แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
ป้ายหลุมฝังศพ ...
ลั่วจินและลู่เอียวถูกฝังอยู่ในถ้ำรังผึ้งแห่งนี้ เนื่องจากลู่เอียวไม่หลงเหลือร่างกายแล้ว
ฮั่นหลางจึงใช้ไม้เนื้อแข็งแกะสลักชื่อของเขาก่อนปักมันไว้ใกล้ศพของลั่วจิน
"ลู่เอียว เป็นกบฏ..เขาไม่ได้อยู่ในจักรวาลนี้
บางทีการที่ทั้งสองคนถูกฝังไว้ที่นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"
ฮั่นหลางถอนหายใจและพูดออกมา
ลั่วอิ๋งแนบใบหน้ากับอกของเจียนเจียเพื่อเช็ดน้ำตาในขณะที่พูดออกมาว่า
"พี่สาวโง่จริง ๆ สำหรับความรักแล้วเธอเต็มใจที่จะแลกมันด้วยความตาย
ข้าเกลียดความรัก มันเอาชีวิตของพี่สาวของข้าไป!"
ฮั่นหลางไม่ได้พูดอะไรออกไป ตอนนี้ลั่วอิ๋งรู้สึกหดหู่มาก
เป็นการดีสำหรับเธอที่จะระบายมันออกมา อย่างไรก็ตามเธอคนนี้น่าสงสารมาก
พี่สาวของเธอเสียชีวิตและเธอก็เป็นที่ต้องการขององค์กรเหล่าปีศาจ
ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถกลับบ้านได้
ฮั่นหลางสนใจอย่างมากเกี่ยวกับผู้นำอาวุโสขององค์กรเหล่าปีศาจที่นักรบหน้ากากได้พูดถึง
ผลออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร? ลั่วจินและลั่วอิ๋ง เป็นลูกสาวของเขาเอง แต่เมื่อเขาได้ยินว่าพวกเธออยู่กับคนทรยศ
ลู่เอียว เขาถึงกับสั่งให้จับพวกเธอกลับไปและต้องการที่จะลงโทษพวกเธอด้วยตัวของเขาเอง
ฮั่นหลางไม่รู้สึกว่าการฆ่าลูกสาวของเขาจะทำให้ผู้นำอาวุโสภาคภูมิใจ
ถ้าเขาเป็นคนปกติเขาควรที่จะรู้สึกอายและเสียใจ
เจียนเจียกระซิบกับฮั่นหลางว่า "เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?"
ธรรมชาติแล้วหญิงสาวมีความรู้สึกต้องการที่พึ่งจากชายหนุ่ม ในท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้
ลั่วอิ๋งและเจียนเจียต่างต้องการที่จะพึ่งพิงฮั่นหลางตามสัญชาตญาณ
ฮั่นหลางมองไปที่ชุดรบที่เขาถอดทิ้งไว้บนพื้นและขมวดคิ้ว
"เนื่องจากเราจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี่
เราควรตรวจสอบสิ่งที่เรายังมีอยู่ และสิ่งที่เราสามารถใช้ได้
..รังผึ้งนี้มีลักษณะแปลก ๆ
ดังนั้นข้ามีลางสังหรณ์ว่ามันจะไม่ง่ายที่จะออกไปจากที่นี่"
เจียนเจียพยักหน้าและทั้งสองเริ่มตรวจสอบสิ่งของภายในแหวนมิติของพวกเขา
ผลของการค้นหาเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก สิ่งของต่าง ๆ
ถูกใช้ไปหมดแล้วจากการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมไม่ว่าจะเป็น อาวุธ อุปกรณ์เชิงกล
หรือแม้แต่สัตว์พันธุกรรม จิ้งจอกเงิน ปีศาจกรงเล็บ ภูตกรงเล็บ กองทัพที่สำคัญที่สุดของฮั่นหลางก็ไม่ได้อยู่กับเขา
พวกมันถูกทิ้งไว้ในหุบเขาลี้ลับ
เกี่ยวกับปีศาจกรงเล็บและส่วนที่เหลือ ฮั่นหลางไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลเพราะ
อู้หวินอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าเขาจะสามารถกลับไปรับพวกมันคืนได้
ชุดรบของฮั่นหลางก็หมดสภาพไปแล้ว เดิมทีเป็นชุดที่ฮั่นหลางใช้อย่างไม่เต็มใจ
ระดับของมันไม่สูงนัก มันน้อยกว่าเข็มขัดเคลือบพลังงาน
ส่วนที่เศร้าที่สุดก็คือดาบหนวดดาวมฤตยู ในตอนนี้มันปรากฏรอยบิ่นมากมาย
นี่เป็นสิ่งเดียวที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอก อาวุธระดับเทพสงคราม
แต่มันในตอนนี้มีสภาพที่ใกล้จะพัง
เจียนเจียก็ไม่ได้ดีกว่าฮั้นหลางสักเท่าไหร่ เธอไม่มีอุปกรณ์ต่อสู้ใด ๆ
เหลืออยู่ แต่เธอยังมีขนมมากมายและของเล่นจำนวนมาก ดูเหมือนว่าในขณะที่เจียนเจียปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายตลอดเวลา
แต่จิตใจภายในของเธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อไรมันจะหยุด?" ฮั่นหลางนำเอาไข่ดำออกมาด้วยความรำคาญ
ไข่ประหลาด มันเป็นเช่นนี้นับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในรังผึ้ง
ในขณะที่ฮั่นหลางกำลังต่อสู้อยู่อย่างหดหู มันก็ยังส่งเสียงออกมาอย่างน่ารำคาญ
แม้แต่ในขณะที่ฮั่นหลางทำศพให้ลั่วจินและลู่เอียว มันก็ยังคงหอนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"ข้าขอดูหน่อย" ลั่วอิ๋งเอื้อมมือเล็ก ๆของเธอออกไป
เพื่อขอดูไข่ประหลาดกับฮั่นหลาง
ฮั่นหลางส่งผ่านไข่ดำไปให้เธอ ลั่วอิ๋งส่ายหน้าทำการประเมินพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
"นี่เป็นสัตว์จิตวิญญาณ..แปลกจริง ๆ มันควรจะกะเทาะเปลือกออกมาเมื่อนานมาแล้ว
แต่ทำไมมันยังอยู่ภายในไข่ มันเป็นไปได้อย่างไร"
ฮั่นหลางระงับความอายก่อนอธิบายลั่วอิ๋งว่า
เขาไม่เพียงแต่ดูดซับพลังจากไข่ดำเท่านั้น แต่เขายังเคยข่มขู่มันในก่อนหน้านี้ ตั้งแต่นั้นมันไข่ดำก็เปลี่ยนไป
จนถึงจุดที่ว่าถึงแม้ว่ามันจะตายไปมันก็จะไม่ออกมาจากไข่
อุ๊บ!
ท่าทางของฮั่นหลางเป็นเรื่องตลกมาก ลั่วอิ๋งปิดปากและหัวเราะออกมาเบา ๆ
เจียนเจียที่อยู่ด้านข้างก็ยังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
บรรยากาศเศร้าผ่อนคลายเล็กน้อยจากคำข้อแก้ตัวของฮั่นหลาง
ลั่วอิ๋งกล่าวต่อไปว่า
"มันมีความแตกต่างกันมากระหว่างสัตว์จิตวิญญาณและสัตว์ดาว
แม้ว่าทั้งคู่ต่างเป็นสายพันธุ์ที่มีความภาคภูมิใจมาก
สำหรับสัตว์ดาวหรือสัตว์พันธุกรรมหลังจากที่มันมีเจ้านายแล้ว
มันก็จะติดตามไปตลอดชีวิตของมัน แต่การที่จะกลายเป็นเจ้านายของสัตวจิตวิญญาณนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก
ธรรมชาติของพวกมันชอบที่จะกบฏและยากที่จะปราบให้เชื่อง
แต่เมื่อพวกมันมีเจ้านายแล้ว พวกมันก็จะจงรักภักดีมากกว่าสัตว์ดาว"
ลั่วจินยังกล่าวถึงเรื่องนี้ เกี่ยวกับสัตว์จิตวิญญาณก่อนที่เธอจะตาย
แต่เธอก็ไม่มีเวลาพูดหรือธิบายออกมาชัดเจน ฮั่นหลางจึงหันไปหาลั่วอิ๋ง
เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสัตว์จิตวิญญาณ
"ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลมีทั้งด้านบวกและด้านลบ
ในจักรวาลมีสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดที่มีความคิดที่ดี
รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดที่ไม่ดี เช่นกันกับที่มีหลุมดำและหลุมขาว และแน่นอนว่าเมื่อมีสัตว์ดาวก็ย่อมมีสัตว์มืด"
"และสัตว์จิตวิญญาณก็เอนเอียงไปทางสายเลือดของสัตว์มืด
พวกมันมีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการฆ่าวิญญาณ การฆ่าวิญญาณนี้สามารถทำลายจิตการรับรู้ได้อย่างสมบูรณ์
บางคนที่แข็งแกร่งในจักรวาล เมื่อจิตวิญญาณของพวกเขาสามารถเข้าถึงระดับที่เป็นอมตะ
เช่นเดียวกับ ลู่เอียว แม้ขณะที่ไม่มีร่างกาย เขาก็ยังคงสามารถฆ่านักรบหน้ากากระดับแปดดาวได้ถึงสองคน
"ดังนั้นสัตว์จิตวิญญาณจึงหมายถึงเทพแห่งการฆ่า มันเป็นเครื่องมือสังหารที่แข็งแกร่ง!"
"ดังนั้น ไม่สำคัญว่าโลกจะเป็นอย่างไร สัตว์จิตวิญญาณใดที่สามารถฆ่าเหล่าชนชั้นสูงได้โดยเฉพาะ
ย่อมเป็นสินค้าที่หาได้ยาก ยิ่งถ้าหากสัตว์จิตวิญญาณได้รับการฝึกจนสำเร็จและตระหนักถึงเจ้านายของมัน
แม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าเจ้านายของสัตว์จิตวิญญาณก็ตาม เหล่าศัตรูก็ยังคงรู้สึกกดดัน"
"โดยทั่วไปแล้วการเป็นเจ้านายของสัตว์จิตวิญญาณนั้นไม่ได้เป็นสถานะที่แท้จริง
เพราะความภาคภูมิใจของพวกมัน โดยปกติพวกมันจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับคู่หูและสหายมากกว่าสัตว์เลี้ยง"
ฮั่นหลางหยุดนิ่งอย่างงงงวย ดังนั้นไข่ดำมีศักยภาพที่จะกลายเป็นสัตว์ที่สามารถฆ่านักรบชนชั้นสูง!? และมันก็มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งมากกว่า!?
"ไข่ประหลาดนี้แข็งแกร่งหรือไม่?
ข้าควรจะปล่อยให้เขาออกจากเปลือกไข่ เพื่อรับมือกับนักรบหน้ากากที่น่ากลัวเหล่านั้น
ถ้าข้ารู้ในก่อนหน้านี้!" ฮั่นหลางตอบกลับหลังจากที่ได้ตระหนักถึงเบื้องหลังของไข่ดำ
"สัตว์จิตวิญญาณตัวนี้ซ่อนตัวอยู่ในเปลือกไข่จนถึงจุดที่มันจะไม่ออกมาแม้ว่ามันจะตาย
นี่เป็นเพราะเจ้าทำร้ายความรู้สึกของมัน ปัญหาไม่ใช่ว่าเจ้าจะยอมให้มันออกมาหรือไม่
แต่เป็นมันที่ไม่อยากออกมาข้างนอก"
ฮั่นหลางคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
ในตอนแรกฮั่นหลางกลัวว่าสัตว์จิตวิญญาณจะออกมา และเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถเอาชนะมันได้
ตอนนี้ฮั่นหลางหวังอย่างยิ่งว่ามันจะออกมาจากไข่ดำ แต่มันก็ไม่ต้องการที่จะออกมา!
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ้าอะไรเช่นนี้?
