เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ZX 073 การพนันระหว่างเปลวไฟกับเปลวไฟ

การเล่นการพนันเปลวไฟเพื่อเปลวไฟ

นอกจากผู้เชี่ยวชาญการปรุงยาระดับสูงสามคนแล้ว ยังมีคนจากนิกายฝึกสัตว์อสูรอีกผู้หนึ่ง เมื่อรวมเขาและผู้อาวุโวหวู แล้ว ก็เป็นหกคน เมื่อเค่อเหลียนหยุนกล่าวถึงการกําจัดหยางเฉินออก ก็ไม่ได้มีผู้ใดว่าอะไร 

แม้ว่าการกระทําทั้งสามที่มีต่อหยางเฉินดูจะต่างกัน แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือพวกเขาล้วนปรามาสหยางเฉิน  การกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ไม่ใช่อะไรที่ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณจะมายุ่งด้วย  แล้วหยางเฉินควรให้รับโอกาสกับเรื่องนี้ด้วยรึ

การที่จะยึดเปลวไฟจากร่างของคนอื่น ปกติแล้วไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้  เงื่อนไขแรกคือเปลวไฟกับคนผู้นั้นต้องเข้ากันได้ การแย่งชิงโดยใช้กําลังนั้นเป็นไปไม่ได้ คนตายย่อมไม่สามารถครอบครองเปลวไฟได้ ดังนั้นมีเพียงเจ้าของเปลวไฟเป็นผู้ ยินยอมเท่านั้น แต่ในบรรดาผู้คนในที่นี้ ระดับการบ่มเพาะตํ่าสุดที่ระดับผลิดอกทั้งนั้น แล้วเจ้าหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณ จะเอาพลังที่ไหนมาขัดขืน?

คนทั้งสามไม่ได้ปิดบังความต้องการที่จะโจมตีหยางเฉิน  ความละโมบปรากฏขึ้นในแววตาทุกคน ถึงแม้เปลวไฟไม่ได้มีความจําเป็นต่อพวกเขา แต่ลูกหลานศิษย์ของพวกเขาล่ะ มันมีจํานวนไม่น้อยที่คนรุ่นเยาว์เหล่านั้น ต้องการเป็นเจ้าของเปลวไฟ เปลวไฟแก่นพิภพนั้นเหมาะสมที่สุดในการกลั่นยาสําหรับเปลวไฟทั้งมวล มันเป็นสิ่งที่ได้มา ด้วยโชคไม่ได้มาด้วยการแสวงหา และนี่ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเองมีเปลวไฟระดับที่สูงกว่าในครอบครองแล้วละก็ พวก เขาคงยึดเปลวไฟของหยางเฉินไว้เอง

ผู้อาวุโสหวูรู้สึกเสียใจที่นําหยางเฉินมาที่นี่ แรกเริ่มนั้นเขาคิดเพียงเพราะหยางเฉินจะสามารถทําให้การกลั่นและทําให้หญ้าฟ้าครามได้คุณภาพและบริสุทธิ์ที่สุด โดยมิได้คาดคิดปัญหาที่จะเกิดกับกลุ่มคนเหล่านี้ และโดยเฉพาะข้อเสนอที่ไร้ยางอาย ของเค่อเหลียนหยุน

แต่ผู้อาวุโสหวูก็ไม่กล้าขัดคนทั้งสาม เพราะคนทั้งสามเป็นสุดยอดนักปรุงยาในเขตแดนมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงยา เม็ดคว้าสวรรค์โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา ทว่าเขายิ่งไม่ยินยอมที่จะเสียหยางเฉินไป เพราะเขาเป็นผู้พามา ถ้า เป็นเช่นนั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมาก ฟากหนึ่งคือยาเม็ดคว้าครองสวรรค์ อีกฟากคือหยางเฉิน  และในทั้งสามคนนั้น เรื่องราวก็มาจากเฮ่อเหลียนหยุนเป็นผู้เสนอแล้วมากระตุ้นต่อมอีกสองคน  ถ้าหากเขาจัดการได้ไม่เหมาะสม ยาเม็ดคว้าสวรรค์คงไม่บังเกิด แต่ถ้าต้องสูญเสียหยางเฉิน เขาจะเอาหน้าไว้ไหน เขาไม่รู้ จะทําอะไรต่อไปดี

