เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561

GDN 317 กำแพงถอนหายใจ

แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน 
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์ 
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/





ฮั่นหลางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในซอยมืด

ในซอยมืด มีชายตาบอดคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมสีดำเหมือนพระ หัวล้าน ตาทั้งสองข้างเป็นสีขาวและบอดสนิท หลังค่อม และดูมีอายุมากแล้ว

"เจ้ารู้หรือว่าข้าเป็นใคร?" ฮั่นหลางถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ชายตาบอดพูดขึ้นมาว่า "ตาของข้าอาจจะบอด แต่จมูกและหูของข้ายังทำงานได้ดี..แม้ว่าเราจะห่างกันแค่ 1 กิโลเมตร แต่ข้ายังคงได้กลิ่นของคนนอก"

ชายชราตาบอดทำท่าทางให้ฮั่นหลางเดินตามเขาเข้าไป

พวกเขาเดินผ่านซอยที่มืดก่อนที่จะโผล่ออกมายังที่แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนวิหารที่มีหลังคาทรงโดมสูง มีตะไคร่น้ำสีเขียวปกคลุม รูปปั้นรูปมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งอยู่ทั้งสองด้านของทางเข้า

รูปปั้นนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ชาย เขาสะพายธนูไว้บนหลัง ลักษณะของรูปปั้นไม่ได้ดูคล้ายกับพระเจ้า หากแต่เป็นนักล่า

"ราชาเทพเจ้า นักรบคนแรกที่เข้ามาในรังผึ้งเพื่อล่า นักล่าจิตวิญญาณทุกคนจะมองหานักล่าที่ทรงพลังนี้ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับเขา แต่ตอนนี้นักล่าทั้งหลายได้หยุดเชื่อเทพเจ้านี้แล้ว พวกเขาต้องการที่จะได้รับ สมบัติที่เหลือทิ้งไว้จากเขาเท่านั้น" ชายตาบอดถอนหายใจและอธิบายกับฮั่นหลางออกไป

ในวิหารที่มีแสงสลัว ๆ ฮั่นหลางได้เห็นที่พำนักของชายตาบอด มันมีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้สองตัวและชั้นหนังสือ

ชายตาบอดดึงม้วนหนาที่ทำจากหนังสัตว์ออกมาจากชั้นหนังสือ

"เจ้าอยู่ในโลกของรังผึ้งนานแค่ไหนแล้ว?" ชายชราถามออกไป

"หนึ่งอาทิตย์" ฮั่นหลางตอบ

"เจ้าเคยเห็นสัตว์จิตวิญญาณหรือไม่?" ชายตาบอดถามอีกครั้ง

"ไม่"

"เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทำไมเจ้าถึงไม่ได้เห็นมัน?"

"ข้าไม่ทราบ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะข้าโชคดี"

ชายชราตาบอดยิ้มแปลก ๆ ออกมาก่อนที่จะบอกว่า "ไม่ เป็นเพราะเจ้าไม่ได้เข้าไปในลานล่าสัตว์ ..ในโลกนี้มีที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากำแพงถอนหายใจ ปีนั้นเมื่อราชาเทพเจ้าเผชิญหน้ากับกำแพงนี้ เขาถอนหายใจออกมาแล้วก็ตายลง ณ ที่ตรงนั้น นั่นเป็นที่มาของชื่อของกำแพงนี้"

"สัตว์ทั้งหมดเข้าสู่รังผ่านกำแพงถอนหายใจ ดังนั้นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับกำแพงถอนหายใจจึงเป็นพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับนักล่าจิตวิญญาณ ไม่มีสัตว์จิตวิญญาณในพื้นที่อื่น ๆ

"ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ มันซับซ้อนมากขึ้น ราชาจิตวิญญาณคนใหม่ หลี่เซียง ได้ปิดผนึกจุดเชื่อมต่อที่จะนำไปสู่จักรวาลปกติ และกำลังจัดกองกำลังเพื่อเดินทางไปยังอีกฟากหนึ่งของกำแพงถอนหายใจ เพราะตำนานอ้างว่าราชาเทพเจ้าได้ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ที่นั่น"

