EGT 167
ตอนท้ายของการทดสอบ (1)
ฉีเซียมองดูใบหน้าเล็ก
ๆ ที่ไร้ความสุขของเฉินหยานเซียว และหัวเราะเบา ๆ ออกมา
“กลยุทธ์ของการหลอกลวง
เช่นนี้แล้วข้าต้องร่ายเวทอาคมอันใด?”
“ … .. ” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับอาชีพของนักเวท
แต่เธอก็ยังเข้าใจว่าการใช้เวทอาคมนั้น จำเป็นต้องมีการร่ายเวทอาคม
ดังนั้นเขาพยายามที่จะหลอกใคร!?
……
เมื่อเวลาผ่านไป
ในหมู่ศิษย์ที่มีส่วนร่วมในการทดสอบ
ในที่สุดก็มีศิษย์นักปรุงยาที่สามารถปรุงยาแก้พิษและการต่อสู้ที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลานี้
หลังจากการปลดปล่อยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว
กลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าจะได้เปรียบในการต่อสู้
มีกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่ได้เปิดตัวทำการต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อยึดตราประทับ
และในท่ามกลางการต่อสู้นั้นมีศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวออกจากการทดสอบ
แต่เฉินหยานเซียวไม่ได้สนใจในเรื่องทั้งหมดนี้
ฉีเซียและคนอื่น ๆ
ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น เหมือนรถปรับสภาพดิน
เจ็ดวันแห่งการทดสอบได้ผ่านไป
กลุ่มคนทั้งห้าสามารถรวบรวมป้ายตราประทับได้มากจนน่าประหลาดใจ มันมีถึง
เจ็ดร้อยป้าย
แสดงให้เห็นว่ามีผู้คนมากกว่าเจ็ดร้อยคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการตบอย่างรุนแรงของบุคคลทั้งห้านี้และถูกขับออกจากการทดสอบด้วยมือของพวกเขา
จนกระทั่งสิ้นสุดการทดสอบ
ป้ายตราประทับในแหวนมิติของเฉินหยานเซียวมีจำนวนถึงเจ็ดร้อยแปดสิบสองป้าย
ป้ายมากกว่าเจ็ดร้อยป้าย
หากแบ่งออกให้แต่ละคน พวกเขาก็จะได้มากกว่าหนึ่งร้อยป้าย
เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลง
เสียงระฆังดังก้องไปทั่วป่ามืด
ศิษย์ที่ต้องหวาดกลัวมาเจ็ดวัน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อาจารย์พี่เลี้ยงของแต่ละกลุ่มต่างมาพบศิษย์ของตัวเองและพาพวกเขาออกจากป่ามืด
อาจารย์ที่ปรึกษาที่รับผิดชอบกลุ่มของเฉินหยานเซียว
คืออาจารย์พี่เลี้ยง หลิงเย่ว เมื่อหลิงเย่วเห็นป้ายต่าง ๆ
ที่สมาชิกห้าคนรวบรวมมาได้
อาวุโสที่สงบนิ่งก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความสุขที่น่ายินดีออกมา
เมื่อกลุ่มคนทั้งห้าตามหลิงเยว่กลับไปยังที่พัก
แต่เมื่อก้าวเข้าไปที่ทางเข้าของค่ายพัก ดวงตาที่ซับซ้อนหลายคู่ก็จ้องไปที่พวกเขาทั้งห้าที่เพิ่งกลับมาในทันที
“นั่นคือ ฉีเซีย?”
