เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 032 เตาหลอมยาเวท

"นี่เป็นเตาหลอมยาที่ข้าซื้อมาด้วยการประมูลก่อนที่ข้าจะเข้าถึงดินแดนก่อลำต้น เมื่อตอนที่ข้าได้เดินทางไปท่องยุทธภพ แม้ว่าจะเป็นเตาหลอมระดับต่ำ แต่มันก็สามารถรองรับกับทักษะธาตุไฟของเจ้าในขณะที่เจ้าถ่ายเทเปลวไฟเพื่อทำการกลั่นสกัดยาและสามารถไปถึงจุดสูงสุดของมันได้"

จูเฉินเตาเหลือบตามองไปที่เตาหลอมยาซึ่งเขาได้นำมาวางไว้ที่ด้านหน้าด้วยสีหน้าที่พอใจและกล่าวออกไปว่า

"ข้ามีเตาหลอมยาระดับสูงอยู่แล้ว เจ้าในตอนนี้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะใช้เตาหลอมยานี้ และสามารถพัฒนาทักษะการกลั่นสกัดยาของเจ้าต่อไปได้"

"ขอบคุณมาก สำหรับน้ำใจของท่าน! หากศิษย์ผู้นี้ปฏิเสธ มันก็จะเป็นการไม่สุภาพ!"

ทันทีที่หยางเฉินได้มองเตาหลอมยาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มออกมาในทันทีทันใด

เมื่อจูเฉินเตาเห็นหยางเฉินยอมรับมันแต่โดยดี เขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับความช่วยเหลือในการหาเส้นทางเพื่อมู่งไปสู่ระดับผลิดอก การมอบเตาหลอมยาระดับต่ำก็ดูเหมือนแทบจะไม่ได้เป็นสิ่งที่มากเกินไป โชคดีที่เขาได้ตอบแทนหยางเฉินไปบ้าง สิ่งนี้มันทำให้ใจของเขารู้สึกผ่อนคลายได้เล็กน้อย

"เกี่ยวกับยาเม็ดสวีนฉี แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่ใช้ในการกลั่นสกัดมัน"

ก่อนที่เขาจะจากไปเขาได้เตือนหยางเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง เขาเพิ่งได้เห็นการควบคุมเปลวไฟที่สมบูรณ์แบบของหยางเฉิน ในตอนนี้เขาจะรีบกลับไปเพื่อทำการพิจารณาและทดสอบมัน ที่เขาอยู่จนถึง ณ ขณะนี้ ก็เป็นเพียงเพื่อพบปะพุดคุยกันทำความเข้าใจกันอีกเล็กน้อย

หยางเฉินรอจนจูเฉินเตาเดินออกไปจนเงาของเขาจางหายลับสายตาไป มีเพียงรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหยางเฉิน เหมือนกับว่าเขาได้รับสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก เขาถือเตาหลอมยาที่จูเฉินเตาทิ้งไว้เบื้องหลังขึ้นมาตรวจสอบอย่างใกล้ชิด จากบนลงล่างเขาตรวจสอบมันอย่างละเอียดและด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น ฉับพลันบนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา

หูหลินเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ แต่ในเวลานั้นเธอเห็นหยางเฉินกำลังถือเตาหลอมยาไว้ในมือพร้อมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เธอจึงไม่กล้าที่จะรบกวนเขาและเดินกลับออกไปอย่างเงียบๆ เตาหลอมยาที่ทิ้งไว้โดยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น สามารถทำให้เป็นศิษย์ระดับรวมรวมลมปราณขั้นหนึ่ง ผู้ซึ่งมีรากจิตวิญญาณธาตุไฟรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

คนอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่หยางเฉินได้ค้นพบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเตาหลอมซึ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนน้ำลายแทบจะไหลออกมา เตาหลอมยาที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ถึงแม้ว่าสีหรือรูปร่างจะแตกต่างไปบ้าง แต่ก็คล้ายกับเตาหลอมยาที่เขาเคยได้ยินในชีวิตก่อนหน้านี้ เตาหลอมยาซึ่งมีรายงานว่าถูกค้นพบในโลกมนุษย์

เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา มันเป็นเตาหลอมยาที่แปลกประหลาดแม้จะอยู่ในสวรรค์ศาล หากจะบอกว่ามันติดอันดับในสิบอันดับแรกสิ่งนี้ไม่ได้พูดเกินจริง จากที่หยางเฉินเคยได้ยินมา เขาสามารถกลั่นสกัดอายุวัฒนะได้ทุกชนิดโดยใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ นี่คือเตาหลอมหนึ่งเดียวที่นอกเหนือจากเตาหลอมทั้งแปดของท่านศาลอาวุโสสูงสุด ซึ่งสามารถบรรลุข้อนี้ได้ แม้เตาอื่นๆที่อยู่ในอันดับที่สูงกว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ก็ยังมีข้อจำกัด พวกมันส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถในการกลั่นสกัดยาอายุวัฒนะได้ทุกชนิด

อย่างไรก็ตามเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นลักษณะเฉพาะของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ ในตอนแรกเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ไม่ได้เป็นเตาหลอมชั้นยอด แต่เป็นเพียงเตาหลอมระดับต่ำที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนาปรับแต่ง แต่หลังจากที่ถูกนำมาใช้สำหรับการกลั่นสกัดโดยนักปรุงยานับหลายพันคน ความหลากหลายของเปลวไฟที่ใช้เพื่อปรับแต่งให้กับเตาหลอมเพื่อเพิ่มระดับคุณภาพของมัน

พูดอย่างตรงไปตรงมานี้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณซึ้งเป็นเตาหลอมยา มันสามารถที่จะปรับแต่งคุณสมบัติของมันให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่ต้องการสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นวัตถุดิบพิเศษที่จำเป็นสำหรับเตาหลอมยานี้ เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณยังต้องการที่จะดูดซับเปลวไฟประเภทต่างๆ เพื่อที่จะสามารถทำให้คุณสมบัติของมันดีขึ้น เตาหลอมยาที่อยู่ในมือของหยางเฉินในตอนนี้ มันอาจเป็นเพียงแค่เตาหลอมที่ยังไม่ได้พัฒนา และก็ยังไม่ได้ถูกค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตก่อนหน้าของเขา

เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง แต่เขาทำให้มันมีคุณสมบัติอย่างที่เขาวางแผนไว้ได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเขาไม่มีวัตถุดิบที่เหมาะสม แม้แต่ผู้สร้างเองก็ไม่ทราบว่าความคิดของเขาเป็นไปได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงได้สร้างเตาหลอมนี้ขึ้นมา และละทิ้งมันไว้ ประสิทธิภาพของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณยังคงเทียบเท่ากับเตาหลอมระดับต่ำ

หยางเฉินถือมันไว้ในมือทั้งสองของเขา ทำการตรวจสอบมันด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาอยู่หลายครั้ง และใส่พลังจิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบว่ามันใกล้เคียงกับเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณมากน้อยแค่ไหน หยางเฉินไม่กล้าที่จะเชื่อในทันทีว่าเขาจะโชคดีที่จะได้รับเตาหลอมยาในตำนานนี้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือของหยางเฉิน เริ่มสั่นเล็กน้อยราวกับว่ามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟากฟ้ามาสู่มือของเขาโดยตรง

อย่างไรก็ตามหยางเฉินยังตระหนักว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้อยู่ในช่วงเริ่มแรก ถ้ามันตกอยู่ในมือของใครบางคนที่ไม่ทราบว่ามันเป็นอะไร มันก็จะเป็นได้เพียงแค่เตาหลอมยาระดับต่ำเท่านั้น ใครจะยินดีเสียวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงเพียงเพื่อเตาหลอมยาระดับต่ำ? ใครจะยินดีที่ถ่ายเทเปลวไฟที่มีค่าเหล่านี้เพียงเพื่อให้พวกมันสูญเปล่าไปในเตาหลอมยาระดับต่ำ? ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนปกติ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเช่นจูเฉินเตา ยังพิจารณาว่าเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้เป็นของที่ไม่มีค่าและมอบให้กับหยางเฉิน?