"แต่ตามตำนานของวิหาร สมบัติถูกทิ้งไว้ที่อีกฟากหนึ่งของกำแพงถอนหายใจ ไม่ได้เป็นเพราะราชาเทพเจ้าซ่อนพวกมันไว้ที่นั่น แต่เนื่องจากมีปีศาจอยู่ข้างหลังกำแพง และราชาเทพเจ้าไม่สามารถเก็บสมบัติออกมาได้"

"นั่นคือเหตุผลที่ราชาเทพเจ้าเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงและถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเสียชีวิต มันเต็มไปด้วยความเสียใจที่เขาไม่อาจนอนตายตาหลับ"

สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องที่อันตรายมากราชาหลี่เซียงใช้เทคนิคลับเฉพาะของเขา ทำการปิดกั้นจุดเชื่อมต่อทั้งหมด ซึ่งเป็นการตัดเส้นทางหลบหนีออกจากเมืองล่าจิตวิญญาณ เมื่อพวกเขาล่อให้ปีศาจที่อยู่เบื้องหลังกำแพงถอนหายใจออกมา นักล่าสามารถรอความตายได้เท่านั้น"

"ตอนนี้มีเพียงราชาเฟิง ที่จะสามารถยับยั้งราชาหลี่ได้ เขาเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่..ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถนำคำของข้าไปบอกกับราชาเฟิง ถ้าเขาไม่เชื่อเจ้า เจ้าจงมอบม้วนหนังสัตว์นี้ให้กับเขา"

ฮั่นหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย "นี่เป็นสิ่งที่สำคัญ ทำไมเจ้าไม่บอกเขาด้วยตัวเอง?"

ชายชราตาบอดส่ายศีรษะ พร้อมกับถอนหายใจออกมา "ราชาเฟิงไม่ไว้วางใจข้า เขาเรียกข้าว่าเป็นคนขี้โกง..และถ้าราชาหลี่รู้ว่าข้าลอบติดต่อราชาเฟิง เขาก็จะลงโทษข้า ฆ่าข้าไม่ได้ทำให้ข้ากลัว แต่ข้ามีหลานสองคน"

"แต่ทำไม ข้าควรจะเชื่อเจ้าและส่งข้อความนี้?" ฮั่นหลางถามออกไป

ชายชราบอดค่อยๆลุกขึ้นและออกจากห้องไปพร้อมกับกล่าวว่า "ม้วนหนังสัตว์อยู่ที่นี่ เจ้าตัดสินใจ"

ฮั่นหลางนิ่งงัน ก่อนที่เขาจะคลี่ม้วนหนังสัตว์ออกและเริ่มอ่าน

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

หุ่นยนตร์หยวนหยวน วางม้วนหนังสัตว์ลงก่อนจะพูดกับฮั่นหลางว่า "เจ้านาย ข้าได้ทำการตรวจสอบโดยวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ 14 ม้วนหนังสัตว์นี้เขียนขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว..ข้อความและรูปแบบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ม้วนหนังสัตว์นี้ถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน"

ฮั่นหลางพยักหน้าไม่ได้พูดคำใด ๆ ออกมา เขาทำการเก็บทั้งหยวนหยวนและม้วนหนังสัตว์ไว้

เมื่อออกจากวิหาร ฮั่นหลางก็ไม่เห็นชายชรา โลกรังผึ้งนั้นมืดอยู่เสมอ ฮั่นหลางเดินอยู่ในเงามืดที่มีบันไดเพื่อกลับไปที่โรงแรม

ฮั่นหลางผลักเปิดประตูเข้าไป เห็นว่าเฟิงหว่านโจวและชายเจ้าของร้านกำลังเตรียมโต๊ะอาหารและไวน์ เจียนเจียและลั่วอิ๋งพร้อมที่จะกิน สองสาวได้รับฟังคำแนะนำของเฟิงหว่านโจวตั้งแต่ต้น พวกเขาจึงพยายามปกปิดตัวเอง แต่ความงามตามธรรมชาติไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปกปิดไว้ได้ พวกเขาทั้งคู่ก็ยังดูน่าสนใจมาก

"เจ้ามาได้เวลาพอดี..ลองกินสตูว์ที่โด่งดังที่สุดในเมืองล่าจิตวิญญาณ ของเรา "เฟิงหว่านโจวกล่าวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า "แม้ว่าจะไม่อร่อยเท่าอาหารแปลก ๆ ของเจ้า แต่มันก็เป็นอาหารขึ้นชื่อของบ้านเกิดของข้า"