นักธนูคนหนึ่ง กระซิบนินทากับนักเวทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เขาในกลุ่มเดียวกัน
“ใช่ นั่นละ เขา
ผู้นำสาขานักเวท ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับการทดสอบ เมื่อตอนที่เขาถูกระงับพลัง
พวกเขาถูกไล่ล่าจากสมาชิกทั้งหลาย แต่พวกเขาไม่ได้ถูกโยนออกไป
จากนั้นเมื่อพวกเขาฟื้นฟูพลังกลับคืนมา
พวกเขาก็ตามล่าเหล่าสมาชิกคนอื่นทีละคนและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ดี”
ศิษย์นักเวทกล่าวออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ข้าได้ยินมาว่ามีคนหนึ่งที่ชื่อว่าฉีเซีย
เขาสามารถเปิดใช้เวทอาคมน้ำแข็งและหิมะระดับอาวุโสได้
และผู้คนหลายร้อยคนถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็ง มันจริงหรือไม่?” ศิษย์ที่อยากรู้อยากเห็นอีกคนหนึ่งเข้าร่วมการสนทนาในทันที
“ไม่มีทาง
ฉีเซียเป็นเพียงศิษย์ชั้นปีที่สอง
แม้แต่ในหมู่ศิษย์ชั้นปีที่สามก็ไม่มีใครสามารถร่ายเวทอาคมระดับของนักเวทอาวุโสได้
เขาอายุเพียงสิบหกปีเขาจะเป็นนักเวทอาวุโสได้อย่างไร”
นักธนูพบว่ามันยากที่จะยอมรับสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
“เจ้าไม่เชื่อ
นั่นหมายความว่าเจ้าไม่รู้ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้
หลังจากฉีเซียได้เข้ามาในสำนัก
เขาใช้เวลาไม่นานในการผ่านศิษย์ชั้นปีที่สามที่แข็งแกร่งหลายคน ศิษย์รุ่นพี่เหล่านั้นที่คิดว่าตนเองเก่ง
พวกเขาก็ยังต้องประสบกับเลือดตดยางออกหรือไม่?” ศิษย์นักเวทมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
โดยยื่นหน้าอกของเขาออกมา จากการที่มีอัจฉริยะในสาขาของเขาเอง
ใบหน้าของเขามีการแสดงออกที่สดใส
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นนักเวทอาวุโสตั้งแต่อายุยังน้อย”
นักธนูยังไม่เชื่อ
“เฮ้ทำไมเจ้าถึงได้ตาบอด
ถามผู้ที่ยังคงนอนอยู่ในสถานพักฟื้นดูสิ
พวกเขาถูกแช่แข็งไว้ในน้ำแข็งโดยฉีเซียหรือไม่ ก่อนที่จะถูกนำตัวกลับออกมา”
นักเวทกล่าวออกไปอย่างหยิ่งผยอง
EGT 168
ตอนท้ายของการทดสอบ (2)
“และข้าจะบอกอะไรกับเจ้า
ฉีเซียไม่เพียงแต่สามารถจะใช้เวทอาคมระดับสูงได้
เมื่อเขาใช้เวทอาคมน้ำแข็งและหิมะเขาไม่จำเป็นต้องร่ายเวทอาคมอีกด้วย”
"เป็นไปได้อย่างไร?"
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
หากเจ้าไม่เชื่อก็ถามเขาด้วยตัวเองว่า อ่า!”
“ดุร้ายเกินไป
เถื่อนเกินไป”
“นั่นคือศิษย์ชั้นนำของสาขานักเวทของเรา
แน่นอนว่าเขาเป็นคนป่าเถื่อน… หึ! เยี่ยม! นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความแข็
แกร่ง
อย่างที่เจ้าไม่อาจเข้าใจได้!”
“โย่ โย่
นั่นเป็นอันดับต้น ๆ ของสาขานักเวทหรือไม่? ข้าได้ยินมาว่า
ถ้าศิษย์ชั้นนำของสาขาของเรา หยานอู๋ไม่ได้เปิดใช้งานเกราะป้องกันแสงยักษ์
ฉีเซียก็จะไม่มีโอกาสได้แสดงเวมอาคมของเขา”
หลังจากฟังนักเวทพูดถึงศิษย์ชั้นยอดของพวกเขา
หมอเวทคนหนึ่งก็ไม่สามารถรักษาความสงบของเขาเอาไว้ได้
“เจ้ามีความกล้าที่จะปล่อยให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในครอบครัวของเจ้าเผชิญหน้ากับเกราะป้องกันแสงของหยานอู๋
หรือไม่? ข้าแน่ใจว่าคน ๆ นั้นจะเหนื่อยล้า
แต่จะไม่สามารถแยกมันออกเป็นชิ้น ๆ ได้ แม้ว่าจะมีทำการระเบิดครั้งใหญ่”
“พวกเจ้าตลกมาก!
มีอะไรดีเกี่ยวกับสาขาของเจ้าบ้าง? เจ้าเคยเห็นนักดาบที่วิ่งเร็วยิ่งกว่าม้า
แม้ว่าจะไม่มีม้าหรือไม่? นั่นคือผู้นำสาขานักดาบของเรา!
เขาไม่จำเป็นต้องโจมตี เขาแค่เดินไปหาเจ้าแล้วเจ้าก็คงจะกระอักเลือดออกมา!”
ศิษย์นักดาบก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาโอ้อวดออกมาบ้าง
"โย่ โย่
โย่.. เจ้าเชื่อข้าหรือไม่ นักเวทสามารถตัดร่างของเจ้าให้ตายด้วยใบมีดน้ำแข็ง
เพียงแค่ช่วงเวลาที่เขาเดินผ่านไป?”
“ทำไมไม่แสดงให้เราเห็นว่าเจ้าเป็นนักเวทหรือไม่?
ลองตัดโล่ของเราด้วยใบมีดน้ำแข็งของเจ้า โล่นี้จะทุบตีเจ้าจนตาย!”
