉิน
ที่ไม่ได้พยายามปิดบังอาการเหม่อลอยของเขา มันทำให้กงซุนหลินรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
เธอเริ่มให้คำแนะนำแก่หยางเฉินด้วยน้ำเสียงที่สงบ
"ศิษย์น้องหยาง เจ้ากำลังสุ่มอ่านป้ายหยกจำนวนมากเช่นนี้มันไม่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเจ้าในอนาคต"
"ขอบคุณมาก ศิษย์พี่หญิงที่เป็นห่วงข้า!"
หยางเฉินรีบป้องมือออกมาแสดงความขอบคุณ
เมื่อถึงจุดนี้เขาสามารถแยกแยะระหว่างความดีและไม่ดีของเขาเองได้
อย่างไรก็ตาม กงซุนหลิง ไม่ได้พูดอะไรออกมามากนักและเห็นว่าหยางเฉิน
แสดงความขอบคุณเธอ เธอก็จากไปในทันที แต่ได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า
"เจ้าฝึกฝนให้หนักเป็นการดีกว่า!"
หยางเฉินมองร่างที่น่ารักของกงซุนหลิงจากไป หยางเฉินยังคงหมกมุ่นอยู่กับความคิดของเขา
เห็นได้จากที่เขายังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหวไปที่ใดๆ
ในวันรุ่งขึ้น หยางเฉินไม่ได้สนใจต่อคำแนะนำของกงซุนหลิง เขาก็ยังคงไปที่หอลี้ลับอีกครั้งและเริ่มอ่านป้ายหยกไปทีละชิ้น
ทีละชิ้น ในที่สุดสองเดือนได้ผ่านไป หยางเฉินก็ได้อ่านป้ายหยกทั้งหมดที่มีอยู่ในหอลี้ลับ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉิน เขามักจะบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็งเพื่อก้าวไปสู่ระดับก่อสร้างรากฐานและจะไปที่หอลี้ลับเพียงเพื่อมองหาทักษะการบ่มเพาะธาตุไฟ
แล้วเขาจะหาเวลาว่างเพื่อมาอ่านป้ายหยกทั้งหมดในหอลี้ลับได้อย่างไร? ป้ายหยกนับแสนป้าย อ่านห้าร้อยป้ายหยกในทุกๆวัน
ใช้เวลาสองถึงสามร้อยวันนับจากต้นจนจบจึงอ่านพวกมันได้ทั้งหมด
ในวันนี้ หยางเฉินไม่ทราบว่าเขามีชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ
เกือบทุกคนในตำหนักเก้าปฐพีทราบว่า หยางเฉินมีลักษณะเช่นนี้
นอกเหนือจากทักษะการเพาะ 'ไฟหยิน
ไฟหยาง' ส่วนที่เหลือคือ 'ไม้หยิน
ไม้หยาง ดินหยิน ดินหยาง ทองหยิน ทองหยาง น้ำหยิน น้ำหยาง” ทักษะการบ่มเพาะทั้งหมดของหหยางเฉินได้เปลี่ยนไป
ผลของการเปลี่ยนแปลงมันดียิ่งขึ้นสำหรับ 'แปดทักษะของการบ่มเพาะ'
ก่อนหน้านี้เพื่อทำการรวบรวมทั้งหยินหยางห้าธาตุ
เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรวบรวมทักษะการบ่มเพาะแบบต่างๆ
โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบใดๆ แต่บัดนี้เขาได้พบทักษะการบ่มเพาะที่เหมาะสมแล้ว
ผลที่ได้ สามารถเห็นได้ในทันทีเมื่อเริ่มโคจรพลังตามเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุ
ถ้าเทียบกับทักษะการบ่มเพาะในก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เขารู้สึกโคจรพลังได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เนื่องจากทักษะการบ่มเพาะเหล่านี้ ความรู้ของหยางเฉินที่เกี่ยวกับทักษะการบ่มเพาะธาตุอื่นๆ
ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน การอ่านป้ายหยกที่มีอยู่ในหอลี้ลับ
มันแน่อยู่แล้วว่าหยางเฉินได้รับประโยชน์จากพวกมันเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณ แต่เขาก็ได้ตระหนักถึงพลังจิตวิญญาณของทั้งห้าธาตุ
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุไฟของหยางเฉินก็เพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับการกำจัดวัชพืชและทำให้ดอกไม้บาน
