แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
ฮั่นหลางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในซอยมืด
ในซอยมืด มีชายตาบอดคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมสีดำเหมือนพระ หัวล้าน ตาทั้งสองข้างเป็นสีขาวและบอดสนิท
หลังค่อม และดูมีอายุมากแล้ว
"เจ้ารู้หรือว่าข้าเป็นใคร?"
ฮั่นหลางถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ชายตาบอดพูดขึ้นมาว่า "ตาของข้าอาจจะบอด แต่จมูกและหูของข้ายังทำงานได้ดี..แม้ว่าเราจะห่างกันแค่
1 กิโลเมตร แต่ข้ายังคงได้กลิ่นของคนนอก"
ชายชราตาบอดทำท่าทางให้ฮั่นหลางเดินตามเขาเข้าไป
พวกเขาเดินผ่านซอยที่มืดก่อนที่จะโผล่ออกมายังที่แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนวิหารที่มีหลังคาทรงโดมสูง
มีตะไคร่น้ำสีเขียวปกคลุม รูปปั้นรูปมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งอยู่ทั้งสองด้านของทางเข้า
รูปปั้นนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ชาย เขาสะพายธนูไว้บนหลัง
ลักษณะของรูปปั้นไม่ได้ดูคล้ายกับพระเจ้า หากแต่เป็นนักล่า
"ราชาเทพเจ้า นักรบคนแรกที่เข้ามาในรังผึ้งเพื่อล่า นักล่าจิตวิญญาณทุกคนจะมองหานักล่าที่ทรงพลังนี้
วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับเขา แต่ตอนนี้นักล่าทั้งหลายได้หยุดเชื่อเทพเจ้านี้แล้ว
พวกเขาต้องการที่จะได้รับ สมบัติที่เหลือทิ้งไว้จากเขาเท่านั้น" ชายตาบอดถอนหายใจและอธิบายกับฮั่นหลางออกไป
ในวิหารที่มีแสงสลัว ๆ ฮั่นหลางได้เห็นที่พำนักของชายตาบอด มันมีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้สองตัวและชั้นหนังสือ
ชายตาบอดดึงม้วนหนาที่ทำจากหนังสัตว์ออกมาจากชั้นหนังสือ
"เจ้าอยู่ในโลกของรังผึ้งนานแค่ไหนแล้ว?" ชายชราถามออกไป
"หนึ่งอาทิตย์" ฮั่นหลางตอบ
"เจ้าเคยเห็นสัตว์จิตวิญญาณหรือไม่?" ชายตาบอดถามอีกครั้ง
"ไม่"
"เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทำไมเจ้าถึงไม่ได้เห็นมัน?"
"ข้าไม่ทราบ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะข้าโชคดี"
ชายชราตาบอดยิ้มแปลก ๆ ออกมาก่อนที่จะบอกว่า "ไม่ เป็นเพราะเจ้าไม่ได้เข้าไปในลานล่าสัตว์
..ในโลกนี้มีที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากำแพงถอนหายใจ ปีนั้นเมื่อราชาเทพเจ้าเผชิญหน้ากับกำแพงนี้
เขาถอนหายใจออกมาแล้วก็ตายลง ณ ที่ตรงนั้น นั่นเป็นที่มาของชื่อของกำแพงนี้"
"สัตว์ทั้งหมดเข้าสู่รังผ่านกำแพงถอนหายใจ ดังนั้นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับกำแพงถอนหายใจจึงเป็นพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับนักล่าจิตวิญญาณ
ไม่มีสัตว์จิตวิญญาณในพื้นที่อื่น ๆ”
"ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ มันซับซ้อนมากขึ้น ราชาจิตวิญญาณคนใหม่ หลี่เซียง
ได้ปิดผนึกจุดเชื่อมต่อที่จะนำไปสู่จักรวาลปกติ และกำลังจัดกองกำลังเพื่อเดินทางไปยังอีกฟากหนึ่งของกำแพงถอนหายใจ