“ดูสิว่าเจ้าทั้งสองต่อสู้กันเองโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากหมอเวท
เจ้าสองคนจะต้องตายอย่างแน่นอน”
ศิษย์ทั้งสามสาขาได้เข้าร่วมในการทะเลาะวิวาทที่แปลกประหลาด
และศิษย์ในแต่ละสาขาต่างล้วนแต่กำลังโน้มน้าวว่าสาขาของพวกเขามีพลังมากแค่ไหน
หากไม่ใช่เพราะมีอาจารย์ปรึกษา พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะต่อสู้กันภายในที่พัก
สำหรับศิษย์สาขาธนูและนักดาบ
...
พวกเขามองดูกลุ่มที่ประสบความสำเร็จของเฉินหยานเซียว
ก่อนจะมองไปที่ทิศทางของเชาซูและเมิ่งอี้จุนที่นอนอยู่ในเต็นท์เป็นเวลานาน
พร้อมกับกัดผ้าเช็ดหน้าของพวกเขาอย่างเงียบๆ
พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์ชั้นนำเช่นเดียวกัน
แต่ทำไมชื่อของสาขาอื่น ๆ ถึงได้ผลที่ออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น และกลุ่มอันดับต้น ๆ
ของพวกเขาเอง กลับเป็นกลุ่มแรกที่ถูกไล่ออกจากการสอบ?
ความพ่ายแพ้ของกลุ่มเชาซูถูกแพร่กระจายไปในหมู่ศิษย์จากปากคนที่ไม่ผ่านการทดสอบในก่อนหน้านี้
แทบไม่มีใครเชื่อว่ากลุ่มแรกที่ถูกคัดออกจากการสอบจะเป็นกลุ่มที่ทุกคนจดจำได้
อย่างน้อยพวกเขาสามคนเป็นศิษย์อันดับต้น
ๆ ของสาขา ไม่ว่าจะอันดับหนึ่ง อันดับสองและอีกคนอยู่ในอันดับที่สิบ
กลุ่มของพวกเขาถูกจัดให้กลุ่มอันดับต้น ๆ หากแต่ถูกเตะออกมาจากการทดสอบ
มันเป็นไปได้อย่างไร
เมื่อมองไปที่กลุ่มอื่น
ในขณะที่พวกเขานำโดยสามคนที่มีชื่อเสียง พร้อมด้วยอีกสองคนในอันดับต้น ๆ
แม้จะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับถูกกวาดออกจากสนามได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพียงแค่ดูป้ายเหล่านั้นที่แขวนอยู่บนร่างของฉีเซีย มันก็แทบจะปิดตาของสุนัขเหล่านี้ที่เฝ้ามอง
ฉีเซี่ยและคนอื่น ๆ
ได้รับความชื่นชมจำนวนมากตลอดทางที่พวกเขาเดิน
ในขณะที่กลุ่มของเชาซูได้รับความทุกข์ทรมานจากสายตาที่หยิ่งยโสนับไม่ถ้วน
เชาซูยืนอยู่ในเต็นท์เขามองไปที่ฉีเซียและคนอื่น
ๆ ผ่านช่องว่างในเต็นท์ มือข้างหนึ่งของเขากำแน่น เขาเกือบจะเดาได้ว่าศิษย์จากสาขาดาบ
กำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขาอย่างไร!
ตั้งแต่กลับมาที่ค่ายเชาซูใช้เวลาทั้งวันในเต็นท์ปฏิเสธที่จะออกไปข้างนอกและดูคนอื่น
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบศิษย์ทุกคนที่ทำแบบทดสอบกลับมาที่ค่าย
การอยู่ในเต็นท์ไม่ได้ช่วยไม่ให้เขาห่างไกลจากเสียงนินทาได้
“โอ้น่าเกลียดมาก
ดูศิษย์ชั้นนำของสาขานักเวท สาขานักดาบและสาขาหมอเวท ด้วยผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
พวกเขาดูน่าประทับใจยิ่งขึ้น จากนั้นดูศิษย์ชั้นนำของเรา
ช่างเป็นความอัปยศเช่นนี้!” นักดาบคนหนึ่งกัดแอปเปิ้ลในมือของเขา
EGT 169
สิ้นสุดการทดสอบ (3)
เชาซูและฉีเซียทั้งคู่เป็นตัวแทนระดับสูงสุดของการดำรงอยู่ในแต่ละสาขา
และในการทดสอบนี้พวกเขาทั้งสองรวมกลุ่มยอดเยี่ยมไว้ด้วย
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์กลับออกมาไม่เหมือนกัน
กลุ่มของเชาซูพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชในขณะที่กลุ่มของฉีเซียกลับได้รับเสียงชื่นชมต้อนรับจากทุกคน
จากความสำเร็จของเขา
ดังนั้นศิษย์ของสาขานักดาบและสาขานักธนูไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้านักเวท
เพื่อมาแสดงความหยิ่งของพวกเขา
โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่หัวเราะกับอาชีพที่บอบบางเหล่านี้
แต่ตอนนี้ช่องว่างระหว่างเชาซูและฉีเซียนั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเขาจะยังเอาใบหน้านี้ไปวางที่ไหนได้อีก?