ความลังเลของผู้อาวุโสหวูเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะสามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาของพวกเขาเอง หยางเฉินก็เห็นเช่นกัน หยางเฉินรู้สึกยินดีที่เขาเห็นผู้อาวุโสหวูเกิดความลังเล หลังจากฟังคำพูดว่าเขาเป็นเพียงผู้เยาว์ระดับรวบรวมลมปราณ ถ้าหากเป็นคนอื่นระหว่างผู้เยาว์ระดับรวมรวบลมปราณและสามนักปรุงยาผู้เชี่ยวชาญผู้ยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขาคงไม่แม้กระทั่งยกปกตาเพื่อมองหยางเฉิน

แต่หยางเฉินไหนเลยจะยอมตายอย่างง่ายดายอย่างนั้น เมื่อเค่อเหลียนหยุนมุ่งร้ายต่อเขา เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะต้องทําลายเกียรติเค่อเหลียนหยุน

“ท่านพูดราวกับว่าท่านกลั่นยาเม็ดนั้นเสร็จแล้ว รึท่านจะบอกว่า ตราบใดที่ข้ายอมมอบเปลวไฟแกนพิภพให้ แล้วผู้อาวุโสเค่อจะทําได้สําเร็จแน่ …ผู้อาวุโสท่านเป็นคนที่ผู้อาวุโสหวูเชิญมา แต่ …ข้าก็เช่นกัน งั้นถ้ามีผู้อาวุโสนักปรุงยาระดับออกผล มาปรากฏตัวที่นี่ แล้วท่านอาวุโสเค่อจะยอมมอบเปลวไฟให้คนผู้นั้นหรือไม่ ?”

 ครั้งแรกที่เขาเอ่ยออกมา สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนเหล่านั้นเล็กน้อย 

“ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นหมู่ตึกของผู้อาวุโสหวูหรือของผู้อาวุโสเค่อ ?”

หยางเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ขณะสายตาอยู่ที่เฮเหลียนหยุน

“ …หรือว่า ผู้อาวุโสเค่อ สามารถตัดสินใจและจัดการเรื่องราว ในที่นี่แทนผู้อาวุโสหวูได้ที่นี่ ?”

ขณะหยางเฉินกล่าวจบ สีหน้าเค่อเหลียนหยุนแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก  มันไม่ผิดหรอกที่ผู้อาวุโสหวูเชื้อเชิญเขามา แต่ที่นี่ ในหมู่บ้านนี้ เป็นอาณาจักรของผู้อาวุโสหวู กระทั่งจะลงโทษแขกที่ผู้อาวุโสหวูเชื้อเชิญมา มันดูจะเกินหน้าที่ของแขกไปหน่อย มันราวกับเป็นเจ้าบ้านซะเอง

หยางเฉินกระตุ้นเตือนผู้อาวุโสหวูว่านี่เป็นถิ่นของเขา คนเหล่านี้เขาเชิญมา แล้วผู้ใดที่จะกล้าล่วงเกินในที่นี่ แล้วนี่พวกเขายังไม่ได้ปรุงยาเลยแต่มาสร้างเรื่องซะแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือการควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่เพื่อรักษาหน้าเท่านั้น เมื่อคิดเรื่องนี้แล้ว ผู้อาวุโสหวูก็รู้สึกว่าผิวหน้าของเขาห่อเหี่ยว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ หยางเฉินอยู่ในฐานะแขกผู้หนึ่ง คนทั้งสามก็อยู่ในฐานะแขกเช่นกัน มันไม่เกี่ยวกับระดับการบ่ม เพาะใด ๆ ทั้งหมดเป็นแค่แขกที่รับเชิญมา มันคงน่าอายมากถ้าแขกทําอะไรเกินเลยกว่าเจ้าบ้าน

ทั้ง ๆ ที่ ในใจของจูเพิงและเติ้งอี้ก็แค่ถูกกระตุ้นโดยวาจาของเค่อเหลียนหยุน และในตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้บีบคั้นหยางเฉิน เหมือนก่อนหน้านี้ เจ้าเด็กนี่เป็นแค่ระดับรวบรวมลมปราณแต่หาญกล้ากล่าววาจาต่อหน้าระดับผลิดอก ออกผลอย่างมั่นใจ พวกเขาตอนนี้ต้องประเมินเสียหยางเฉินใหม่

