สิ่งที่จูเฉินเตาถามนั้นไม่ได้เกินความคาดหมายของหยางเฉิน
คำถามที่ต้องการจะทดสอบร่วมกัน สิ่งนี้มันดูเหมือนกับการที่เขาทำต่อหยางเฉินราวกับงูที่โดนตีด้วยท่อนไม้
แต่กลับเลื้อยขึ้นมาและขอคำชี้แนะ หยางเฉินและจูเฉินเตาดูมีความเหมาะสม เท่าทันกัน
เช่นดียวกับหมั่นโถและน้ำชา
การกระทำเช่นนี้ทำให้คนรับใช้ของหยางเฉินทั้งหมด ที่กำลังดูอยู่ต่างลืมว่าพวกเขาอ้าปากค้างหลายต่อหลายครั้ง
"ผู้อาวุโส
ข้าได้รับการฝึกฝนมาด้วยตัวข้าเองเสมอมา มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข้าก็เพียงแค่ต้องการให้เปลวไฟปรากฏออกมาและพวกมันก็ปรากฏออกมา"
หยางเฉินไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัวเมื่อเผชิญหน้ากับจูเฉินเตา และพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา
พร้อมถามคำถามออกไป
"แต่บางครั้ง
รูปร่างของมันก็ไม่เป็นในแบบที่ข้าต้องการ มันเพียงแต่คล้ายกัน ข้าไม่รู้ว่าทำไม
บางทีท่านอาจจะสามารถชี้แนะข้าได้!"
ในขณะที่พูด ลูกบอลเพลิงสองลูกได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนมือของหยางเฉิน
และไม่นานหลังจากนั้น มันเริ่มแสดงพลังออกมาซึ่งทำให้คนอื่นตาพร่าจากแสงเปลวไฟที่เจิดจ้า
อย่างเงียบๆ ลูกบอลเพลิงทั้งสองลูกดูเหมือนจะผสมผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นเปลวไฟที่เชื่อมโยงระหว่างมือทั้งสองของหยางเฉิน
พวกมันบางยาวและโค้งเป็นวงกลม แต่ก็มีความหนาตามปกติ สายของเปลวไฟสีแดงเริ่มม้วนเป็นเกลียว
แต่ก็ไม่ได้ไปถึงอีกด้านหนึ่ง
หลังจากนั้นเปลวไฟเริ่มกลายเป็นกล่องรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลวไฟอยู่บนพื้นผิวของมันอย่างราบรื่น
ถ้าหากมองแบบไม่ได้ตั้งใจ บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจว่านี่เป็นวัตถุจริงๆ ที่ไม่ใช่เปลวไฟ
ถัดมา เปลวไฟได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปที่ซับซ้อนมากขึ้นส่วนหนึ่งของเปลวไฟที่เกิดขึ้นเป็นดาบคมสองด้าน
ส่วนหนึ่งของเปลวไฟกลายเป็น ดาบสั้นปีศาจ หรือแผ่นเปลวไฟแล้วกลายเป็นตาราง คัมภีร์
ชิ้นส่วนของป้ายหยกแล้วเปลี่ยนไปเป็นเทียนที่ติดไฟในท้ายที่สุด
เซิ่นต้าและคนรับใช้คนอื่นๆต่างเฝ้าดู พวกเขาหมดซึ่งคำพูดใดๆ ยืนนิ่งสนิทราวกับว่าหยั่งรากลึกลงไปกับพื้นดิน
หูหลินและกูฉินกำลังมองไปที่เทียนจุดประกายส่องแสงออกมา ส่วนล่างของเทียนนั้นนิ่งราวกับว่ามันเป็นวัตถุที่สามารถจับต้องได้
แต่ไส้เทียนและเปลวไฟริบหรี่ตามแรงลมที่พัดผ่าน เนื่องจากที่พวกมันมีสีแดง
มันจึงทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงยังไม่สิ้นสุด! ภายในเปลวไฟได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เวลานี้มันได้กลายเป็นต้นไม้ บางส่วนมีสีที่ผิดแปลกไป ลำต้นของต้นไม้และใบมีความคล้ายคลึงกับหยกสีแดงที่ถูกแกะสลัก
มันดูคล้ายกับของจริงจนน่าทึ่ง แม้แต่รอยย่นบนลำต้นของต้นไม้ก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าใครสังเกตดูใกล้ๆ ก็จะรู้ได้ว่าใบไม้ทุกใบที่อยู่บนต้นไม้สามารถเห็นรายละเอียดที่เหมือนจริงได้อย่างชัดเจน
จูเฉินเตามีความเชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น ด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา
เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดของต้นไม้ได้ทุกจุดไม่พลาดแม้แต่ใบไม้ใบเดียวหรือแม้แต่ส่วนเล็กๆ
ของเปลวไฟที่อยู่บนมือของหยางเฉินเมื่อเขาค้นพบว่าใบไม้ทั้งหมดมีลักษณะที่เหมือนจริง
มันทำให้เขารู้สึกตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ทักษะในการควบคุมไฟในแบบนี้ มันก็แค่ใช้เปลวไฟเพื่อสร้างโลกของตัวเอง
เปลวไฟบนมือของหยางเฉิน ก็ยังคงเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ยังคงรักษาต้นไม้ไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
มันเปล่งเสียงดังออกมาและต่อมามันได้กลายเป็นห้อง ห้องนี้มีลักษณะตรงกับห้องปรุงยาของหยางเฉินเป็นอย่างมาก
มากจนที่แม้เมื่อจูเฉินเตาใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบเปลวเพลิง เขาก็พบว่ามันสอดคล้องกัน
ไม่ว่าจะเป็นอิฐแต่ละก้อน กระเบื้องหลังคาแต่ละแผ่น มันแตกต่างเพียงแค่ พวกมันมีขนาดเล็กมาก
นั่นคือทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไปทำให้จูเฉินเตาต้องตะลึงงันมากยิ่งขึ้น ห้องหดตัวอย่างฉับพลัน
พร้อมด้วยสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบ มันดูเหมือนเป็นที่พักเล็กๆของหยางเฉินได้หดตัวลงไปหลายเท่าและปรากฏอยู่บนมือของหยางเฉิน
ในช่วงเวลานั้น ทุกคนสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนที่พักก็ยิ่งเล็กลงไปเรื่อยๆ
ตามที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ ที่พักซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักเก้าปฐพี มันเล็กลงไปอีกมากกว่าสิบเท่า
แต่เนื่องจากสายตาที่ดีของทุกคนและด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณพวกเขา มันทำให้พวกเขายังสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
หลังจากที่มันหยุดหดตัวชั่วขณะหนึ่ง ตำหนักเก้าปฐพีขนาดเล็กได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ตำหนักเก้าปฐพีที่แท้จริงครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างถึงยี่สิบลี้ แต่ในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้แสดงไว้อย่างชัดเจนภายในมือของหยางเฉิน
ถ้าทุกคนได้ใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของพวกเขา เพื่อกวาดตาดู พวกเขาก็จะค้นพบว่าอิฐทุกก้อน
กระเบื้องทุกแผ่นของตำหนักเก้าปฐพีจำลองนี้คล้ายของจริงเป็นอย่างมาก แม้แต่ต้นไม้และชิ้นส่วนของหินทั้งหมดที่มีอยู่จริงก็สามารถพบได้ภายในขอบเขตของสี่เหลี่ยมจตุรัสในมือของหยางเฉิน
การเฝ้าดูทั้งหมดนี้ จูเฉินเตาอาจารย์ระดับก่อลำต้น
รวมทั้งสี่คนรับใช้ของหยางเฉิน เซิ่นต้า หูหลิน กูฉินและติงหยวนต่างกลายเป็นโง่เขลา
ทั้งหมดนี่คืออะไร? เปลวไฟหายไปไหน?