เพราะตำนานอ้างว่าราชาเทพเจ้าได้ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ที่นั่น"
"แต่ตามตำนานของวิหาร สมบัติถูกทิ้งไว้ที่อีกฟากหนึ่งของกำแพงถอนหายใจ
ไม่ได้เป็นเพราะราชาเทพเจ้าซ่อนพวกมันไว้ที่นั่น แต่เนื่องจากมีปีศาจอยู่ข้างหลังกำแพง
และราชาเทพเจ้าไม่สามารถเก็บสมบัติออกมาได้"
"นั่นคือเหตุผลที่ราชาเทพเจ้าเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงและถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเสียชีวิต
มันเต็มไปด้วยความเสียใจที่เขาไม่อาจนอนตายตาหลับ"
“สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องที่อันตรายมากราชาหลี่เซียงใช้เทคนิคลับเฉพาะของเขา
ทำการปิดกั้นจุดเชื่อมต่อทั้งหมด ซึ่งเป็นการตัดเส้นทางหลบหนีออกจากเมืองล่าจิตวิญญาณ
เมื่อพวกเขาล่อให้ปีศาจที่อยู่เบื้องหลังกำแพงถอนหายใจออกมา นักล่าสามารถรอความตายได้เท่านั้น"
"ตอนนี้มีเพียงราชาเฟิง ที่จะสามารถยับยั้งราชาหลี่ได้ เขาเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่..ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถนำคำของข้าไปบอกกับราชาเฟิง
ถ้าเขาไม่เชื่อเจ้า เจ้าจงมอบม้วนหนังสัตว์นี้ให้กับเขา"
ฮั่นหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย "นี่เป็นสิ่งที่สำคัญ ทำไมเจ้าไม่บอกเขาด้วยตัวเอง?"
ชายชราตาบอดส่ายศีรษะ พร้อมกับถอนหายใจออกมา "ราชาเฟิงไม่ไว้วางใจข้า
เขาเรียกข้าว่าเป็นคนขี้โกง..และถ้าราชาหลี่รู้ว่าข้าลอบติดต่อราชาเฟิง เขาก็จะลงโทษข้า
ฆ่าข้าไม่ได้ทำให้ข้ากลัว แต่ข้ามีหลานสองคน"
"แต่ทำไม ข้าควรจะเชื่อเจ้าและส่งข้อความนี้?" ฮั่นหลางถามออกไป
ชายชราบอดค่อยๆลุกขึ้นและออกจากห้องไปพร้อมกับกล่าวว่า "ม้วนหนังสัตว์อยู่ที่นี่
เจ้าตัดสินใจ"
ฮั่นหลางนิ่งงัน ก่อนที่เขาจะคลี่ม้วนหนังสัตว์ออกและเริ่มอ่าน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
หุ่นยนตร์หยวนหยวน วางม้วนหนังสัตว์ลงก่อนจะพูดกับฮั่นหลางว่า "เจ้านาย
ข้าได้ทำการตรวจสอบโดยวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ 14 ม้วนหนังสัตว์นี้เขียนขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว..ข้อความและรูปแบบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ม้วนหนังสัตว์นี้ถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน"
ฮั่นหลางพยักหน้าไม่ได้พูดคำใด ๆ ออกมา เขาทำการเก็บทั้งหยวนหยวนและม้วนหนังสัตว์ไว้
เมื่อออกจากวิหาร ฮั่นหลางก็ไม่เห็นชายชรา โลกรังผึ้งนั้นมืดอยู่เสมอ ฮั่นหลางเดินอยู่ในเงามืดที่มีบันไดเพื่อกลับไปที่โรงแรม
ฮั่นหลางผลักเปิดประตูเข้าไป เห็นว่าเฟิงหว่านโจวและชายเจ้าของร้านกำลังเตรียมโต๊ะอาหารและไวน์
เจียนเจียและลั่วอิ๋งพร้อมที่จะกิน สองสาวได้รับฟังคำแนะนำของเฟิงหว่านโจวตั้งแต่ต้น
พวกเขาจึงพยายามปกปิดตัวเอง แต่ความงามตามธรรมชาติไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปกปิดไว้ได้
พวกเขาทั้งคู่ก็ยังดูน่าสนใจมาก
"เจ้ามาได้เวลาพอดี..ลองกินสตูว์ที่โด่งดังที่สุดในเมืองล่าจิตวิญญาณ
ของเรา "เฟิงหว่านโจวกล่าวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า "แม้ว่าจะไม่อร่อยเท่าอาหารแปลก
ๆ ของเจ้า แต่มันก็เป็นอาหารขึ้นชื่อของบ้านเกิดของข้า"
สตูว์ที่พูดถึง มันถูกปรุงมาเป็นหม้อของ รสชาติก็ไม่ถึงกับดีหรือแย่ รังผึ้งไม่ได้มีการผลิตอาหารใด
ๆ ทั้งหมดพึ่งพาการนำเข้าทั้งเนื้อและผักบรรจุสุญญากาศนี้ควบคู่กับความจริงที่ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่มีลักษณะนิสัยหยาบ
ๆ รวมทั้งมีนิสัยการรับประทานอาหารที่เรียบง่าย"
ขณะที่ร่วมโต๊ะอาหารฮั่นหลางบอกเฟิงหว่านโจวเกี่ยวกับวิหารและชายตาบอดหัวล้านลึกลับ
เช่นเดียวกับบอกเล่าถึงคำเตือนที่ชายชราฝากมาพร้อมม้วนหนังสัตว์
"ข้าไม่อ่าน" เฟิงหว่านโจวผลักม้วนหนังสัตว์กลับไปให้ฮั่นหลางและกล่าวว่า
"คนขี้โกงนี้มักหลอกลวงผู้คน..คนที่ไม่รู้แม้กระทั่ง คนที่ถูกเรียกว่าราชาเทพเจ้าก็เป็นคนเช่นเดียวกับเรา
ล่าสัตว์จิตวิญญาณเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอด เพียงเพราะเขามาถึงรังนี้เร็วกว่าเรา มันทำให้เขาเป็นเทพเจ้าได้อย่างไร?"
"ในสิ่งที่เขากล่าวเกี่ยวกับปีศาจที่อยู่ภายในกำแพงถอนหายใจ ข้าไม่เชื่อ!"
ฮั่นหลางเห็นว่าเฟิงหว่านโจวมีจิตใจที่แน่วแน่ เขาทำการเก็บม้วนหนังสัตว์ไว้อีกครั้ง
เฟิงหว่านโจว อาจรู้สึกว่าวิธีการที่เขาพูดเพียงแค่นั้นอาจทื่อเกินไป เขาจึงพูดกับฮั่นหลางอีกเล็กน้อยว่า
"ถ้าหลี่เซียงเชิญข้าเข้าร่วมกองกำลังเพื่อเดินทางไปที่นั่น ข้าก็จะไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสนี้
สำหรับเจ้าแล้ว ข้าได้คุยกับ วอม แล้ว เขาจะพาเจ้าไปที่จุดเชื่อมที่ใกล้ที่สุด และดูว่าเจ้าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้เจ้าก็แค่กลับมานี่"
วอมพยักหน้าเล็กน้อยต่อฮั่นหลาง ฮั่นหลางตกใจ เฟิงหว่านโจวได้จัดการแก้ปัญหาให้กับเขาแล้ว
ฮั่นหลางรู้สึกสัมผัสความเอื้ออาทรนี้ได้
วันรุ่งขึ้นชายวัยกลางคนมาที่โรงแรมและเชิญเฟิงหว่านโจวไปที่ห้องรับรองเพื่อพูดคุย
ท่าทางของเขาค่อนข้างสุภาพ
คราวนี้ วอม ชายที่เป็นเจ้าของโรงแรมกระซิบบอกฮั่นหลางว่า "เราไปกันเถอะ"
ฮั่นหลางเดินผ่านหน้าต่างที่ชั้นล่างและถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
"เขาเป็นใคร?"
วอมตอบว่า "เขาคือหลี่เซียงซึ่งเป็นศิษย์ของราชาเฟิง ราชาเฟิงที่น่าสงสารปฏิบัติกับเขาดีกว่าลูกชายของเขาเอง
แต่ในตอนท้ายหลี่เซียงยังคงวางแผนต่อต้านราชาเฟิง ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยเราจะออกทางประตูหลัง"
ฮั่นหลางพยักหน้า เขาไม่ใช่นักล่าจิตวิญญาณ มันไม่ดีหากเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
เขาเรียกเจียนเจียและลั่วอิ๋งก่อนที่จะเปิดประตูหลังโรงแรมออกไป
"วอม เจ้าจะไปที่ไหน?"
ฮั่นหลางเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมทันที เขาสังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งที่มีตาเรียวเล็กพร้อมด้วยทหารสองสามคนอยู่ในชุดเกราะป้องกัน
พวกเขายืนขวางทางประตูออก เมื่อได้เห็นวอม ฮั่นหลางและคนอื่น ๆ เขาถามคำถามออกไป
คนนี้เป็นพ่อบ้านของหลี่เซียง เฉินเทียง
"ข้าเพียงแค่จะไปส่งแขกเหล่านี้เท่านั้น" วอมยิ้มและพูดออกไป
เฉินเทียงตอบว่า "ไม่ผ่านประตูหน้า แต่ออกทางประตูหลัง เจ้ากำลังทำเรื่องน่าอับอายหรือไม่? ราชาหลี่ได้ออกคำสั่งว่า ในระหว่างการเตรียมการเพื่อเดินทาง
ไม่อนุญาตให้ใครออกจากเมืองล่าสัตว์ได้ เรื่องนี้มีความสำคัญมากแม้แต่เจ้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้"
"นอกจากนี้แขกพวกนี้ก็ดูแข็งแกร่งมากด้วย ราชาหลี่ก็อยากจะเห็นพวกเขา"
ฮั่นหลางขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเริ่มต้นการต่อสู้กับคนของหลี่เซียงที่นี่เพราะนั่นอาจจะเกี่ยวข้องกับเฟิงหว่านโจว
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่เฉินเทียงต้องการ โดยเดินไปที่ห้องรับรอง
เฟิงหว่านโจวและหลี่เซียงยังคงคุยเรื่องเล็ก ๆ เมื่อเขาเห็นฮั่นหลางและวอมเข้ามา
เขาก็ตกใจเล็กน้อยและจากนั้นก็สงบลงในทันที
หลี่เซียงยืนขึ้นเดินไปหาฮั่นหลางและตบไหล่ เขากล่าวด้วยความประหลาดใจว่า
"อาจารย์ น้องชายคนเล็กคนนี้หล่อมากจริง ๆ อ่า ข้ารู้สึกเหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทเพียงแค่ได้พบเขา..มองไปที่ความผันผวนของพลังงานต้นกำเนิดในร่างกายของเขา
เขาควรจะเข้าถึงระดับขุนศึกแล้ว"
"เยี่ยม ยังเป็นเด็กแต่สามารถทะลวงถึงระดับความแข็งแร่งได้ขนาดนี้ มันเปิดโลกทัศน์สำหรับคนธรรมดาเช่นเรา"
"อาจารย์ เกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ ทำไมไม่ให้น้องชายคนเล็กคนนี้ไปกับเรา
ยิ่งมีคนแข็งแกร่งเพิ่มแม้จะเป็นเพียงคนเดียวมันก็ยังสร้างความแตกต่างได้อยู่"
ฮั่นหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่แต่งตัวประหลาด หลี่เซียง
เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ พวกเขาเพิ่งได้พบฮั่นหลาง และยังต้องการให้เขาเข้าร่วมการเดินทาง? ตามที่รู้มาการเดินทางคือการแสวงหาสมบัติที่เทพเจ้าซ่อนไว้
เขาเป็นคนนอก มันเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่?
จริง ๆ แล้ว ฮั่นหลางก็อยากจะดูว่าเมืองล่าจิตวิญญาณเป็นแบบไหน เขายังต้องการที่จะเห็นสมบัติที่ทิ้งไว้โดยนักล่าในตำนาน
แต่เขากลัวที่จะทำให้แผนของเฟิงหว่านโจวเสียไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปิดปากของเขาออกมา
แต่ลึกลงไปแล้วฮั่นหลางก็ยังคงเป็นฮั่นหลางที่อยากรู้อยากเห็นอยู่มาก
ตอนนี้หลี่เซียงได้เชิญเขาเข้าร่วมการเดินทางอย่างไม่คาดคิดนั่นเป็นเพียงส่วนเล็ก
ๆ ที่ฮั่นหลางต้องการ
อีกด้านหนึ่งหลี่เซียงปรายตามองไปที่ฮั่นหลางพร้อมกับจ้องเขม็ง
ฮั่นหลางไม่ทราบว่าพวกเขาได้สังเกตเห็นไข่สีดำแล้ว หลี่เซียงไม่ได้ต้องการฮั่นหลางจริง
ๆ หากแต่เป็นไข่ดำที่อยู่ในความครอบครองของฮั่นหลาง ดังนั้นการได้ฮั่นหลางไปกับเขา
เขาจึงมีโอกาสที่จะได้ไข่ดำมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น