“เจ้า…” 

เค่อเหลียนหยุนตระหนกยิ่ง หลังจากจ้องมองหยางเฉินอย่างจะกินเลือดกลืนเนื้อ ก็หันไปหาผู้อาวุโสหวูและรีบกล่าว 

“ผู้อาวุโสหวู ข้าผู้น้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น” 

โลกของการบ่มเพาะให้ความสําคัญกับ นักปรุงยาเป็นอันมาก ไม่มีผู้ใดอยากเป็นศัตรูกับนักปรุงยา แล้วนี่ยิ่งเป็นเค่อเหลียนหยุนนักกลั่นยาระดับเขย่าโลกด้วยแล้ว ….แต่วาจาของหยางเฉินนั้น มันก็ถูกต้อง เพราะยายังไม่ได้ปรุง และ อัตราความสําเร็จก็ไม่สู้จะดีนัก นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ทั้งสามผู้เชี่ยวชาญปรุงยาต้องมารวมตัวกันที่นี่เพื่อปรึกษาหารือถึงสิ่งต่างๆ

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีการปรุงยาเม็ดคว้าสวรรค์สําเร็จ และเป็นการเปลี่ยนชีวิตของนักปรุงยานั้น เขาขึ้นสู่โลกแห่ง เซียน เหลือทิ้งไว้ด้วยสูตรการกลั่นยาที่ไม่ครบถ้วน ดังนั้นการจะกลั่นยาให้สําเร็จ จึงจําเป็นที่ทุกคนต้องครุ่นคิดร่วมกัน

ถ้าหากเขาเชื่อมั่น แล้วผู้อาวุโสหวูคงทําบางอย่างตามความต้องการของเค่อเหลียนหยุน ปัญหาคือเค่อเหลียนหยุนไม่กล้า รับประกันความสําเร็จ เขาจึงไม่สามารถสร้างความมั่นใจแก่ผู้อาวุโสหวู เมื่อประกอบกับวาจาของหยางเฉิน เขาจึงไม่มี ทางเลือกมากกว่าต้องชี้แจงให้ฟัง 

“เจ้าเด็กหยางเฉินนี้ ชายชราเช่นข้านี่แหละที่เชิญมา …ก่อนที่ท่านจะพูดอะไร ควรไตร่ตรองก่อน” 

ผู้อาวุโสหวูเกิดความขุ่นเคืองภายในใจ แต่ย่อมรู้ว่าไม่ควรขวางเค่อเหลียนหยุนและเหล่านักปรุงยาในตอนนี้ ดังนั้นเขาสามารถพูดได้เช่นนี้เท่านั้น

เค่อเหลียนหยุนไม่กล้าพูดอะไรอีกได้แต่พยักหน้าเท่านั้น เขายินนิ่งอยู่กับที่ มองเห็นร่องรอยความโกรธที่ถูกจุดขึ้นในหัวใจของผู้อาวุโสหวูเป็นเพราะคำพูดของหยางเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแต่การที่จะหยิกยกมาเทียบกับผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลแล้วจะมากไปเท่าไร? หลังจากนี้พวกเขายังมีโอกาสอีกมากมายที่จะคิดบัญชีกับหยางเฉินที่สร้างปัญหาให้กับเขาในเวลาที่สำคัญนี้

ทันใดนั้นหยางเฉินก็เอ่ยออกมาว่า


“อย่างไรก็ตาม วาจาของอาวุโสเค่อ ทําให้ข้าได้คิด”

เค่อเหลียนหยุนตกใจอย่างยิ่ง ที่ได้ฟังการรับข้อเสนอของหยางเฉิน   เขาได้แต่เลิกคิ้ว ไม่รู้ว่าหยางเฉินต้องการสิ่งใดแน่ 

“พวกท่านผู้อาวุโสน่าจะไม่มั่นใจในตัวข้า …งั้นให้ข้าผู้เยาว์ได้แสดงเคล็ดลับการควบคุมไฟ เพื่อเรียกความมั่นใจแก่พวก ท่านสักนิด” 

หยางเฉินยังคงมองไปที่เหล่านักปรุงยาและยิ้มพลางเอ่ยต่อไป

 “ ถ้าผู้อาวุโสเค่อ ทําได้สําเร็จ ข้าก็จะยอมมอบเปลวไฟแก่นปฐพีให้ ตามที่ท่านพูด” 