ไม่ว่าในกรณีใดๆ ตราบเท่าที่หยางเฉินมีโอกาสได้รับวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง หรืออาจเป็นแหล่งกำเนิดเปลวไฟที่มีค่า เขาจะใช้มันโดยตรงกับเตาหลอมยานี้ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยแน่ใจนัก หยางเฉินได้ทำการตรวจสอบเตาหลอมยานี้และมั่นใจอยู่ราวๆแปดในสิบส่วนว่ามันเป็นเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในตำนาน

ไม่ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังคงเป็นเตาหลอมระดับต่ำ เมื่อเทียบกับเตาหลอมที่หยางเฉินมีในปัจจุบัน มันก็ดีกว่ามากหลายเท่า แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เตาหลอมระดับต่ำ แต่ก็ยังสามารถนับรวมอยู่ในชุดอุปกรณ์เวทได้ ถ้าเพียงแต่พิจารณาถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉินในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง เขาจะไม่สามารถหาอุปกรณ์เวทใดๆได้โดยง่าย และจะสามารถใช้ได้เพียงเครื่องมือยันต์หรือยันต์ประดิษฐ์ที่ไม่มีระดับใดๆ

การใช้ประโยชน์จากการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่ดีของเขาซึ่งมีอยู่แล้ว เมื่อเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐานขั้นกลาง อย่างน้อยเขาก็สามารถที่สร้างพันธะระหว่างเขากับเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณได้ โดยการใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อทำสร้างตราประทับบนเตาหลอม เขาทำมันด้วยตัวเขาเอง

ถ้าหยางเฉินปล่อยให้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น มันก็คงจะเป็นสิ่งที่โง่เขลาอย่างแท้จริง หยางเฉินจึงเริ่มสร้างตราประทับเพื่อเป็นพันธะผูกมัดเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเข้ากับตัวเขา

พลังจิตวิญญาณที่น่ากลัวได้เริ่มผูกมัดเตาหลอมเข้ากับตัวเขา ตราประทับได้สลักลงไปบนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแม้ว่าการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาจะน่ากลัวมาก แต่พลังจิตของเขานั้นยังขาดอยู่ ดังนั้นการดำเนินการเพื่อสร้างตราประทับของหยางเฉินจึงต้องใช้เวลาทั้งวัน

เซิ่นต้า และคนรับใช้คนอื่นๆ ไม่กล้ารบกวนเขา พวกเขาทราบว่าหยางเฉินกำลังพยายามปรับแต่งเตาหลอมอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะมีความหวังเล็กน้อยอยู่ภายในใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา เพียงแต่รู้สึกกระวนกระวายใจอยู่เพียงเล็กน้อย ในขณะที่รอให้หยางเฉินออกมา

หลังจากใช้เวลาตลอดทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดหยางเฉินก็ประสบความสำเร็จในการสร้างตราประทับบนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ จนกระทั่งการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่น่ากลัวของ หยางเฉินได้สลักเป็นตราประทับลงไปภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ เขาไม่กล้าเชื่อว่าเขาได้ครอบครองเตาหลอมที่ติดหนึ่งในสิบอันดับบนของศาลสวรรค์ในอนาคตข้างหน้า

หยางเฉินเผยรอยยิ้มที่แจ่มใสออกมา เขาเดินออกมาจากห้องปรุงยาด้วยความสุขและเปรมปรีดิ์อย่างอดไม่ได้ แม้กระทั่งในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาจะเป็นถึง สุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม แต่เขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสอุปกรณ์เวทระดับนี้ได้

บริเวณที่หน้าประตู เซิ่นต้า หูหลิน ติงหยวนและกูฉิน ทั้งสี่คนยืนรอเป็นสองแถวข้างละสองคนอย่างเรียบร้อย เพื่อรอหยางเฉินออกมาจากห้องปรุงยา เมื่อพวกเขาได้เห็นหยางเฉินออกมา ทั้งสี่คนต่างรู้สึกยินดีและในเวลาเดียวกันก็มีความคาดหวังในสายตาของพวกเขา

หยางเฉินไม่ได้พูดคำไร้สาระใดๆออกมา เขาตระหนักดีว่าคนรับใช้ทั้งสี่ต้องการรู้อะไรดังนั้นในขณะที่ยิ้ม เขาได้กล่าวออกไปว่า

"เตาหลอมยานี้ไม่เลว จริงสิ...ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร พวกเจ้าสามารถฝึกฝนตามทักษะของข้าเพื่อควบคุมห้าธาตุ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อได้เปรียบที่ดี มันยังสามารถฝึกการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเจ้าได้อีกด้วย"

