เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

GDN 316 ตรวจพบไข่ดำ

แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน 
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์ 
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/





ฮั่นหลางและเฟิงหว่านโจว พบโรงแรมที่อยู่ในเมืองล่าจิตวิญญาณ บ้านเกือบทั้งหมดในเมืองนี้ มีไม่กี่แห่งที่สามารถเช่าได้ ที่พักที่เฟิงหว่านโจวหาได้นั้นเป็นห้องพักที่อยู่ในร้าน ในชั้นบนมีห้องพักไม่กี่ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวกนั้นเรียบง่ายมาก แต่อย่างน้อยก็เงียบสงบ

เห็นได้ชัดว่าเฟิงหว่านโจวคุ้นเคยกับชายร่างอ้วนที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เมื่อเขาเห็นเฟิงหว่านโจว เขาทำความเคารพและปิดร้านก่อนเวลา ชายร่างอ้วนและเฟิงหว่านโจวเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วและเริ่มคุยกันในเรื่องที่เกิดขึ้น

"เจ้าเห็นสายตาของคนเหล่านั้นที่มองเราบนถนนในวันนี้หรือไม่ มันแปลก ๆ" เจียนเจียกล่าวออกมา

ฮั่นหลางย่อมรู้อย่างแน่นอน ในความเป็นจริงคนในเมืองไม่ได้เกลียดเฟิงหว่านโจวมากนัก พวกเขาเพียงแค่กลัวที่จะทักทายและพูดคุยกับเฟิงหว่านโจวเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่าง

ฮั่นหลางคิดอยู่ในใจ เฟิงหว่านโจวต้องการเผชิญหน้ากับบุคคลที่มีสถานะสูงมาก ทุกคนจึงกลัวว่าบุคคลนั้นจะตอบโต้ กับใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ๆ กับเฟิงหว่านโจว ดังนั้นพวกเขาจงใจรักษาระยะห่างจากเฟิงหว่านโจว

"จับตาดูพวกเขาไว้ รอดูท่าทีและจัดการตามสถานการณ์" ฮั่นหลางกล่าว

ลั่วอิ๋งกล่าวว่า "ข้าเห็นด้วย เฒ่าเฟิงจริง ๆ แล้วก็น่ากลัว ..ข้าคาดว่าเขาน่าจะอยู่ในระดับเจ็ดดาวขั้นสูงสุด ในเมืองล่าจิตวิญญาณนี้ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครที่มีระดับสูงกว่าเฒ่าเฟิง"

ฮั่นหลางขมวดคิ้ว บ่อยครั้งที่ผู้ที่มีระดับสูงกว่าไม่ได้มีความได้เปรียบมากนักในการต่อสู้ ถ้าทุกคนในเมืองเป็นศัตรูกับเฟิงหว่านโจว มันก็จะเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ

"เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเดินตรวจสอบที่ถนน" ฮั่นหลางบอกลั่วอิ๋งและเจียนเจีย

"ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"

สาวน้อยทั้งสองกระโดดออกมาพร้อมกัน เมื่อพวกเขาต่างต้องพึ่งพากันและกันความรู้สึกจะพัฒนาไปได้ง่ายมาก ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาพวกเธอเริ่มพึ่งพาฮั่นหลางอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตราบใดที่ฮั่นหลางอยู่เคียงข้างพวกเธอ พวกเธอก็จะรู้สึกสบายใจ ถ้าฮั่นหลางอยู่ไกล พวกเธอก็เริ่มกังวลใจ

"อย่าโง่ เจ้าเห็นผู้หญิงบนถนนหรือไม่ อย่าคิดว่าเจ้าสามารถปลอมตัวอยู่ข้างหน้าคนเหล่านี้ได้ ในที่นี่ไม่มีผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มหรือคนที่หล่อเหลา ผู้ชายก็เป็นอันตราย จงเชื่อฟังข้าและพักอยู่ที่นี่"

ฮั่นหลางพูดเหมือนพี่ชายคนโตที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน เขาปฏิเสธออกไปอย่างชัดเจน เจียนเจียและลั่วอิ๋งต่างก็ยอมรับเหตุผลของเขาได้อย่างง่ายดาย

ฮั่นหลางเดินอยู่บนถนนตามลำพัง นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ทุกคนต่างรับทราบข่าวสารเกือบทุกอย่างได้ในทันที รวมทั้งตระหนักถึงฮั่นหลางที่มากับเฟิงหว่านโจว

เมื่อฮั่นหลางเข้าไปในบาร์ บาร์ก็ปิดลง เมื่อเขาต้องการจะไปที่ร้านอาหารเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข่าว ไฟในร้านอาหารก็ดับลงโดยฉับพลัน

ฮั่นหลางยิ้มอ่อนออกมา ดูเหมือนว่าคนในเมืองล่าจิตวิญญาณจะเห็นเขาเป็นเชื้อโรค

ฮั่นหลางเข้าไปใกล้ที่ป้อมใจกลางเมือง เขาเห็นว่าป้อมปราการนี้มีแสงสว่างส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา และประตูทางเข้ามีหินยักษ์ตั้งอยู่ บนหินมีคำที่สลักเอาไว้ไม่กี่คำ มันสลักไว้ว่า "สมาคมล่าจิตวิญญาณ"

จากประสบการณ์ส่วนใหญ่ สมาคม เป็นเพียงการจับกลุ่มกันเพื่อทำธุรกิจบางอย่างร่วมกัน โดยมีการจัดการเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบอิสระ สมาคมล่าจิตวิญญาณเป็นเหมือนกองทัพที่แยกตัวออกจากนักล่าจิตวิญญาณจากท้องถนน

ฮั่นหลางส่ายหัวและเดินไปตามถนนหลัก

ฮั่นหลางไม่กลัวพวกเขา ประการแรกฮั่นหลางเองก็เป็นนักรบระดับสูง ต่อสู้มาแล้วหลากหลายวิธี นอกจากนี้เมื่อเขาสามารถพัฒนาตัวเองจนสำเร็จในเส้นทางซาตาน เขาลืมการสะกดคำว่า "กลัว" ไปแล้ว อีกทั้งเขาเป็นคนที่ต่อสู้ด้วยรูปแบบการโจมตีปีศาจตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่เส้นทางนี้ มีเพียงแต่คนที่เคยต่อสู้กับเขามาก่อนจึงจะสามารถเข้าใจว่าเขาน่ากลัวมากจริง ๆ ในการสู้รบ

ฮั่นหลางต้องการจะหนีออกจากโลกรังผึ้ง และกลับไปสู่จักรวาลปกติ เกี่ยวกับวิธีการที่จุดเชื่อมต่อเปิดและปิด ฮั่นหลางยังคงไม่เข้าใจ นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขายังกังวล

ไม่ใช่ว่าฮั่นหลางจะไม่สามารถสร้างรอยแยกมิติอื่น ๆ ไม่ได้ มันเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะถูกโยนไปสู่โลกใบไหน มันอาจจะไกลออกไปจากบ้าน

ทันใดนั้น ~

ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งความช่วยเหลือ ทางฝั่งขวามือของถนนในซอยที่มืด ปรากฏมือซีดผอมกับเล็บยาวที่ยาวกว่านิ้วที่ดูกลัวมาก กำลังกวักเรียกตัวเขา

มือที่น่ากลัวนี้กวักมาที่ฮั่นหลาง ดูเหมือนจะต้องการให้เขาเดินเข้าไปหา เจ้าของมือนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยมืด

....

พระราชวัง ประธานสมาคมล่าจิตวิญญาณ ราชาจิตวิญญาณหลี่เซียง

เขาต้องการที่จะเปลี่ยนสมาคมที่อิสระนี้ และมุ่งเน้นที่จะรวบรวมนักล่าจิตวิญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน

ดังนั้นหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็พยายามที่จะรับสมัครกองทัพและควบคุมจุดเชื่อมต่อ จนในตอนนี้เขาได้สกัดกั้นจุดเชื่อมต่อโลกรังผึ้ง จากโลกภายนอกด้วยเทคนิคพิเศษ

เหตุผลที่หลี่เซียงทำการรวบรวมนักล่าจิตวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเขาต้องการรวมกลุ่มกัน หากแต่เขาต้องการที่จะใช้พวกเขาเพื่อเป้าหมายลับสุดยอดของเขา

ขณะนี้ ร่างที่ผอมเหมือนไม้ซีก พร้อมด้วยตาที่ลึกโบ๋ เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องทดลองของเขาและทำการสบถออกมาอย่างต่อเนื่อง

"ตาแก่นี้ ยังไม่ตายจริงหรือ? เขากลับมาจริง ๆ?” หลี่เซียงตะโกนออกมาด้วยอารมณ์ที่มืดมน

ข้าง ๆ เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างค่อนข้างอวบ ผิวซีดเล็กน้อย พร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา นี่คือเฉินเทียง พ่อบ้านของหลี่เซียง

เฉินเทียง กล่าวออกไปว่า "เฟิงหว่านโจว คือราชาจิตวิญญาณรุ่นสุดท้ายเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกรังผึ้ง เขาจะไม่ตายง่ายดายเช่นที่เราคาดหวังไว้ แม้ว่าเฟิงหว่านโจวจะไม่ตาย แต่ลูกชายของเขาก็ไม่ได้กลับมาพร้อมกับเขา..สันนิษฐานว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตไปแล้ว แม้ว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยเราก็สามารถตัดปีกของเฟิงหว่านโจวได้"

"เราควรทำอย่างไรต่อไป?" หลี่เซียงถามออกไป "เมื่อข้าบอกเขาว่ามีสัตว์ระดับสูงสุดอยู่ที่นั่น เขาเชื่อข้าและแม้แต่ลูกชายของเขาก็เชื่อข้า"

"แต่สิ่งที่พวกเขาพบกลับเป็นสัตว์ดูดวิญญาณที่น่ากลัว สัตว์ดูดวิญญาณหนีไปและลูกชายของเขาเสียชีวิต ถ้าข้าเป็นเฟิงหว่านโจว และเมื่อต้องกลับมาเผชิญหน้ากัน ข้าจะคิดยังไง?"

เฉินเทียงกล่าวออกไปอย่างใจเย็นว่า "แน่นอนว่าเขาย่อมเกลียดท่าน"

หลี่เซียงตบโต๊ะและกล่าวออกมาว่า "มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น! สิ่งที่ข้าทำผิดพลาดไปนั่นก็คือข้าไม่ได้ส่งคนไปที่นั่นและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาตาย เขาสามารถหนีจากสัตว์ดูดวิญญาณและกลับมา"

เฉินเทียงยังคงกล่าวต่อไปว่า ฝ่าบาท การบ่นเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมามันไม่มีประโยชน์อันใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยึดปัจจุบัน เฟิงหว่านโจวไม่ตายนั่นเป็นความจริง การบ่นนั้นไร้ประโยชน์ ราชาที่ดีควรจะคิดริเริ่มที่จะไปดูปัญหา และดูว่าเราสามารถปัดเป่าความผิดพลาดนั้นได้หรือไม่"

หลี่เซียงจับมือเขาว่า "ข้าติดตามเฒ่าเฟิงมาหลายปีแล้ว ข้ารู้ว่าเขาเคยดูถูกใครบางคน ถ้าพวกนั้นไม่ได้แก้แค้น เราก็ไม่มีโอกาสที่จะขจัดความวิตกใด ๆ ได้"

เฉินเทียง กล่าวว่า "แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ท่านก็ยังคงต้องแสร้งทำเป็นว่าท่านต้องการ..นอกจากนี้ฝ่าบาทควรเชิญเขาไปที่กองทัพ ใช้สมบัติของราชาเทพเจ้าเพื่อล่อเขา ตราบเท่าที่เฟิงหว่านโจว ยินดีที่จะไปกับฝ่าบาทในระหว่างการเดินทางเราสามารถฆ่าเขาที่นอกเมืองได้ ถ้าเรากำจัดเขาภายในเมืองมันก็จะมีข่าวลือ นักล่าจิตวิญญาณอาจจะไม่พอใจฝ่าบาท ที่ท่านทำการปิดผนึกจุดเชื่อมต่อทั้งหมดจนขาดการติดต่อกับโลกภายนอก เราไม่สามารถกระทำข้อผิดพลาดได้อีก มันอาจสร้างความไม่พอใจของประชาชนให้มากขึ้น"

"ในตอนนี้การกลับมาของเฟิงหว่านโจวเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ เท่านั้นสำหรับเราสิ่งที่สำคัญมากก็คือการที่จะได้รับสมบัติของราชาเทพเจ้า การฆ่าเฟิงหว่านโจว สามารถทำได้ถ้าแผนของเราสามารถทำได้สำเร็จ"

หลี่เซียงยิ้มเยาะออกมา เฉินเทียงพูดถูกต้องแล้ว กองกำลังได้จัดตั้งขึ้นแล้วและกำลังจะออกเดินทาง สำหรับเฟิงหว่านโจว เขาจะปล่อยให้เฒ่าเฟิงมีชีวิตรอดออกไปสักระยะหนึ่ง สิ่งใดก็อาจจะเกิดขึ้นได้? ตราบเท่าที่เขาได้รับสมบัติของราชาเทพเจ้า...

ทันใดนั้น ~

คนสนิทคนหนึ่งของเฉินเทียงได้วิ่งเข้ามาและกระซิบรายงานข้างหูของ เฉินเทียง เขาตกใจและรีบเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป

"เกิดอะไรขึ้น?" หลี่เซียงถาม

"เครื่องสแกนเนอร์ ตรวจพบสัตว์ร้ายระดับสูงสุดในเมือง" เฉินเทียงกล่าวออกมา

หลี่เซียงรู้สึกตกใจใบหน้าของเขาแสดงความกลัวของเขา "นี่เฟิงหว่านโจวนำสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงสุดเข้าเมือง"

เฉินเทียงตอบว่า "ไม่ใช่เฟิงหว่านโจว หากแต่เป็นชายหนุ่มคนนี้ ..เขาซ่อนสัตว์จิตวิญญาณระดับสูงสุดไว้ในร่างกายของเขาสักที่"

หลี่เซียงรีบเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก ทันใดนั้นเขาก็พบฮั่นหลางที่เดินเตร่ไปรอบปราสาท ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาก่อนที่เขาจะส่ายหัวและเดินกลับไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น