พวกนักปรุงยายังจ้องเขม็งอยู่ที่หยางเฉิน   …เจ้าเด็กนี้ปัญญาอ่อนหรือกระไร เมื่อกี้ยังนอบน้อมต่อเค่อเหลียนหยุน แต่ ตอนนี้กล่าววาจาอะไรประหลาดอีกล่ะ

เค่อเหลียนหยุนหน้าบึ้งในทันที เจ้าหนูระดับรวบรวมลมปราณ ผู้มีโชคได้ครอบครองเปลวไฟแก่นปฐพีนี่ ไม่รู้จักว่าฟ้าสูง แผ่นดินตํ่า แล้วยังกล้าท้าทายพลังอํานาจของระดับผลิดอกรึ ?  …รึว่ามันสะกดคําว่า ‘ตาย’ ไม่เป็น  …ก็แค่ได้ประสบความสําเร็จเล็ก ๆ นี้ แล้วคิดว่าจะเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก

“ในเมื่อเจ้าต้องการแสวงหาความตาย ข้าก็จะมอบมันให้ ผู้อาวุโสหวู ท่านเห็นหยิ่งยโสของเจ้าเด็กนี่หรือยัง ข้าต้องการให้ท่านอาวุโสหวูเป็นผู้ตัดสิน!”

เค่อเหลียนหยุนกล่าวด้วยสีหน้าซีด แต่มุ่งเป้าไปที่ผู้อาวุโสหวู  เมื่อสักครู่หยางเฉินพึ่งทําให้ผู้อาวุโสหวูไม่ไว้หน้าพวกเขา และมันบังอาจกระตุ้นต่อมพวกเขา เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกไหนเลยจะมาเสียหน้าต่อเด็กน้อยระดับ รวบรวมลมปราณ 

“หยางเฉิน เรื่องสําคัญคือการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์นะ” 

ผู้อาวุโสเลิกคิ้วกล่าววาจาเตือนหยางเฉินด้วยนํ้าเสียงจริงจัง 

“เจ้าควรจะหยุดเพียงเท่านี้”

“ผู้อาวุโสหวู การปรุงยาจําเป็นที่ทุกคนควรจะต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สิ่งสําคัญที่สุดคือทุกคนต้องดึงความสามารถออกมา ให้มากที่สุด ถ้าเหล่าผู้อาวุโสไม่ทราบถึงสิ่งที่ข้าสามารถทําได้ ท่านก็จะไม่แบ่งหน้าที่ให้ข้า มันจะเป็นเหตุไม่ให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดของข้าได้ ดังนั้นข้าเองจึงต้องการให้พวกท่านได้รู้ถึงสิ่งที่ข้าสามารถทำได้”

ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่หยางเฉินยกมาอ้างถึงสิ่งที่เขาทํา ทําให้ผู้อาวุโสหวูยากที่จะหยุดเขา ตอนนี้เขาทําให้นักปรุงยาทั้งสาม รู้สึกไม่มีความสุขละที่นําหยางเฉินมาด้วย แต่ตอนนี้ถ้าเขาทําสิ่งใดก็ดูเหมือนจะทําให้ทั้งสามอึดอัดกว่านี้  

“เจ้าควรทําให้ดีที่สุด” 

ผู้อาวุโสหวูได้แต่พยักหน้า การปรุงยาเม็ดคว้าสวรรค์เป็นสิ่งสําคัญ แต่จนบัดนี้เขายังไม่เข้าใจทําไมหยางเฉินต้องทําอย่างนี้  ตอนนี้หยางเฉินหัวเราะกระหยิ่มในใจ ในชีวิตที่แล้วเขาทราบดีถึงตัวตนและทักษะการกลั่นยาของเค่อเหลียนหยุน

เมื่อครู่เขาได้เริ่มการขัดขวางแล้วและต้องทําให้ถึงที่สุด และเมื่อใดที่กระบวนการปรุงยาแล้วเสร็จไม่ว่าจะประสบความสําเร็จหรือ ล้มเหลว แน่ใจได้เลยว่าเขาจะต้องเจอการไล่บี้จากเค่อเหลียนหยุนแน่ ทางที่ดีเขาต้องใช้สถานะและอิทธิพลของผู้อาวุโสหวู มากันไว้ มิฉะนั้นชีวิตนี้คงหาความสงบไม่เจอแน่ …การเป็นศัตรูกับนักปรุงยาระดับผลิดอกก็ไม่ได้แตกต่างกับเป็นศัตรูกับ นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ในชีวิตที่แล้วหรอก!

