ฮั่นหลางจำได้ในที่สุด มันเป็นครั้งแรกที่เขาบังเอิญเดินเข้าไปทำการทดสอบแรงกดดัน
ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ใต้มหาสมุทร ในเวลานั้นเขาสามารถโกงได้ เนื่องจากพลังสูญสิ้นของเขาและสามารถผ่านมาได้อย่างง่ายดาย
ทิ้งคนอื่นๆทั้งหมดให้อยู่เบื้องหลังเขา
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยกเว้น
เขาเป็นชายร่างผอมสูง และอยู่ข้างหน้าฮั่นหลางเสมอ ไม่ว่าฮั่นหลางจะพยายามอย่างหนักสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถผ่านเขาคนนี้ไปได้
เขาไม่มีพลังสูญสิ้นแต่ยังสามารถไปได้เร็วกว่าฮั่นหลาง ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่มหัศจรรย์
และคนที่อยู่ข้างหน้าฮั่นหลางในตอนนี้
ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับที่ฮั่นหลางได้พบในรอบแรก?
ฮั่นหลางก็อยากจะแข่งขันกับชายหนุ่มร่างผอมสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา
หกเดือนที่ผ่านมาฮั่นหลางเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้
แล้วในตอนนี้ละ?
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฮั่นหลางรีบเร่งความเร็วและเดินตามชายร่างผอมสูงที่อยู่ข้างหน้า
แต่แปลกมาก ด้วยร่างกายในปัจจุบันของฮั่นหลางและด้วยพลังสูงสุด เขาก็ยังไม่สามารถตามทันชายร่างผอมสูงได้
ชายร่างผอมสูงดูเหมือนจะเดินช้าๆ
แต่ร่างของเขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง หยอกล้อผู้เล่นคนอื่นๆในขณะที่เขาเดินจับลูกบอลเพลิงบินและยิงพวกมันไปที่คนอื่นๆที่ผ่านเขาไป
หรืออยู่รอบๆตัวเขาทุกๆคนยกเว้นฮั่นหลาง
บูมมม ~
ในทันใดนั้นอุกกาบาตกำลังตกลงไปที่หัวของชายร่างผอมสูงอย่างรวดเร็ว
และเมื่อฮั่นหลางกำลังจะเตือนให้เขาระวังตัว เขาก็เห็นว่าชายคนนั้นกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าและจับลูกบอลเพลิงได้นับสิบ
เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น โยนระเบิดที่ทำมาจากลูกบอลเพลิง!
ลูกบอลเพลิงบินนับหลายสิบลูกถูกส่งผ่านอากาศตรงไปที่อุกกาบาตที่กำลังตกลงมา
ตูมมม ~
เปลวไฟพร้อมกับเศษอุกกาบาตบินกระจายไปทุกทิศทุกทาง
นี่เป็นเหมือนกับในตำนานที่ยืมพลังเพื่อต่อสู้กับพลัง ชายร่างผอมสูงใช้ลูกบอลเพลิงที่เขาจับไว้และโยนพวกมันเพื่อทำลายอุกกาบาต
ก่อให้เกิดภาพเหตุการณ์ระเบิดที่รุนแรง
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขานี้มีความสามารถที่ทรงพลัง เมื่อเขาเอื้อมมือออกไปจับลูกบอลเพลิงบินจำนวนมากที่อยู่ห่างไกลจากเขา
เขาก็เพียงแค่ค่อยๆเอื้อมมือของเขาและออกแรงดึงพวกมันมาที่มือ
สำหรับการที่เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ดูเหมือนว่าเขาทำแบบไม่ใส่ใจนัก
แต่จริงๆแล้วมันเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง พลังของอุกกาบาตที่ตกลงมาถูกทำลายอย่างเห็นได้ชัด
แต่กระนั้นลูกบอลเพลิงขนาดเล็กหลายสิบลูกก็สามารถทำลายอุกกาบาตได้
ผู้ชายคนนั้นต้องใช้วิธีที่ฮั่นหลางไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจได้
หลังจากที่ต่อสู้กับนักสู้ที่เก่งมากมายจากดาร์คเน็ต
และสังเกตไลฟ์สดแห่งความตายมานับไม่ถ้วน มันไม่สามารถกล่าวได้ว่าฮั่นหลางไม่มีความรู้
แต่ความสามารถที่แปลกและมีประสิทธิภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ มันเป็นครั้งแรกของฮั่นหลางที่ได้เห็นอะไรบางอย่างเช่นนี้
ทันใดนั้นเมื่อฮั่นหลางกำลังวิเคราะห์
ชายร่างผอมสูงที่มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้หยุดนิ่งและพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ดูเสียดายว่า
"แย่จริงๆ ฉันน่าจะเอาอุกกาบาตนั้นแล้วโยนมันไปที่คนอื่น มันถึงจะดูน่าสนใจมากกว่านี้"
ฮั่นหลางรู้สึกรังเกียจต่อชายคนนี้ในทันที
จับอุกกาบาตแล้วโยนมันไปที่คนอื่น?
ชายคนนี้ดูแปลกประหลาดจริงๆ เพราะฮั่นหลางไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดจะทำนั้นจะดูน่าสนุกตรงไหน
ไม่นานนักอุกกาบาตลูกอื่นได้พุ่งเข้าหาฮั่นหลาง
ชายร่างผอมสูงหันมาพร้อมกับชำเหลืองตามองฮั่นหลางอยู่ครู่หนึ่ง
เขามีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และควรที่จะมีอายุน้อยกว่าหรืออายุเท่ากับฮั่นหลาง เขาเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายออกมาว่า
"เจ้าอาจมีความสามารถป้องกันลูกบอลเพลิง แต่เจ้าไม่สามารถป้องกันอุกกาบาตได้ เวลานี้เจ้าจบแน่ๆ?"
ข้อความที่อยู่เบื้องหลังของรอยยิ้มนั้นทำให้ฮั่นหลางรู้สึกอึดอัด
เมื่อเห็นอุกกาบาตกำลังจะชนเข้ากับหัวของเขา ฮั่นหลางแอบสะสมพลังแห่งความมืดและยกกำปั้นสีดำที่เรียบง่ายขึ้นมา
บูมมม ~
ในเวลานี้ฮั่นหลางได้สร้างฉากที่ยิ่งใหญ่มากกว่าก่อนหน้านี้
เขาทำการทะลวงอุกกาบาตด้วยกำปั้นของเขาโดยตรง ทำให้มันกลายเป็นเศษผงปลิวไปกับสายลม
การระเบิดของอุกกาบาตเกิดขึ้นบริเวณที่เหนือผิวทะเลราวๆหนึ่งเมตร
เสียงก็ยิ่งดังสนั่น น้ำทะเลหมุนวนไปรอบๆเกิดภาพเหตุการณ์ที่ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าคลื่นยักษ์สึนามิ
คลื่นนนนน~
ชายร่างผอมสูงยังไม่ได้หันกลับไป
แต่เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาสั่นเล็กน้อยราวกับว่าเขาตกใจกับภาพเหตุการณ์ที่ฮั่นหลางสร้างขึ้นมา
"น่าสนใจ น่าสนใจ"
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเร่งไปทางเกาะอีกฝั่ง ฮั่นหลางเดินตามเขาไปอย่างใกล้ชิด
ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่สามารถทิ้งห่างฮั่นหลางไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฮั่นหลางจะเดินผ่านชายร่างผอมสูง
ดูเหมือนว่า พวกเขาทั้งสองคนกำลังอยู่ในสถานการณ์แข่งขันกัน
แต่ฮั่นหลางตระหนักว่า มันเป็นจริงที่ว่าเขาใช้ประโยชน์จากชายร่างผอมสูงที่มักจะจับลูกบอลเพลิงโยนไปที่
เอสเปอร์ที่อยู่รอบๆ ทำให้ทุกคนต้องซ่อนตัวและพยายามอยู่ห่างไกลจากพวกเขา ด้วยความกลัวที่ว่าพวกเขาจะเป็นเป้าหมายต่อไปจากลูกบอลเพลิง
ในเวลาไม่นานนัก ฮั่นหลางและชายร่างผอมสูงก็มาถึงจุดหมาย
เมื่อเขาหันกลับไปมองรอบๆ ฮั่นหลางได้เห็นชื่อของเขา หลันเฟิง (TL:
ในภาษาจีนหมายถึง เมเปิล สีน้ำเงิน) เขาถึงจุดสูงสุดของระดับ 5 ดาวแล้ว
ในทางช้างเผือก ระบบจะเรียกระดับของ
เอสเปอร์ระดับ 5 ดาวขั้นสูงสุด ถ้าหากพวกเขาอยู่ใกล้กับระดับ
6 ดาวมากๆ มิฉะนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ควรจะถูกเรียกว่า เอสเปอร์ระดับ
5 ดาวขั้นกลาง
นั่นหมายความว่าค่าสถานะพลังพิเศษของหลันเฟิงมีค่าอย่างน้อย
900,000 ไม่น่าแปลกใจที่ฮั่นหลางไม่สามารถจับตัวเขาได้ ด้วยที่ว่าช่องว่างระดับระหว่างพวกเขานั้นค่อนข้างกว้างเกินไป...
หลันเฟิงก็ดูประวัติของฮั่นหลางแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
และพูดว่า "แค่นั้น? มันดูน่าเบื่อ"
ฮั่นหลางหัวเราะและพูดว่า
"เจ้าแข็งแกร่งมาก ในระหว่างทางที่มาตรงจุดนี้ เจ้าได้ทำลายอนาคตของเอสเปอร์จำนวนนับไม่ถ้วน
พวกเขาทั้งหมดทำงานอย่างหนักและต้องการที่จะเข้าสู่รอบสุดท้าย และพวกเขาถูกตัดสิทธิ์ออกโดยเจ้าอย่างไม่มีเหตุผล”
หลันเฟิงไม่เห็นด้วยและพูดว่า
"เจ้าจะมาตำหนิข้าได้อย่างไร? พวกเขาอ่อนแอมาก
แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แต่พวกเขาก็อาจจะไม่มีชีวิตกลับคืนไป หากพูดตามจริงแล้ว
ข้าช่วยพวกเขาซะมากกว่า นอกจากนี้พวกเขายังมีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สองที่จะมาสอบอีกครั้ง
ดังนั้นหากพวกเขาต้องการก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้"
ฮั่นหลางพยักหน้า
"ข้าเดินตามเจ้ามา มันช่วยได้มากจากความยุ่งยากทั้งหลาย ขอบคุณ! แต่ทำไมเจ้าโจมตีทุกคน
แต่ไม่ใช่ข้า?"
หลันเฟิงเหลือบตามองฮั่นหลาง
และกล่าวว่า "ข้ารู้สึกว่าเจ้าดูน่าสนใจมาก สำหรับพวกเขา พวกเขาทำให้ข้ารู้สึกเบื่อ
นอกจากนี้เจ้ามีพลังภูมิคุ้มกัน ดังนั้นข้าไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับเจ้า"
"โอ้นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม"
ฮั่นหลางจึงยักไหล่และเตรียมพร้อมที่จะออกจากการทดสอบแรงกดดันรอบที่ 5 และไปที่รอบสุดท้าย
หลันเฟิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ขุ่นมัว
และพูดออกมาเหมือนกับนักปรัชญาว่า "เหล่าผู้คน ทำไมพวกเขาต้องบังคับให้คนอื่นทำสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ? ถ้าข้าไม่ใช่ทหารหรือเป็นเอสเปอร์ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ชุมนุมทางช้างเผือก
มันจะดีแค่ไหนกันนะ"
ฮั่นหลางยิ้ม "เจ้าถูกบังคับให้มาที่นี่?"
หลันเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามฮั่นหลางออกไปว่า
"เจ้าไม่ได้ถูกบังคับ?"
ชูววว ~
ทั้งสองคนออกจากการทดสอบและกลับมาที่จัตุรัสพร้อมกัน
ฮั่นหลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
"ข้าไม่ได้ถูกบังคับให้มาที่นี่ แต่ในความเป็นจริง ถ้าเจ้าไม่ชอบที่จะมาที่นี่
ทำไมไม่กำจัดตัวเองออกไป?"
หลันเฟิงถอนหายใจและกล่าวว่า
"ถ้าข้าถูกกำจัดแล้ว พวกเขาก็จะพูดอีกครั้งว่าข้านำความอับอายมาสู่ครอบครัวหลัน"
“ใคร?”
"แม่และพ่อ"
"แล้ว...ช่างมันเถอะ
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพ่อแม่ที่มีความคาดหวังบางอย่างสำหรับลูกหลาน ใครละจะไม่ต้องการให้บุตรหลานของตนประสบความสำเร็จ"
"ข้าไม่ชอบมัน"
"เจ้าก็เพียงแต่ต้องทำมันให้ชัดเจนแสดงให้พวกท่านเห็นว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะเป็นทหารและพวกเขาก็อาจจะไม่บังคับเจ้าอีกต่อไป"
"สองเดือนก่อนข้าบอกพวกเขาว่าข้าอยากเป็นจิตรกร
พวกเขาไม่เห็นด้วย เดือนที่แล้วข้าบอกว่าข้าอยากเป็นคนขับรถแข่ง และเช่นเดิมพวกเขาก็ไม่เห็นด้วย
เดือนนี้ข้าคิดว่า ข้าสามารถเป็นหมอที่ช่วยคนอื่นได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นด้วย ถ้าเจ้าพบกับพ่อแม่เช่นนี้
มันก็คงจะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมละ?" หลันเฟิงกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
ฮั่นหลางกลอกตาขาวใส่หลันเฟิง
"ถ้าข้าเป็นพ่อแม่ของเจ้า ข้าก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน"
"ทำไมถึงไม่ละ?
เจ้าก็เพียงแต่สนับสนุนให้พ่อแม่ของข้าเข้าใจความต้องการของข้าได้ชัดเจนขึ้น"หลันเฟิงถามออกไปอย่างงงงวย
"เพราะเจ้าเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเองบ่อยมาก
มันจะไม่เร็วไปเหรอกับการเปลี่ยนเป้าหมายไปมาเช่นนั้น? เมื่อไม่นานมานี้เจ้าต้องการที่จะเป็นจิตรกรและหลังจากนั้นไม่นานเจ้าก็ต้องการที่จะเป็นนักแข่ง
แล้วเจ้าก็เปลี่ยนใจบอกว่าต้องการจะเป็นหมอ นี่ไม่ได้เรียกว่าเป้าหมายหากแต่เป็นภาพลวงตา"
"แต่นี่เป็นการตัดสินใจที่ข้าทำหลังจากที่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
มันไม่ใช่ความเข้าใจผิด เจ้าไม่เคยคิดถึงสิ่งที่คุณอยากเป็น?"
"มีสิ ข้าต้องการเป็นทหาร"
ฮั่นหลางตอบโดยไม่ลังเล
"แล้วหลังจากนั้นละ?"
"เป็นทหาร"
"แล้วต่อจากนั้นไปอีก?"
"เป็นทหาร"
"แล้วเมื่อตอนที่เจ้าแก่ตัวลงละ?"
"เป็นทหาร"
"แล้วเมื่อเจ้าแก่ตัวลงจนเจ้าไม่สามารถเป็นทหารได้?"
"ข้าก็จะไปเช่าร้านขายของและขายซาลาเปาไส้เนื้อ"
"ซาลาเปาไส้เนื้อ?
มันคืออะไร?"
"มันเป็นอาหารประเภทหนึ่ง
เจ้าคงเคยกินแพนเค้กอบใหม่ๆพร้อมกับเนื้อหมูที่คลุกเคล้ากับพริกไทยและยี่หร่ามันอร่อยมาก"
หลันเฟิงลูบคางของเขาและคิดอยู่ครู่หนึ่งว่า
"มันฟังดูดี เมื่อข้ามีเวลาข้าจะลองทำมันดู"
"ฮ่าฮ่า แน่นอน
ถ้ามีโอกาสข้าจะทำมันให้เจ้าได้ชิม"
"โอ้
จริงสิ แล้วความฝันของเจ้าเมื่อตอนเป็นเด็กคืออะไร?"
"เปิดร้านค้าและขายซาลาเปาไส้เนื้อ"
"อ้าว
มันก็เป็นความฝันของเจ้าเมื่อตอนที่เจ้าแก่?"
"มันดูแปลกมาก?"
"แน่นอน! เจ้ามีแค่สองความฝันในชีวิตของเจ้าใช่หรือไม่?
หนึ่งคือการเป็นทหารและมิฉะนั้นเจ้าก็ต้องการขายซาลาเปาไส้เนื้อ?"
"ถูกต้อง ข้าชอบทั้งสองงานนั่น"
"เจ้าเป็นคนที่ไร้ความฝันมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา"
หลันเฟิงจ้องมองไปที่ฮั่นหลางและพูดเน้นย้ำทุกสิ่งทุกอย่างออกมา
ฮั่นหลางก็จ้องมองไปที่หลันเฟิงและพูดออกมาว่า
"เจ้าเป็นคนที่อยู่กับภาพลวงตามากที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอ"
ฮั่นหลางและหลันเฟิงทำการสนทนากันมากขึ้นและทั้งสองคนก็เดินมาถึงจตุรัสสำหรับการทดสอบครั้งสุดท้าย
ฮั่นหลางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยมากในบริเวณจัตุรัส เธออยู่ในชุดของผ้าหนังสีดำที่แนบไปกับเรือนร่างของเธอ
มันไม่สามารถปิดบังรูปร่างที่ดูดีของเธอเอาไว้ได้ ผมสีทองที่เป็นประกายงดงามราวกับดวงอาทิตย์ที่สดใส
หน้าตาเล็กๆที่ดูสมบูรณ์แบบ ผิวขาวใสเกลี้ยงเกลาราวกับกระเบื้องชั้นดี ทำให้คนรู้สึกว่านี่อาจจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ
ไม่ใช่ว่าเธอจะเป็น...อี่เว่ยเว่ย?
เมื่อทำการย้ายไปยังรอบสุดท้ายของการทดสอบแรงกดดัน
หลันเฟิง ได้ถูกส่งไปยังอีกมุมหนึ่งของจัตุรัส ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินตรงไปยังด้านที่อี่เว่ยเว่ยยืนอยู่
อี่เว่ยเว่ยสังเกตเห็นฮั่นหลางด้วยความประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย
"เป็นเรื่องบังเอิญที่เราเจอกันอีกครั้ง"
ใบหน้าของฮั่นหลางเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาก่อนที่เขาจะพูดออกไปเบาๆ
Thank you
ตอบลบพระเอกกำลังหลอกเด็กซินะ.....
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