"เจ้ามีวิธีที่ดีที่จะทำให้ไข่ดำออกมาได้หรือไม่?" ฮั่นหลางถาม
"ไม่ แม้ว่าในตอนนี้มันจะออกมาจากไข่ มันก็จะไม่เป็นคู่หูของเจ้าเพราะเจ้าทำร้ายความรู้สึกของมัน
วิธีเดียวที่เป็นไปได้ก็คือให้มันยอมรับเจ้าว่าเจ้าเป็นเจ้านายของมัน สิ่งนี้เป็นเรื่องยากที่เจ้าจะครอบงำมัน
ดังนั้นมันไม่มีทางเลือก นอกจากจะยอมรับเจ้าและสร้างตราประทับจิตวิญญาณที่มีผลผูกพัน"
ฮั่นหลางไม่มีทางเลือกอื่น เขาเก็บไข่ดำเข้าไป ก่อนที่จะพูดกับลั่วอิ๋งและเจียนเจียว่า
"อย่างไรก็ตามพวกเราทุกคนอยากจะออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับรังผึ้งนี้?"
เจียนเจียและลั่วอิ๋งพยักหน้าพร้อมกัน เจียนเจียกล่าวว่า "ข้าอาจจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์จิตวิญญาณ
แต่เกี่ยวกับสิ่งนี้ข้าไม่คิดว่าใครจะรู้จักมันไปมากกว่าข้า จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นอีกฝั่งหนึ่งของทางช้างเผือก
มันเป็นจุดที่พื้นที่และเวลามาบรรจบกัน"
"ในจักรวาล ดาวเคราะห์ทั้งหลายจะกระจายอยู่ในรูปแบบอวกาศ ในขณะที่ที่นี่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน
เจ้าเห็นช่องคล้ายรังผึ้งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเส้นเลือดฝอยของมนุษย์
ความจริงแล้วในตอนนี้เรากำลังเดินทางอยู่ภายในจักรวาล"
ฮั่นหลางคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เขาถามซอกแซกออกไปว่า
"แล้วเราจะสามารถกลับสู่จักรวาลได้หรือ?"
เจียนเจียกล่าวว่า "ในทางทฤษฎีแล้ว ใช่ เราสามารถ ตราบเท่าที่เราสามารถหาจุดที่เชื่อมต่อทั้งสองจักรวาลได้
แต่ถึงแม้ว่าเราจะสามารถหาจุดเชื่อมต่อได้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเราจะออกไปตรงจุดไหน”
"มันไม่สำคัญหรอก เราสามารถใช้รังไหมอนุภาคได้" ฮั่นหลางกล่าว
เจียนเจียพยักหน้า "รังไหมอนุภาคสามารถนำเรากลับไปสู่ดาร์คเน็ตได้ สิ่งที่จำเป็นคือ
เราต้องมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาจุดเชื่อมต่อได้ เท่าที่ข้ารู้ทางฝั่งนี้ของจักรวาลยังคงเป็นที่ที่ไม่รู้จักและไม่ได้ถูกค้นพบ
มันมีสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ อาศัยอยู่ที่นี่"
"สิ่งมีชีวิตแปลก ๆ เหล่านี้ชอบที่จะมาบริเวณจุดเชื่อมต่อ ถ้าเราจะหาจุดเชื่อมต่อ
แน่นอนว่าเราต้องพบและต้องปะทะกับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดเหล่านี้"
ลั่วอิ๋งกล่าวเสริมไปว่า "ตัวอย่างเช่นสัตว์จิตวิญญาณ ไข่ดำเกิดที่นี่
แต่ก็ถูกนำไปที่จักรวาล ตามปกติเราควรจะระมัดระวัง เพราะเรามีโอกาสมากที่จะได้พบกับสัตว์จิตวิญญาณที่โตเต็มวัยหรือแย่กว่านั้นคือนักล่าจิตวิญญาณ
พวกมันมีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์จิตวิญญาณและแน่นอนว่ามีความแข็งแกร่งที่มากกว่า"
ฮั่นหลางคิดสักครู่แล้วก็พูดว่า "อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องไปอยู่ดี..ลองดูว่าเราจะทำได้สักแค่ไหน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น