เค่อเหลียนหยุน มองหยางเฉินด้วยสายตาที่ชั่วร้าย  ในมุมมองของเขาและทุกคนที่นี่ … หยางเฉินต้องได้รับความพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้ว..เมื่อสูญเสียเปลวไฟแก่นพิภพไปแล้ว หยางเฉินก็ ไร้ซึ่งเหตุผลในการอยู่ที่นี่ แม้เขาจะยังไม่ได้กําจัดหยางเฉินในเวลานี้ ในภายภาคหน้าเขาค่อยเสาะหาหยางเฉินแล้วค่อย จัดการก็ได้

“ผู้อาวุโส ในเมื่อถ้าข้าเป็นฝ่ายแพ้ แล้วข้าต้องยกเปลวไฟแก่นปฐพีให้กับท่าน” 

หยางเฉินหันไปทางเค่อเหลียนหยุนและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม 

“ข้ายังไม่รู้สิ่งที่ท่านต้องตอบแทนข้า ถ้าท่านเป็นผู้แพ้ ท่านเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก  เรื่องแค่นี้คงไม่ถึงกับมาเป็นหนี้ ข้าผู้เยาว์กระมัง?”

 “ข้าแพ้น่ะรึ…เจ้าประเมินตัวเองสูงไปรึปล่าว”

เค่อเหลียนหยุนโมโหมาก ในฐานะนักกลั่นยาที่ชํานาญในการควบคุมเปลวไฟ ทักษะของเขาจะด้อยกว่าเด็กน้อยระดับ รวบรวมลมปราณได้อย่างไร แต่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกคนอื่น ๆ และผู้อาวุโสหวู ถ้ากล่าวออกมาเช่นนั้น ก็ดู เหมือนคนใจแคบเกินไป 

แม้ว่ามันจะเป็นข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย มันยังไม่สามารถป่าวประกาศออกมาได้ แต่ที่หยางเฉินกล่าวมันก็ถูกต้อง ในเมื่อ เป็นการให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียวมีเดิมพัน มันคงไม่ถูกต้องแน่

“เจ้าอยากได้อะไร ? “ 

เค่อเหลียนหยุนยิ้มแย้ม ทั้งที่โกรธมาก ๆ ขณะที่คนอื่นล้วนเงียบงัน ในฐานะนักกลั่นยานั้น นอกเหนือจากการควบคุมดูแลไฟ แล้วพวกเขาต้องมีความใจเย็นอีกด้วย ในยามอยู่เบื้องหน้าเตากลั่นยาเมื่อการปรุงยาเริ่มขึ้น 

“ในเมื่อข้าเองใช้เปลวไฟของข้ามาเดิมพัน  ผู้อาวุโสเองก็น่าจะใช้สิ่งเดียวกันนี้ …ท่านคิดว่ายังไง ?”

หยางเฉินประกาศความต้องการของเขาและตาจ้องอยู่ที่เค่อเหลียนหยุน

 “เจ้าต้องการใช้เปลวไฟแกนพิภพพนันกับไฟพระอาทิตย์แท้จริงรึ” 

เมื่อได้ยิน เค่อเหลียนหยุนแทบกระอักโลหิตด้วยความโกรธ  แม้ว่าเปลวไฟแก่นพิภพจะเหมาะสําหรับการกลั่นยาที่สุดในโลกการบ่มเพาะนี้ แต่เมื่อเทียบกับไฟอาทิตย์ที่แท้จริงที่มีระดับสูงกว่าอย่างน้อยสองขั้นแล้วดูไม่สมเหตุสมผลนัก 

“ตัวข้าเองแค่ระดับรวบรวมลมปราณ ขณะที่ผู้อาวุโสอยู่ถึงระดับผลิดอก หรือว่าภายในใจของผู้อาวุโสมีความคิดว่าจะได้รับความพ่ายแพ้?”

