EGT 170 เปิดเผย?
(1)
หลิงเย่วนำ
เฉินหยานเซียว และคนอื่น ๆ เข้าไปในกระโจมซึ่งมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำการอยู่
ภายในกระโจมนอกเหนือจากใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยหลายคนแล้วเธอยังเห็น
"คนรู้จัก" อีกสองคนโดยไม่คาดคิด
คังซือและนาเคนกำลังนั่งเงียบ
ๆ บนเก้าอี้ด้านในกระโจม เมื่อพวกเขาเห็นเฉินหยานเซียวและคนอื่น ๆ เข้ามา
พวกเขาเหลือบตามองเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็ยังคงดูคัมภีร์อยู่ในมือ อาจารย์ที่ปรึกษาคนอื่น ๆ
ในกระโจมกำลังยุ่งกับสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา
และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจการมาถึงของพวกเขา
หลิงเย่วจ้องไปที่ห้าคนในกลุ่ม
ผลการทดสอบของศิษย์ส่วนใหญ่ถูกนับแล้วและศิษย์จำนวนมากถูกคัดออกในการทดสอบ
ศิษย์จะได้รับการให้คะแนนตามเวลาที่ใช้ในป่ามืดและศิษย์ที่ประสบความสำเร็จในการคว้าป้ายตราประทับแน่นอนจะมีผลที่แตกต่างออกไป
บางกลุ่มสามารถคว้าป้ายได้เพียงไม่กี่ป้ายในเจ็ดวัน
โดยสมาชิกแต่ละคนมีเพียงคนละป้ายหรือสองป้าย และกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้
มีป้ายตราประทับเพียงสิบป้ายเท่านั้น
กลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาแก้พิษ
และสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลังจากผ่านไปสองสามวันของการทดสอบ
หลังจากนั้นพวกเขาได้ฟื้นฟูพลังเพื่อปล้นป้ายมาได้จำนวนมาก
อย่างไรก็ตามหลังจากการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง มันได้ปรากฏความไม่ลงรอยภายในกลุ่มต่าง
ๆ มากขึ้น นักกระบี่และนักเวทบางคนพึ่งพาการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของพวกเขา
เพื่อเก็บเหรียญจำนวนมากเข้าสู่คลังสมบัติของพวกเขาเอง
ในขณะที่หมอเวทและนักปรุงยามีป้ายเพียงหนึ่งหรือสองป้ายเท่านั้น
มีเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่แบ่งป้ายให้กับสมาชิกแต่ละคนเท่า ๆ กัน
กลุ่มเหล่านี้เป็นการรวมกลุ่มชั่วคราว
โดยไม่มีความมีสามัคคีในระหว่างสมาชิก นักกระบี่และนักเวท
หลังจากอาชีพที่น่ารังเกียจเหล่านี้สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมาได้อีกครั้ง
หมอเวทและนักปรุงยาดังกล่าวจะถูกรังแกอย่างรุนแรง
แต่พวกเขาไม่มีความสามารถหรือความกล้าหาญที่จะต่อต้านศิษย์ที่อยู่ในสาขาการต่อสู้และทำได้เพียงเก็บเศษอาหารที่เหลือได้โดยสุจริตเท่านั้น
ขั้นที่เลวร้ายที่สุดพวกเขาก็อาจก็จะไม่ได้ป้ายตราประทับแม้แต่ป้ายเดียวหากจะต้องถูกตีโดยตรง
ในระยะสั้นส่วนต่อมาของการทดสอบ
ปัญหาระหว่างกลุ่มค่อย ๆ
ปรากฏขึ้นมาและผู้คนที่ถูกส่งไปที่โรงหมอก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้อาจารย์พี่เลี้ยงลอบขมวดคิ้วอย่างลับ ๆ
สายตาของหลิงเย่วมองไปที่ศิษย์ทั้งห้า
กลุ่มของพวกเขาประกอบด้วยนักเวท นักดาบ หมอเวท และนักปรุงยาสองคน
อาชีพที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง มีเพียงฉีเซียและหยางซือ
และไม่ว่าหมอเวทอย่างหยานอู๋จะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถเป็นศัตรูกับคนทั้งสองได้
สำหรับถังนาจื่อและ เฉินหยานเซียว พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ใหม่ในสาขาปรุงยาพวกเขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใด
ๆ เลย
หากฉีเซียและหยางซือยึดป้ายส่วนใหญ่
คนที่เหลืออีกสามคน ย่อมจะไม่มีความสามารถในการต่อต้าน
แม้ว่าจะยังไว้หน้าให้กับห้าตระกูลใหญ่ก็ตามส่วนใหญ่
แต่มันก็จะถูกแบ่งระหว่างหยานอู๋และถังนาจื่อเท่านั้น เฉินจิว เป็นเพียงสมาชิกของสาขาตระกูลหงส์ไฟ
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับส่วนแบ่งป้ายใด ๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจมากคือจำนวนป้ายของคนทั้งห้านั้นสามารถพูดได้ว่าไม่มีใครมากน้อยกว่ากันสักเท่าไร
หลิงเย่วยังพบว่าน้องคนสุดท้อง
เฉินจิวดูเหมือนจะมีป้ายตราประทับมากกว่าอีกสี่คนอยู่สองสามป้าย
นี่เป็นไปไม่ได้ในกลุ่มอื่น
คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มกลับมีป้ายมากที่สุด?
