เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 031 ข้าเป็นหนี้เจ้า

สิ่งที่จูเฉินเตาถามนั้นไม่ได้เกินความคาดหมายของหยางเฉิน คำถามที่ต้องการจะทดสอบร่วมกัน สิ่งนี้มันดูเหมือนกับการที่เขาทำต่อหยางเฉินราวกับงูที่โดนตีด้วยท่อนไม้ แต่กลับเลื้อยขึ้นมาและขอคำชี้แนะ หยางเฉินและจูเฉินเตาดูมีความเหมาะสม เท่าทันกัน เช่นดียวกับหมั่นโถและน้ำชา

การกระทำเช่นนี้ทำให้คนรับใช้ของหยางเฉินทั้งหมด ที่กำลังดูอยู่ต่างลืมว่าพวกเขาอ้าปากค้างหลายต่อหลายครั้ง

"ผู้อาวุโส ข้าได้รับการฝึกฝนมาด้วยตัวข้าเองเสมอมา มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าก็เพียงแค่ต้องการให้เปลวไฟปรากฏออกมาและพวกมันก็ปรากฏออกมา"

หยางเฉินไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัวเมื่อเผชิญหน้ากับจูเฉินเตา และพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา พร้อมถามคำถามออกไป

"แต่บางครั้ง รูปร่างของมันก็ไม่เป็นในแบบที่ข้าต้องการ มันเพียงแต่คล้ายกัน ข้าไม่รู้ว่าทำไม บางทีท่านอาจจะสามารถชี้แนะข้าได้!"

ในขณะที่พูด ลูกบอลเพลิงสองลูกได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนมือของหยางเฉิน และไม่นานหลังจากนั้น มันเริ่มแสดงพลังออกมาซึ่งทำให้คนอื่นตาพร่าจากแสงเปลวไฟที่เจิดจ้า

อย่างเงียบๆ ลูกบอลเพลิงทั้งสองลูกดูเหมือนจะผสมผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นเปลวไฟที่เชื่อมโยงระหว่างมือทั้งสองของหยางเฉิน พวกมันบางยาวและโค้งเป็นวงกลม แต่ก็มีความหนาตามปกติ สายของเปลวไฟสีแดงเริ่มม้วนเป็นเกลียว แต่ก็ไม่ได้ไปถึงอีกด้านหนึ่ง

หลังจากนั้นเปลวไฟเริ่มกลายเป็นกล่องรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลวไฟอยู่บนพื้นผิวของมันอย่างราบรื่น ถ้าหากมองแบบไม่ได้ตั้งใจ บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจว่านี่เป็นวัตถุจริงๆ ที่ไม่ใช่เปลวไฟ

ถัดมา เปลวไฟได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปที่ซับซ้อนมากขึ้นส่วนหนึ่งของเปลวไฟที่เกิดขึ้นเป็นดาบคมสองด้าน ส่วนหนึ่งของเปลวไฟกลายเป็น ดาบสั้นปีศาจ หรือแผ่นเปลวไฟแล้วกลายเป็นตาราง คัมภีร์ ชิ้นส่วนของป้ายหยกแล้วเปลี่ยนไปเป็นเทียนที่ติดไฟในท้ายที่สุด

เซิ่นต้าและคนรับใช้คนอื่นๆต่างเฝ้าดู พวกเขาหมดซึ่งคำพูดใดๆ ยืนนิ่งสนิทราวกับว่าหยั่งรากลึกลงไปกับพื้นดิน หูหลินและกูฉินกำลังมองไปที่เทียนจุดประกายส่องแสงออกมา ส่วนล่างของเทียนนั้นนิ่งราวกับว่ามันเป็นวัตถุที่สามารถจับต้องได้ แต่ไส้เทียนและเปลวไฟริบหรี่ตามแรงลมที่พัดผ่าน เนื่องจากที่พวกมันมีสีแดง มันจึงทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเหมือนจริงมากยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงยังไม่สิ้นสุด! ภายในเปลวไฟได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เวลานี้มันได้กลายเป็นต้นไม้ บางส่วนมีสีที่ผิดแปลกไป ลำต้นของต้นไม้และใบมีความคล้ายคลึงกับหยกสีแดงที่ถูกแกะสลัก มันดูคล้ายกับของจริงจนน่าทึ่ง แม้แต่รอยย่นบนลำต้นของต้นไม้ก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถ้าใครสังเกตดูใกล้ๆ ก็จะรู้ได้ว่าใบไม้ทุกใบที่อยู่บนต้นไม้สามารถเห็นรายละเอียดที่เหมือนจริงได้อย่างชัดเจน

จูเฉินเตามีความเชี่ยวชาญในระดับก่อลำต้น ด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดของต้นไม้ได้ทุกจุดไม่พลาดแม้แต่ใบไม้ใบเดียวหรือแม้แต่ส่วนเล็กๆ ของเปลวไฟที่อยู่บนมือของหยางเฉินเมื่อเขาค้นพบว่าใบไม้ทั้งหมดมีลักษณะที่เหมือนจริง มันทำให้เขารู้สึกตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ทักษะในการควบคุมไฟในแบบนี้ มันก็แค่ใช้เปลวไฟเพื่อสร้างโลกของตัวเอง

เปลวไฟบนมือของหยางเฉิน ก็ยังคงเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ยังคงรักษาต้นไม้ไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง มันเปล่งเสียงดังออกมาและต่อมามันได้กลายเป็นห้อง ห้องนี้มีลักษณะตรงกับห้องปรุงยาของหยางเฉินเป็นอย่างมาก มากจนที่แม้เมื่อจูเฉินเตาใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาเพื่อตรวจสอบเปลวเพลิง เขาก็พบว่ามันสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นอิฐแต่ละก้อน กระเบื้องหลังคาแต่ละแผ่น มันแตกต่างเพียงแค่ พวกมันมีขนาดเล็กมาก นั่นคือทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไปทำให้จูเฉินเตาต้องตะลึงงันมากยิ่งขึ้น ห้องหดตัวอย่างฉับพลัน พร้อมด้วยสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในบริเวณโดยรอบ มันดูเหมือนเป็นที่พักเล็กๆของหยางเฉินได้หดตัวลงไปหลายเท่าและปรากฏอยู่บนมือของหยางเฉิน

ในช่วงเวลานั้น ทุกคนสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนที่พักก็ยิ่งเล็กลงไปเรื่อยๆ ตามที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ ที่พักซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักเก้าปฐพี มันเล็กลงไปอีกมากกว่าสิบเท่า แต่เนื่องจากสายตาที่ดีของทุกคนและด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณพวกเขา มันทำให้พวกเขายังสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน

หลังจากที่มันหยุดหดตัวชั่วขณะหนึ่ง ตำหนักเก้าปฐพีขนาดเล็กได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ตำหนักเก้าปฐพีที่แท้จริงครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างถึงยี่สิบลี้ แต่ในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้แสดงไว้อย่างชัดเจนภายในมือของหยางเฉิน ถ้าทุกคนได้ใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของพวกเขา เพื่อกวาดตาดู พวกเขาก็จะค้นพบว่าอิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นของตำหนักเก้าปฐพีจำลองนี้คล้ายของจริงเป็นอย่างมาก แม้แต่ต้นไม้และชิ้นส่วนของหินทั้งหมดที่มีอยู่จริงก็สามารถพบได้ภายในขอบเขตของสี่เหลี่ยมจตุรัสในมือของหยางเฉิน

การเฝ้าดูทั้งหมดนี้ จูเฉินเตาอาจารย์ระดับก่อลำต้น รวมทั้งสี่คนรับใช้ของหยางเฉิน เซิ่นต้า หูหลิน กูฉินและติงหยวนต่างกลายเป็นโง่เขลา ทั้งหมดนี่คืออะไร? เปลวไฟหายไปไหน? ใช้เปลวไฟเพื่อสร้างตำหนักเก้าปฐพีที่มีรายละเอียดอย่างมาก มันทำให้คนสงสัยว่าจะสิ่งที่เกิดขึ้นที่ไม่น่าเชื่อนี้ได้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องพูดถึง เซิ่นต้าและคนรับใช้อื่นๆได้กลายเป็นคนที่โง่เขลา ทันใดนั้นเปลวไฟได้ลุกขึ้นกลายเป็นรูปทรงที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากที่พวกเขาจะอ้าปากค้างและดวงตาเบิกกว้างแล้ว พวกเขายังรู้สึกงงงวย โดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

แม้ว่าจูเฉินเตาสามารถที่จะอ้างได้ว่ามีระดับการบ่มเพาะที่ระดับก่อลำต้น และมีประสบการณ์หลายร้อยปีในด้านการควบคุมเปลวไฟ แต่ในระหว่างการกลั่นสกัดยาเขาก็ไม่กล้าที่จะตบหน้าอกของเขา ว่าเขาสามารถทำได้เช่นเดียวกันกับสิ่งที่หยางเฉินได้ทำ

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ ก็คือทั้งหมดนี้ถูกทำได้สำเร็จโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง เมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุรวมถึงคนรับใช้ทั้งหมด หยางเฉินมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมันเกินสิ่งที่ทุกคนได้คาดหวังไว้ มันใกล้เคียงกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคนไม่อาจที่จะเชื่อสายตาของตัวเองได้

ใช่ มันถูกต้อง มันเป็นส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์ ทั้งห้าคนนี้ยังไม่สามารถใช้คำอื่นเพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้ ถ้าสถานการณ์ปัจจุบันเกิดจากผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกแล้วมันอาจจะไม่น่าแปลกใจอะไร แต่ความจริงก็คือมันปรากฏขึ้นโดยศิษย์สายนอกระดับรวมรวมลมปราณขั้นหนึ่ง

ตำหนักเก้าปฐพีที่สร้างขึ้นมาอยู่ได้พักหนึ่งก่อนที่จะกระจายออกไปพร้อมเสียงดัง ภาพรอบๆตัวทั้งหมดเปลี่ยนไปเป็นเปลวไฟสองสายที่เรียวเล็กบาง เปล่งประกายระยิบระยับสวยงามอยู่บนมือของหยางเฉิน มันกลับคืนสู่ลักษณะที่แท้จริงของมัน

หยางเฉินไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรออกมามากนัก ทุกคนเข้าใจว่าเขาทำได้ดีแค่ไหน ในตอนแรกเขาได้ใช้เปลวไฟเพื่อเลียนแบบรูปทรงที่เรียบง่ายเช่นเปลวไฟที่เป็นเส้น กล่องสี่เหลี่ยมและอื่นๆ หลังจากนั้นสร้างรูปร่างที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อย แล้วก็ได้เพิ่มความซับซ้อนของรูปร่างจนสุดท้ายกลายเป็นตำหนักเก้าปฐพี หยางเฉินสามารถสร้างพวกมันขึ้นมาได้ทั้งหมดทีละรูปอย่างแม่นยำ ตามวิถีการฝึกของเขาโดยไม่จำเป็นต้องถาม

มันเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ แบบนี้มันจะยังมีข้อสงสัยใดๆ? อย่างน้อยก็ในสายตาของเซิ่นต้า หูหลิน ติงหยวนและกูฉิน นี่เป็นการควงคุมเปลวไฟที่สมบูรณ์แบบ ไร้ข้อผิดพลาดในสายตาของพวกเขา

แต่จูเฉินเตาผู้เชี่ยวชาญระดับกลับขมวดคิ้วของเขา ขณะที่เขาเริ่มขบคิดราวกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่าง ในขณะที่เขายังไม่สามารถหาทางออกในเวลาอันสั้นนี้ได้ เขาเพิ่งฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง และกลับมามีสติอีกครั้ง

"ผู้อาวุโสได้มองดูแล้ว เปลวไฟของข้าสามารถทำได้สำเร็จทั้งหมด"

คำพูดของหยางเฉินดังสะท้อนออกมา มันสะกดทุกสายตาไปที่จูเฉินเตา บางทีหยางเฉินอยากจะถามอะไรบางอย่างที่อาจทำให้เขาประสบสิ่งที่ยากลำบาก แต่ในใจของเขากลับว่างเปล่า

เปลวไฟของข้า สามารถเลียนแบบโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าไม่สามารถทำมันได้

ในที่สุด หยางเฉินก็ได้ถามคำถามของเขาออกมา

"ข้าสามารถเลียนแบบวัตถุที่เคลื่อนที่ได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนได้ ผู้อาวุโสท่านมีวิธีแก้ปัญหานี้หรือไม่?"

เมื่อหยางเฉินถามคำถามของเขาออกไป ใบหน้าจูเฉินเตาก็กลายเป็นว่างเปล่า ราวกับว่าเขารู้สึกงงงัน แววตาของเขาเปล่งประกายออกมา ในขณะที่เขากล่าวออกไปอย่างหนักแน่นว่า

"หยางเฉิน เมื่อเทียบกับการควบคุมไฟของเจ้า การบ่มเพาะหลายร้อยปีของข้านั้นมีค่าราวกับฝุ่นผง!"

คำพูดของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น มันทำให้เซิ่นต้า หูหลิน ติงหยวนและกูฉินรู้สึกราวกับวิญญาณได้ออกจากร่างในทันที ถ้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่เชี่ยวชาญในธาตุไฟ กล่าวว่าหลายร้อยปีของการบ่มเพาะของทักษธาตุไฟ มีค่าเท่ากับฝุ่นผง แล้วพวกเขาคืออะไร? ด้อยกว่าฝุ่นผง?

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หยางเฉินก็ฝืนยิ้มออกมา เขาได้กระตุ้นให้จูเฉินเตารู้สึกสนใจในตัวเขาเพียงเพื่อที่เขาจะได้มีเกราะป้องกันในขณะที่อยู่ภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ และในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็จะให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เพื่อที่จะทำให้จูเฉินเตาประเมินเขาในรูปแบบนี้ หากคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ก็จะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่รู้จักมากมายตามมาในภายหลัง

โลกของการบ่มเพาะไม่ได้เกิดขึ้นจากคนที่ดีทั้งหมด ใครจะรู้ว่าอาจมีหลายคนที่อิจฉาและริษยาความสำเร็จของผู้อื่น เช่นชูเฮิงที่อยู่ในพระราชวังหยางบริสุทธิ์? อาจจะมีบางคนที่คอยประจบประแจงและทำความรู้จักกับศิษย์ที่เกี่ยวข้องกับนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ และทำทุกอย่างที่ทำได้ แล้วเขาจะยังสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ทุกคนภายในนิกายไม่ได้มีชีวิตที่เงียบสงบและเป็นมิตรกันทุกคน ในขณะนี้ทรัพยากรการบ่มเพาะไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความฟุ่มเฟือยของผู้บ่มเพาะทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าทุกคนต้องต่อสู้กันเพื่อทรัพยากรภายในนิกายและในบางนิกายเมื่อศิษย์ที่มีพรสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมาและเมื่อการระวังภัยของพวกเขาลดลง พวกเขาอาจจะไม่รู้เลยว่าทำไมและเมื่อไหร่ที่พวกเขาได้เสียชีวิตอย่างฉับพลัน

หากผลการประเมินหยางเฉินของจูเฉินเตาได้แพร่กระจายไปแม้ว่าหยางเฉินจะอยู่ในที่พักของเขา และไม่เคยจากไปไหน เขาก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ด้วยระดับระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งที่เขามี เขาสามารถจัดการกับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่ เช่นเดียวกับเซิ่นต้าหรือซุนไห่จิ้งได้ไม่ยาก แต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญได้ปรากฏขึ้น เขาจะต้องแบกรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน

แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะนักฆ่าได้ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด นั่นเป็นเพราะว่านักฆ่าได้ประเมินหยางเฉินต่ำไปและไม่คิดว่าหยางเฉินจะมีเจตจำนงแห่งการฆ่าที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ตั้งแต่ต้น หยางเฉินก็อาจจะตายไปแล้วโดยไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา บรรยากาศรอบๆเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นจูเฉินเตาดูเหมือนจะฟื้นตัวกลับมามีสติ เมื่อเห็นสีหน้าของหยางเฉินเขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าคำพูดล่าสุดของเขาอาจก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวกับหยางเฉิน เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน เขาได้กล่าวออกไปอย่างหนักแน่นในทันทีว่า

"พวกเจ้าทั้งสี่คนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น และพวกเจ้าก็ไม่ได้เห็นอะไรเลย พวกเจ้าทุกคนไปรออยู่ข้างนอกให้หมด เข้าใจหรือไม่?"

ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้คนรับใช้ทั้งสี่ ต่างเข้าใจว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำอะไร หากเป็นคนรับใช้มาหลายปีแล้วพวกเขายังไม่สามารถตัดสินได้เช่นนี้ ประสบการณ์ทั้งหมดของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์ คนรับใช้ทั้งสี่สาบานด้วยหัวใจแห่งปีศาจและไม่กล้าที่จะอยู่ที่ด้านข้างคนทั้งสองอีกต่อไป แต่ละคนกล่าวขออภัยทีละคนและเดินออกไป

เมื่อเหลือหยางเฉินและจูเฉินเตาเพียงสองคน จูเฉินเตากล่าวออกไปอย่างตื่นเต้นว่า

"เปลวไฟสามารถใช้เป็นของเล่นได้เช่นนี้ เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?"

มันแน่อยู่แล้วที่ว่าหยางเฉินไม่สามารถบอกความจริงให้จูเฉินเตาได้รับรู้ว่า เขาได้เรียนรู้สิ่งนี้มาจากเหล่าเซียนบนศาลสวรรค์ในอนาคตข้างหน้าอีกนับหมื่นปี และนี่เป็นประสบการณ์ของคนที่มีความเชี่ยวชาญในการเล่นไฟ รวมถึงเหล่าเซียนที่มีธาตุไฟและกลุ่มดาวทั้งยี่สิบแปด ดังนั้นเขาจึงยิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่กล่าวออกไปว่า

"ในขณะที่ข้ายังไม่ทราบว่าจะบ่มเพาะอย่างไร ผู้ดูแลซ่างกวนเฟงได้เคยชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องการฝึกควบคุมเปลวไฟ ข้าจึงใช้วิธีการแบบนี้เพื่อฝึกทักษะของข้า ข้ายังไม่ทราบว่าสิ่งนี้ถูกต้องหรือไม่ ดูเหมือนการฝึกซ้อมแบบนี้ไม่ใช่ความผิดพลาด

"การฝึกที่ผิดพลาด?"

จูเฉินเตากวาดสายตาไปที่หยางเฉินแล้วหัวเราะ ขณะที่กล่าวว่า

"ในตอนแรก ข้าเชื่อว่าข้าอาจจะยังคงอยู่ที่ระดับก่อลำต้น แต่จากที่ได้เห็นในวันนี้ ความปราถนาที่จะเข้าถึงดินแดนผลิดอกได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ข้าไม่ใช้ผู้อาวุโสของเจ้า หากแต่เป็นเจ้าที่เป็นผู้อาวุโสของข้า"

ท่ามกลางอารมณ์เบิกบานของจูเฉินเตา เขาได้พูดคำพูดที่ไม่เหมาะกับสถานะของเขาออกไป ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น เขาก็ยังไม่สามารถช่วยให้พ้นจากความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาเช่นนี้ได้ สิ่งที่เขาพูดออกมามันดูไม่เหมาะสมกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น และคำพูดของหยางเฉินก็เริ่มขจัดสถานะของพวกเขาในฐานะผู้อาวุโสและผู้เยาว์

เมื่อเห็นหยางเฉินฝืนยิ้มออกมา จูเฉินเตาตบหน้าอกของ หยางเฉินเบาๆเพื่อปลอบประโลมเขา

"ในตอนนี้ทำใจให้สบาย มีเพียงแค่ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์และข้าที่รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเจ้า คนอื่นๆนั้นยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด ในอนาคตยาสวีนฉีของเจ้าจะเป็นอาวุธลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ เจ้าทำการกลั่นสกัดมันและพระราชวังก็จะรับพวกมัน ถ้าเจ้าต้องการหินผลึก เจ้าก็จะได้รับหินผลึก ถ้าเจ้าขอคะแนนสะสม เจ้าก็จะได้รับคะแนนสะสม"

"ในเรื่องปัญหาของเจ้า วิธีที่ไฟสามารถเลียนแบบวัตถุที่มีชีวิตและเคลื่อยย้ายได้ในระยะสั้นๆ ข้าไม่สามารถตอบเจ้าได้ในตอนนี้" แม้ว่าจูเฉินเตาจะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลืมปัญหาที่หยางเฉินได้เอ่ยถามออกมาในก่อนหน้านี้

"จากประสบการณ์ของข้า มันมีสองความเป็นไปได้ หนึ่งคือการบ่มเพาะพลังเวทของเจ้าไม่เพียงพอ อีกประการหนึ่งคือการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเจ้ายังขาดอยู่ ในช่วงนี้เจ้าก็ฝึกเช่นนี้ไปก่อน เมื่อข้ากลับไป ข้าจะคิดถึงเรื่องนี้และกลับมาตอบเจ้า"

"ขอบคุณมากผู้อาวุโส!"

หยางเฉินรับรู้อยู่ภายในใจของเขา ในความเป็นจริงคำพูดของจูเฉินเตา แสดงให้เห็นอย่างแม่นยำว่าปัญหาในปัจจุบันของเขาอยู่ตรงไหน จูเฉินเตาได้พิสูจน์ประสบการณ์ร้อยปีในการเล่นเปลวไฟหากเพียงแค่ยึดประสบการณ์นี้แล้วเขาก็สามารถที่จะแยกแยะปัญหาเหล่านี้ได้แม้ว่านี่ไม่ใช่จุดสำคัญของปัญหา แต่เมื่อจูเฉินเตากลับไปและค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็จะเข้าใจความลึกลับนี้ มีหลายสิ่งที่เหมือนกับเสือกระดาษที่เมื่อถูกเจาะครั้งเดียว มันก็จะไม่มีความลับอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามคำพูดของ จูเฉินเตา เกี่ยวกับการรักษาความลับทุกอย่าง มันทำให้เขารู้สึกโล่งใจ ตราบเท่าที่เขาไม่ต้องการที่จะได้รับชื่อเสียงในแง่ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านปรุงยา สถานะของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมมาก คนไม่ชอบทำร้ายผู้เชี่ยวชาญปรุงยา แม้แต่ปีศาจก็รู้สึกเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ หรือใครก็ตามที่สามารถช่วยในการบ่มเพาะได้ คนส่วนใหญ่ในโลกการบ่มเพาะต้องการที่จะเป็นที่โปรดปรานกับเขา ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านปรุงยา?

"เจ้าขอบคุณข้าในเรื่องอะไร เป็นข้ามากกว่าที่สมควรจะกล่าวคำขอบคุณกับผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้า!"

จูเฉินเตาโบกมือปฏิเสธออกไป เนื่องจากไม่เห็นด้วยเขาไม่แม้แต่จะแสดงสถานะที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นออกมาแม้แต่น้อยในขณะที่พูดออกไปพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น

"ข้าจะขอบคุณเจ้าอย่างไรดี? เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ชายชราคนนี้จะรับเจ้าเป็นลูกมือฝึกหัด ลูกศิษย์สายตรงของข้า มันเป็นอย่างไรบ้าง?

คำพูดเหล่านี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าจูเฉินเตาจะมอบของขวัญที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ให้กับเขา มันมีประโยชน์มากมายถ้าเขากลายเป็นศิษย์สายตรงของจูเฉินเตา ถ้าสิ่งนี้ถูกเสนอให้คนอื่นๆที่อยู่ในตำหนักเก้าปฐพี ทุกคนย่อมถือว่าเป็นโอกาสที่ดี พวกเขาจะต้องมีความสุขราวกับว่าพวกเขาได้ไปถึงสวรรค์เพียงลำพัง แต่มันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือ หลังจากที่เขาเกิดมาใหม่หยางเฉินก็อยากที่จะไปเคารพอาจารย์หญิงของเขาเท่านั้น

"ผู้อาวุโส สิ่งนี้มันไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ท่านไม่ควรที่จะทำลายกฎของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เพียงเพื่อประโยชน์ของข้า"

หยางเฉินรีบคิดหาข้อแก้ตัวบางอย่าง เขาสังเกตเห็นว่าสิ่งนี้สามารถทำให้เกิดปัญหาได้หลังจากนี้ เมื่อเขาก้าวไปถึงดินแดนก่อสร้างรากฐาน เขาจะต้องเผชิญกับคำถามเช่นนี้อีก ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกไปอย่างจริงใจว่า

"นอกจากนี้ศิษย์นี้ยังต้องการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างนอกเหนือจากการปรุงยาที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์"

คำพูดเหล่านี้เป็นคำปฏิเสธต่อจูเฉินเตาผู้มีประสบการณ์หลายร้อยปี แล้วเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร แต่การบังคับใครบางคนมันไม่ใช่สิ่งที่ดี เขาหัวเราะและพูดออกมา

"เมื่อมันเป็นเช่นนี้ ดังนั้นก็ถือว่าข้าเป็นหนี้เจ้าหนึ่งครั้ง มาหาข้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ! นอกจากนี้...!

ในขณะที่พูด จูเฉินเตาได้หยิบเอาเตาหลอมออกมาจากถุงมิติของเขาแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของหยางเฉิน


"เตาหลอมยาของเจ้านั้นอยู่ในระดับต่ำมาก นี่เป็นของขวัญสำหรับเจ้า!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น