เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

GDN 071 หลันเฟิง


ฮั่นหลางจำได้ในที่สุด มันเป็นครั้งแรกที่เขาบังเอิญเดินเข้าไปทำการทดสอบแรงกดดัน ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ใต้มหาสมุทร ในเวลานั้นเขาสามารถโกงได้ เนื่องจากพลังสูญสิ้นของเขาและสามารถผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ทิ้งคนอื่นๆทั้งหมดให้อยู่เบื้องหลังเขา

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยกเว้น เขาเป็นชายร่างผอมสูง และอยู่ข้างหน้าฮั่นหลางเสมอ ไม่ว่าฮั่นหลางจะพยายามอย่างหนักสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถผ่านเขาคนนี้ไปได้ เขาไม่มีพลังสูญสิ้นแต่ยังสามารถไปได้เร็วกว่าฮั่นหลาง    ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่มหัศจรรย์

และคนที่อยู่ข้างหน้าฮั่นหลางในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับที่ฮั่นหลางได้พบในรอบแรก?

ฮั่นหลางก็อยากจะแข่งขันกับชายหนุ่มร่างผอมสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา หกเดือนที่ผ่านมาฮั่นหลางเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ แล้วในตอนนี้ละ?

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฮั่นหลางรีบเร่งความเร็วและเดินตามชายร่างผอมสูงที่อยู่ข้างหน้า แต่แปลกมาก ด้วยร่างกายในปัจจุบันของฮั่นหลางและด้วยพลังสูงสุด เขาก็ยังไม่สามารถตามทันชายร่างผอมสูงได้

ชายร่างผอมสูงดูเหมือนจะเดินช้าๆ แต่ร่างของเขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง หยอกล้อผู้เล่นคนอื่นๆในขณะที่เขาเดินจับลูกบอลเพลิงบินและยิงพวกมันไปที่คนอื่นๆที่ผ่านเขาไป หรืออยู่รอบๆตัวเขาทุกๆคนยกเว้นฮั่นหลาง

บูมมม ~

ในทันใดนั้นอุกกาบาตกำลังตกลงไปที่หัวของชายร่างผอมสูงอย่างรวดเร็ว และเมื่อฮั่นหลางกำลังจะเตือนให้เขาระวังตัว เขาก็เห็นว่าชายคนนั้นกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและจับลูกบอลเพลิงได้นับสิบ

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น โยนระเบิดที่ทำมาจากลูกบอลเพลิง!

ลูกบอลเพลิงบินนับหลายสิบลูกถูกส่งผ่านอากาศตรงไปที่อุกกาบาตที่กำลังตกลงมา

ตูมมม ~

เปลวไฟพร้อมกับเศษอุกกาบาตบินกระจายไปทุกทิศทุกทาง นี่เป็นเหมือนกับในตำนานที่ยืมพลังเพื่อต่อสู้กับพลัง ชายร่างผอมสูงใช้ลูกบอลเพลิงที่เขาจับไว้และโยนพวกมันเพื่อทำลายอุกกาบาต ก่อให้เกิดภาพเหตุการณ์ระเบิดที่รุนแรง

ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขานี้มีความสามารถที่ทรงพลัง เมื่อเขาเอื้อมมือออกไปจับลูกบอลเพลิงบินจำนวนมากที่อยู่ห่างไกลจากเขา เขาก็เพียงแค่ค่อยๆเอื้อมมือของเขาและออกแรงดึงพวกมันมาที่มือ

สำหรับการที่เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ดูเหมือนว่าเขาทำแบบไม่ใส่ใจนัก แต่จริงๆแล้วมันเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง พลังของอุกกาบาตที่ตกลงมาถูกทำลายอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นลูกบอลเพลิงขนาดเล็กหลายสิบลูกก็สามารถทำลายอุกกาบาตได้ ผู้ชายคนนั้นต้องใช้วิธีที่ฮั่นหลางไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจได้

หลังจากที่ต่อสู้กับนักสู้ที่เก่งมากมายจากดาร์คเน็ต และสังเกตไลฟ์สดแห่งความตายมานับไม่ถ้วน มันไม่สามารถกล่าวได้ว่าฮั่นหลางไม่มีความรู้ แต่ความสามารถที่แปลกและมีประสิทธิภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ มันเป็นครั้งแรกของฮั่นหลางที่ได้เห็นอะไรบางอย่างเช่นนี้

ทันใดนั้นเมื่อฮั่นหลางกำลังวิเคราะห์ ชายร่างผอมสูงที่มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้หยุดนิ่งและพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ดูเสียดายว่า "แย่จริงๆ ฉันน่าจะเอาอุกกาบาตนั้นแล้วโยนมันไปที่คนอื่น มันถึงจะดูน่าสนใจมากกว่านี้"

ฮั่นหลางรู้สึกรังเกียจต่อชายคนนี้ในทันที จับอุกกาบาตแล้วโยนมันไปที่คนอื่น? ชายคนนี้ดูแปลกประหลาดจริงๆ เพราะฮั่นหลางไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดจะทำนั้นจะดูน่าสนุกตรงไหน

ไม่นานนักอุกกาบาตลูกอื่นได้พุ่งเข้าหาฮั่นหลาง ชายร่างผอมสูงหันมาพร้อมกับชำเหลืองตามองฮั่นหลางอยู่ครู่หนึ่ง เขามีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และควรที่จะมีอายุน้อยกว่าหรืออายุเท่ากับฮั่นหลาง เขาเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายออกมาว่า "เจ้าอาจมีความสามารถป้องกันลูกบอลเพลิง แต่เจ้าไม่สามารถป้องกันอุกกาบาตได้ เวลานี้เจ้าจบแน่ๆ?"

ข้อความที่อยู่เบื้องหลังของรอยยิ้มนั้นทำให้ฮั่นหลางรู้สึกอึดอัด เมื่อเห็นอุกกาบาตกำลังจะชนเข้ากับหัวของเขา ฮั่นหลางแอบสะสมพลังแห่งความมืดและยกกำปั้นสีดำที่เรียบง่ายขึ้นมา

บูมมม ~

ในเวลานี้ฮั่นหลางได้สร้างฉากที่ยิ่งใหญ่มากกว่าก่อนหน้านี้ เขาทำการทะลวงอุกกาบาตด้วยกำปั้นของเขาโดยตรง ทำให้มันกลายเป็นเศษผงปลิวไปกับสายลม

การระเบิดของอุกกาบาตเกิดขึ้นบริเวณที่เหนือผิวทะเลราวๆหนึ่งเมตร เสียงก็ยิ่งดังสนั่น น้ำทะเลหมุนวนไปรอบๆเกิดภาพเหตุการณ์ที่ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าคลื่นยักษ์สึนามิ

คลื่นนนนน~

ชายร่างผอมสูงยังไม่ได้หันกลับไป แต่เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาสั่นเล็กน้อยราวกับว่าเขาตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่ฮั่นหลางสร้างขึ้นมา

"น่าสนใจ น่าสนใจ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเร่งไปทางเกาะอีกฝั่ง ฮั่นหลางเดินตามเขาไปอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่สามารถทิ้งห่างฮั่นหลางไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฮั่นหลางจะเดินผ่านชายร่างผอมสูง

ดูเหมือนว่า พวกเขาทั้งสองคนกำลังอยู่ในสถานการณ์แข่งขันกัน

แต่ฮั่นหลางตระหนักว่า มันเป็นจริงที่ว่าเขาใช้ประโยชน์จากชายร่างผอมสูงที่มักจะจับลูกบอลเพลิงโยนไปที่ เอสเปอร์ที่อยู่รอบๆ ทำให้ทุกคนต้องซ่อนตัวและพยายามอยู่ห่างไกลจากพวกเขา ด้วยความกลัวที่ว่าพวกเขาจะเป็นเป้าหมายต่อไปจากลูกบอลเพลิง

ในเวลาไม่นานนัก ฮั่นหลางและชายร่างผอมสูงก็มาถึงจุดหมาย เมื่อเขาหันกลับไปมองรอบๆ ฮั่นหลางได้เห็นชื่อของเขา หลันเฟิง (TL: ในภาษาจีนหมายถึง เมเปิล สีน้ำเงิน) เขาถึงจุดสูงสุดของระดับ 5 ดาวแล้ว

ในทางช้างเผือก ระบบจะเรียกระดับของ เอสเปอร์ระดับ 5 ดาวขั้นสูงสุด ถ้าหากพวกเขาอยู่ใกล้กับระดับ 6 ดาวมากๆ มิฉะนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ควรจะถูกเรียกว่า เอสเปอร์ระดับ 5 ดาวขั้นกลาง

นั่นหมายความว่าค่าสถานะพลังพิเศษของหลันเฟิงมีค่าอย่างน้อย 900,000 ไม่น่าแปลกใจที่ฮั่นหลางไม่สามารถจับตัวเขาได้ ด้วยที่ว่าช่องว่างระดับระหว่างพวกเขานั้นค่อนข้างกว้างเกินไป...

หลันเฟิงก็ดูประวัติของฮั่นหลางแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ และพูดว่า "แค่นั้น? มันดูน่าเบื่อ"

ฮั่นหลางหัวเราะและพูดว่า "เจ้าแข็งแกร่งมาก ในระหว่างทางที่มาตรงจุดนี้ เจ้าได้ทำลายอนาคตของเอสเปอร์จำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาทั้งหมดทำงานอย่างหนักและต้องการที่จะเข้าสู่รอบสุดท้าย และพวกเขาถูกตัดสิทธิ์ออกโดยเจ้าอย่างไม่มีเหตุผล

หลันเฟิงไม่เห็นด้วยและพูดว่า "เจ้าจะมาตำหนิข้าได้อย่างไร? พวกเขาอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แต่พวกเขาก็อาจจะไม่มีชีวิตกลับคืนไป หากพูดตามจริงแล้ว ข้าช่วยพวกเขาซะมากกว่า นอกจากนี้พวกเขายังมีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สองที่จะมาสอบอีกครั้ง ดังนั้นหากพวกเขาต้องการก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้"

ฮั่นหลางพยักหน้า "ข้าเดินตามเจ้ามา มันช่วยได้มากจากความยุ่งยากทั้งหลาย ขอบคุณ! แต่ทำไมเจ้าโจมตีทุกคน แต่ไม่ใช่ข้า?"

หลันเฟิงเหลือบตามองฮั่นหลาง และกล่าวว่า "ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูน่าสนใจมาก สำหรับพวกเขา พวกเขาทำให้ข้ารู้สึกเบื่อ นอกจากนี้เจ้ามีพลังภูมิคุ้มกัน ดังนั้นข้าไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับเจ้า"

"โอ้นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม" ฮั่นหลางจึงยักไหล่และเตรียมพร้อมที่จะออกจากการทดสอบแรงกดดันรอบที่ 5 และไปที่รอบสุดท้าย

หลันเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ขุ่นมัว และพูดออกมาเหมือนกับนักปรัชญาว่า "เหล่าผู้คน ทำไมพวกเขาต้องบังคับให้คนอื่นทำสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ? ถ้าข้าไม่ใช่ทหารหรือเป็นเอสเปอร์ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ชุมนุมทางช้างเผือก มันจะดีแค่ไหนกันนะ"

ฮั่นหลางยิ้ม "เจ้าถูกบังคับให้มาที่นี่?"

หลันเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามฮั่นหลางออกไปว่า "เจ้าไม่ได้ถูกบังคับ?"

ชูววว ~

ทั้งสองคนออกจากการทดสอบและกลับมาที่จัตุรัสพร้อมกัน

ฮั่นหลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ข้าไม่ได้ถูกบังคับให้มาที่นี่ แต่ในความเป็นจริง ถ้าเจ้าไม่ชอบที่จะมาที่นี่ ทำไมไม่กำจัดตัวเองออกไป?"

หลันเฟิงถอนหายใจและกล่าวว่า "ถ้าข้าถูกกำจัดแล้ว พวกเขาก็จะพูดอีกครั้งว่าข้านำความอับอายมาสู่ครอบครัวหลัน"

ใคร?”

"แม่และพ่อ"

"แล้ว...ช่างมันเถอะ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพ่อแม่ที่มีความคาดหวังบางอย่างสำหรับลูกหลาน ใครละจะไม่ต้องการให้บุตรหลานของตนประสบความสำเร็จ"

"ข้าไม่ชอบมัน"

"เจ้าก็เพียงแต่ต้องทำมันให้ชัดเจนแสดงให้พวกท่านเห็นว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะเป็นทหารและพวกเขาก็อาจจะไม่บังคับเจ้าอีกต่อไป"

"สองเดือนก่อนข้าบอกพวกเขาว่าข้าอยากเป็นจิตรกร พวกเขาไม่เห็นด้วย เดือนที่แล้วข้าบอกว่าข้าอยากเป็นคนขับรถแข่ง และเช่นเดิมพวกเขาก็ไม่เห็นด้วย เดือนนี้ข้าคิดว่า ข้าสามารถเป็นหมอที่ช่วยคนอื่นได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นด้วย ถ้าเจ้าพบกับพ่อแม่เช่นนี้ มันก็คงจะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมละ?" หลันเฟิงกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

ฮั่นหลางกลอกตาขาวใส่หลันเฟิง "ถ้าข้าเป็นพ่อแม่ของเจ้า ข้าก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน"

"ทำไมถึงไม่ละ? เจ้าก็เพียงแต่สนับสนุนให้พ่อแม่ของข้าเข้าใจความต้องการของข้าได้ชัดเจนขึ้น"หลันเฟิงถามออกไปอย่างงงงวย

"เพราะเจ้าเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเองบ่อยมาก มันจะไม่เร็วไปเหรอกับการเปลี่ยนเป้าหมายไปมาเช่นนั้น? เมื่อไม่นานมานี้เจ้าต้องการที่จะเป็นจิตรกรและหลังจากนั้นไม่นานเจ้าก็ต้องการที่จะเป็นนักแข่ง แล้วเจ้าก็เปลี่ยนใจบอกว่าต้องการจะเป็นหมอ นี่ไม่ได้เรียกว่าเป้าหมายหากแต่เป็นภาพลวงตา"

"แต่นี่เป็นการตัดสินใจที่ข้าทำหลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว มันไม่ใช่ความเข้าใจผิด เจ้าไม่เคยคิดถึงสิ่งที่คุณอยากเป็น?"

"มีสิ ข้าต้องการเป็นทหาร" ฮั่นหลางตอบโดยไม่ลังเล

"แล้วหลังจากนั้นละ?"

"เป็นทหาร"

"แล้วต่อจากนั้นไปอีก?"

"เป็นทหาร"

"แล้วเมื่อตอนที่เจ้าแก่ตัวลงละ?"

"เป็นทหาร"

"แล้วเมื่อเจ้าแก่ตัวลงจนเจ้าไม่สามารถเป็นทหารได้?"

"ข้าก็จะไปเช่าร้านขายของและขายซาลาเปาไส้เนื้อ"

"ซาลาเปาไส้เนื้อ? มันคืออะไร?"

"มันเป็นอาหารประเภทหนึ่ง เจ้าคงเคยกินแพนเค้กอบใหม่ๆพร้อมกับเนื้อหมูที่คลุกเคล้ากับพริกไทยและยี่หร่ามันอร่อยมาก"

หลันเฟิงลูบคางของเขาและคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า "มันฟังดูดี เมื่อข้ามีเวลาข้าจะลองทำมันดู"

"ฮ่าฮ่า แน่นอน ถ้ามีโอกาสข้าจะทำมันให้เจ้าได้ชิม"

"โอ้ จริงสิ แล้วความฝันของเจ้าเมื่อตอนเป็นเด็กคืออะไร?"

"เปิดร้านค้าและขายซาลาเปาไส้เนื้อ"

"อ้าว มันก็เป็นความฝันของเจ้าเมื่อตอนที่เจ้าแก่?"

"มันดูแปลกมาก?"

"แน่นอน! เจ้ามีแค่สองความฝันในชีวิตของเจ้าใช่หรือไม่? หนึ่งคือการเป็นทหารและมิฉะนั้นเจ้าก็ต้องการขายซาลาเปาไส้เนื้อ?"

"ถูกต้อง ข้าชอบทั้งสองงานนั่น"

"เจ้าเป็นคนที่ไร้ความฝันมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา" หลันเฟิงจ้องมองไปที่ฮั่นหลางและพูดเน้นย้ำทุกสิ่งทุกอย่างออกมา

ฮั่นหลางก็จ้องมองไปที่หลันเฟิงและพูดออกมาว่า "เจ้าเป็นคนที่อยู่กับภาพลวงตามากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอ"

ฮั่นหลางและหลันเฟิงทำการสนทนากันมากขึ้นและทั้งสองคนก็เดินมาถึงจตุรัสสำหรับการทดสอบครั้งสุดท้าย

ฮั่นหลางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยมากในบริเวณจัตุรัส เธออยู่ในชุดของผ้าหนังสีดำที่แนบไปกับเรือนร่างของเธอ มันไม่สามารถปิดบังรูปร่างที่ดูดีของเธอเอาไว้ได้ ผมสีทองที่เป็นประกายงดงามราวกับดวงอาทิตย์ที่สดใส หน้าตาเล็กๆที่ดูสมบูรณ์แบบ ผิวขาวใสเกลี้ยงเกลาราวกับกระเบื้องชั้นดี ทำให้คนรู้สึกว่านี่อาจจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ

ไม่ใช่ว่าเธอจะเป็น...อี่เว่ยเว่ย?

เมื่อทำการย้ายไปยังรอบสุดท้ายของการทดสอบแรงกดดัน หลันเฟิง ได้ถูกส่งไปยังอีกมุมหนึ่งของจัตุรัส ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินตรงไปยังด้านที่อี่เว่ยเว่ยยืนอยู่  อี่เว่ยเว่ยสังเกตเห็นฮั่นหลางด้วยความประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย

"เป็นเรื่องบังเอิญที่เราเจอกันอีกครั้ง" ใบหน้าของฮั่นหลางเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาก่อนที่เขาจะพูดออกไปเบาๆ

3 ความคิดเห็น: