เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

GDN 349 รูปแบบชีวิตของโลหะและการคาดเดาเกี่ยวกับดวงตาที่สาม

แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน 
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์ 
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/





โอ้ววว ~

เทพอาชูร่าพันมือส่งเสียงร้องออกมา บางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น

เทพอาชูร่าพันมือที่ทำมาจากโลหะขนาดใหญ่ที่มีความสูงนับร้อยเมตร ทรุดตัวลงบนพื้น ขาทั้งสี่ไขว้กัน แขนนับไม่ถ้วนหดเข้าไปในร่างกายของมัน เหลือเพียงเก้าแขน และร่างกายที่เป็นดอกบัวที่เต็มไปด้วยแผล ก่อนที่มันจะหยุดนิ่ง

คลืนน ~

เสียงดังกึกก้อง และแสงสีทองเปล่งประกายออกมา ร่างยักษ์ของเทพอาชูร่าพันมือ หดลง ในตอนนี้มันเป็นเพียงรูปปั้นขนาดฝ่ามือ ที่สูงไม่เกินข้อเท้าของฮั่นหลาง

การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ พวกเขาทั้งหมดคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะโกรธเมื่อไข่ดำควักตาออก และจะก่อให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรง แต่ปรากฎว่าเทพอาชูร่าพันมือกลับหยุดทำงานและหดตัวลง!

ฮั่นหลางหยิบรูปปั้นงานประติมากรรมสีทองขึ้นมา เขาไม่ได้เป็นผู้ชนะจากการต่อสู้กับอาวุธมนุษย์ แต่เขากลับได้รับสิ่งนี้!

"สิ่งนี้..." ฮั่นหลางส่ายหัวและพูดออกมาด้วยความไม่แน่ใจ

ในทางกลับกัน ไข่ดำก็วิ่งหนีไปในขณะที่มือของมันถือตาที่สามของเทพอาชูร่าพันมือ ด้วยเหตุผลบางประการไข่ดำไม่ต้องการกินอาหารนี้ต่อหน้าฮั่นหลาง

"ข้าจะไปเอง พวกเจ้าปกป้อง ลั่วอิ๋ง!" ผู้พิทักษ์ของลั่วอิ๋ง ตะโกนบอกในขณะที่วิ่งตามไข่ดำออกไป ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีพลังใกล้เคียงกับจิตวิญญาณ เธอเป็นคนเดียวที่มีความเร็วที่สามารถไปได้ทันไข่ดำ คนอื่นแม้แต่ดาวพลูโตก็ไม่สามารถเทียบความเร็วกับไข่ดำได้

"ดูเหมือนว่านี่จะเป็นรูปแบบเดิมของเทพอาชูร่าพันมือ ไม่รู้มาก่อนว่ามันจะมีขนาดเล็กขนาดนี้"

เจียนเจียกล่าวว่า "รูปปั้นประติมากรรมชิ้นนี้น่าทึ่งมาก ถ้าได้รับพลังเพียงพอ มันก็จะสามารถเปิดใช้งานได้ ราวกับว่ามันถูกควบคุมโดยศูนย์แบ่งจ่ายพลังงาน ในระหว่างการต่อสู้ ความยืดหยุ่นของมันก็ใกล้เคียงกับนักรบที่มีชีวิตจริง ๆ ไม่มีอะไรเหมือนเช่นโลหะผสม"

“อย่าลืมว่า เราโชคดีตอนที่จัดการมัน และไข่ดำก็ตั้งใจที่จะควักดวงตาของเทพอาชูร่าพันมือ..ทำให้มันไม่สามารถที่จะใช้พลังเพื่อทำการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่"

“ดูสิ หน้าผากของรูปปั้นเทพอาชูร่าพันมือที่ว่างเปล่า มันมีร่องรอยบางอย่าง ซึ่งหมายความว่าอาวุธมนุษย์นี้เคยมีตาที่สามมาแล้วในอดีต..มีความเป็นไปได้สูงมากที่เทพอาชูร่าพันมือกับตาที่สามเป็นรูปแบบอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด"

“แม้ว่าสาวกมืดหมายเลขศูนย์ จะเปลี่ยนชีวิตและดวงตาที่สามของเขาให้เป็นเทพอาชูร่าพันมือ ดวงตาของสาวกมืดหมายเลขศูนย์ก็ไม่ใช่ดวงตาดั้งเดิม เหตุผลก็ง่าย ๆ เช่นเดียวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แขนที่เสียหาย สามารถจัดหามาใหม่ได้ แต่นักรบก็ไม่ต้องการแขนใหม่ เนื่องจากแขนสังเคราะห์ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าของเดิม หรืออาจกลายเป็นภาระได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมมีนักรบแขนเดียวเป็นจำนวนมาก"

พลูโตพยักหน้าและกล่าวว่า "ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เจียนเจียพูดมา เราโชคดีมากในครั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเทพอาชูร่าพันมือที่ไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมา หากตัดสินจากแหล่งพลังงานที่ผันผวนในร่างกายของมัน รูปปั้นประติมากรรมนี้ มีศักยภาพในการต่อสู้ที่เยี่ยมยอด"

"มันทำให้ข้านึกถึงสิ่งที่สาวกมืดหมายเลขศูนย์ กล่าวไว้ในก่อนหน้านี้ว่า ราชาเผ่าพันธุ์สามตาเป็นคนแรกที่ค้นพบรูปปั้นประติมากรรมนี้ เทพอาชูร่าพันมือมีดวงตาสามดวงเช่นเดียวกับราชาเผ่าพันธุ์สามตา นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ..เห็นได้ชัดว่าโลหะที่เป็นรูปแบบที่น่าอัศจรรย์ เช่นเทพอาชูร่าพันมือนี้ไม่ใช่สิ่งที่เทคโนโลยีกาแลคซีสามารถสร้างได้ ดังนั้นนักประดิษฐ์นี้ต้องมาจากที่อื่น"

ฮั่นหลางพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด แต่ข้าคิดถึงอะไรบางอย่าง..เผ่าพันธุ์สามตานั้นมีจุดเด่นในเรื่องตาที่สาม ในขณะที่การหาคนที่มีตาที่สามในเผ่าพันธุ์นี้เป็นเรื่องยาก จนถึงวันนี้สมาชิกเผ่าพันธุ์สามตานับร้อยล้านคนได้เสียชีวิต แต่ข้าได้เห็นเพียง 4 คนที่มีตาที่สามจากเผ่าพันธุ์นี้ นอกจากสาวกมืดหมายเลขศูนย์ที่เป็นร่างโคลนนิ่ง"

"ลีซ่า ไรลีย์ และเซอร์บารัสอาเธอร์ อาศัยอยู่ในกองเรือของเผ่าพันธุ์สามตา เป็นเวลา 3 ปีโดยบังเอิญ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นทหารที่มีตาสวรรค์ ซึ่งหมายความว่าเปอร์เซ็นต์ของการมีตาสวรรค์คือหนึ่งในหลายร้อยล้านหรือแม้แต่หนึ่งในล้านล้าน"

"ก่อนหน้านี้ข้าได้ศึกษาพันธุศาสตร์ทางพันธุกรรมแล้วถ้าตาสวรรค์เป็นคุณลักษณะทางชีววิทยาของเผ่าพันธุ์สามตา อัตราพันธุกรรมที่ต่ำเช่นนี้ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือว่าเป็นจริง"

"เมื่อมองไปที่รูปปั้นประติมากรรมเทพอาชูร่าพันมือ เทพอาชูร่าพันมือนี้มีตาที่สาม แต่มันกลับว่างเปล่าในตำแหน่งของตาที่สาม..เป็นไปได้หรือไม่ที่เผ่าพันธุ์สามตาได้รับตาสวรรค์จากรูปปั้นประติมากรรมชิ้นนี้? เนื่องจากเป็นพลังทางพันธุกรรมจากอวกาศ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์สามตามีจำนวนคนที่มีตาสวรรค์น้อยมาก"

ดาวพลูโตลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า "ช่างเป็นข้อสันนิษฐานที่อาจหาญมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เพราะมันก็ไม่มีใครรู้ขั้นตอนวิวัฒนาการการกลายพันธุ์จากเผ่าพันธุ์มนุษย์มาเป็นเผ่าพันธุ์สามตา มีเพียงแค่การกล่าวกันว่าเป็นการกลายพันธุ์ของยีน แล้วมันเป็นอย่างไร หากไม่ใช่แล้วมันจะเป็นอย่างไร? หลายปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครสามารถหาเหตุผลที่ชัดเจนรองรับได้"

"ในแง่นี้เราโชคดีมาก ถ้าหากเทพอาชูร่าพันมือ มีสภาพสมบูรณ์และมีตาที่สามดั้งเดิมของมัน เราอาจจะไม่สามารถเอาชนะโลหะลึกลับนี้ได้"

ฮั่นหลางยักไหล่และยิ้มว่า "ความฝันในวัยเด็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือการมองมาที่โลกจากท้องฟ้าที่อยู่เหนือโลก ข้าพอใจถ้าข้ามีเรือโทรมเก่า ๆ ขนาดเล็ก ๆ ซักลำ"

"ดูสิตอนนี้มันซับซ้อนมากขึ้น สิ่งมีชีวิตอัจฉริยะ สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง ถ้าเทพอาชูร่าพันมือมีมากมายในสถานที่ที่ไม่รู้จักบางแห่งในจักรวาล สัตว์ประหลาดโลหะที่มีตาที่สามจำนวนมากเหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เลวร้าย"

"ข้าไม่เคยเห็นราชาเผ่าพันธุ์สามตา แต่ตาแห่งการกลับมาเกิดใหม่ ที่สามารถโคลนนิ่งร่างของเขาเช่น สาวกมืดหมายเลขศูนย์ มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ..มันสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่นได้หรือไม่? มันสามารถดูดซับพลังชีวิตของคนอื่นเมื่อมันต้องการ และยังมีพลังพิเศษ พลังสูญสิ้นของข้าที่ไม่สามารถเอาชนะ ตาแห่งการกลับมาเกิดใหม่ได้"

"สมมติว่าในวันหนึ่ง ข้าต้องผจญภัยที่นอกจักรวาล และมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นโลหะประหลาด และพวกมันทุกคนมีตาแห่งการกลับชาติมาเกิด..ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องทำการต่อสู้ ตาแห่งการกลับมาเกิดใหม่คงทำให้ข้าตายได้อย่างง่ายดาย"

ลั่วอิ๋งเอียงศีรษะ ก่อนพูดออกมาว่า "ถ้ามันเป็นเช่นนั้น จักรวาลนี้ก็น่ากลัว มันคงไม่งดงามเช่นที่ผ่านมา ข้าเลยคิดว่าตาแห่งการกลับมาเกิดใหม่นี้จะต้องมีเงื่อนไข... มิฉะนั้นทำไมสาวกมืด หมายเลขศูนย์ถึงไม่ฆ่าเราในทันที? ดูดพลังของเราเข้าไปในตัวเขาและเขาก็สามารถเอาชนะพวกเราได้ ทำไมเขาถึงต้องพยายามเกิดใหม่ในรูปปั้นทองคำนี้?"

ตาของฮั่นหลางเบิกกว้างขึ้นและตบบนหัวของลั่วอิ๋งเบา ๆ และพูดว่า "เจ้าเป็นสาวน้อยที่เฉลียวฉลาด..ถ้าเขาสามารถฆ่าเราได้ แล้วทำไมสาวกมืดหมายเลขศูนย์ต้องทำลายตนเอง บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนเช่นที่เจ้าพูด"

ฮิฮิ

ลั่วอิ๋งหัวเราะคิกคักด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ เจียนเจียส่งเสียงฮึมฮัมออกมา เด็กสาวประหลาดคนนี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับฮั่นหลางและทำให้เจียนเจียรู้สึกอิจฉา

ทันใดนั้น ~

ลั่วอิ๋งส่งเสียงหวาดกลัวออกมา เธอรีบปิดปากของเธอพร้อมด้วยสีหน้าที่ตกใจ

"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?" ฮั่นหลางถามออกไปด้วยความอยากรู้

ลั่วอิ๋งไม่ตอบและมองตรงไปยังระยะไกล ไข่ดำบินกลับมาพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายของความสุขออกมา ผู้พิทักษ์ของลั่วอิ๋งตามหลังมา เมื่อมองไปที่สีหน้าที่ซีดของเธอ มันดูราวกับว่าเธอได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรมองเห็น

ในมือของไข่ดำ ตาที่สามของเทพอาชูร่าพันมือหายไปแล้ว มันอาจถูกซ่อนหรือถูกมันกินไปแล้ว มีความเป็นไปได้ไหมที่ลั่วอิ๋งร้องออกมาเพราะเรื่องนี้และผู้พิทักษ์ยมทูตแบนชีได้มองเห็นไข่ดำกลืนนัยน์ตานั้น?

ฮั่นหลางมองไปที่ไข่ดำอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เกล็ดสีดำบาง ๆ ที่ห่อหุ้มร่างอ้วน พุงไขมันของมันและปีกนกสั้น ๆ สองข้างของมันเปล่งแสงระยิบระยับ มันมีหัวขนาดใหญ่และคอที่ดูล่ำ แถวของฟันเล็ก ๆ ในปากของมันและคู่ของดวงตาสีทองขนาดใหญ่ที่เปล่งประกายแวววาว ไม่มีอะไรผิดปกติ

"เจ้าเห็นอะไร?" ฮั่นหลางถามผู้พิทักษ์ยมทูตแบนชี

ผู้พิทักษ์ยมทูตแบนชีที่มีผมยาวตรงสีดำเลยบ่า เธอไม่ตอบฮั่นหลางหากแต่กระซิบข้าง ๆ หูของลั่วอิ๋ง ลั่วอิ๋งลูบแขนด้วยมือทั้งสองข้างราวกับว่าตัวสั่นจากความหนาวเย็น

"เธอกล่าวว่า เป็นการดีกว่าถ้าเจ้าจะไม่ทำให้ไข่ดำโกรธ เพราะเจ้าจะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้" ลั่วอิ๋งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และกระซิบบอกฮั่นหลาง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น