คนใช้ทั้งสี่คนต่างรู้สึกอิ่มเอมใจ พวกเขารอคอยอยู่ที่นี่ เพื่อสอบถามว่าทักษะที่คล้ายกับหยางเฉิน สามารถนำไปใช้ในการบ่มเพาะธาตุอื่นๆ นอกเหนือจากธาตุไฟได้หรือไม่ แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การได้รับการยืนยันจากหยางเฉิน มันทำให้พวกเขาแน่ใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง เส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของคนเหล่านี้ได้ถูกกำหนดขึ้นในทันที

หลังจากพักผ่อนพักสักครู่ หยางเฉินได้สั่งให้หูหลินไปที่ห้องปรุงยา ในขณะนี้ระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินยังขาดอยู่อีกมาก การควบคุมเปลวไฟเพื่อกลั่นสกัดสมุนไพรเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะทำคนเดียว แต่เขาสามารถพึ่งพา หูหลินได้ ด้วยการขอความช่วยเหลือเช่นนี้ เป็นโอกาสที่หูหลินรอคอยและยินดีที่จะช่วยเหลือ

หยางเฉินได้สร้างตราประทับลงบนเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณไว้แล้ว ในตอนนี้เขาในใจของเขาเรียกร้องให้เขาทำการกลั่นสกัดยาเม็ดสวีนฉีโดยใช้เตาหลอมยาแก่นจิตวิญญาณนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องทดลองเตาหลอมยานี้ก่อน หยางเฉินได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเอง ดังนั้นหยางเฉินย่อมต้องเริ่มดูแลมันอย่างดี นอกเหนือจากการใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในการปรับแต่งและเพื่อหาเปลวไฟที่จะถูกดูดซึม วิธีการอื่นในการดูแลที่ดีก็รวมถึงการเพิ่มคุณสมบัติยาลมปราณ

เพิ่มปริมาณคุณสมบัติยาลมปราณได้อย่างไร? โดยการผสมผสานยาเม็ดจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงชนิดของยาอายุวัฒนะ ทั้งหมดที่เป็นยาอายุวัฒนะมีส่วนผสมของสมุนไพรที่หลากหลาย เมื่อสมุนไพรที่มากมายเหล่านี้ได้รับการกลั้นสกัด คุณสมบัติยาลมปราณก็จะมีมากขึ้น พวกมันจะถูกทิ้งไว้บนเตาหลอมยา นอกจากนี้เตาหลอมยังสามารถที่จะรักษาความสมดุลของคุณสมบัติยาลมปราณหลากหลายชนิดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเพียงพอแล้วมันก็จะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของเตาหลอมที่สามารถผลิตยาเม็ดใดๆ

"อุปกรณ์เวท?"

เมื่อหูหลินเห็นหยางเฉินหยิบเตาหลอมยาออกมา เธอก็จำได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์เวท ในช่วงเวลาหนึ่งความสูงของเตาหลอมยาจะสูงประมาณครึ่งหนึ่งของความสูงของคน จากความสูงดั้งเดิมของมันที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ เธอไม่ได้ปิดบังความรู้สึกอิจฉาไว้แม้แต่เล็กน้อย

"บ่มเพาะอย่างถูกต้องและในอนาคตเจ้าจะได้รับก็จะได้รับมัน"

หยางเฉินยิ้มโดยไม่ต้องพูดมากเกินไป เขาชี้ไปที่หูหลินเพื่อให้เธอเตรียมสมุนไพรเพื่อทำการกลั่นสกัด

เตาหลอมยาขนาดใหญ่ มันย่อมสามารถผลิตยาอายุวัฒนะได้มากยิ่งขึ้น หยางเฉินสั่งให้หูหลินเตรียมสมุนไพรมากกว่าเดิมสิบเท่า หลังจากนั้นเขาจับเตาหลอมยาด้วยมือทั้งสอง และเริ่มควบคุมเปลวไฟ แต่เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำมาก เขาไม่สามารถใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อควบคุมเปลวเพลิงทั้งสองสายและเตาหลอมยาได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้มือทั้งสองจับเตาหลอมยาได้เพียงเท่านั้น

ในขณะที่เปลวไฟปรากฏขึ้น หยางเฉินได้รับรู้ถึงพลังที่รุนแรงของเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณแม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์เวทระดับต่ำ แต่ก็ยังคงเป็นอุปกรณ์เวทเมื่อเทียบกับเตาหลอมเดิมที่ชำรุดของหยางเฉิน ความแตกต่างของพวกมันราวกับสวรรค์และปฐพีเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการกับไฟหรือปริมาณของเปลวไฟก็ตามการใช้เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณนี้ดีกว่าสองถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับเตาหลอมยาเดิม แม้กระทั่งหยางเฉินก็รู้สึกว่าเตาหลอมยานี้มีความสัมพันธ์กับร่างกายของเขาราวกับว่าเตาหลอมหลอมรู้ว่าหยางเฉินต้องการทำอะไร

สมุนไพรทั้งหมดถูกเพิ่มเข้าไปในเตาหลอมทีละส่วนและในเวลาที่ไม่นานนักพวกมันทั้งหมดกลายเป็นของเหลวสมุนไพร ของเหลวสมุนไพรเริ่มหมุนและไหลไปตามเปลวไฟที่หมุนเป็นเกลียวและเริ่มที่จะแข็งตัว ทุกอย่างเหมือนกับในช่วงการกลั่นสกัดในก่อนหน้านี้ โดยไม่มีข้อแตกต่างใดๆแม้แต่น้อย ปริมาณสมุนไพรที่ใช้เพิ่มขึ้นเพียงสิบเท่าและหยางเฉินก็ไม่ได้รู้สึกเครียดเหมือนเมื่อก่อน

หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หยางเฉินได้รวบรวมยาเม็ดสวีนฉีจำนวนหนึ่งพันเม็ดโดยใช้เคล็ดวิชาการเก็บรวบรวมยาเม็ด กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น

หยางเฉินไม่ยอมเสียเวลาใดๆ ในก่อนหน้านี้เขาไม่มีวิธีการที่ดีในการหาคะแนนสะสมของนิกาย แต่ในตอนนี้จูเฉินเตาได้ทิ้งคำสั่งซื้อยาเม็ดสวีนฉีเหล่านี้เพื่อแลกกับหินผลึกหรือคะแนนสะสมตามที่เขาต้องการ ดังนั้นหยางเฉินจึงเดินตรงไปยังหอโอสถของตำหนักเก้าปฐพี และถามศิษย์ของหอโอสถ เพื่อแลกกับคะแนนสะสมทั้งหมด

จูเฉินเตาเป็นคนใจกว้างหรือบางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้นำพระราชวังหยาง จูเฉินเตาอนุญาตให้หยางเฉินสามารถรับคะแนนสะสมหนึ่งคะแนนต่อยาเม็ดสวีนฉีหนึ่งเม็ด ในขณะที่สิบสองหินจิตวิญญาณระดับต่ำสามารถแลกคะแนนสะสมได้เพียงคะแนนเดียว สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ายาเม็ดสวีนฉีผลิตมาจากสมุนไพรสามัญทั่วๆไป ดังราคาของมันน้อยมากจนไม่ต้องคิดถึง

ดูเหมือนว่าหยางเฉินแทบจะไม่เสียแม้แต่คะแนนเดียว จากนั้นเขาได้เดินตรงไปที่หอลี้ลับเพื่อแลกกับเวลาในการอ่านป้ายหยกจารึก ในวันรุ่งขึ้นนอกเหนือจากการบ่มเพาะในเวลาปกติ หยางเฉินใช้เวลาทั้งวันภายในหอลี้ลับ

ในชีวิตก่อนหน้านี้ หยางเฉินทำการฝึกบ่มเพาะธาตุไฟได้จนถึงระดับที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้ เขาไม่ได้มีความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับธาตุอื่นๆ มีเพียงรายละเอียดที่ลึกซึ้งบางส่วนที่เขาได้รับในระหว่างการต่อสู้ของเขา แต่พวกมันทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการฝึกฝน หยางเฉินยังไม่สามารถบรรลุอะไรแบบนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งจารึกโบราณของนิกายเพื่อช่วยเหลือเขา

ถึงแม้หอลี้ลับแห่งตำหนักเก้าปฐพี จะมีไว้สำหรับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้น แต่ก็ยังมีจารึกโบราณมากมาย เพียงแค่จำนวนทักษะการบ่มเพาะที่เหมาะสมสำหรับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณเพียงอย่างเดียวก็มีจำนวนหลายร้อยทักษะ อีกทั้งประสบการณ์ต่างๆในการบ่มเพาะของเหล่าบรรพบุรุษมากมาย เพียงแค่จารึกโบราณในส่วนของการบ่มเพาะมันก็มีมากกว่าหมื่นป้ายหยก

ถ้าความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการกลั่นสกัดเม็ดยาอุปกรณ์การกลั่นสกัดยา ยันต์ ทักษะอาคม และประเภทอื่นๆ ภายในหอลี้ลับแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ จำนวนป้ายหยกที่จารึกพวกมันทั้งหลายเมื่อถูกนับรวมกัน ก็อาจจะมีถึงแสนป้ายหยก

โดยทั่วไปเมื่อศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณเข้าไปในหอลี้ลับ พวกเขาจะมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งหมดต้องการอะไร โดยปกติแล้วพวกเขาเพียงแค่ต้องการหาทักษะการบ่มเพาะที่เหมาะสมแล้วหาจารึกประสบการณ์ทักษะการบ่มเพาะที่จารึกไว้โดยบรรพบุรุษ ส่วนหยางเฉิน เขาได้หยิบเอาป้ายหยกทุกชิ้นมาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ เนื่องจากพวกมันจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป

หลายคนมองไปที่หยางเฉินและคิดว่ามันเป็นการกระทำที่งี่เง่าและส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา หลายคนรู้สึกยินดีกับความโง่เขลาของเขา แต่ไม่มีใครบอกกล่าวเพื่อเตือนเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอหยางเฉินแสดงความโง่ออกมา

เมื่อชูเฮิงได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่หยางเฉินทำในหอลี้ลับ เขาเข้าใจจุดมุ่งหมายของหยางเฉินในทันที แน่นอนว่าหยางเฉินมีปัญหาเกี่ยวกับการบ่มเพาะ แต่เขาไม่สามารถถามศิษย์ผู้สืบทอดซึ่งเป็นชูเฮิงเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาได้ เป็นผลให้เขาต้องไปที่หอลี้ลับ เพื่อหาแนวทางแก้ไขด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตามด้วยการกระทำของหยางเฉินมันทำให้ชูเฮิงลดความระมัดระวังที่มีต่อหยางเฉินลง ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งคนหนึ่ง ที่ใช้เวลาทุกวันอยู่ที่หอลี้ลับ และไม่ได้บ่มเพาะอย่างเหมาะสมและถูกต้อง เขาจะมีอนาคตแบบไหนกัน? ไม่จำเป็นที่จะต้องกำหราบเขา เพียงแค่การอ่านจารึกโบราณที่ยุ่งเหยิงดังกล่าวมันสามารถทำลายตัวเขาเองศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง นั้นต้องการอาจารย์ที่คอยชี้แนะเขา หยางเฉินคิดว่าเขาเป็นใคร? ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น?

หยางเฉินไม่ได้สนใจความคิดเห็นของคนอื่นๆ เขายังคงอ่านจารึกประสบการณ์โบราณของบรรพบุรุษเหล่านี้ทุกวัน ใช้ประสบการณ์ของเขาในฐานะสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างจารึกที่ถูกต้องออกจากจารึกที่ผิดได้อย่างรวดเร็ว เขาได้รับความเข้าใจอย่างง่ายดายในคุณสมบัติของธาตุอื่นๆ

เมื่อเขาไม่มีคะแนนสะสมเหลือเพียงพอที่จะใช้จ่ายในการเข้าไปในหอลี้ลับ เขาก็จะผลิตยาเม็ดสวีนฉีใหม่ในทันที มันมากพอที่จะทำให้เขาอยู่ภายในหอลี้ลับได้เป็นเวลาหลายวัน การใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลานานถึงครึ่งปีและในช่วงเวลานี้หยางเฉินได้อ่านจารึกที่อยู่ภายในหอลี้ลับได้เป็นส่วนใหญ่

เมื่อหยางเฉินหยิบป้ายหยกขึ้นมา และกำลังจะหยิบป้ายหยกอีกอันขึ้นมา ทันใดนั้นเงาของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นมาจากข้างหลังของเขาพร้อมกับกล่าวออกไปว่า


"ศิษย์น้องหยาง เจ้าอ่านพวกมันแบบนี้ มันไร้ประโยชน์!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น