สตูว์ที่พูดถึง มันถูกปรุงมาเป็นหม้อของ รสชาติก็ไม่ถึงกับดีหรือแย่ รังผึ้งไม่ได้มีการผลิตอาหารใด ๆ ทั้งหมดพึ่งพาการนำเข้าทั้งเนื้อและผักบรรจุสุญญากาศนี้ควบคู่กับความจริงที่ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่มีลักษณะนิสัยหยาบ ๆ รวมทั้งมีนิสัยการรับประทานอาหารที่เรียบง่าย"

ขณะที่ร่วมโต๊ะอาหารฮั่นหลางบอกเฟิงหว่านโจวเกี่ยวกับวิหารและชายตาบอดหัวล้านลึกลับ เช่นเดียวกับบอกเล่าถึงคำเตือนที่ชายชราฝากมาพร้อมม้วนหนังสัตว์

"ข้าไม่อ่าน" เฟิงหว่านโจวผลักม้วนหนังสัตว์กลับไปให้ฮั่นหลางและกล่าวว่า "คนขี้โกงนี้มักหลอกลวงผู้คน..คนที่ไม่รู้แม้กระทั่ง คนที่ถูกเรียกว่าราชาเทพเจ้าก็เป็นคนเช่นเดียวกับเรา ล่าสัตว์จิตวิญญาณเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอด เพียงเพราะเขามาถึงรังนี้เร็วกว่าเรา มันทำให้เขาเป็นเทพเจ้าได้อย่างไร?"

"ในสิ่งที่เขากล่าวเกี่ยวกับปีศาจที่อยู่ภายในกำแพงถอนหายใจ ข้าไม่เชื่อ!"

ฮั่นหลางเห็นว่าเฟิงหว่านโจวมีจิตใจที่แน่วแน่ เขาทำการเก็บม้วนหนังสัตว์ไว้อีกครั้ง

เฟิงหว่านโจว อาจรู้สึกว่าวิธีการที่เขาพูดเพียงแค่นั้นอาจทื่อเกินไป เขาจึงพูดกับฮั่นหลางอีกเล็กน้อยว่า "ถ้าหลี่เซียงเชิญข้าเข้าร่วมกองกำลังเพื่อเดินทางไปที่นั่น ข้าก็จะไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสนี้ สำหรับเจ้าแล้ว ข้าได้คุยกับ วอม แล้ว เขาจะพาเจ้าไปที่จุดเชื่อมที่ใกล้ที่สุด และดูว่าเจ้าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เจ้าก็แค่กลับมานี่"

วอมพยักหน้าเล็กน้อยต่อฮั่นหลาง ฮั่นหลางตกใจ เฟิงหว่านโจวได้จัดการแก้ปัญหาให้กับเขาแล้ว ฮั่นหลางรู้สึกสัมผัสความเอื้ออาทรนี้ได้

วันรุ่งขึ้นชายวัยกลางคนมาที่โรงแรมและเชิญเฟิงหว่านโจวไปที่ห้องรับรองเพื่อพูดคุย ท่าทางของเขาค่อนข้างสุภาพ

คราวนี้ วอม ชายที่เป็นเจ้าของโรงแรมกระซิบบอกฮั่นหลางว่า "เราไปกันเถอะ"

ฮั่นหลางเดินผ่านหน้าต่างที่ชั้นล่างและถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า "เขาเป็นใคร?"

วอมตอบว่า "เขาคือหลี่เซียงซึ่งเป็นศิษย์ของราชาเฟิง ราชาเฟิงที่น่าสงสารปฏิบัติกับเขาดีกว่าลูกชายของเขาเอง แต่ในตอนท้ายหลี่เซียงยังคงวางแผนต่อต้านราชาเฟิง ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยเราจะออกทางประตูหลัง"

ฮั่นหลางพยักหน้า เขาไม่ใช่นักล่าจิตวิญญาณ มันไม่ดีหากเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เขาเรียกเจียนเจียและลั่วอิ๋งก่อนที่จะเปิดประตูหลังโรงแรมออกไป

"วอม เจ้าจะไปที่ไหน?"

ฮั่นหลางเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมทันที เขาสังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งที่มีตาเรียวเล็กพร้อมด้วยทหารสองสามคนอยู่ในชุดเกราะป้องกัน พวกเขายืนขวางทางประตูออก เมื่อได้เห็นวอม ฮั่นหลางและคนอื่น ๆ เขาถามคำถามออกไป คนนี้เป็นพ่อบ้านของหลี่เซียง เฉินเทียง

"ข้าเพียงแค่จะไปส่งแขกเหล่านี้เท่านั้น" วอมยิ้มและพูดออกไป

เฉินเทียงตอบว่า "ไม่ผ่านประตูหน้า แต่ออกทางประตูหลัง เจ้ากำลังทำเรื่องน่าอับอายหรือไม่? ราชาหลี่ได้ออกคำสั่งว่า ในระหว่างการเตรียมการเพื่อเดินทาง ไม่อนุญาตให้ใครออกจากเมืองล่าสัตว์ได้ เรื่องนี้มีความสำคัญมากแม้แต่เจ้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้"

"นอกจากนี้แขกพวกนี้ก็ดูแข็งแกร่งมากด้วย ราชาหลี่ก็อยากจะเห็นพวกเขา"

ฮั่นหลางขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเริ่มต้นการต่อสู้กับคนของหลี่เซียงที่นี่เพราะนั่นอาจจะเกี่ยวข้องกับเฟิงหว่านโจว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่เฉินเทียงต้องการ โดยเดินไปที่ห้องรับรอง

เฟิงหว่านโจวและหลี่เซียงยังคงคุยเรื่องเล็ก ๆ เมื่อเขาเห็นฮั่นหลางและวอมเข้ามา เขาก็ตกใจเล็กน้อยและจากนั้นก็สงบลงในทันที

หลี่เซียงยืนขึ้นเดินไปหาฮั่นหลางและตบไหล่ เขากล่าวด้วยความประหลาดใจว่า "อาจารย์ น้องชายคนเล็กคนนี้หล่อมากจริง ๆ อ่า ข้ารู้สึกเหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทเพียงแค่ได้พบเขา..มองไปที่ความผันผวนของพลังงานต้นกำเนิดในร่างกายของเขา เขาควรจะเข้าถึงระดับขุนศึกแล้ว"

"เยี่ยม ยังเป็นเด็กแต่สามารถทะลวงถึงระดับความแข็งแร่งได้ขนาดนี้ มันเปิดโลกทัศน์สำหรับคนธรรมดาเช่นเรา"

"อาจารย์ เกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ ทำไมไม่ให้น้องชายคนเล็กคนนี้ไปกับเรา ยิ่งมีคนแข็งแกร่งเพิ่มแม้จะเป็นเพียงคนเดียวมันก็ยังสร้างความแตกต่างได้อยู่"

ฮั่นหลางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่แต่งตัวประหลาด หลี่เซียง เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ พวกเขาเพิ่งได้พบฮั่นหลาง และยังต้องการให้เขาเข้าร่วมการเดินทาง? ตามที่รู้มาการเดินทางคือการแสวงหาสมบัติที่เทพเจ้าซ่อนไว้ เขาเป็นคนนอก มันเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่?

จริง ๆ แล้ว ฮั่นหลางก็อยากจะดูว่าเมืองล่าจิตวิญญาณเป็นแบบไหน เขายังต้องการที่จะเห็นสมบัติที่ทิ้งไว้โดยนักล่าในตำนาน แต่เขากลัวที่จะทำให้แผนของเฟิงหว่านโจวเสียไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปิดปากของเขาออกมา แต่ลึกลงไปแล้วฮั่นหลางก็ยังคงเป็นฮั่นหลางที่อยากรู้อยากเห็นอยู่มาก

ตอนนี้หลี่เซียงได้เชิญเขาเข้าร่วมการเดินทางอย่างไม่คาดคิดนั่นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ฮั่นหลางต้องการ

อีกด้านหนึ่งหลี่เซียงปรายตามองไปที่ฮั่นหลางพร้อมกับจ้องเขม็ง

ฮั่นหลางไม่ทราบว่าพวกเขาได้สังเกตเห็นไข่สีดำแล้ว หลี่เซียงไม่ได้ต้องการฮั่นหลางจริง ๆ หากแต่เป็นไข่ดำที่อยู่ในความครอบครองของฮั่นหลาง ดังนั้นการได้ฮั่นหลางไปกับเขา เขาจึงมีโอกาสที่จะได้ไข่ดำมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น