สิ่งนี้เป็นไปได้
ก็อาจด้วยเหตุผลสองประการ - ประการแรกศิษย์เฉินจิวผู้นี้
เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนอยู่
ประการที่สองคือระดับความสามัคคีของกลุ่มนี้ไกลเกินความคาดหมายของทุกคน
EGT 171 เปิดเผย?
(2)
สี่คนในกลุ่มดูแลสมาชิกในกลุ่มที่อายุน้อยและอ่อนแอที่สุดและมอบป้ายให้เขามากกว่าคนอื่น
หลิงเย่วมองไปที่แขนและขาเล็ก
ๆ ของเฉินหยานเซียว เหตุผลแรกนั้นสามารถตัดออกได้ในทันที
มีเพียงความเป็นไปได้ที่สองที่เหลืออยู่ในใจของหลิงเย่ว
และความเป็นไปได้นี้ หลิงเย่วพบว่าหาได้ยากมาก
เราจะต้องรู้ว่าการทดสอบนี้จะตัดสินชั้นเรียนในอนาคตของห้าคนในกลุ่ม
ระดับชั้นเรียนที่แตกต่างกันมีเนื้อหาการสอนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เฉพาะในชั้นเรียนสีม่วงเท่านั้นที่ศิษย์จะสามารถเรียนรู้ความรู้ที่สูงที่สุดและทรงพลังที่สุดและไม่มีใครจะมอบโอกาสที่ดีให้แก่ผู้อื่น
แต่กลุ่มของฉีเซียก็เข้ามาพลิกสถานการณ์อย่างสมบูรณ์
ยิ่งหลิงเยว่มองไปยังคนทั้งห้า ยิ่งทำให้เขารู้สึกพอใจมากขึ้น
ผู้นำสูงสุดโอวหยางได้จัดทำแบบทดสอบนี้ขึ้นเพื่อทดสอบความร่วมมือระหว่างศิษย์จากสาขาต่าง
ๆ เมื่อเฉินหยานเซียวและคนอื่น ๆ ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
หลิงเย่วยังคงรู้สึกปลื้มใจอย่างไม่หยุดหย่อน
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเหตุผลเดียวที่เฉินหยานเซียวมีป้ายมากกว่าคนอื่นอีกสองสามป้ายนั้นเป็นเพราะเธอไร้ยางอายมากกว่าพวกเขา!
“เจ้าทำได้ดีในครั้งนี้และตอนนี้การทดสอบสิ้นสุดลง
ข้าขอทำการวิเคราะห์บางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาการสอบของเจ้า”
ร่องรอยของความซาบซึ้งยังปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของหลิงเย่ว เขามองไปที่คนทั้งห้า
“ตามที่ศิษย์คนอื่น
เจ้าสามารถปรุงยาแก้พิษในคืนที่สองของการทดสอบถูกต้องหรือไม่?” ประกายตาอันคมชัดเปล่งประกายออกมาจากแววตาของหลิงเย่วเมื่อมันกวาดไปทั้งห้าคน
เหตุผลที่เขาจะถามคำถามนี้ก็เพราะนาเคนเคยพูดว่าเมื่อเขารับศิษย์กลับมา
นักเวทมนต์ดำได้ใช้เคล็ดวิชาคำสาปเพื่อควบคุมหลินเค่อ
และขโมยยาแก้พิษสามขวดออกไปจากมือของเขา
และกลุ่มของเฉินหยานเซียวนี้ก็มีสามคนที่ได้ดื่มยาแก้พิษ
มีจำนวนเท่ากับยาแก้พิษที่หายไป
ยิ่งกว่านั้นตามสถิติของพวกเขา
กลุ่มของเฉินหยานเซียว เป็นคนแรกที่ปรุงยาแก้พิษ แม้ว่าจะมีนักปรุงยาสองคนในกลุ่ม
ถังนาจื่อและเฉินหยานเซียวก็เป็นเพียงศิษย์ใหม่ที่ยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการ
พวกเขาย่อมไม่รู้วิธีการปรุงยาแก้พิษในระยะเวลาอันสั้น
พวกเขาได้สอบถามอาจารย์พี่เลี้ยงของสาขาปรุงยาและในหมู่ศิษย์ทุกคนในทุกระดับชั้นเรียนมีเพียงชางกวนเสี่ยว
เท่านั้นที่สามารถปรุงยาแก้พิษได้ภายในสองวัน
ตอนนี้ตราบใดที่พวกเขารู้ว่าใครขโมยยาแก้พิษสามขวดพวกเขาสามารถระบุอัตลักษณ์ของนักเวทมนต์ดำได้อย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบันผู้ต้องสงสัยมากที่สุดคือกลุ่มของเฉินหยานเซียว
“ใช่” ฉีเซีย
ในฐานะผู้นำตอบคำถามของหลิงเย่ว
หลังจากฟังคำพูดของหลิงเย่ว
เฉินหยานเซียวเข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาได้ในทันที
อย่างไรก็ตามเธอไม่ทราบว่าการใช้เคล็ดวิชาคำสาปนั้นถูกเปิดเผยและคิดเพียงว่าหลิงเย่วกำลังมองหาขโมยที่ขโมยยาแก้พิษ
หลิงเย่วพยักหน้าจ้องมองเขาลงไปบนร่างของถังนาจื่อและเฉินหยานเซียว
“แล้วใครที่ปรุงยาแก้พิษ?”
หลิงเย่วถามออกมา
หัวใจของเฉินหยานเซียวกระโดดและด่าทอตัวเอง
เธอควรพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบมากกว่านี้ มันน่าเศร้าจริง ๆ แล้วเธอปล่อยให้มันย้อนกลับมาเล่นตัวเธอเอง
เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นคนแรกที่ได้รับยาแก้พิษ เดิมทีเฉินหยานเซียวไม่ได้ตั้งใจจะให้ยาแก้พิษกับฉีเซียและคนอื่น
ๆ ในทันที ด้วยเกรงว่าจะมีคนอื่นค้นพบว่าถึงความผิดปกติ
แต่บังเอิญว่าในขณะที่เธอเดินเร่ร่อนอย่างมืดมนในป่ามืด
เธอกลับได้เผชิญกับสหายร่วมกลุ่มที่น่าสังเวชสี่คนของเธอ
เมื่อเห็นการปรากฏตัวที่แย่มาก ๆ ของชายสี่คน
เฉินหยานเซียวก็รู้สึกไม่สบายใจในหัวใจของเธอ
EGT 172 เปิดเผย?
(3)
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอยกเลิกแผนเดิมของเธอและให้ยาแก้พิษแก่พวกเขา
ผลจากความใจอ่อนชั่วขณะ
มันได้กลายเป็นช่องโหว่!
เฉินหยานเซียวกำหมัด
วันที่เธอเห็นชายสี่คนล้มลงนอนบนพื้นทางลาดและสูญเสียความสง่างามที่มีในอดีต
ความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้นในใจเธอ สัตว์หลายตัวเหล่านี้เป็นครอบครัวของเธอ
เธอยังไม่มีโอกาสทุบตีพวกเขา แล้วคนอื่นจะมาทุบตีพวกเขาได้อย่างไร
ดังนั้นเธอจึงมอบยาแก้พิษให้พวกเขา
เพื่อฟื้นฟูพลังกลับคืนมาเช่นในอดีตของพวกเขาและล้างแค้นคืนให้กับผู้ที่ทุบตีพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม
เสียใจ?
เฉินหยานเซียวลอบยิ้มออกมาอย่างลับๆ
จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย
เธอคิดว่ารูปลักษณ์ที่น่าสยดสยองของคนทั้งสี่นั้นค่อนข้างจะไม่น่าดู
และในตอนนี้รูปร่างหน้าตาของพวกเขาก็ราวกับว่าเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่น
มันมีแรงผลักดันที่มากกว่าปกติ
เฉินหยานเซียวพร้อมที่จะถูกจับ
ที่แย่ที่สุดเธอจะถูกทำโทษโดยอาจารย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์รั่วหลาน
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงแค่การขโมยบางสิ่งบางอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกไล่ออก
มันถูกต้องใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตามการพยายามทำแบบเดิมกับอาจารย์ที่ปรึกษาอีกครั้งในอนาคต
เธอกลัวว่าจะเป็นเรื่องยากในตอนนั้น
เป็นที่เชื่อกันว่าใครก็ตามที่สูญเสียบางสิ่งในเวลานั้นจะเป็นคนแรกที่สงสัยเธอ
เฉินหยานเซียวจินตนาการถึงชีวิตในสำนักที่ไร้อนาคต
ฉีเซียมองดูที่เฉินหยานเซียวและถังนาจื่อ เขายิ้มให้หลิงเย่ว และกล่าวว่า:
"ความจริงแล้ว มันคือถังนาจื่อ"
“ ….” เฉินหยานเซียวชะงักแข็งอยู่ครู่หนึ่ง
เธอมองดูฉีเซีย ด้วยความประหลาดใจ
ไม่ต้องรอให้เธอตอบโต้
ถังนาจื่ออ้าปากพูดออกมา: "อาจารย์ที่ปรึกษาหลิงเย่ว
มันช่างน่าอายที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ ... จริง ๆ
แล้วครูสอนนักปรุงยาในอดีตของข้าเคยสอนให้ข้าทำตามสูตรเดิมมาก่อน
ฮี่ฮี่….ด้วยความรู้ที่ข้ามี ข้าย่อมที่จะสามารถทำยาแก้พิษได้เร็ว
แต่นั่นไม่นับว่าเป็นการโกง! นี่คือการสะสมฝึกฝนในทุกวันที่ผ่านมาของข้า!”
ถังนาจื่อรีบให้เหตุผลของเขาในการป้องกันตัวเอง เขากลัวว่า หลิงเย่ว
จะยกเลิกผลงานที่ดีของเขาเพราะเรื่องนี้
หลิงเย่วตกตะลึง
เขาคิดว่าเป็นเฉินจิวที่มอบยาแก้พิษแก่ผู้อื่น ท้ายที่สุด
ถังนาจื่อในฐานะคุณชายน้อยตระกูลเต่าดำ แม้ว่าเขาต้องการที่จะเดินบนเส้นทางของนักเวทมนต์ดำ
อาวุโสในตระกูลของเขาจะหักขาของเขาและพาเขากลับไปในเส้นทางที่ถูกต้อง หากจะว่าไป
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเป็นนักเวทมนต์ดำ
และในขณะที่ตัวตนของเฉินจิวนั้นเป็นเพียงสมาชิกสาขาของตระกูลหงส์ไฟ
เขามาจากครอบครัวเล็ก ๆ และความสนใจในตัวเขานั้นไม่มากเมื่อเทียบกับตระกูลหลัก
หากเขาจะศึกษาอาชีพนักเวทมนต์ดำอย่างลับ ๆ เขาก็จะไม่ถูกค้นพบ
แต่ตอนนี้ฉีเซียและถังนาจื่อได้กล่าวว่า
ยาแก้พิษเป็นผลงานของถังนาจื่อ ซึ่งมันเกินความคาดหมายของหลิงเย่ว
นอกจากนี้ไม่มีอะไรผิดปกติในคำพูดของถังนาจื่อ
ในที่สุดทุกคนก็รู้ว่าคุณชายหนุ่มจากตระกูลเต่าดำ เพื่อเข้าสู่สาขาปรุงยา
เขาได้ทำกาศึกษาการปรุงยามาเป็นเวลานาน
และได้เข้าหาผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาระดับสูง
การที่เขาจะบอกว่าเขาเคยเห็นสูตรยาเดียวกันนี้มาก่อน มันก็เป็นไปได้มาก
หลิงเย่ขมวดคิ้ว ห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่นั้นขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา
ฉีเซียและถังนาจื่อไม่มีเหตุผลที่จะปกป้องสมาชิกที่มาจากสาขาของครอบครัวตระกูลหงส์ไฟนั้น
เมื่อมองไปที่ร่างเล็ก
ๆ ของเฉินหยานเซียว หลิงเย่วคิดว่าการเดาของพวกเขาอาจจะเป็นการเบี่ยงเบนครั้งใหญ่
ตามที่ อาจารย์ที่ปรึกษากล่าวว่าไว้ ระดับของนักเวทมนต์ดำผู้นั้น
จะต้องไม่ต่ำไปกว่าระดับกลาง แต่เฉินจิวอายุเท่าไหร่?
ถ้าเขากลายเป็นนักเวทมนต์ดำ
ระดับกลาง ในตอนที่เขาอายุเพียงสิบสามปี
ความสำเร็จในอนาคตของเขาก็จะเหนือกว่าตำนานอย่างแน่นอน
ด้วยวาทะศิลป์ของฉีเซียและถังนาจื่อ
ร่องรอยของความสงสัยในหัวใจของหลิงเย่วก็หายไป
ขอบคุณมากครับ
ตอบลบ