ใช้เปลวไฟเพื่อสร้างตำหนักเก้าปฐพีที่มีรายละเอียดอย่างมาก มันทำให้คนสงสัยว่าจะสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่น่าเชื่อนี้ได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เซิ่นต้าและคนรับใช้อื่นๆได้กลายเป็นคนที่โง่เขลา
ทันใดนั้นเปลวไฟได้ลุกขึ้นกลายเป็นรูปทรงที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากที่พวกเขาจะอ้าปากค้างและดวงตาเบิกกว้างแล้ว
พวกเขายังรู้สึกงงงวย โดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป
แม้ว่าจูเฉินเตาสามารถที่จะอ้างได้ว่ามีระดับการบ่มเพาะที่ระดับก่อลำต้น
และมีประสบการณ์หลายร้อยปีในด้านการควบคุมเปลวไฟ แต่ในระหว่างการกลั่นสกัดยาเขาก็ไม่กล้าที่จะตบหน้าอกของเขา
ว่าเขาสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับสิ่งที่หยางเฉินได้ทำ
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ ก็คือทั้งหมดนี้ถูกทำได้สำเร็จโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
เมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุรวมถึงคนรับใช้ทั้งหมด หยางเฉินมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมันเกินสิ่งที่ทุกคนได้คาดหวังไว้ มันใกล้เคียงกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคนไม่อาจที่จะเชื่อสายตาของตัวเองได้
ใช่ มันถูกต้อง มันเป็นส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์ ทั้งห้าคนนี้ยังไม่สามารถใช้คำอื่นเพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้
ถ้าสถานการณ์ปัจจุบันเกิดจากผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกแล้วมันอาจจะไม่น่าแปลกใจอะไร
แต่ความจริงก็คือมันปรากฏขึ้นโดยศิษย์สายนอกระดับรวมรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
ตำหนักเก้าปฐพีที่สร้างขึ้นมาอยู่ได้พักหนึ่งก่อนที่จะกระจายออกไปพร้อมเสียงดัง
ภาพรอบๆตัวทั้งหมดเปลี่ยนไปเป็นเปลวไฟสองสายที่เรียวเล็กบาง
เปล่งประกายระยิบระยับสวยงามอยู่บนมือของหยางเฉิน มันกลับคืนสู่ลักษณะที่แท้จริงของมัน
หยางเฉินไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรออกมามากนัก ทุกคนเข้าใจว่าเขาทำได้ดีแค่ไหน
ในตอนแรกเขาได้ใช้เปลวไฟเพื่อเลียนแบบรูปทรงที่เรียบง่ายเช่นเปลวไฟที่เป็นเส้น
กล่องสี่เหลี่ยมและอื่นๆ หลังจากนั้นสร้างรูปร่างที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย แล้วก็ได้เพิ่มความซับซ้อนของรูปร่างจนสุดท้ายกลายเป็นตำหนักเก้าปฐพี
หยางเฉินสามารถสร้างพวกมันขึ้นมาได้ทั้งหมดทีละรูปอย่างแม่นยำ ตามวิถีการฝึกของเขาโดยไม่จำเป็นต้องถาม
มันเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ แบบนี้มันจะยังมีข้อสงสัยใดๆ? อย่างน้อยก็ในสายตาของเซิ่นต้า หูหลิน ติงหยวนและกูฉิน
นี่เป็นการควงคุมเปลวไฟที่สมบูรณ์แบบ ไร้ข้อผิดพลาดในสายตาของพวกเขา
แต่จูเฉินเตาผู้เชี่ยวชาญระดับกลับขมวดคิ้วของเขา ขณะที่เขาเริ่มขบคิดราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่าง
ในขณะที่เขายังไม่สามารถหาทางออกในเวลาอันสั้นนี้ได้ เขาเพิ่งฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง
และกลับมามีสติอีกครั้ง
"ผู้อาวุโสได้มองดูแล้ว
เปลวไฟของข้าสามารถทำได้สำเร็จทั้งหมด"
คำพูดของหยางเฉินดังสะท้อนออกมา มันสะกดทุกสายตาไปที่จูเฉินเตา บางทีหยางเฉินอยากจะถามอะไรบางอย่างที่อาจทำให้เขาประสบสิ่งที่ยากลำบาก
แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่า
“เปลวไฟของข้า
สามารถเลียนแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าไม่สามารถทำมันได้”
ในที่สุด หยางเฉินก็ได้ถามคำถามของเขาออกมา
"ข้าสามารถเลียนแบบวัตถุที่เคลื่อนที่ได้
แต่ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนได้ ผู้อาวุโสท่านมีวิธีแก้ปัญหานี้หรือไม่?"
เมื่อหยางเฉินถามคำถามของเขาออกไป ใบหน้าจูเฉินเตาก็กลายเป็นว่างเปล่า
ราวกับว่าเขารู้สึกงงงัน แววตาของเขาเปล่งประกายออกมา ในขณะที่เขากล่าวออกไปอย่างหนักแน่นว่า
"หยางเฉิน
เมื่อเทียบกับการควบคุมไฟของเจ้า การบ่มเพาะหลายร้อยปีของข้านั้นมีค่าราวกับฝุ่นผง!"
คำพูดของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น มันทำให้เซิ่นต้า หูหลิน ติงหยวนและกูฉินรู้สึกราวกับวิญญาณได้ออกจากร่างในทันที
ถ้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่เชี่ยวชาญในธาตุไฟ กล่าวว่าหลายร้อยปีของการบ่มเพาะของทักษธาตุไฟ
มีค่าเท่ากับฝุ่นผง แล้วพวกเขาคืออะไร? ด้อยกว่าฝุ่นผง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หยางเฉินก็ฝืนยิ้มออกมา เขาได้กระตุ้นให้จูเฉินเตารู้สึกสนใจในตัวเขาเพียงเพื่อที่เขาจะได้มีเกราะป้องกันในขณะที่อยู่ภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์
และในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็จะให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น
แต่ก็ไม่ใช่เพื่อที่จะทำให้จูเฉินเตาประเมินเขาในรูปแบบนี้ หากคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ก็จะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่รู้จักมากมายตามมาในภายหลัง
โลกของการบ่มเพาะไม่ได้เกิดขึ้นจากคนที่ดีทั้งหมด ใครจะรู้ว่าอาจมีหลายคนที่อิจฉาและริษยาความสำเร็จของผู้อื่น
เช่นชูเฮิงที่อยู่ในพระราชวังหยางบริสุทธิ์? อาจจะมีบางคนที่คอยประจบประแจงและทำความรู้จักกับศิษย์ที่เกี่ยวข้องกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
และทำทุกอย่างที่ทำได้ แล้วเขาจะยังสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้อย่างไร?
นอกจากนี้ ทุกคนภายในนิกายไม่ได้มีชีวิตที่เงียบสงบและเป็นมิตรกันทุกคน
ในขณะนี้ทรัพยากรการบ่มเพาะไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความฟุ่มเฟือยของผู้บ่มเพาะทั้งหมด
ซึ่งหมายความว่าทุกคนต้องต่อสู้กันเพื่อทรัพยากรภายในนิกายและในบางนิกายเมื่อศิษย์ที่มีพรสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมาและเมื่อการระวังภัยของพวกเขาลดลง
พวกเขาอาจจะไม่รู้เลยว่าทำไมและเมื่อไหร่ที่พวกเขาได้เสียชีวิตอย่างฉับพลัน
หากผลการประเมินหยางเฉินของจูเฉินเตาได้แพร่กระจายไปแม้ว่าหยางเฉินจะอยู่ในที่พักของเขา
และไม่เคยจากไปไหน เขาก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ด้วยระดับระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งที่เขามี เขาสามารถจัดการกับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่
เช่นเดียวกับเซิ่นต้าหรือซุนไห่จิ้งได้ไม่ยาก แต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญได้ปรากฏขึ้น เขาจะต้องแบกรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะนักฆ่าได้ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด นั่นเป็นเพราะว่านักฆ่าได้ประเมินหยางเฉินต่ำไปและไม่คิดว่าหยางเฉินจะมีเจตจำนงแห่งการฆ่าที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้น หยางเฉินก็อาจจะตายไปแล้วโดยไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา บรรยากาศรอบๆเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นจูเฉินเตาดูเหมือนจะฟื้นตัวกลับมามีสติ
เมื่อเห็นสีหน้าของหยางเฉินเขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าคำพูดล่าสุดของเขาอาจก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวกับหยางเฉิน
เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เขาได้กล่าวออกไปอย่างหนักแน่นในทันทีว่า
"พวกเจ้าทั้งสี่คนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
และพวกเจ้าก็ไม่ได้เห็นอะไรเลย พวกเจ้าทุกคนไปรออยู่ข้างนอกให้หมด เข้าใจหรือไม่?"
ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้คนรับใช้ทั้งสี่ ต่างเข้าใจว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำอะไร
หากเป็นคนรับใช้มาหลายปีแล้วพวกเขายังไม่สามารถตัดสินได้เช่นนี้ ประสบการณ์ทั้งหมดของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์
คนรับใช้ทั้งสี่สาบานด้วยหัวใจแห่งปีศาจและไม่กล้าที่จะอยู่ที่ด้านข้างคนทั้งสองอีกต่อไป
แต่ละคนกล่าวขออภัยทีละคนและเดินออกไป
เมื่อเหลือหยางเฉินและจูเฉินเตาเพียงสองคน จูเฉินเตากล่าวออกไปอย่างตื่นเต้นว่า
"เปลวไฟสามารถใช้เป็นของเล่นได้เช่นนี้
เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?"
มันแน่อยู่แล้วที่ว่าหยางเฉินไม่สามารถบอกความจริงให้จูเฉินเตาได้รับรู้ว่า
เขาได้เรียนรู้สิ่งนี้มาจากเหล่าเซียนบนศาลสวรรค์ในอนาคตข้างหน้าอีกนับหมื่นปี และนี่เป็นประสบการณ์ของคนที่มีความเชี่ยวชาญในการเล่นไฟ
รวมถึงเหล่าเซียนที่มีธาตุไฟและกลุ่มดาวทั้งยี่สิบแปด ดังนั้นเขาจึงยิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่กล่าวออกไปว่า
"ในขณะที่ข้ายังไม่ทราบว่าจะบ่มเพาะอย่างไร
ผู้ดูแลซ่างกวนเฟงได้เคยชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องการฝึกควบคุมเปลวไฟ ข้าจึงใช้วิธีการแบบนี้เพื่อฝึกทักษะของข้า
ข้ายังไม่ทราบว่าสิ่งนี้ถูกต้องหรือไม่ ดูเหมือนการฝึกซ้อมแบบนี้ไม่ใช่ความผิดพลาด”
"การฝึกที่ผิดพลาด?"
จูเฉินเตากวาดสายตาไปที่หยางเฉินแล้วหัวเราะ ขณะที่กล่าวว่า
"ในตอนแรก
ข้าเชื่อว่าข้าอาจจะยังคงอยู่ที่ระดับก่อลำต้น แต่จากที่ได้เห็นในวันนี้
ความปราถนาที่จะเข้าถึงดินแดนผลิดอกได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ข้าไม่ใช้ผู้อาวุโสของเจ้า หากแต่เป็นเจ้าที่เป็นผู้อาวุโสของข้า"
ท่ามกลางอารมณ์เบิกบานของจูเฉินเตา เขาได้พูดคำพูดที่ไม่เหมาะกับสถานะของเขาออกไป
ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
เขาก็ยังไม่สามารถช่วยให้พ้นจากความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาเช่นนี้ได้ สิ่งที่เขาพูดออกมามันดูไม่เหมาะสมกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
และคำพูดของหยางเฉินก็เริ่มขจัดสถานะของพวกเขาในฐานะผู้อาวุโสและผู้เยาว์
เมื่อเห็นหยางเฉินฝืนยิ้มออกมา จูเฉินเตาตบหน้าอกของ หยางเฉินเบาๆเพื่อปลอบประโลมเขา
"ในตอนนี้ทำใจให้สบาย
มีเพียงแค่ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์และข้าที่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเจ้า คนอื่นๆนั้นยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด
ในอนาคตยาสวีนฉีของเจ้าจะเป็นอาวุธลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
เจ้าทำการกลั่นสกัดมันและพระราชวังก็จะรับพวกมัน ถ้าเจ้าต้องการหินผลึก
เจ้าก็จะได้รับหินผลึก ถ้าเจ้าขอคะแนนสะสม เจ้าก็จะได้รับคะแนนสะสม"
"ในเรื่องปัญหาของเจ้า
วิธีที่ไฟสามารถเลียนแบบวัตถุที่มีชีวิตและเคลื่อยย้ายได้ในระยะสั้นๆ
ข้าไม่สามารถตอบเจ้าได้ในตอนนี้" แม้ว่าจูเฉินเตาจะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลืมปัญหาที่หยางเฉินได้เอ่ยถามออกมาในก่อนหน้านี้
"จากประสบการณ์ของข้า
มันมีสองความเป็นไปได้ หนึ่งคือการบ่มเพาะพลังเวทของเจ้าไม่เพียงพอ อีกประการหนึ่งคือการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเจ้ายังขาดอยู่
ในช่วงนี้เจ้าก็ฝึกเช่นนี้ไปก่อน เมื่อข้ากลับไป ข้าจะคิดถึงเรื่องนี้และกลับมาตอบเจ้า"
"ขอบคุณมากผู้อาวุโส!"
หยางเฉินรับรู้อยู่ภายในใจของเขา ในความเป็นจริงคำพูดของจูเฉินเตา แสดงให้เห็นอย่างแม่นยำว่าปัญหาในปัจจุบันของเขาอยู่ตรงไหน
จูเฉินเตาได้พิสูจน์ประสบการณ์ร้อยปีในการเล่นเปลวไฟหากเพียงแค่ยึดประสบการณ์นี้แล้วเขาก็สามารถที่จะแยกแยะปัญหาเหล่านี้ได้แม้ว่านี่ไม่ใช่จุดสำคัญของปัญหา
แต่เมื่อจูเฉินเตากลับไปและค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็จะเข้าใจความลึกลับนี้
มีหลายสิ่งที่เหมือนกับเสือกระดาษที่เมื่อถูกเจาะครั้งเดียว มันก็จะไม่มีความลับอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามคำพูดของ จูเฉินเตา เกี่ยวกับการรักษาความลับทุกอย่าง มันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
ตราบเท่าที่เขาไม่ต้องการที่จะได้รับชื่อเสียงในแง่ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ
แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านปรุงยา สถานะของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมมาก คนไม่ชอบทำร้ายผู้เชี่ยวชาญปรุงยา
แม้แต่ปีศาจก็รู้สึกเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ หรือใครก็ตามที่สามารถช่วยในการบ่มเพาะได้
คนส่วนใหญ่ในโลกการบ่มเพาะต้องการที่จะเป็นที่โปรดปรานกับเขา ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านปรุงยา?
"เจ้าขอบคุณข้าในเรื่องอะไร
เป็นข้ามากกว่าที่สมควรจะกล่าวคำขอบคุณกับผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้า!"
จูเฉินเตาโบกมือปฏิเสธออกไป เนื่องจากไม่เห็นด้วยเขาไม่แม้แต่จะแสดงสถานะที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นออกมาแม้แต่น้อยในขณะที่พูดออกไปพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
"ข้าจะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี?
เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ชายชราคนนี้จะรับเจ้าเป็นลูกมือฝึกหัด ลูกศิษย์สายตรงของข้า
มันเป็นอย่างไรบ้าง?
คำพูดเหล่านี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าจูเฉินเตาจะมอบของขวัญที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ให้กับเขา
มันมีประโยชน์มากมายถ้าเขากลายเป็นศิษย์สายตรงของจูเฉินเตา ถ้าสิ่งนี้ถูกเสนอให้คนอื่นๆที่อยู่ในตำหนักเก้าปฐพี
ทุกคนย่อมถือว่าเป็นโอกาสที่ดี พวกเขาจะต้องมีความสุขราวกับว่าพวกเขาได้ไปถึงสวรรค์เพียงลำพัง
แต่มันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ หลังจากที่เขาเกิดมาใหม่หยางเฉินก็อยากที่จะไปเคารพอาจารย์หญิงของเขาเท่านั้น
"ผู้อาวุโส
สิ่งนี้มันไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ท่านไม่ควรที่จะทำลายกฎของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เพียงเพื่อประโยชน์ของข้า"
หยางเฉินรีบคิดหาข้อแก้ตัวบางอย่าง
เขาสังเกตเห็นว่าสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดปัญหาได้หลังจากนี้ เมื่อเขาก้าวไปถึงดินแดนก่อสร้างรากฐาน
เขาจะต้องเผชิญกับคำถามเช่นนี้อีก ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกไปอย่างจริงใจว่า
"นอกจากนี้ศิษย์นี้ยังต้องการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างนอกเหนือจากการปรุงยาที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์"
คำพูดเหล่านี้เป็นคำปฏิเสธต่อจูเฉินเตาผู้มีประสบการณ์หลายร้อยปี แล้วเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
แต่การบังคับใครบางคนมันไม่ใช่สิ่งที่ดี เขาหัวเราะและพูดออกมา
"เมื่อมันเป็นเช่นนี้
ดังนั้นก็ถือว่าข้าเป็นหนี้เจ้าหนึ่งครั้ง มาหาข้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ!
นอกจากนี้...!”
ในขณะที่พูด จูเฉินเตาได้หยิบเอาเตาหลอมออกมาจากถุงมิติของเขาแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของหยางเฉิน
"เตาหลอมยาของเจ้านั้นอยู่ในระดับต่ำมาก
นี่เป็นของขวัญสำหรับเจ้า!"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น