หยางเฉินกลายเป็นคนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดวิชาลับห้าธาตุมากยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับความรู้ที่เขาไม่สามารถเพิ่มขึ้น การอ่านมันอีกครั้งก็จะไร้ประโยชน์ เขาสามารถพึ่งพาตัวเองเพื่อหาคำตอบได้เท่านั้น
หลังจากที่ทุกสิ่งที่จารึกไว้ในป้ายหยกเหล่านี้เป็นความรู้ของผู้อื่น
สิ่งที่หยางเฉินต้องทำคือคว้ามันและแปลงมันให้เป็นของเขาเอง
หนอนหนังสือหยางเฉินได้เดินออกจากหอลี้ลับ
และไม่ได้เข้าไปที่นั่นอีกต่อไป ทันใดนั้นข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณตำหนักเก้าปฐพี
ทุกๆวันในขณะที่หยางเฉินกำลังอ่านคัมภีร์ กลุ่มคนก็จะปรากฏอยู่รอบๆเขา
พวกเขาต่างจ้องมองไปที่หยางเฉินเหมือนเขาเป็นตัวตลก
เมื่อใดก็ตามที่หยางเฉินเดินผ่าน เขาก็มักจะเจอลักษณะนี้อยู่เสมอ ในบางครั้งพวกเขาบางคนไม่ได้หัวเราะเยาะออกมา
แต่จะแสดงออกมาในลักษณะที่เต็มไปด้วยความสงสารหรืออาจสับสน แต่ทั้งตำหนัก เก้าปฐพี
ไม่สามารถรู้ได้ว่าหยางเฉินต้องการทำสิ่งใดกันแน่
หยางเฉินไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งดังกล่าว ด้วยลักษณะนิสัยเก่าๆของเขา นอกเหนือจากการโคจรพลังลมปราณตลอดทั้งร่างกายของเขาวันละครั้ง
เขาเพียงแค่อยู่ในที่พักเล็กๆของเขา
นั่งสมาธิอยู่เงียบๆขบคิดและย่อยข้อมูลจำนวนมากที่เขาได้เรียนรู้มาจากหอลี้ลับ
บางทีในอดีต ความรู้ในส่วนของการบ่มเพาะธาตุไฟนั้นมากเกินไป
เมื่อหยางเฉินให้ความใส่ใจในทุกๆด้าน แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งแต่ก็ยังสามารถขยายขอบเขตของเขาให้ขึ้นไปได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำความเข้าใจความลับหยินหยางห้าธาตุก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งเดือนต่อมา หยางเฉินออกมาจากการเก็บตัวที่แสนเงียบสงบของเขา
เขาเห็นซุนไห่จิ้งปรากฏตัวที่หน้าที่พักของเขา
สีหน้าของซุนไห่จิ้งแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น
สายตาของเขามองไปที่หยางเฉินราวกับกำลังเฝ้าดูคนที่กำลังจะตาย
"ศิษย์น้องหยาง ข้าขอแสดงความยินดี"
ซุนไห่จิ้งมองไปที่หยางเฉิน พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูแล้วไม่มีความจริงใจและกล่าวออกมาว่า
"อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า
เมื่อศิษย์น้องหยางมีสถานะของศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสาม ตามกฎแล้ว
เจ้าสามารถออกไปเพื่อเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่นอกนิกาย!"
"ศิษย์พี่ซุน ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจ!"
หยางเฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของซุนไห่จิ้ง แต่ทำการปฏิเสธออกไป
"การออกไปเรียนรู้หาประสบการณ์
มันอาจไม่จำเป็นที่จะต้องออกเดินทาง ศิษย์พี่ซุนคงอยากจะไปเป็นอย่างมาก?"
ซุนไห่จิ้งหัวเราะเยาะราวกับว่าเขารู้ว่าหยางเฉินจะพูดออกมาในลักษณะนี้
เขาเผยรอยยิ้มที่แฝงความมุ่งร้ายออกมา แล้วพูดว่า
"ไม่ออกไปก็ราวกับคนที่กำลังจะตาย ศิษย์น้องหยางคำสั่งดังกล่าว
คำสั่งในก่อนหน้านี้ได้กำหนดไว้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้
ศิษย์น้องหยางต้องออกไปข้างนอกนิกาย ขอแสดงความยินดี ศิษย์น้องหยาง
เจ้าจะเหมือนกับเสือร้ายกาจที่อยู่บนภูเขา หรือมังกรวารีในมหาสมุทรที่มีอยู่ในตำนาน
เจ้ามีโอกาสที่จะยิ่งใหญ่ อ่าช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!"
หยางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องการให้เขาออกไปฝึกข้างนอก? มันคืออะไร? หรือจะเป็นชูเฮิงที่จัดฉากนี้ขึ้น?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยางเฉินส่ายหัวเล็กน้อย ชูเฮิงคงไม่กล้าพอที่จะวางแผนเรื่องแบบนี้
นอกจากนี้เฉพาะผู้ที่มีอำนาจระดับสูง เช่นผู้อาวุโสหอโอสถ
หรือผู้นำพระราชวังที่จะสามารถสั่งการเช่นนี้ได้ แล้วสิ่งนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
เมื่อซุนไห่จิ้งเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของหยางเฉิน
มันทำให้เขารู้สึกดีใจมาก ราวกับว่าในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศอบอ้าว
มีคนเอาแตงโมมาให้เขากิน ในขณะที่หยางเฉินอยู่ในตำหนักเก้าปฐพี
มันไม่มีวิธีใดที่จะจัดการกับหยางเฉินได้
แต่ตราบเท่าที่หยางเฉินได้ออกไปจากภูเขาเหมยชิงและออกไปจากดินแดนภายใต้อิทธิพลของพระราชวังหยางบริสุทธิ์แล้ว
แน่นอนว่าการกำจัดหยางเฉินก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เขาดื่มดำชื่นชมความคิดของเขาอีกสักครู่หนึ่ง
ก่อนที่ซุนไห่จิ้งจะเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ แต่ก่อนที่เขาจะจากไป
เขาไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยหยางเฉินออกไปเป็นคำพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเสียใจ
"ศิษย์น้องหยาง เดิมทีข้าตั้งใจจะรอวันแข่งขันทักษะการต่อสู้ของนิกายที่จะถูกจัดขึ้นและท้าประลองในรูปแบบชีวิตและความตายกับเจ้า
แต่ศิษย์น้องหยางค่อนข้างดุร้ายแน่นอนว่าเจ้าจะไม่กลัวความแตกต่างระหว่างขอบเขตดินแดนระหว่างเรา
น่าเสียดายที่อาวุธยันต์และหินผลึกยันต์ที่ข้าได้เตรียมไว้อย่างพิถีพิถันจะไม่ได้ใช้ มันไร้ประโยชน์...ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดายจริงๆ!"
"อาวุธยันต์ หินผลึกยันต์?"
หยางเฉินเยาะเย้ย
"ศิษย์พี่ซุน ดูเหมือนเจ้าจะลืมว่าการอ่านป้ายหยกในหอลี้ลับนั้น
ต้องมีคะแนนสะสมของนิกาย คะแนนเหล่านี้หากมีการแลกเปลี่ยนเป็นหินผลึกมันย่อมมีจำนวนมาก
ศิษย์พี่ซุนหากข้ามีชีวิตรอดกลับมา ในช่วงเวลาของการแข่งขันของนิกาย
ข้าจะท้าทายศิษย์พี่ซุนอย่างแน่นอน"
การแสดงออกที่หงุดหงิดและขุ่นเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุนไห่จิ้ง
หยางเฉินใช้สันมือข้างหนึ่งของเขาทำท่าปาดคออย่างช้าๆ พร้อมกับปลดเจตจำนงแห่งการฆ่าออกมา
ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ก่อนที่หยางเฉินจะกล่าวออกไปว่า
"เจ้าล้างคอรอเวลานั้นได้เลย! ข้าจะซื้ออาวุธยันต์ หินผลึกยันต์นับไม่ถ้วน
เอาไว้เล่นงานเจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย!
คนนี้ได้วางแผนต่อต้านเขาภายในนิกายของอาจารย์ของเขาโดยไม่มีแนวโน้วว่าจะหยุด
หยางเฉินได้ตัดสินใจที่จะฆ่าซุนไห่จิ้ง เมื่อเขาได้ตระหนักดีแล้วว่าจะไม่อนุญาตให้ซุนไห่จิ้งมีชีวิตอยู่ต่อได้
เมื่อซุนไห่จิ้งได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงแห่งการฆ่าของหยางเฉิน มันทำให้เขารู้สึกตกใจจนร่างกายสั่นสะท้าน
สีหน้าของเขาพลันซีดเผือดในทันที เขาถอยหลังไปหลายก้าวอย่างช่วยไม่ได้
จนแทบจะสะดุดอยู่หน้าประตูบ้านพัก ร่างของเขาเกือบจะล้มลงไปกับพื้นและเมื่อเขาสามารถยืนได้มั่นคงอีกครั้ง
ในอึดใจถัดมาพลันปรากฏเสียงของหยางเฉินที่เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการฆ่าดังก้องอยู่เต็มหูของเขา
ในขณะนี้วิญญาณของเขามันแทบจะหลุดออกจากร่างไป
บางทีการแสดงที่มากเกินไปนี้จะทำให้เขาต้องเสียหน้า
ดังนั้นซุนไห่จิ้งจึงพยายามยืนให้มั่นคง และหลังจากที่หายใจลึกๆอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของเขาก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ตลอดเวลา
เขาพยายามอย่างแน่วแน่ที่จะฟื้นความสงบนิ่งของเขา แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็ยังคงสั่นออกมาโดยไม่สามารถควบคุมไว้ได้
ในที่สุด ซุนไห่จิ้งก็สามารถสะกดความกลัวของเขาไว้ได้
มันได้ใช้เวลาไปชั่วครู่หนึ่ง
หยางเฉินไม่ได้ใส่ใจอะไรกับซุนไห่จิ้งมากนัก
เขาเดินกลับไปที่ห้องของเขานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ซุนไห่จิ้งต้องการที่จะกอบกู้ใบหน้าที่เสียไปของเขา
จึงได้ร้องตะโกนไปในทิศทางที่ทางหยางเฉินเดินจากไปว่า
"พูดมันอีกครั้ง เมื่อเจ้ามีชีวิตรอดกลับมา!"
หลังจากที่ซุนไห่จิ้งหนีกลับมาที่บ้านพักของเขา
ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไหลไม่หยุด หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว เขาก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง
มือทั้งสองของเขาสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ และปากของเขายังคงพึมพำออกไปว่า
"อย่ากลับมา อย่ากลับมา!"
เขารู้สึกกลัวจริงๆ
หยางเฉินแน่ใจได้ว่าซุนไห่จิ้งได้รับข้อมูลนี้จากชูเฮิง
แต่หยางเฉินยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ทำไมพวกเขาต้องการส่งเขาที่เป็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งออกนอกเมืองเพื่อฝึก
มันไม่มีเหตุผล หยางเฉินไม่ได้วิตกกังวล แต่เขามั่นใจว่าจะมีใครบางคนจะมาแจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบในไม่ช้า
สักครู่ก็มีคนมาแจ้งและนำหยางเฉินไปที่ห้องโถงใหญ่ของตำหนักเก้าปฐพี ที่นี่หยางเฉินได้เห็นตูเชี่ยนที่เขาไม่ได้เจอมาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ชูเฮิงก็ยังอยู่ที่นี่ และที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คือแม้แต่กงซุนหลิง
ก็อยู่ที่นี่
"หยางเฉิน เพื่อบ่มเพาะให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อสร้างรถเข็นที่อยู่เบื้องหลังประตูที่ปิด เพื่อความก้าวหน้า"
ชูเฮิงพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูอดทนชี้นำเขาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเช่นอาจารย์ที่ดี
"มันถึงช่วงเวลาที่จะออกไปฝึกฝนข้างนอก และในเวลานี้
เจ้าก็ถูกนับรวมไปด้วย แต่คราวนี้มีการจัดเตรียมพิเศษสำหรับเจ้า เจ้าต้องไม่ปฏิเสธมัน!"
หยางเฉินมองไปที่ตูเชี่ยน ด้วยความสงสัยแน่นอนว่าตูเชี่ยนตระหนักถึงข้อสงสัยของหยางเฉิน
แต่เขาก็ยิ้มและพยักหน้าเพียงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรออกไป
หยางเฉินเชื่อว่าตูเชี่ยนจะไม่เป็นอันตรายต่อเขา
ดังนั้นนี่จึงไม่ได้เป็นการวางแผนโดยชูเฮิง
"รับทราบ!"
หยางเฉินตอบโดยไม่พูดอะไรมากนัก แต่กงซุนหลิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
รู้สึกงงงันเมื่อมองไปที่หยางเฉิน ด้วยเหตุผลใด ที่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเพื่อฝึกได้
ไม่เพียงแต่กงซุนหลิง แม้แต่หยางเฉินเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลเรื่องนี้
มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากทีเดียว เขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการจัดการแบบไหน
"กลับไปและเก็บข้าวของ และออกเดินทางในทันที!"
ชูเฮิงเปิดปากอีกครั้งเพื่อเตือนเขาครั้ง
"หยางเฉิน เจ้าเป็นศิษย์ที่ข้าคาดหวังไว้เป็นอย่างมากดังนั้น
เจ้าจะต้องไม่ได้รับอุบัติเหตุใดๆตลอดการเดินทางของเจ้า!"
คำพูดเหล่านี้ดูตรงไปตรงมา
แต่หยางเฉินเข้าใจดีกับความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในคำพูดเหล่านั้น
"ระวังทุกอย่างเมื่อเจ้าออกไป!"
ตูเชี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้กล่าวเตือนเขาอย่างแข็งขัน
พร้อมโบกมือในขณะที่กล่าวว่า
"ไปและเตรียมความพร้อม เจ้าจะต้องออกเดินทางในตอนเที่ยงของวันนี้!
ก่อนเดือนที่เจ็ดของปีที่สอง เจ้าจะต้องไปถึงภูเขาลอยฟ้า!"
ในขณะที่พูดเขาส่งยันต์ให้กับหยางเฉิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น