“ด้วยความสามารถ
เขาสามารถคว้าจุดสูงสุดมาได้หรือไม่? ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ออกจากสำนัก
เชาซูจะสามารถนั่งอยู่บนยอดของสาขาของเราได้หรือไม่? อย่าพูดจาไร้สาระ”
"ใครพูดเช่นนั้น?
ถ้าผู้ชายคนนั้นยังอยู่ที่นี่ เราจะไม่เสียหน้าไปมากกว่านี้”
“เมื่อเสือไม่ได้อยู่บ้าน
ลิงจะแสดงตัวว่าเป็นราชา อะไรที่พวกเราสามารถทำได้?"
เสียงที่ดูหมิ่นดังผ่านเข้ามาในหูของเชาซู
เขากัดฟันและจ้องมองไปยังศิษย์ที่เดินผ่านเต็นท์ของเขา เขารู้ว่าศิษย์ของสาขาทั้งหมดไม่เคยถือว่าเขาเป็นอันดับหนึ่ง
ทุกคนบอกว่าเขาเพียงแค่ใช้ประโยชน์จากจุดสูงสุดที่ว่างเปล่าและท้ายที่สุดเขาก็ได้รับผลที่น่าสังเวชอย่างในปัจจุบัน
"โธ่เว้ย!
หากข้าไม่ถูกครอบงำ ข้าจะตกมาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร!”
เชาซูไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกัดฟันแน่น
เขาได้ยินจากคังซือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าสาเหตุที่ทำให้ตราประทับของเขาหายไปก็เพราะมีบางคนร่ายอาคมคำสาปใส่เขา
คังซือเป็นกังวลกับเชาซู
ที่มีปัญหาด้านจิตใจ เพราะผลการทดสอบที่น่าสังเวชของพวกเขา
ดังนั้นเขาจึงบอกเขาอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับคำสาป แต่ก็เตือนเขานับพันครั้งว่าไม่ให้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่มีเพียงความเกลียดชังที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเชาซู
เขารู้ดีว่ามีเพียงนักเวทมนต์ดำเท่านั้นที่สามารถใช้คำสาปได้
และเป็นที่ชัดเจนว่าในหมู่ศิษย์เหล่านี้มีนักเวทมนต์ดำซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มของพวกเขา
และบุคคลนั้นเป็นผู้ร้ายที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานะที่น่าสังเวชเช่นนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะนักเวทมนต์ดำผู้นั้น
เขาคงจะไม่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะเหยียบย่ำไปบนหัวเขา!
วันหนึ่งเขาจะค้นหานักเวทมนต์ดำที่เขาเกลียดชังให้พบและฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ตามข่าวที่เชาซูรับรู้จากปากของคังซือ
อาจารย์ที่ปรึกษาของสำนักยังไม่ทราบว่าบุคคลนั้นเป็นใคร
พวกเขารู้แต่เพียงว่าบุคคลนั้นจะโจมตีศิษย์ แต่ไม่ได้จงใจทำร้ายผู้คน
ตอนนี้ที่ปรึกษาทุกคนที่อยู่ในค่าย กำลังพยายามค้นหาตัวตนของนักเวทมนต์ดำ
“นักเวทมนต์ดำ
คนเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ในทวีปคังหมิง เชาซูหรี่ตาลง
เขารู้ว่านักเวทมนต์ดำที่วางกับดักเขาต้องอยู่ในกลุ่มศิษย์เหล่านี้
เขาจะหาคนคนนั้น เปิดเผยขยะ และเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้
เขาจะปล่อยให้ทุกคนถ่มน้ำลายใส่อาชีพที่สกปรกและน่ารังเกียจนั้น
เชาซูทำการแก้ปัญหาอย่างลับ
ๆ เขาจะตรวจสอบตัวตนของนักเวทมนต์ดำให้ชัดเจน เขาจะทำให้ขยะผู้นั้น
เข้าใจว่าการยั่วยุเขาเป็นการตัดสินใจที่ผิด!
“ขยะ
เจ้าเพียงแค่รอความตายของเจ้า”
……
“ฮัดเช้ยยย!”
เฉินหยานเซียวจามออกมาในทันที ในขณะที่มองไปทางด้านข้างของที่พัก
ซึ่งมีศิษย์หลายคนกำลังถกเถียงกันอย่างรุนแรง และจากนั้นเธอก็มองเทพเจ้าทั้งสี่ที่ยืนอยู่ข้าง
ๆ เธอ
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