แต่หยางเฉินก็ไม่ได้แสดงการเกรงกลัวอารมณ์โกรธนี้แม้แต่น้อย ช่องว่างของการบ่มเพาะที่ห่างกันมาก ชัยชนะจากการต่อรองก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติน วาจาเหล่านี้ต้องการแหย่เค่อเหลียนหยุนให้เข้ามาติดกับดักของเขา

ในชีวิตครั้งที่แล้ว ไฟพระอาทิตย์แท้จริง มันเป็นเปลวไฟของเขา เพียงแต่ตอนนั้นเขาต้องหลบหนี ดังนั้นเมื่อเขาได้หาเรื่องเค่อเหลียนหยุนแล้ว เขาก็จะทําให้ถึงที่สุด หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ในนี้จบ แน่นอนเฮ่อเหลียนหยุนต้องหาทางกําจัดเขา นั่นล่ะคือผลประโยชน์ตามมาที่หยางเฉินจะได้รับ

“ดี….ดี….ดีมาก….”


เค่อเหลียนหยุนไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้หลังจากถูกหยางเฉินยั่วยุ เขายังพูดคำว่า 'ดี' สามครั้ง โดยกัดฟันพูดออกไป

“เด็กน้อย เจ้ากล้ามาก ! หึ..หึ..ลูกวัวเกิดใหม่ย่อมไม่กลัวเสือ…ไม่ต้องกล่าวถึงระดับการบ่มเพาะของเจ้าแล้วข้าชื่นชมเจ้ามากเจ้าหนู”

ทุกคนประหลาดใจกับวาจาที่เพิ่งกล่าวจบของเค่อเหลียนหยุน แววตาที่เยือกเย็นลุกโชนราวกับสัตว์กระหายเลือด

“ในเมื่อเจ้าร้อนรนขนาดนี้ แล้วข้าจะนิ่งเฉยได้อย่างไร …ดี เรามาพนันกันด้วยเปลวไฟของเรา” 

เขาหันมาประสานมือคารวะผู้อาวุโสหวู หลังกล่าวจบ และพูดต่อไปว่า 

“ผู้อาวุโสหวู นี่มิใช่ว่าข้าจะใช้ความมีอาวุโสมาเอาเปรียบ แต่เป็นเจ้าเด็กนี่ทําให้ข้าต้องทําเช่นนี้ ดังนั้นข้าต้องขอร้องท่านผู้ อาวุโสหวูช่วยเป็นสักขีพยาน” 

ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสหวู แม้แต่จูเพิง เติ้งอี้ และฟั่นฉานจากนิกายฝึกสัตว์อสูร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหรือหยางเฉินเป็นบ้าไปแล้ว แต่ในเมื่อเรื่องราวได้บานปลายมาถึงบัดนี้ พวกเขายังไม่เห็นทางออกจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดตอนนี้ได้เลย แม้แต่ผู้อาวุโสหวูตอนนี้ก็รู้สึกอึดอัดในใจ หยางเฉินพลันหันมาทําท่าคารวะ

“ข้าผู้เยาว์ ขอผู้อาวุโสหวูเป็นพยาน”

เมื่อรู้ว่าเรื่องได้มาถึงจุดที่ไม่อาจถอยกลับคืนมาได้แล้ว ผู้อาวุโสหวูเพียงพยักหน้าได้เท่านั้น เขายังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า 

“ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น เรื่องราวผลประโยชน์ต่าง ๆ ค่อยว่ากันทีหลัง แต่การปรุงยาต้องไม่ล่าช้าอีกต่อไป” 

เขาเป็นผู้เชิญทั้งหมดมาปรุงยา เขาจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดผู้หนึ่งในนักปรุงยาทั้งสองมาสูญเสียเปลวไฟของตน ทั้งที่การปรุงยายังไม่เริ่ม  

“ขอรับ” 

ทั้งหยางเฉินและเค่อเหลียนหยุนล้วนประสานมือคารวะ ทั้งคู่รู้ดีว่า มันจวนจะถึงขีดจํากัดที่ผู้อาวุโสหวูยอมให้แล้ว  ดังนั้นจึงไม่บังควรคัดค้านใด ๆ 

“เจ้าหนู ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าได้ฝึกฝนทักษะการควบคุมไฟมาเพียงพอ”

เค่อเหลียนหยุนจ้องไปที่หยางเฉิน ราวกับมองคนตาย  


“ข้าจะรอดู จนกระทั่งเจ้ายอมและนําเปลวไฟแก่นปฐพีมาคารวะข้า”

4 ความคิดเห็น: