เดิมทีหยางเฉินยังคงสงสัยเกี่ยวกับคำสั่งที่ให้เขาออกไปฝึกฝนนอกนิกาย
แต่หลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะต้องขึ้นไปบนภูเขาลอยฟ้า
ความสงสัยทั้งหมดของเขาก็หายไปในทันที จริงๆแล้วคำสั่งนี้ ต้องการให้เขาออกไปข้างนอกนิกาย
เพื่อให้เขาได้มีส่วนร่วมในการชุมนุมสวรรค์ของเหล่าศิษย์ใหม่สำหรับทุกๆนิกายบนภูเขาลอยฟ้า
เมื่อหยางเฉินคิดอย่างถี่ถ้วน เขาคิดหาเหตุผลได้หนึ่งเหตุผลในทันที
บางทีเมื่อตอนที่เขาฆ่านักฆ่าคนนั้น หยางเฉินบังเอิญได้บอกพวกเขาไปว่า ตัวเขาไม่กลัวภาพลวงตาและอาคมอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่อยากสร้างชื่อเสียงให้กับพระราชวังหยางบริสุทธิ์จึงได้พิจารณาเขา
นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สำหรับหยางเฉินนี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่
ในตอนแรก เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันในขณะที่เขายังคงต้องอยู่ภายในตำหนักเก้าปฐพีไปอีกสามปีจึงจะสามารถที่จะออกไปข้างนอกได้
แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเช่นนี้
หลังจากที่เขาทำการเก็บข้าวของจำเป็นเสร็จแล้ว
หยางเฉินได้เดินไปที่ห้องโถงใหญ่ของตำหนัก เพื่ออำลาชูเฮิงและตูเชี่ยน
จากนั้นก็รีบออกเดินทางเพื่อไปฝึกฝนข้างนอกนิกายซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาเข้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์
กงซุนหลิงไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอน่าจะออกเดินทางไปแล้ว
หยางเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ตูเชี่ยนและพวกเขาไม่ได้ขอให้หยางเฉินเดินทางไปพร้อมกับกงซุนหลิง
มิฉะนั้นก็จะทำให้หยางเฉินลำบากมากขึ้น
คนรับใช้ทั้งสี่คน เซิ่นต้า หูหลิน
ติงหยวนและกูฉินไม่ได้รับอนุญาตให้ออกเดินทางไปด้วย พวกเขาเป็นคนรับใช้
ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะไปถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเพื่อทำการฝึกฝนได้
หยางเฉินรู้สึกเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อหยางเฉินออกจากตำหนักเก้าปฐพีเขาก็รู้สึกราวกับเป็นปลาที่กระโดดลงไปในมหาสมุทรหรือเหมือนกับนกที่บินอยู่บนท้องฟ้า
ความสำคัญของหยางเฉินนั้นเพิ่มขึ้นดังนั้นในทุกๆห้าหรือหกวัน หยางเฉินจะทำการกลั่นสกัดยาสวีนฉีและส่งมอบให้กับหอโอสถ
ในก่อนหน้านี้เขาแลกพวกมันกับคะแนนสะสมของนิกาย
แต่ภายหลังเขาแลกเปลี่ยนเป็นหินผลึกทั้งหมด
ปัจจุบันหยางเฉินมีหินผลึกอยู่ในมือของเขาอย่างน้อยสี่ถึงห้าร้อยก้อน
หลังจากออกเดินทางจากตำหนักเก้าปฐพีแล้ว
หยางเฉินได้เดินทางตรงไปยังตลาดที่อยู่ในเมือง ใกล้ๆกับบริเวณตีนภูเขาเหมยชิง
ซุนไห่จิ้งคนที่น่ารังเกียจแบบนั้น
ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งโอกาสที่จะฆ่าหยางเฉิน
