แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
"เธอบอกว่า
เป็นการดีกว่า ถ้าเจ้าจะไม่ทำให้ไข่ดำโกรธ เพราะเจ้าไม่สามารถรับผลที่จะตามมาได้"
ลั่วอิ๋งลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กระซิบบอกกับฮั่นหลาง
ฮั่นหลางรู้สึกงงและถามว่า
"ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้น เจ้าตัวเล็กนี้มีความลับอะไรที่ข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?"
ตัวเล็ก?!
พรึบ ~
ไข่ดำหันขวับไปมองฮั่นหลางเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
บูม ~
ตามที่คาดการณ์ไว้
ฮั่นหลางและไข่ดำเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง ในสายตาของคนอื่น ๆ ฮั่นหลางและไข่ดำนั้นเกิดมาเป็นคู่ปรับกันอย่างแท้จริง
มันยากที่จะหาวันที่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้ การต่อสู้ได้กลายเป็นวิถีชีวิตของพวกเขาไปแล้ว
ไข่ดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของมันเล็กและยังสามารถบินได้ เพื่อจัดการกับเจ้าตัวน้อยตัวนี้
ฮั่นหลางต้องทำการศึกษาเทคนิคแปลก ๆ มากมาย เช่นแกล้งทำร้ายมันด้วยแขน หากแต่กลับใช้ขาของเขาล็อกหัวไข่ดำ
หรือแม้กระทั่งฮั่นหลางแสร้งทำเป็นว่าเขาถูกโจมตีโดยไข่ดำจนล้มลงไปกับพื้น หากแต่เขากลับกวาดขาออกไปเพื่อโจมตีไข่ดำกลับ
ฮั่นหลางไม่เคยใช้ความพยายามมากเช่นนี้ในการต่อสู้กับมนุษย์คนอื่น
ๆ
ในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้
ไม่เพียงแค่ทักษะการต่อสู้ของฮั่นหลางที่พัฒนาขึ้น
การต่อสู้ระหว่างเขาและไข่ดำกลายเป็นงานอดิเรก
การต่อสู้กับไข่ดำเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก และฮั่นหลางต้องทำการตอบสนองที่ฉับไวและรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน
ฮั่นหลางก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เขาแพ้อีกครั้ง
แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ฮั่นหลางรู้สึกตื่นตัวขึ้น
การต่อสู้กับไข่ดำแตกต่างจากการต่อสู้กับศัตรูอื่น
ๆ กับไข่ดำฮั่นหลาง
สามารถใช้ทุกอย่างที่เขามีเพื่อทำการต่อสู้และไม่ใส่ใจกับผลที่ตามมา ในขณะที่เมื่อต่อสู้กับศัตรูอื่น
ๆ ฮั่นหลางไม่สามารถทำผิดพลาดได้ เพราะนั่นอาจนำไปสู่ความตายได้
ฮั่นหลางมีความคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในระหว่างการต่อสู้ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา
"ดี
เจ้าชนะ.. ได้ใจข้าจริง ๆ! ครั้งต่อไปข้าจะหาวิธีการโจมตีที่แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อเอาชนะเจ้า!"
ฮั่นหลางชูกำปั้นเพื่อขู่ไข่ดำออกไป
ไข่ดำที่ได้รับชัยชนะนั้นอยู่ในอารมณ์ที่ดี
มันทอดตัวนอนบนคอของลั่วอิ๋ง ด้วยท่าทีที่ภาคภูมิใจ
ทุกคนต่างส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
ฮั่นหลางและไข่ดำต่อสู้ทุกวัน แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือแต่ละฝ่ายไม่ได้รู้สึกเสียใจจากการที่พวกเขาต้องต่อสู้กัน
ในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนจะดีขึ้นกับจากการต่อสู้ในแต่ละครั้ง
"เรากลับกันเถอะ
เอาเทพอาชูร่านี้ไปให้ 9527
ดูบางทีเขาอาจจะรู้ว่ามันคืออะไร" ฮั่นหลางพูดกับคนอื่น ๆ
สถานีอวกาศของ 9527
ลั่วอิ๋งอยู่ในห้องของเธอและนั่งอยู่บนโซฟา
เธอกุมศีรษะด้วยมือทั้งสองและกำลังพูดคุยกับผู้พิทักษ์แบนชี
"เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่มีข้อผิดพลาด?
ไข่ดำและฮั่นหลางมีความสัมพันธ์ที่ดี เช่นนี้ทำไมมันถึงต้องทำร้ายฮั่นหลาง?
เจ้าก็เห็นวันนี้ด้วยเช่นกัน ฮั่นหลางและไข่ดำต่อสู้กัน
แต่ก็ไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลย" ลั่วอิ๋งกล่าวออกมา
ยมทูตแบนชีส่ายหน้าและมีสีหน้าเป็นห่วง
"ถ้าความกังวลของข้ากลายเป็นจริง ฮั่นหลางจะตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก"
"เจ้ากำลังพูดถึงลูกหลานของมังกรหรือไม่?
มันเป็นไปได้หรือ?
ข้ารู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรเป็นตำนานราชาของสัตว์ป่าและมันสามารถใช้ประโยชน์จากกฎพื้นที่แห่งความมืดเพื่อครอบครองจักรวาลทั้งหมด
พวกมันเป็นผู้ครอบครองจักรวาลโบราณ
แต่เผ่าพันธุ์มังกรได้สูญหายไปเป็นเวลานานแล้ว"
"พวกมันไม่ได้สูญพันธุ์
หากแต่หายตัวไป"
"ข้าได้เห็นดวงตาของไข่ดำ
และรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดเมื่อมันกลืนตาสวรรค์ ซึ่งมีพลังงานจำนวนมหาศาล ด้วยตาของข้าเอง"
"ข้าสงสัยว่า
ไข่ดำไม่ใช่สัตว์จิตวิญญาณหากแต่เป็นลูกหลานของมังกร..ในตอนนี้มันยังไม่ได้รับพลังอำนาจพอที่จะท้าทายจักรวาล
ดังนั้นมันจึงอยู่ข้าง ๆ ฮั่นหลาง แต่เมื่อมันเสร็จสิ้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของมัน
ด้วยธรรมชาติที่ชั่วร้ายของมังกร มันจะไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อฮั่นหลาง
แต่มันจะเป็นภัยคุกคามมหาศาลต่อจักรวาลทั้งหมด"
"ข้าไม่เชื่อเจ้า"
ลั่วอิ๋งเถียงหัวชนฝาออกมา "ที่สัตว์จิตวิญญาณทั้งหมดกลัวไข่ดำ นั่นเป็นเพราะพวกมันอยู่ในสายพันธุ์เดียวกัน"
"นั่นไม่ใช่ความจริงอย่างแท้จริง
ถ้าไข่ดำเป็นลูกหลานของมังกร สัตว์จิตวิญญาณก็จะกลัวมันเช่นกัน"
"แต่ไข่ดำสามารถใช้ทักษะจิตพิฆาตวิญญาณซึ่งเป็นลักษณะการโจมตีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสัตว์จิตวิญญาณ"
อย่าลืมว่าเผ่าพันธุ์มังกรในตำนานก็สามารถใช้ลมหายใจมังกรได้
บางทีการโจมตีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไข่ดำนั้นไม่ใช่จิตพิฆาตวิญญาณ พวกเราไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างลมหายใจมังกรกับจิตพิฆาตวิญญาณได้"
"แม้ว่าไข่ดำจะเป็นลูกหลานของมังกร
แต่ฮั่นหลางก็อาจจะไม่ขัดแย้งกับ ไข่ดำ พวกเขาอาจกลายเป็นเพื่อนที่ดี
ฮั่นหลางมีเพื่อนมากมายและเขาก็ปฏิบัติต่อพวกมันนอย่างดี"
ยมทูตแบนชีถอนหายใจออกมาและมองลั่วอิ๋งอย่างท้อใจว่า
"อิ๋งน้อย เจ้าเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาเกินไป แม้ว่าข้าจะไม่สามารถระบุได้ว่าไข่ดำสืบเชื้อสายมาจากมังกรหรือไม่
เจ้าไม่ได้เห็นหรือว่าไข่ดำเกิดมาพร้อมกับความภาคภูมิใจ?"
"ฮั่นหลางอาจถูกมองว่าเป็นเจ้านายของไข่ดำ
แล้วไง? พวกเขาก็ยังต่อสู้กันทุกวันอยู่เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือ?"
"และเจ้าต้องรู้ว่า
แม้ฮั่นหลางจะเป็นคนง่าย ๆ แต่เขาก็เต็มไปด้วยความดื้อรั้น ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ที่เรารู้จักเขา เราเห็นเขาปฏิเสธที่จะยอมถอยหลังกลับเพื่อหลีกหนีจากความตายมากกว่าหนึ่งครั้ง
นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ดื้นรั้น..ถ้าวันหนึ่งเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างแท้จริงระหว่างไข่ดำที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจกับฮั่นหลางที่ดื้อรั้น
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นการต่อสู้กับความตายของฮั่นหลาง"
ลั่วอิ๋งไม่พูดคำใดออกมา
ฮั่นหลางเป็นคนพิเศษจริงๆ เขาเป็นเด็กหนุ่มและตลกหากแต่ดื้อรั้นมาก
ในทางตรงกันข้ามไข่ดำมีพลังอย่างมหาศาล
ถ้าทั้งสองโกรธกันและทำการต่อสู้มันก็จะเป็นอะไรที่แย่มาก ๆ
"ไข่ดำมีพลังมากจริง
ๆ ตอนนี้ไข่ดำเป็นเช่นไพ่แห่งความกล้าหาญที่ฮั่นหลางมี แต่ปัญหาก็คือมันจะเป็นไพ่ให้ฮั่นหลางไปอีกนานแค่ไหน?"
.....
ด้านหลังของจักรวาลหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า
ดาร์คเน็ต
ที่นี่ เป็นที่ที่เวลามาบรรจบกับพื้นที่
มันมีอุโมงค์ขนาดใหญ่มากมายนับไม่ถ้วนโดยไม่มีที่สิ้นสุด มันที่สามารถเดินผ่านไปยังปลายทางที่ไม่รู้จักที่นับไม่ถ้วน
โลก
ดาวเคราะห์สีฟ้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความงดงาม
โลกปัจจุบันไม่ได้ไร้คนอาศัย
ตรงกันข้ามผู้สูงอายุและผู้หญิงนับล้านคนไม่ยอมออกจากโลกใบนี้
ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรพบุรุษ
จีน
ตอนเหนือของเทือกเขา ชานเปิ่ย
ที่ชายขอบของดินแดนสีเหลือง
ชาวนาสูงอายุคนหนึ่งนั่งอยู่บนสันเขาของพื้นที่เพาะปลูกด้วยความงุนงง เขามองดูท้องฟ้าแปลก
ๆ และคิดว่าจะทำอย่างไรในอนาคต
คนชรามักจะดื้อรั้น
เด็กทุกคนรู้ดีว่าตั้งแต่มีการพัฒนาอาหารสังเคราะห์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำการเกษตร
แม้ผักจะสามารถปลูกในพื้นที่ที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสงอัตโนมัติได้ แต่ชายชราคนนี้ก็ไม่อาจลืมแผ่นดินที่แห้งแล้งของหมู่บ้าน
เขารู้สึกว่าธัญพืชสังเคราะห์ไม่ได้มีความหอมเหมือนธัญพืชที่เขาปลูกมันด้วยมือของตัวเอง
แต่ตอนนี้ทั้งโลกมีการเปลี่ยนแปลง
เขาถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นพร้อมกับโลก ดวงอาทิตย์ยังคงมีอยู่
แต่มันไม่ได้ให้แสงสว่างอีกแล้ว โลกอยู่ในความมืดเสมอ และท้องฟ้ายามค่ำคืน อันไกลโพ้นไม่มีดวงดาวที่ส่งแสงระยิบระยับอีกต่อไป
ดาวเคราะห์น้อยเพียงไม่กี่ดวงเช่นดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดียังคงติดตามโลกอยู่
พวกมันต่างอยู่เงียบ ๆ ในโลกมืดและดูเหมือนจะเงียบเหงา
ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่บนโลกก็เหงา
บางคนรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจที่จะไม่ติดตามลูกหลานของพวกเขาไปที่กาแลคซีม้าคู่
คนชราไม่เต็มใจที่จะจากโลก คนหนุ่มสาวก็ไม่ได้ต้องการที่จะจากโลกไปเช่นกัน
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ในโลกติดตามกองทัพและอพยพออกไป
นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธกองทัพทหารได้
ทุกคนรู้ดีว่าปีนี้เป็นช่วงที่ยากที่สุดสำหรับทหารในกองทัพ เหล่านักรบและทหารจำนวนมากที่มีพลังพิเศษในโลกเท่านั้นที่จะสามารถทำศึกสงคราม
และพวกเขาต้องหลั่งเลือดออกมาด้วยความเสียสละ คนส่วนใหญ่สามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขก็เพราะพวกเขา
เหล่าทหารและนักรบ...
คนไม่สามารถลืมถิ่นฐานต้นกำเนิดของเขาได้
แต่เมื่อกองทัพมาถึงหมู่บ้านและขอร้องให้พวกเขาออกไป
ทหารมีน้ำตาและตบใบหน้าของตัวเอง
พวกเขาอ้างว่าพวกเขาไร้ความสามารถและไม่มีทางที่จะปกป้องทุกคน
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการพาทุกคนหนีออกไปเพื่อปลอดภัย
เมื่อเผชิญหน้ากับฉากดังกล่าวใครจะมีหัวใจที่จะบอกว่าไม่? อย่างไรก็ตามชีวิตของคนนับ 150
พันล้านคนบนแผ่นดินโลกได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพบก
ชายชรานั่งข้างนอกไม่กี่ชั่วโมง
หลังจากสูบบุหรี่ไปเกือบครึ่งห่อ เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่บ้านของเขา
มนุษย์ต้องการกินเพื่ออยู่ แต่มันค่อนข้างน่าเบื่อเมื่อต้องกินเพียงลำพัง
ดังนั้นชายชรามักจะกินอาหารจำพวก เบคอนและผักดองไม่กี่คำ เมื่อเขากระหายน้ำเขาจะดื่มน้ำจากเครื่องอัตโนมัติซึ่งกรองมาจากโมเลกุลของน้ำ
ทุกคนในหมู่บ้านได้ออกไปหมดแล้ว
มีเพียงชายชราและสุนัขที่ชื่อว่า เจ้าเหลืองเท่านั้นที่ยังอยู่เป็นเพื่อน
ในสมัยก่อนเจ้าเหลืองชอบอาบแดด แต่ตอนนี้ดวงอาทิตย์ไม่ส่องแสงอีกแล้ว
และเจ้าเหลืองก็หดหู่มากขึ้น มันจะอยู่ในบ้านตลอดทั้งวันโดยไม่ขยับ
และปฏิเสธที่จะกิน มันอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน
เมื่อเขาผลักประตูเข้าไปในลานบ้าน
ชายชราก็ชะงักอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าเหลืองที่ชอบนอนอยู่บนพื้นดิน ในตอนนี้มันดูมีอายุน้อยกว่าเดิมไปหลายปี
มันหมอบอยู่ด้านข้างของชายหนุ่มคนหนึ่ง ในขณะที่มันกระดิกหางของมัน
ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าแปลก ๆ มันคล้ายกับเกราะที่ทหารในกองทัพสวมใส่
แต่กองทัพโลกสวมเกราะอ่อน ชายหนุ่มคนนี้สวมเกราะหนักในช่วงด้านบนของร่างกาย
มันดูเหมือนชุดเกราะมาตรฐานที่ใช้ในโรงละครโอเปร่า
ชายหนุ่มคุกเขาข้างหนึ่งบนพื้น
ตบเจ้าเหลืองเบาๆ เมื่อเขาเห็นว่าชายชรากลับมาบ้านเขายิ้มและลุกขึ้นยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น