แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
สถานที่เก่าแก่ของเผ่าซีรีอุส
ทางเข้าออกสู่มิติเปิดออกอีกครั้ง สมาชิกทั้งหมดในทีมเขี้ยวหมาป่ารออยู่ที่นั่น
พวกเขาโกรธมากเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าฮั่นหลางไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ในเวลาเดียวกันพวกเขามีความสุขมาก ๆ เพราะเสี่ยวบ่าว ฮั่นหลางและคนอื่น ๆ
ทุกคนต่างก็ยังมีชีวิตอยู่และพวกเขาก็ยังได้พาป่าคำรามซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติกลับมาอีกด้วย
ความสามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติเป็นความสามารถที่หาได้ยากมาก
เป็นที่รู้จักกันดีว่าสายพันธุ์ที่มีความสามารถเกี่ยวกับพื้นที่เป็นสายพันธุ์ระดับท๊อบ
ทุกคนเคยได้ยินมาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นมันในชีวิตจริง
หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าฮั่นหลางยังมีชีวิตอยู่พวกเขาทั้งหมดต่างล้อมรอบป่าคำราม
พร้อมร้องขอให้เขาสามารถแสดงความสามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติให้ดูว่ามันเป็นอย่างไร
ฮั่นหลางพูดน้อยมากกับคนเหล่านี้ พวกเขาจะจริงจังอยู่ชั่วครู่
แต่หลังจากนั้นในเวลาที่เหลือพวกเขาจะทำตัวประหลาด
ผู้เล่นยามค่ำคืน กำลังรักษาอาการบาดเจ็บของฮั่นหลาง
หลังจากได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหมด
ผู้เล่นยามค่ำคืนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าฮั่นหลางนั้นโชคดีมาก และความจริงที่ว่า
เนตรแห่งการเกิดใหม่ เป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกออกมามันก็ทำให้เขาประหลาดใจ
ฮั่นหลางยิ้มและพูดว่า "นี่ไม่ใช่ผลงานของข้าทั้งหมด
ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่นั่นเป็นเพราะดาวพลูโต จิ้งจอกเงิน บลูสตาร์ ไข่ดำและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถ้าไม่ได้ป่าคำรามช่วยเหลือ ถึงข้าจะมีกลยุทธ์แผนการที่ดี
ข้าก็จะไม่สามารถใช้มันได้"
เมื่อจิ้งจอกเงินได้ยินว่าฮั่นหลางกำลังสรรเสริญมันอยู่ มันก็เริ่มกรีดร้อง
ผงกศีรษะอย่างภาคภูมิใจ บลูสตาร์ยังมีสีหน้าที่ดูไร้อารมณ์เช่นเดิม
แม้ว่ามันจะมีความสุขอยู่กับภายใน และสำหรับไข่ดำ
มันรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วมันก็ตระหนักได้ว่าตัวมันเป็นสัตว์ตาคู่ทองคำ
มันไม่ควรรู้สึกพอใจกับการสรรเสริญของมนุษย์ มันเป็นอะไรที่น่าอับอาย!! ไข่ดำ
กลับมาแสดงออกอย่างระมัดระวังบนใบหน้าของมันอีกครั้ง
ในความเป็นจริงไข่ดำได้รับอิทธิพลอย่างมากจากฮั่นหลาง
มันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเขาซึ่งทำให้มันมีความสุข
แต่มันก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจในในตัวเอง ดังนั้นมันก็ยังลังเลใจที่จะปล่อยให้ฮั่นหลางปฏิบัติกับมันเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติกับจิ้งจอกเงิน
การลูบคลำและสัมผัสหางยาวของมัน แม้ว่าไข่ดำต้องการและชอบ
แต่มันก็ยังไม่สามารถตัดอัตตาของสายเลือดของราชาออกไปได้
สิ่งที่มันทำได้มากที่สุดก็คือไม่ต้องสู้กับฮั่นหลางอีกต่อไป
"พูดถึงดาวพลูโต เขาไปไหน?"
ฮั่นหลางมองไปรอบ ๆ และถามออกมาเมื่อไม่เห็นดาวพลูโต
ผู้เล่นยามค่ำคืนส่ายหน้า "ไม่แน่ใจ ดาวพลูโต
ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่กับเรา เขามักจะอยู่คนเดียวเสมอ"
"เอาล่ะ เจ้าโชคดีมาก นี่เป็นเพียงบาดแผลทางกายภาพเท่านั้น ถ้าเจ้าลงไปในทะเลสาบสีฟ้าและนั่งแช่อยู่พักหนึ่งเจ้าจะดีขึ้น"
"และนี่ เก็บยาเหล่านี้เอาไว้"
แล้วผู้เล่นยามค่ำคืน ก็ได้ยื่นยาให้กับฮั่นหลาง พวกมันมีสีม่วงที่แปลก
"นี่คืออะไร?" ฮั่นหลางถามออกไป
ผู้เล่นยามค่ำคืนกล่าวว่า "นี่เป็นยาที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยาเทพเจ้าบ้าคลั่ง"
"ในอดีตเราต้องการยาเสพติดจำนวนมากเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของเรา
..ยกตัวอย่างเช่นยาเม็ดฟิวชั่นเพื่อปรับปรุงพลังงานแหล่งต้นกำเนิด
ยาเพิ่มประสาทสัมผัสให้เร็วขึ้น
เราจำเป็นต้องใช้ยาแยกกันเพื่อป้องกันพื้นที่ศูนย์คลื่นสมองของเรา"
"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้ามีความคิดที่จะรวมยาเหล่านี้เข้าด้วยกัน
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้ยาหลายเม็ดและหลีกเลี่ยงการรับประทานยาผิด ๆ
หากกินยาผิดในช่วงที่ต่อสู้รุนแรง ผลก็อาจจะถึงตายได้”
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเล็กน้อยและถามออกไปในทันที
"เทพเจ้าบ้าคลั่งเป็นยาที่สามารถปรับปรุงทุกด้านได้หรือไม่?"
ในฐานะนักรบที่มักพึ่งพายาเสพติด
ฮั่นหลางก็คุ้นเคยกับข้อดีข้อเสียของยาเสพติด
คุณสมบัติพลังงานแบบคู่ของฮั่นหลางทำให้เขามีภูมิคุ้มกันต่อยาเสพติดมากกว่าคนอื่น
ถ้าคนอื่นกินเพียงแค่หนึ่ง ฮั่นหลางจะต้องกินมากกว่านั้น
แต่ถ้าคนที่มีความต้านทานน้อยสำหรับยาเสพติด หากกินยาผิดก็อาจจะมีปัญหามาก
อุตสาหกรรมยาเสพติดได้พยายามหาวิธีแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
แต่ก็ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จ
ผู้เล่นยามค่ำคืนกล่าวว่า "นี่ไม่นับว่าเป็นความสำเร็จ จริงอยู่ที่ข้าสามารถหาวิธีที่จะผสมยาเหล่านี้ได้
แต่ข้ายังไม่สามารถปรับระดับตัวยา ยารุ่นเทพเจ้าบ้าคลั่งมีผลข้างเคียงมาก ถ้าคนทั่ว
ๆ ไปกินมันเขาอาจจะกลายเป็นบ้า แต่แน่นอนเจ้าสามารถกินมันได้ ..แต่เจ้าจะได้รับผลกระทบบางอย่างเช่นกัน
แต่มันก็จะไม่เป็นรุนแรงเท่าคนอื่น ๆ เพียงแค่ต้องควบคุมปริมาณ"
"กับระดับพลังปัจจุบันและระดับภูมิคุ้มกันของเจ้า เจ้าน่าจะสามารถใช้มันได้สูงสุด
3 เม็ด จำไว้ให้ดี!"
"ขอบคุณมาก!" ฮั่นหลางขอบคุณผู้เล่นยามค่ำคืน
ฮั่นหลางสลับเปลี่ยนยาเทพเจ้าบ้าคลั่งในภาชนะของเขาในทันที
เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ฮั่นหลางกินยา มันไม่ค่อยส่งผลใดให้เขามากนัก อันเป็นผลมาจากการปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดของลูเอียว
ความสามารถในการรับยาของเขาดีขึ้น ยาเหล่านี้สามารถเพิ่มความสามารถของเขาได้ประมาณ
3% เขาคิดว่ามันไม่มีผลสักเท่าไหร่
การที่เทพเจ้าบ้าคลั่งที่ปรับปรุงมาจากยาทั้งหมด
ทุกคุณสมบัติมารวมกันในหนึ่งเม็ด และสามารถเพิ่มขีดความสามารถของเขาได้ในทุกด้านทำให้ฮั่นหลางสามารถเดินเส้นทางการเสพยาได้ต่อไป
“มันเยี่ยมมาก เยี่ยมยอด!” 9527 วิ่งเข้ามาหาฮั่นหลางและกล่าวว่า
"นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ โลหะแยกสาร เป็นสิ่งมหัศจรรย์จริง ๆ
ข้าเพิ่งทดสอบคุณสมบัติและศักยภาพของมัน ข้าค้นพบว่าโลหะเหล่านี้มีความสามารถในการลดสัญญาณได้ทุกรูปแบบ!"
"ถ้าเราใส่โลหะเหล่านี้ลงในชั้นในของเรือ เราจะสามารถพรางตาศัตรูได้!
ที่นั่นก็มีโลหะแยกสารจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงสามารถใช้งานได้นานมาก!"
ฮั่นหลางพยักหน้า "นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากเอกลักษณ์ของมันได้
และทำให้เรือมองไม่เห็นและเข้าสู่ดินแดนของ องค์กรเหล่าเทพเจ้า?"
อะ ~
9527 ส่ายศีรษะ "ไม่ มันทำอย่านั้นไม่ได้
ลักษณะพิเศษของโลหะแยกสารจะไม่หลบซ่อนจากสัญญาณเรดาร์ที่ครอบคลุมขององค์กรเหล่าเทพเจ้า
ข้าสงสัยว่ามันจะสามารถใช้ต่อต้านการตรวจจับ"
"คุณสมบัติของโลหะแยกสารเหมือนกับพลังสูญสิ้นของเจ้าซึ่งจะปิดกั้นการรับรู้เทพเจ้าไว้"
การรับรู้เทพเจ้า?
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเขาไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร
9527 กล่าวว่า "มันเป็นเช่นเดียวกับกรณีของอี่เว่ยเว่ยที่มีความสามารถในการควบคุมพายุสายฟ้า
ถ้ามีคนเข้าใกล้เธอ เธออาจทำการโจมตี แต่อี่เว่ยเว่ยอาจไม่ได้เป็นคนตัดสินใจทำการโจมตีคนนั้น
มันเป็นพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ และนั่นคือความรู้สึกของเทพเจ้า"
"เมื่อลั่วอิ๋งและอี่เว่ยเว่ยอยู่ด้วยกัน ลั่วอิ๋งจะไม่ถูกโจมตีเพราะอี่เว่ยเว่ยที่มีการรับรู้แบบเทพเจ้าได้ยอมรับการดำรงอยู่ของลั่วอิ๋ง
แต่ถ้าผู้เล่นยามค่ำคืนเข้าใกล้เธอ เขาก็อาจจะถูกโจมตีเพราะการรับรู้ของเทพเจ้าไม่ชอบเขา"
"ข้ายังไม่เข้าใจว่าทำไมอี่เว่ยเว่ยจึงมีพลังแห่งการรับรู้ของเทพเจ้า
เธอเป็นคนเดียวที่มีพลังนี้ ที่ข้าได้เห็นมาตลอดชีวิตทั้งหมดของข้า"
9527 กล่าวอีกครั้งว่า "เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมในตอนนี้? การรับรู้ของเทพเจ้าก็เหมือนพลังธรรมชาติมันแตกต่างจากจิตใต้สำนึกของเรา
..จิตใต้สำนึกของเราเป็นของเรา แต่การรับรู้ของเทพเจ้าไม่ได้เป็นของใคร มันเป็นของธรรมชาติของจักรวาล"
ฮั่นหลางพยักหน้า เขาเข้าใจในสิ่งที่ 9527 กำลังพยายามที่จะสื่อออกมา
"ดังนั้นเจ้าจะพูดว่าอี่เว่ยเว่ยมีโอกาสที่จะไม่สามารถควบคุมความสามารถของเธอได้
แต่ถ้าเราเปลี่ยนชุดเกราะของเธอให้กลายเป็นโลหะแยกสารแล้ว
มันจะซ่อนการรับรู้ของเทพเจ้าของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการทำร้ายใครอีก"
"ถูกต้อง!" 9527 ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ฮั่นหลางกล่าวว่า "ใช่ มันเป็นเรื่องที่ดี
แต่ถ้าเราไม่สามารถใช้มันเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับเรดาร์ขององค์กรต่าง ๆ ได้แล้ว
มันก็ไม่มีประโยชน์มากนัก"
9527 หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
"ถึงแม้ว่าโลหะแยกสารจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับเรดาร์ได้
แต่ก็สามารถซ่อนการรับรู้ของเทพเจ้าในอุโมงค์เส้นเลือดดำได้"
"เหตุผลเดียวที่เราไม่สามารถผ่านอุโมงค์เส้นเลือดดำได้
ก็คือว่ามันมีการโจมตีทางสายฟ้าที่คาดไม่ถึง ซึ่งอาจจะมุ่งเป้าไปที่ใครหรือเครื่องบินใด
ๆ ก็ได้ แต่ถ้าเรามีโลหะแยกสารแล้วเราจะสามารถผ่านอุโมงค์ได้สำเร็จ!"
"เจ้าเข้าใจไหม? เราสามารถออกไปได้! ไปที่ดาร์คเน็ตที่ใหญ่กว่า! ไม่มีใครสามารถหยุดเราได้!
เราไม่จำเป็นต้องถูกบล็อกโดยองค์กรใหญ่ทั้งห้าในดินแดนต้องสาปบ้า ๆ นี่!"
ฮั่นหลางรู้สึกความสุขมาก แม้ว่าเขาจะไม่มีเจตนาที่จะออกจากพื้นที่เผ่าในขณะนี้
แต่ถ้าเขาต้องติดอยู่ที่นี่เขาก็จะไม่มีเสรีภาพและทำให้เขาไม่พอใจ
การมีโลหะแยกสารนี้ ทำให้พวกเขาสามารถออกไปได้หากต้องการ
โลหะแยกสารเป็นของหายากมาก แต่สิ่งที่หาได้ยากและมีคุณค่ามากขึ้น
ก็คือความจริงที่ว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถใช้พวกมันได้อย่างอิสระ
สถานที่แห่งนี้เป็นของลุงที่ยิ่งใหญ่ของป่าคำราม
และในตอนนี้หมาป่าสวรรค์คำรามถูกทำลายไปจนเกินกว่าจะยอมรับได้
พวกเขายังต้องการที่จะขุดหลุมฝังศพของเขาเพื่อโลหะบางส่วน? ดูเหมือนว่ามันไม่เหมาะที่จำทำโดยพละการ
หากไม่ได้อธิบายให้ป่าคำรามฟังเสียก่อน
ฮั่นหลางจึงเรียกป่าคำรามมาพบเพื่ออธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง
ป่าคำรามได้คิดถึงเรื่องนี้และกล่าวว่า "อาจารย์ของข้ากล่าวว่า
ทุกชีวิตที่ชาญฉลาดเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มันเป็นการดีที่สุดหากสิ่งที่เหมือนกันได้พบกันและรวมเข้ากันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ"
"หลุมฝังศพของลุงที่ยิ่งใหญ่ของข้าได้ถูกทำลายไปแล้ว
หากพวกเจ้าต้องการที่จะนำโลหะแยกสารไป ข้าคิดว่ามันก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ข้าต้องการเก็บของที่เขาทิ้งไว้ ส่วนกระดูกและศพของญาติของข้าก็จำเป็นต้องฝังพวกเขาให้อย่างเหมาะสม"
ฮั่นหลางเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
นี่เป็นข่าวดี หลังจากที่ทุกคนได้ยิน พวกเขาก็เริ่มทำงาน
ฮั่นหลางไปกับป่าคำรามเพื่อไปจัดการกับศพของญาติของป่าคำราม
ป่าคำรามในฐานะที่เป็นหลานชายของหมาป่าสวรรค์คำราม ครอบครัวของเขาไม่ได้จากไปไหน
พวกเขายังอยู่ร่วมกันในสุสานนี้รวมทั้งหมาป่าสวรรค์คำราม พวกเขาทั้งหมดเป็นนักแกะรอยชั้นนำและทุกคนมีความสามารถในการเคลื่อนที่ผ่านมิติ
ไม่มีใครรู้เลยว่ายังมีคนอาศัยอยู่ในสุสานของเผ่าซีรีอุส
เผ่าของป่าคำรามได้เสียชีวิตทีละคนจนในตอนนี้เหลือเพียงเขา
เมื่อเขาเกิดมาแม่ของเขาก็เสียชีวิต ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ไหวลาดดาวมาหาหมาป่าสวรรค์คำรามและได้พาเขาไปเลี้ยงดู
สายเลือดของป่าคำรามทั้งหมดมีโรคทางพันธุกรรมบางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานมากนัก
มิฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่ได้หายสาบสูญจนเหลือป่าคำรามเพียงคนเดียว จากมุมมองนี้
ป่าคำรามและเสี่ยวบ่าวมีความคล้ายคลึงกันมาก
ชนเผ่าซีรีอุสรวมทั้งป่าคำรามไม่สนใจในพิธีการมากนัก
ป่าคำรามนำเอาซากศพของครอบครัวของเขาฝังลงไปในบ่อ
จากนั้นเขาก็พูดบางคำและนั่นก็คือสิ่งที่เขาทำทั้งหมด
ฮั่นหลางตามเขาไปเพื่อเก็บสิ่งของที่เหลือของหมาป่าสวรรค์คำราม
สิ่งที่ฮั่นหลางไม่ได้คาดเอาไว้นั่นก็คือหมาป่าสวรรค์คำรามได้ทิ้งหนังสือหลายตันเอาไว้
แม้ว่าเขาจะเป็นนักรบที่โดดเด่นที่สุดในสมัยของเขาก็ตาม
ป่าคำราม หมาป่าสวรรค์คำราม ชอบการอ่านจริง ๆ
เขาไม่สนใจอะไรที่เขากินหรือสวมใส่
เขาสามารถกินขนมปังในทุกวันและเขาไม่สนใจว่าเขาสวมเสื้อแบบไหน
แต่เขาชอบอ่านและถ้าเขาไม่ได้อ่านหนังสือนานสองวัน เขาก็จะรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
ดังนั้นหมาป่าสวรรค์คำรามจึงทิ้งหนังสือไว้เป็นจำนวนมาก
หลังจากเข้าไปในชั้นใต้ดินของห้องสมุด ฮั่นหลางก็เห็นตู้หนังสือพร้อมกับลิฟต์อัตโนมัติมากมาย
แต่เดิมแล้วหมาป่าสวรรค์คำราม ใช้ลิฟท์เพื่ออำนวยความสะดวกในเก็บหนังสือ ไม่ใช่เพราะเขากลัวฝุ่นหรือการกัดกร่อน
แต่เนื่องจากเขามีหนังสือมากเกินไป
และถ้าต้องการสร้างห้องสมุดที่เหมาะกับทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะใช้เวลานานมาก
ดังนั้นหมาป่าสวรรค์คำรามจึงทำการเก็บหนังสือจำนวนมากเหล่านี้ไว้ในห้องที่มีลิฟท์
และเมื่อเขาต้องการอ่านเขาจะย้ายลิฟท์ไปที่ชั้นหนังสือที่ต้องการด้วยลิพท์ที่ยกเหนือพื้นดิน
"เอาล่ะไปชั้นถัดไป" หลังจากเก็บหนังสือเหล่านี้ ป่าคำราม กล่าวออกมา
"มีชั้นอื่นอีกหรือไม่" ฮั่นหลางถามออกไป
"มี แต่มีเพียงเล่มเดียว อาจารย์ของข้าบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของลุงของข้า
มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา เขาไม่ยอมให้ข้าลงไปที่นั่น..และเขาเองก็ไม่ได้ลงไปเช่นกัน
เขากล่าวว่าหลังจากที่ลุงของข้าเสียชีวิต ก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถเข้าใจหนังสือนี้ได้
เขาบอกว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเอามันไป เขาสั่งให้ข้าปกป้องมัน"
ป่าคำรามกล่าวออกอย่างสุจริตเขาไม่ได้คิดว่าฮั่นหลางเป็นคนนอก
หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านบันไดเป็นเกลียวยาว ฮั่นหลางและป่าคำราม
ก็มาถึงชั้นสามของห้องสมุดด้านล่าง
มันเป็นแค่ห้องเล็ก ๆ มีขนาดประมาณ 100 เมตรเท่านั้น กำแพงทั้งสี่ถูกสร้างขึ้นจากทองคำ
แม้แต่พื้นดินและไฟก็ทำมาจากทองคำ
ฮั่นหลางกำลังสับสนว่าหมาป่าสวรรค์คำรามคือคนที่จะกินเพียงแค่ขนมปังและดื่มน้ำเย็น
และไม่ต้องการอะไรในชีวิต เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าความมั่งคั่งคืออะไร
ความจริงที่ว่าเขาทำห้องที่หรูหราเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
ป่าคำรามเดินไปที่กลางห้องทองคำและดึงมีดออกมา
ชูวว ~
มีดคมและทิ้งรอยแผลไว้บนนิ้วมือของเขาและเลือดของเขาก็เริ่มหยดลงไป
"กลไกในการปกป้องหนังสือเล่มนี้มีความซับซ้อนมาก
ข้าสามารถปลดล็อกด้วยเลือดจากสายเลือดเดียวกันของคนในครอบครัวได้ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมลุงของข้าจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการทำเช่นนี้"
ป่าคำราม อธิบายให้ฮั่นหลางฟัง
ฮั่นหลางเห็นเลือดไหลออกจากปลายนิ้วของ ป่าคำราม และรู้สึกทึ่ง
เขาเห็นเลือดของป่าคำราม มันเป็นสีแดงกึ่งสีทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น