แน่นอนว่าเขาจะต้องเตรียมการฆ่าหยางเฉินที่ข้างนอกนิกาย
หยางเฉินไปที่ตลาดในเมืองเพื่อซื้อของบางอย่างที่เขาสามารถใช้เพื่อป้องกันตัวเอง
แม้ว่าหยางเฉินจะไม่ได้กลัวเศษขยะเช่นซุนไห่จิ้ง
แต่เขาก็ยังคงอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง หากศัตรูที่มีความแค้นกับเขานั้นมีระดับบ่มเพาะที่สูงกว่าได้รอที่จะเอาคืนเขา
มันก็อาจจะทำให้เขาพบกับความยากลำบาก ในเวลานี้หยางเฉินมีหินผลึกมากมาย
เมื่อเขาเดินเข้าไปในตลาดเมือง ตราบใดที่เขามองหาสิ่งที่สำคัญๆและต่อรองราคากันบ้างเล็กน้อยเขาก็สามารถใช้เงินจับจ่ายซื้อของได้อย่างสบายๆอย่างผู้ช่ำชองในการซื้อสินค้า
หลังจากอยู่ในตลาดเมืองเป็นเวลาสามวันจนกระทั่งหยางเฉินรู้สึกว่าไม่มีใครสอดแนมเขาจากการที่เขาตรวจสอบผ่านการรับรู้ทางจิตวิญญาณ
เมื่อมั่นใจแล้ว เขาก็ออกจากตลาดเมืองและเริ่มบินออกไปรอบๆตีนภูเขาเหมยชิง
ด้านล่างของหยางเฉินเป็นเพียงนกกระดาษเท่านั้นนี่คืออุปกรณ์ยันต์ชนิดหนึ่ง
ทั้งตัวของมันประกอบด้วยอักขระอาคม มันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังเวทของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน
ตราบเท่าที่ผู้ใช้สามารถป้อนพลังเวทเข้าไป เขาก็สามารถกระตุ้นให้นกกระดาษบินได้
ถึงแม้ว่าจะบินได้ไม่เร็วนัก แต่เมื่อเทียบกับการเดินเท้ามันก็ต่างกันมาก
เขาต้องจ่ายราคาของนกกระดาษนี้ไปค่อนข้างสูง
อย่างน้อยประมาณสองร้อยเหลี่ยง (สิบกิโลกรัม) ของหินผลึก หยางเฉินซื้อมาพร้อมกับยันต์
เครื่องรางและผลึกยันต์ต่างๆมากมาย ได้รับส่วนลดจากผู้ขายจากการซื้อสินค้าทั้งหมด
แน่นอนว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
หยางเฉินบินไปตามตีนภูเขาเหมยชิง ไปตามบริเวณที่อยู่อาศัยของผู้คน
และหลีกเลี่ยงพื้นที่น่าสงสัย หลังจากบินไปตามเส้นทางนี้เป็นเวลาสองวัน เขาเกือบจะออกจากอาณาเขตอิทธิพลของภูเขาเหมยชิง
แต่แล้วหยางเฉินก็หยุดนกกระดาษและร่อนลงสู่บนเส้นทางเดินในภูเขาก่อนที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่นานหลังจากที่เงาของหยางเฉินจางหายไป กลุ่มคนลึกลับสี่หรือห้าคนได้ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณที่หยางเฉินได้ร่อนลง
หากแต่พวกเขาไม่สามารถหาร่องรอยของหยางเฉินเจอ
"เป็นเด็กที่ฉลาดจริงๆ
พวกเราได้มาถึงพื้นที่อิทธิพลของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เพื่อมาดูแลเขาโดยเฉพาะ
แต่พวกเราไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
แม้กระทั่งการใช้นกกระดาษเพื่อหลบหนี"
ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครายาวคล้ายกับนักปราชญ์หันหน้ากลับมาและพูดว่า
"เจ้าไม่ได้พูดหรือว่า
เจ้าสามารถหาที่อยู่ของนกกระดาษนี้ได้? แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?"
"ข้าได้ตรึง
‘อาคมเข็มสะกดรอยตะเข็บ’ บนนกกระดาษไว้แล้วดังนั้นแม้ว่าเขาจะเก็บมันไว้ในถุงมิติมันก็ยังสามารถหาร่องรอยพบได้"
เบื้องหลังร่างของเขา เป็นชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีดำที่มีลักษณะคล้ายกับนกแร้ง
เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
"ข้าต้องจ่ายหินผลึกถึงห้าสิบเหลี่ยง
นี่ถูกที่สุดแล้ว ไม่ต้องกังวล เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีจากมันไปได้"
เมื่อชายในชุดคลุมสีดำพูดจบเขาก็ออกไปตรวจสอบแผ่นจารึกอาคมและเริ่มร่ายอาคมที่เขาได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้
แผ่นจารึกอาคมนี้มีลักษณะคล้ายกับเข็มทิศ ภายในจุดศูนย์กลางมีเข็มชี้ที่ยังคงหมุนวนรอบโดยไม่หยุดนิ่ง
"มีอะไรผิดพลาด?"
นักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวมองไปที่แผ่นจารึกอาคมที่ผิดปกติ
และรีบถามออกไปในทันที
"เกิดอะไรขึ้น?"
ชายที่สวมเสื้อคลุมคล้ายนกแร้งตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง
สภาพแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์สองแบบเท่านั้น นั่นคือหยางเฉินอยู่ใกล้ๆ หรือหายไปอย่างสมบูรณ์
สถานการณ์แรกมันเป็นไปไม่ได้เลย
หยางเฉินไม่สามารถทำอะไรได้อย่างสบายใจต่อหน้าชายทั้งห้าคนที่อยู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด
คนเหล่านี้จะรู้สึกได้ในทันที
พวกเขาได้ใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณกวาดไปทั่วบริเวณนี้ไปหลายครั้ง
และพวกเขาไม่สามารถหาร่องรอยของเขาได้ หยางเฉินควรจะทำลายนกกระดาษดังกล่าวไม่ให้เหลือเศษซากใดๆ
มิฉะนั้นแม้ว่ามันจะหักเป็นชิ้นๆแล้วก็ตาม แต่อาคมของคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำจะสามารถหาร่องรอยนี้พบ
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนสงสัยเป็นอย่างมาก ผู้นำกลุ่มเปนชายที่มีหนวดเครายาวได้มองไปรอบๆ
และได้ออกคำสั่งอย่างเข้มงวดออกไปว่า
"ทุกคนแยกกันออกตามหา
เขาเป็นแค่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง และไม่มีความสามารถในการบิน
ทุกคนมองไปรอบๆในพื้นที่ห้าร้อยลี้ แล้วค่อยๆค้นหาเขาให้พบ
ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถหลบหนีไปได้ถึงห้าร้อยลี้ภายในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้!"
อีกสี่คนเห็นด้วยอย่างรวดเร็วและกระจายตัวออกไปด้วยความรวมเร็ว พวกเขาเหล่านี้ได้ร่วมมือกันเพื่อทำภารกิจนี้ร่วมกัน
หากพวกเขาประสบความสำเร็จ ทุกคนจะมีโอกาสได้รับอุปกรณ์เวท นี่คือโอกาสที่ยากจะเกิดขึ้นสำหรับใครคนหนึ่ง
ดังนั้นพวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป พวกเขาทุกคนจึงทุ่มเทพลังและความแข็งแกร่งทั้งหมดให้กับงานนี้
ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้ภายในอาณาเขตของพระราชวังหยางบริสุทธิ์แล้ว พวกเขาก็จะทำให้หยางเฉินต้องทนทุกข์ทรมานในก่อนหน้านี้
นักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวมีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดในหมู่พวกเขา
ดังนั้นเขาย่อมเป็นผู้นำของคนเหล่านี้ การเปิดการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาแผ่ออกไปอย่างกว้างขวางเขากวาดไปตามสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆเพียงครั้งเดียวหลังจากที่ไม่พบสิ่งใดๆ
เขาเริ่มรู้สึกสงสัยดังนั้นเขาจึงเริ่มค้นหาสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบอีกครั้ง
หยางเฉินไม่ได้เดินห่างออกมาไกลมากนักและยังอยู่ในขอบเขตของอาคมสะกด เขาเก็บนกกระดาษไว้ในแหวนแห่งความสำเร็จ
ดังนั้นการที่จะค้นหาร่องรอยของนกกระดาษผ่านแหวนแห่งความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เมื่อหยางเฉินมองไปที่ยังชายทั้งห้าคนที่แยกกันออกค้นหาเขา หยางเฉินมองอย่างไม่สนใจอะไร
เขาหันกลับมาและใช้นิ้วมือของเขาในการคำนวณอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเลือกเส้นทางเดินด้วยย่างก้าวที่ดูแปลกๆ
เขาเริ่มเดินและหายตัวไปอย่างรวดเร็วภายในบริเวณลานอักขระอาคม
ในบริเวณลานอักขระอาคมสะกด
หยางเฉินก้าวเดินด้วยจำนวนก้าวที่แน่นอนตามที่เขาคำนวณ และหลังจากใช้เวลานานหลายชั่วยาม
หยางเฉินก็หยุดลงบนพื้นที่ว่างเปล่าด้านหนึ่งเป็นหน้าผาที่สูงมากและเบื้องล่างของหน้าผา
มีปากถ้ำที่เห็นได้ชัด
ซึ่งภายในถ้ำมืดมากทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้
"โชคดี
ที่มันยังคงมีอยู่!"
เมื่อมองไปที่ปากทางเข้าถ้ำสีดำนี้ ใบหน้าของหยางเฉินเผยรอยยิ้มออกมา
ถ้ำนี้ หรือหากใช้คำอธิบายที่ถูกต้องมากขึ้น
มันคือที่อยู่อาศัยที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยบรรพบุรุษแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ในชีวิตก่อนหน้านี้ถ้ำแห่งนี้จะถูกค้นพบในอีกหกสิบปีข้างหน้า รวมถึงการค้นพบลานอาคมลวงตาขนาดใหญ่ที่มีอยู่ด้านนอกของถ้ำ
นี่เป็นส่วนที่ห่างไกลที่สุดของภูเขาเหมยชิง
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเชื่อว่าพลังจิตวิญญาณที่นี่ค่อนข้างที่จะไม่สมบูรณ์
แต่พวกเขาไม่ทราบว่าบรรพบุรุษนี้ได้ค้นพบแหล่งกำเนิดของพลังจิตวิญญาณที่ใต้ดินและได้สร้างถ้ำแห่งนี้ขึ้นมา
เขาได้ปิดตัวฝึกที่นี่เพื่อที่จะทะลุดินแดนก่อลำต้นและควบแน่นระดับผลิดอกของเขา
แต่ในท้ายที่สุดเขาได้ประสบความล้มเหลวและที่อยู่อาศัยนี้ถูกปิดกั้นเนื่องจากลานอักขระอาคมสะกดที่ดี
ดังนั้นพลังจิตวิญญาณจึงไม่สามารถรั่วไหลออกไปได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครค้นพบสถานที่ห่างไกลนี้
ในยุคต่อมาศิษย์บางคนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในลานอักขระอาคม
และบังเอิญที่เขาได้ศึกษาการสร้างอักขระอาคมมาอย่างละเอียดและจากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญของนิกายที่ได้เข้าไปในลานอักขระอาคมลวงตา
ถ้ำที่แห่งนี้จึงถูกค้นพบ อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับยางเฉิน
พลังจิตวิญญาณถูกปิดผนึกโดยอักขระอาคมสะกดที่ยอดเยี่ยมและไม่มีทางรั่วไหลออกมา
ดังนั้นเมื่อหยางเฉินเข้ามาภายในเขาก็สามารถรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณอันไร้ขอบเขตได้ในทันที
นอกจากพลังจิตวิญญาณที่มหาศาลแล้ว ยังมีพลังเวทที่ไม่มีวันสิ้นสุดรวมอยู่ด้วย ซึ่งมันเป็นแหล่งพลังงานของภาพลวงตาที่ทรงพลังและขัดขวางไม่ให้ผู้คนค้นพบสถานที่แห่งนี้
หยางเฉินหยิบเอาขวดแก้วใสที่บรรจุสวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง
(จิตรกรรมดวงอาทิตย์) ออกมาจากแหวนแห่งความสำเร็จ ภายในขวดแก้วใสเหลือแต่เพียงของเหลวสีน้ำเงินที่เกือบแห้ง
แต่เมื่อมันออกมาและได้สัมผัสกับพลังจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ ขวดแก้วใสเริ่มแผ่กระจายแสงที่งดงามออกมา
มันก็เริ่มรวบรวมพลังจิตวิญญาณในบริเวณโดยรอบในทันที
จุดสีน้ำเงินนั้นอยู่ที่ก้นขวด หยางเฉินรู้ว่าพลังจิตวิญญาณที่ถูกดูดซึมและเก็บรวบรวมโดยขวดแก้วใส
พวกมันถูกใช้เพื่อเก็บรักษาพลังจิตวิญญาณที่จำเป็นสำหรับสวนสมุนไพร
สมุนไพรที่เติบโตนั้นต้องการพลังจิตวิญญาณที่พอเพียง
ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องไม่มากเกินไป มิฉะนั้นสมุนไพรก็อาจจะตายได้
ขวดแก้วใสมีความสามารถในการดูดซับและเก็บรักษาพลังจิตวิญญาณจากสภาพแวดล้อมไว้ได้ทั้งหมดและจากนั้นจะค่อยๆปล่อยพลังจิตวิญญาณออกมาในปริมาณที่พอเหมาะกับสวนสมุนไพร
ก่อนหน้านั้นของเหลวสีน้ำเงินที่ก้นขวดมีพลังจิตวิญญาณที่มากพอที่จะหล่อเลี้ยงสวนสมุนไพรได้อีกหลายปี
แต่เดิมหยางเฉินได้วางแผนที่จะออกไปฝึกหลังจากผ่านไปอีกสองสามปีและเติมพลังจิตวิญญาณให้กับขวดแก้วใสนี้
แต่ในเมื่อเขามีโอกาส ทั้งซ่อนตัวจากมือสังหารที่กำลังค้นหาเขาจากด้านนอก
ในขณะเดียวกันก็เก็บรวบรวมสิ่งของที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ที่นี่ และเขายังสามารถดูดซึมซับพลังจิตวิญญาณไว้ในขวดแก้วใสนี้ได้อีกด้วย
เพื่อรวบรวมพลังจิตวิญญาณ ตัวของหยางเฉินเองไม่จำเป็นต้องทำอะไร
ตราบเท่าที่เขาเปิดขวดแก้วใสออกมาข้างนอก มันก็จะทำทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง
หยางเฉินเหน็บขวดแก้วใสไว้ที่เอวของเขาและรีบก้าวเข้าไปด้วยก้าวที่ยาว
ถ้ำไม่ได้ลึกนัก ในสมัยนั้น
หลังจากที่ค้นพบแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณ
บรรพบุรุษไม่ได้พยายามที่จะตกแต่งถ้ำและรีบวางอักขระอาคมภาพลวงตาเพื่อซ่อนสถานที่นี้จากคนอื่นๆ
ในขณะที่เขาเริ่มปิดผนึกภูเขา หยางเฉินได้เดินเข้าไป ในถ้ำทั้งหมดที่เขาเห็นภายในถ้ำนั้นดูเรียบง่ายและไร้การตกแต่งใดๆ
ที่จุดสูงสุดภายในถ้ำ มีมุกราตรีถูกฝังอยู่
แสงสีเหลืองกระพริบออกมารอบๆตัวมัน
ความสว่างนี้เพียงพอสำหรับหยางเฉินเพื่อดูทุกอย่างภายในถ้ำ
เมื่อเขาเดินเข้าไปในถ้ำอีกสองสามฉื่อ
เขาก็เห็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความกว้างอยู่หลายฉื่อ บนพื้นมีเสื่อปูอยู่บนพื้น ด้านบนของเสื่อมีร่างของชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแต่งกายของพระราชวังหยางบริสุทธิ์นั่งนิ่งอยู่
ดวงตาทั้งสองของเขาปิดสนิท รอบๆตัวเขาไร้ซึ่งกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิต เขาได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนโดยที่ไม่มีใครรู้
"ศิษย์หยางเฉินคารวะบรรพบุรุษ!"
หยางเฉินไม่กล้าที่จะละเลย เขาโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพโครงกระดูกที่อยู่บนเสื่อ
นี่คือบรรพบุรุษของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ หยางเฉินเป็นศิษย์รุ่นหลังดังนั้นการแสดงความเคารพนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ
หลังจากที่หยางเฉินทำความเคารพ
เขาได้ยืนขึ้นและเดินตรงไปที่กึ่งกลางของพื้นที่ และใช้พลังจิตวิญญาณธาตุดินของเขาเพื่อขุดหลุมขนาดใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยม
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เอาท่อนไม้ขนาดยักษ์ออกมาจากถุงมิติ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาได้เตรียมไว้เมื่อตอนที่อยู่ในตลาดเมือง เขาใช้พลังจิตวิญญาณธาตุไม้ของเขาเพื่อตัดท่อนไม้ขนาดยักษ์และในไม่ช้าพวกมันก็กลายสภาพไปเป็นโลงศพที่ดูแข็งแรงทนทาน
หลังจากที่หยางเฉินทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เขาได้ย้ายซากศพของบรรพบุรุษไปวางไว้บนโลงศพอย่างระมัดระวัง
ก่อนที่จะปิดฝาโลงศพเขาหยิบถุงมิติออกจากเอวของบรรพบุรุษอย่างระมัดระวัง
หยางเฉินคุกเขาทำความเคารพต่อบรรพบุรุษอีกครั้ง
เขาวางโลงศพลงในหลุมที่ขุดและกลบดินลงบนโลงศพ
ตรงกลางถ้ำ หยางเฉินถมดินลงไปในหลุมจนดินพูนหลุมฝังศพ
หยางเฉินหยิบเอาหินสีน้ำเงินที่มีคุณภาพสูงสุดจากถุงมิติของเขา และใช้มันเหมือนมีด
จากหน่วยความจำของเขา เขาแกะสลักชื่อของบรรพบุรุษ เพื่อย้ำว่าศิษย์รุ่นหลังหยางเฉินได้ให้ความสำคัญกับเขา
หยางเฉินยืนอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพ หลังจากทำอย่างถูกต้องแล้ว
เขาก็ทำความเคารพอีกครั้งและเริ่มที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ
จริงๆแล้วทุกอย่างในถ้ำนั้นเห็นได้ชัดทีเดียว
ตรงกลางเป็นเสื่อสีดำหนึ่งผืน ในส่วนที่ไกลที่สุดของถ้ำมีกระบี่ยาวพร้อมปลอก
อีกด้านหนึ่งเป็นโต๊ะไม้ นอกจากนี้ไม่มีอะไรอีกภายในถ้ำ
อย่างไรก็ตามหยางเฉินได้ตระหนักว่าสิ่งที่มองไม่ธรรมดาเหล่านี้
นอกเหนือจากโต๊ะไม้ทั้งสองชิ้น มันไม่ใช่สิ่งที่เรียบง่าย
เสื่อสีดำผืนนี้ทำมาจากหยกภูเขาไฟ ที่ตัดออกมาในรูปของเสื่อ มันถูกวางไว้ที่ทางออกของแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณ
หยกภูเขาไฟถูกปกคลุมด้วยความชื้นอยู่เสมอและมันก็ไม่เพียงแต่สามารถที่จะจับรวมพลังจิตวิญญาณ
แต่ยังป้องกันไม่ให้พลังจิตวิญญาณออกมามากเกินไป
จนก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นชีพจรลมปราณ
ในตอนนี้ หยกภูเขาไฟจะช่วยให้หยางเฉินสามารถบ่มเพาะได้
เกี่ยวกับวัตถุที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ หยางเฉินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
คนที่ทำการบ่มเพาะในเส้นทางอมตะจะต้องเข้าใจถึงวิถีแห่งกรรม
และตั้งแต่ที่หยางเฉินได้ก้าวเข้ามาภายในถ้ำแห่งนี้
สิ่งของเหล่านี้ก็กลายเป็นของหยางเฉิน
ขณะที่เขาขยับหยกภูเขาไฟออกไป
พลังจิตวิญญาณที่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับพลังจิตวิญญาณโดยรอบก็พุ่งออกมาจากแหล่งกำเนิดที่ซึ่งก่อนหน้านี้หยกภูเขาไฟได้วางปิดทับเอาไว้
พลังจิตวิญญาณถูกควบคุมโดยหยกภูเขาไฟ แต่ตอนนี้พวกมันพุ่งออกมาในทันที
หยางเฉินรู้สึกสงบ โดยไม่รีบร้อน เขาวางขวดแก้วใสบนทางออกของแหล่งกำเนิดของพลังจิตวิญญาณ
พลังจิตวิญญาณที่ไหลออกมาได้ถูกดูดซึมโดยขวดแก้วใสโดยตรง
ไม่นานหลังนัก หยางเฉินเดินออกไปอีกสองสามก้าวในทิศทางที่มีกระบี่พร้อมปลอกแขวนไว้
หยางเฉินมองไปที่มัน แต่ไม่ได้ดึงมันออกมา
เขาเริ่มดึงความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับกระบี่ออกมา กระบี่มันมีลักษณะแปลกๆ
กระบี่ยาวในปลอก จริงๆแล้วไม่ใช่กระบี่ แต่มันควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นกล่องกระบี่
ซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นทั้งกระบี่บินและอุปกรณ์ที่ใช้เก็บกระบี่บิน
มันเป็นสิ่งที่ดีมาก ถ้าหยางเฉินพยายามดึงมันออกมา
โดยไม่ใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อสร้างพันธะตราประทับใดๆกับกล่องกระบี่
โดยพึ่งพาแต่เพียงพลังการบ่มเพาะของเขา เขาอาจจะโชคดีหายไปจากโลกนี้ ในชีวิตก่อนหน้านี้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ยังคงต้องจ่ายความสูญเสียด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
เพื่อให้ได้มันมา
หลังจากช่วงเวลาที่ดีได้ผ่านไป หยางเฉินถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเสียดาย
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งความคิดที่จะเก็บกระบี่นี้ไว้
แม้ว่าสิ่งนี้จะสำคัญมาก แต่สำหรับชีวิตของเขานั้นสำคัญยิ่งกว่า
เขาได้หยกภูเขาไฟมันก็ทำให้เขารู้สึกพอใจ นอกจากนี้ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้านี้
ถ้ำแห่งนี้จะยังคงสงบต่อไปอีกราวๆสิบปี และหลังจากนั้นเขาก็ยังคงมีโอกาสที่จะมาเก็บมันได้ในภายหลัง
เมื่อเขาสามารถควบคุมความโลภของตัวเองไว้ได้แล้ว หยางเฉินก็นั่งลงบนแผ่นหยกภูเขาไฟ
และเปิดถุงมิติของบรรพบุรุษและเริ่มตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น