แปลโดย ข้าแปลเจ้าอ่าน
ให้กำลังใจผู้แปลโดยงด การกอปปี้ งดแชร์
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
แล้วมาอ่านด้วยกันที่ https://imakeuread.blogspot.com/
หุบเขาลี้ลับ
การสู้รบที่วุ่นวายได้สิ้นสุดลงแล้ว
อู้หวิ้นนั่งลงบนพื้นและสัมผัสร่างศพของเสี่ยวหัว แมงมุมแสงดาวที่จงรักภักดีตัวนี้ได้ติดตามเขามาหลายปี
แต่ตอนนี้เหลือเพียงแต่ซากเท่านั้น อู้หวิ้นยังคงไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่าเขาจะสูญเสียกองทัพพันธุกรรมทั้งหมดที่เขาได้สะสมมาตลอดทั้งชีวิตของเขา
อู้หวิ้นตกอยู่ในความโศกเศร้าเป็นอย่างมาก กองทัพสัตว์พันธุกรรมที่ภักดีเหล่านี้เป็นเหมือนลูกของเขา
ตอนนี้ลูก ๆ ของเขาตายหมดแล้ว
บรรยากาศความเศร้าได้แผ่กระจายไปรอบ ๆ สนามรบ บางคนก็สูญเสียพี่น้อง
บางคนก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทุกอย่าง แม้ว่ากองทัพของฮั่นหลางและซือหม่าฮันเฟิงจะสามารถเอาชนะการต่อสู้
แต่ค่าใช้จ่ายก็มีนัยสำคัญ นักรบหน้ากากเก้าคนจากองค์กรเหล่าปีศาจถูกกำจัด
แต่ไม่มีใครพอใจกับผลที่ได้รับนี้
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายและผู้เล่นยามค่ำคืนรวมทั้งอู้หวิ้น
พร้อมด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าและบาดเจ็บของพวกเขา
ทั้งสามคนนั่งลง ต้นกำเนิดถอนหายใจยาวและกล่าวว่า
"ดอกไม้จิ๋วและตัวอื่น ๆ ไม่ได้ตายอย่างไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ได้พวกมัน
คนที่จะต้องตายก็คงเป็นพวกเรา"
"พวกเขามีพลังมาก..หากมองย้อนกลับไปในทางช้างเผือก ข้ารู้แต่ว่า
ซือหม่าฮันเฟิงมีพลัง แต่จริง ๆ แล้วในจักรวาลนั้นยังมีชนชั้นสูงหลายคนที่มีอำนาจเช่นซือหม่าฮันเฟิง
ค่าใช้จ่ายของการสู้รบครั้งนี้ย่อมยิ่งใหญ่มาก
มันเป็นสงครามที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของข้า"
ผู้เล่นยามค่ำคืนถอนหายใจออกมาและหัวเราะอย่างขมขื่นว่า "ใช่ มันต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่มาก
เทคนิคยาพิษที่ข้ามักจะภูมิใจ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับนักรบหน้ากากเหล่านั้น นอกจากนี้
เราก็ไม่รู้ว่าฮั่นหลางจะยังมีชีวิตรอดหรือไม่"
"ฮั่นหลางย่อมไม่ตายอย่างแน่นอน!" อู้หวิ้นกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นอย่างมากว่า
"สหายตัวน้อย เขาได้เรียนรู้ทักษะทั้งหมดจากพวกเราสามคน นอกจากนี้เขายังสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
สุดยอดมาก ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าฮั่นหลางสามารถเข้าถึงเส้นทางที่ 6
ซึ่งเป็นเส้นทางซาตาน! ข้าดีใจมากที่ได้เขาเป็นศิษย์"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายไม่ได้เศร้าเช่นอู้หวิ้น เขาหัวเราะเสียงดังออกมา
"แน่นอนว่าข้ารู้สึกภูมิใจในตัวฮั่นหลาง
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อตอนที่อาจารย์ของข้าได้รับหกเส้นทางแห่งความว่างเปล่า
เราทุกคนเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะมันยากเกินไปและไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้"
"แม้กระทั่งกับข้า ที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ก็ยังทำได้สำเร็จเพียงแค่ในเส้นทางที่สี่และครึ่งหนึ่งของเส้นทางที่ห้า
อาจารย์ของข้าก็ล่วงลับไปด้วยความพึงพอใจ ถ้าเขาได้เห็นฮั่นหลางที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางซาตาน
เขาก็จะต้องมีความสุขมาก ๆ สหายตัวน้อยนี่แข็งแกร่งจริง ๆ
ข้าภูมิใจที่ได้เขามาเป็นศิษย์ฝึกหัด"
สามคนบ้าคลั่ง ต่างพากันหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่ไม่นานนักดวงตาของพวกเขาก็เริ่มจางลง
ผู้เล่นยามค่ำคืนส่ายหน้า
"หวังว่าฮั่นหลางจะโชคดีพอที่จะผ่านเรื่องนี้ไปได้
มันแย่ตรงที่เขาสามารถบรรลุระดับสูงได้ก่อนเรา เฮ้อ...การอาศัยอยู่ในอาณาจักรที่ถูกลืม
ทำให้เรากลายเป็นกบในกะลา เราไม่ได้รู้ว่าเอกภพน่ากลัวแค่ไหน คนแข็งแกร่งที่สุดเอาชนะคนที่อ่อนแอกว่า
ข้าตั้งเป้าหมายไว้สำหรับตัวเอง ในชีวิตนี้ข้าจะเรียนรู้การทำยาพิษที่สามรถฆ่าขุนศึกได้!
มิฉะนั้นก็จะเสียชื่อของข้าที่เป็นคนบ้าคลั่งยาพิษ!"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวว่า "ข้าตัดสินใจแล้ว
หลังจากออกจากที่นี่ข้าจะแยกตัวเองออกไปเพื่อฝึกตัวเองให้กลายเป็นขุนศึกขั้นสูงสุด
หลาย ๆ คนสามารถกลายเป็นขุนศึกขั้นสูงสุดได้ แล้วทำไมข้าถึงไม่สามารถทำได้?"
หลังจากที่คนบ้าทั่งสามได้เห็นขุนศึกที่มีพลังจำนวนมากในจักรวาล
มันได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับพวกเขา
หลังจากที่อาศัยอยู่ในความสันโดษเป็นเวลาหลายปี พวกเขาก็พร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายที่สูงขึ้น
อู้หวิ้นถอนหายใจยาวและกล่าวว่า
"ข้ายังต้องการที่จะสร้างอสูรเทพพิทักษ์ ข้าเพียงแค่ไม่รู้ว่า
ซือหม่าฮันเฟิงจะจัดการพวกเราในตอนไหน เฒ่าอันธพาลนี้คงจะไม่ปล่อยเรา
ข้าไม่ต้องการที่จะหายไปโดยไม่มีจิตวิญญาณ
มันคงจะเศร้ายิ่งกว่าการตายแบบธรรมดา"
เมื่อพูดถึงซือหม่าฮันเฟิง สามคนบ้าก็พูดออกมาด้วยอารมณ์
เมื่ออู้หวิ้นพูดจบเขาถอนหายใจออกมา ฉับพลันที่ด้านหลังของเขาปรากฏซือหม่าฮันเฟิงมายืนอยู่
โดยไม่มีใครรู้ว่าเขามาถึงที่ด้านหลังของคนบ้าทั้งสามเมื่อไหร่
"เจ้าคิดว่าข้า ซือหม่าฮันเฟิง เป็นคนประเภทไหนกัน?" ซือหม่าฮันเฟิง โบกมือของเขาและถอนหายใจ
"แม้ว่าพวกเจ้าจะกลับทางช้างเผือกและสร้างความยุ่งเหยิง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ข้าโกรธ
แต่จากการที่เจ้าต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องทางช้างเผือกในวันนี้
ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า"
“กฎของข้าเปลี่ยนไปแล้ว ใครก็ตามที่ไม่สามารถปกป้องทางช้างเผือก
หรืออยากเป็นคนพเนจร ข้าจะฆ่ามันทุกคน! ข้าจะลบดวงวิญญาณของพวกเขา
และปล่อยให้มันไม่สามารถที่จะกลับมามีชีวิตอีกต่อไปได้!"
สามคนบ้าตกใจในกฎที่เปลี่ยนแปลงโดย ซือหม่าฮันเฟิง มันเปลี่ยนได้จริงหรือ?
หากจะพูดไปซือหม่าฮันเฟิงเป็นคนที่ปากแข็งมาก เขามองว่ากฎกติกาเป็นเหมือนชีวิต
แม้กระทั่งการเปลี่ยนกฎเดิมด้วยกฎระเบียบใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องมีการควบคุม
ในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ คาร์เมนมองตรงไปข้างหน้า และน้ำตาเกือบจะไหล
บ่อยาไม่เข้าใจว่าทำไมคาร์เมนถึงมีสีหน่ามืดมนนัก เขาถามออกไปว่า
"มีอะไรผิดพลาดกับเจ้าหรือไม่?"
คาร์เมนถอนหายใจ "เจียนเจียหายไป
ตระกูลลู่ชุ่ยจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบอย่างง่ายดาย ข้าจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างไร"
บ่อยาตกใจและพูดว่า "จากสิ่งที่ข้ารู้
ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นหลานชายของนายพลคาร์บรี่จากองค์กรเหล่าเทพเจ้า
เขาไม่ควรจะทำอะไรเจ้าได้"
ดวงตาของการ์เมนเปลี่ยนเป็นสีแดง "ที่ข้าเศร้าใจ ก็เพราะปู่ของข้าคือ
คาร์บรี่ ตระกูลของลู่ชุ่ยมีความหมายกับ องค์กรเหล่าเทพเจ้ามาก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้ ปู่ของข้าจะฆ่าข้าหากเขารู้ว่าข้ากลัวที่จะสู้รบและทำให้เจียนเจียหายตัวไป"
บ่อยาพูดไม่ออก เขาไม่รู้ว่าเจียนเจียมีตำแหน่งสูงภายในองค์กรเหล่าเทพเจ้า
ซึ่งทำให้คาร์เมนมีอาการวิตก
ตอนนี้ เจียนเจียกับฮั่นหลางอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้สำหรับสาวสองคนที่ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ พวกเธอเป็นใคร?
…
รังสีแสงเปล่งประกายออกมา
ลั่วจินสัมผัสหน้าผากของเธอกับฮั่นหลางเบา ๆ
มันใกล้มากจนทำให้เขารู้สึกถึงลมหายใจของเธอได้
อันที่จริงแล้วระหว่างลั่วจินกับลั่วอิ๋ง ลั่วอิ๋งซึ่งเป็นน้องสาวดูเหมือนจะมีเสน่ห์มากกว่า
ด้วยอายุที่น้อยกว่าสิบสี่ปี เธอเริ่มมีลักษณะที่ว่าจะสวยมากเมื่อโตเต็มวัย
เมื่อเธอโตขึ้นเธอคงจะกลายเป็นผู้หญิงสวยที่สามารถทำให้ผู้ชายกลายเป็นบ้า สาวน้อยคนนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์
อย่างไรก็ตามระยะห่างระหว่างฮั่นหลางกับลั่วจินอยู่ใกล้พอที่จะทำให้ฮั่นหลางตกหลุมรักเธอ
แต่สิ่งที่ฮั่นหลางให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็ยังคงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างลั่วจินและลู่เอียว
"หุบปาก!" ฮั่นหลางตะโกนใส่ไข่ดำอยู่ภายในใจของเขา
มันแปลกมากที่นับตั้งแต่พวกเขามาถึงรังผึ้ง ไข่ดำเริ่มที่จะส่งเสียงงอแงออกมามากขึ้นเรื่อย
ๆ เช่นหมาป่าทารกที่ได้กลิ่นเลือด
ฮั่นหลางกำลังพยายามฟังบทสนทนาระหว่างลั่วจินและลู่เอียว
มันทำให้เขาบ้าคลั่งเมื่อไข่ดำกำลังก่อความวุ่นวาย
"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ พวกเจ้าคุยกันต่อไปได้"
ฮั่นหลางกล่าวกับลั่วจิน และลู่เอียวในใจของเขา
ในขณะนี้พลังทางจิตวิญญาณทั้งสี่เชื่อมต่อกันและกันระหว่าง ลั่วจิน ลู่เอียว
ฮั่นหลางและไข่ดำ สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อย
ลู่เอียวสูญเสียความอดทนเล็กน้อย แต่ลั่วจินไม่ได้รับผลกระทบจากไข่ดำ หรือจากการที่ฮั่นหลางจ้องมอง
ในหัวใจของลั่วจิน ลู่เอียวคือทุกสิ่งทุกอย่าง ในโลกของเธอมีเพียงลู่เอียวเท่านั้น
ลั่วจินพูดเบา ๆ กับฮั่นหลางว่า "ไม่เป็นไร ไข่จิตวิญญาณจะทำแบบนี้หลังจากที่กลับมาที่บ้าน"
จากนั้นเธอก็ยังคงพูดคุยกับลู่เอียวเกี่ยวกับอารมณ์ของเธอ
ฮั่นหลางรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดความอดทน เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
คำอธิบายที่เชื่องช้าของลั่วจิน กำลังทำให้เขาคลั่ง ตอนนี้เธอได้กล่าวถึงไข่จิตวิญญาณ
มันเป็นไข่จิตวิญญาณ?!
เธอหมายถึงไข่ดำนี้หรือเปล่า?
รังผึ้งนี้เป็นบ้านของไข่ดำ?
ถึงแม้ฮั่นหลางจะมีคำถามมากมาย แต่เขาก็ไม่รู้สึกกังวลกับลั่วจิน
ในโลกนี้คนที่มีความรักมักเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด
เห็นได้ชัดว่าลั่วจินผ่านการต่อสู้ทางจิตวิญญาณมากมายเพียงเพื่อมาพบกับลู่เอียว
ฮั่นหลางได้ให้ความสำคัญกับความรักแบบนี้มาก
ลั่วจินพูดเบา ๆ ว่า "ในความเป็นจริง ข้าแค่อยากได้ยินเรื่องหนึ่งจากเจ้า"
ลู่เอียวส่ายหน้าเหมือนลาที่ปากแข็ง "ข้าไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาใด ๆ
ได้เลย ข้าเป็นเพียงแค่วิญญาณ"
ลั่วจินส่ายหน้า "ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นมนุษย์ ผีหรือแค่วิญญาณ
..มันไม่สำคัญกับข้าเลย"
"แต่มันสำคัญสำหรับข้า!" ลู่เอียวตะโกนสียงดังใส่ลั่วจินว่า
"ข้าเป็นผู้ชาย สำหรับข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความเสน่หา หากแต่เป็นอาชีพและความสำเร็จ
ข้าต่อสู้มาตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากนั้น"
สีหน้าของลั่วจินกลายเป็นซีดเผือด หากแต่เธอยังคงพูดต่อไป "ถ้าเจ้าต้องการที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เจ้าต้องการ
ข้าก็สามารถอยู่เคียงข้างเจ้าได้ทุกที่ ข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างตราบใดที่เจ้ามีความสุข"
ฮั่นหลางเกือบจะน้ำตาไหล นี่คือความรักที่แท้จริง! ความรักที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย!
ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่เต็มใจที่จะติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง และไม่ยอมแพ้แม้ว่าเขาจะกลายเป็นวิญญาณ
ฮั่นหลางก็คงใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธเธอ
กระนั้นลู่เอียวก็เป็นลาที่ดื้อรั้น
"ข้าไม่ต้องการให้เธออยู่เคียงข้าง เจ้าเป็นคนที่ทำให้ใจข้าไขว้เขว
ข้าจะได้รับผลกระทบตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่ กลับไปซะ ข้าไม่ได้อยากเจอเจ้า" ลู่เอียว
กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ปกปิดความจริง
"ถ้าเจ้าไม่ต้องการที่จะเห็นข้า ข้าก็สามารถซ่อนตัวเพื่อที่เจ้าจะไม่สามารถเห็นข้า
ตราบเท่าที่เจ้าบอกข้าว่าเจ้าอยู่ที่ไหนและเจ้ากำลังทำอะไร"
"ไม่! เจ้าต้องอยู่ให้ไกลจากข้า ไปให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!"
ลู่เอียว กล่าวออกมาอย่างรุนแรง
ฮั่นหลางกำปั้นของเขา ในขณะที่เขาเกิดแรงกระตุ้นจนอยากจะชกลู่เอียวให้ถึงตาย!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น