เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

ZX 072 ยึดเปลวไฟแกนพิภพของเขาไว้จะเหมาะมากกว่า

อาวุโสหวูยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เขายกกาน้ำชาเข้มขึ้นมา รินใส่ถ้วยชาสองใบหนึ่งสำรับเขาเองและอีกถ้วยสำหรับหยางเฉิน จากนั้นเขาก็วางมันลง

สีของน้ำชาในกานั้นเป็นสีเขียวเข้มเหมือนกับสีของหญ้าฟ้าครามที่ หยางเฉินนั้นกลั่นออกมา ถ้วยน้ำชานั้นก็เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ลักษณะของมันมีสีเขียวสดที่สามารถทำคนผู้คนมองดูน้ำลายหกด้วยความอยากได้ เมื่อรวมกันกับน้ำชาสีเขียวเข้มยิ่งทำให้มันเหมือน สมบัติล้ำค่าอย่างสมบูรณ์

“สหายหนุ่มเรื่องอย่างนี้เป็นอะไรคนแก่ชอบทำเวลาว่างประสบการณ์ของข้าเองที่ทำชาหยกนี้!”

อาวุโสหวูขยับมือทำสัญญาณ ถ้าเป็นคนอื่นเห็นอย่างนี้ก็คงตกอยู่ในอาการตกใจเป็นลม นี่คืออาวุโสหวูแห่งสภาอาวุโสทั้งห้า คนที่ไม่ต้องแม้แต่จะเจียมเนื้อเจียมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้นำนิกาย

แต่สำหรับหยางเฉินนั้นไม่แม้แต่จะกังวลกับท่าทีนี้แม้แต่น้อย เขากล่าวขอบคุณอย่างสุภาพแล้วกุมถ้วยชาสีเขียวเข้มไว้ด้วยมือเขา

ในเวลาส่วนใหญ่แล้วอาวุโสหวูจะอยู่ที่หลุมดักเซียน ดังนั้นเขาจึงไม่มี เวลาที่จะขึ้นมาบนพื้นดินเพื่อหาสิ่งของ ฉะนั้นชาหยกนี้ทำจากใบอ่อนของต้นไผ่หยกเขียวที่มีรสชาติต่างจากพืชชาชนิดอื่นอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นเคล็ดลับที่อาวุโสหวูพึงพอใจมากที่สุด แต่ส่วนมากแล้วเขาจะลิ้มรสชานี้แต่ผู้เดียว น้อยนักที่เขาจะแบ่งชานี้กับใคร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ เขารินน้ำชาให้ผู้อื่น

คนนึงกำลังหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง ส่วนอีกคนก็ปรารถนาให้ผู้อื่นชื่นชอบผลงานของตน แต่อาวุโสหวูอยู่แต่ในที่หลุมดักเซียนดังนั้นเขาจึงเคยพบคนแบบหยางเฉินน้อยนักที่จะสามารถคุยกับเขาด้วยความมั่นใจ เมื่อคนอื่นพบเห็นอาวุโสหวูพวกเขาก็จะเป็นเหมือนตัวตุ่นที่ตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัวตรงหน้าเขา การที่เขาจะพบเจอใครสักคน ที่ไม่ใจสั่นกลัวเมื่อพบเขาเช่นหยางเฉิน ผู้ที่ปฏิบัติตัวกับนักบ่มเพาะระดับออกผลเหมือนเป็นเพื่อนธรรมดาได้?

อาวุโสหวูชื่นชมหยางเฉินอยู่เรื่องหนึ่งที่เขานั้นไม่ได้มองประเมินเรือบิน หลบหนีลำเสิศของเขาด้วยสายตาเสียใจหรือเสียดายแม้แต่น้อย และทฤษฎีในการพัฒนาที่หยางเฉินพูดให้อาวุโสหวูฟังนั้นทำให้เขาชื่นชมการเติบโตของหยางเฉินมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าทฤษฎีนี้จะไม่ซับซ้อนอะไร มากแต่ก็ไม่มีใครคิดแบบนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่สมควรยกย่อง

ตอนนี้หยางเฉินนั่งถือถ้วยชาหยกไว้ในมืออย่างสงบ แต่อาวุโสหวูมองหยางเฉินอย่างกระวนกระวานรอคอยการประเมินของเขา ความรู้สึกแบบการมองไปข้างหน้าแล้วรอคอยอะไรบางอย่างไม่เกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว ครั้งนี้เขาถูกกระตุ้นอย่างฉับพลันด้วยการตามหาและเชิญหยางเฉินมา แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง


แรกเริ่มอาวุโสหวูเพียงต้องการจัดการเหตุการณ์ในสระดักเซียน ก่อนจะไป เขาไม่ได้คาดการณ์ว่าจะปรากฎตัวอย่างฉับพลัน ในการเหตุการณ์สังหารนั้น เขาค้นหาเจตจำนงแห่งการฆ่าไปทั่วแต่ไม่พบ จากนั้นไม่นานเขาก็สืบค้นจนถึงบ่อน้ำดักเซียน  และเมื่อพบว่ามีใครบางคนได้ละเมิดกฎของเขา ในการสังหารผู้อื่น เกือบจะในทันทีที่เขากลับมาและความโกรธทั้งหมดนั้นก็ถูกระบายลงไปที่เผิงฮุ่ยผู้อับโชคในวันนั้นที่ถูกสังหารโดยอาวุโสหวู

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเรื่องที่หยางเฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาในจังหวะนั้นเขากำลังเตรียมตัวที่จะกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ เพื่อที่จะกลั่นบริสุทธิ์หญ้าฟ้าครามให้ได้คุณภาพมากที่สุดเขาต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เขารู้จักบางคนแต่พวกนั้นไม่มีเปลวไฟที่เหมาะสม เมื่อคิดว่าจะลองดูเขาก็นึกถึงหยางเฉินขึ้นมา เขาไม่ได้คาดหวังว่าหยางเฉินจะทำให้เขาแปลกใจในผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมที่ได้มา

หลังจากประเมินเรือบินหลบหนีลำเลิศของเขาแล้ว ในทันทีอาวุโสหวูก็เกิดการนับถือเขาในระดับใหม่ นาทีนั้นอาวุโสหวูก็ตกอยู่ในอาการวิตกกังวลรอคอยการประเมินค่าของหยางเฉินต่อถ้วยชาหยกที่เขาทำขึ้นเอง

หยางเฉินถือถ้วยหยกไว้ในมือและยังไม่ได้เริ่มดื่มชา อย่างแรกเขานำถ้วยมาข้างหน้าและสูดดมอย่างเบาๆ ชาหยกนี้มีความแข็งแรงมากและกลิ่นก็ค่อนข้างเข้มข้น แต่กลิ่นหนาแน่นของใบใผ่ก็ทำให้หัวใจของผู้คนนั้นรู้สึกอิสระ และผ่อนคลาย เพียงแค่ดมกลิ่นครั้งเดียวหยางเฉินก็ได้กลิ่นปริมาณของ พลังจิตวิญญาณในลมหายใจ มันทำให้รู้สึกสบายเหมือนร่างกายของเขา นั้นอาบชุ่มไปด้วยน้ำสดชื่น

มองดูการแสดงออกทางสีหน้าของหยางเฉินขณะที่หลับตาและสูดดมกลิ่นใบชานั้นก็ทำให้อาวุโสหวูคาดหวังและรอคอยอย่างมาก พฤติกรรมของหยางเฉินนั้นเกินกว่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณทั่วไปอย่างสมบูรณ์ อาวุโสหวูนั้นกระตือรือร้นอย่างมากในทุกวินาทีที่ผ่านไป เขาต้องการที่จะรู้ว่าหยางเฉินนั้นจะประเมินค่าชาหยกของเขาเช่นไร

เมื่อเทียบได้กับความพึงพอใจสมัยที่หยางเฉินอยู่ที่ศาลสวรรค์ ชาหยกนี้มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถเพิ่มกำลังให้ผู้คนเพียงแค่จิบ  เพียงแค่ได้สูดดมกลิ่นเพียงเล็กน้อยก็ทำให้หยางเฉินยกถ้วยขึ้นมาจิบที่ปากอีกครั้ง ทันทีที่ส่วนผสมผสานกันกับกลิ่นหอมของไม้ไผ่อย่างพร้อมเพียงกันนั้นก็ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่าง  ในปากแล้วแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ หลังจากปากก็ซึมซาบเข้า สู่ก้นบึ้งลึกในหัวใจของเขา

พลังจิตวิญญาณขนาดมหึมาที่ถูกปล่อยออกมาจากใบชานั้นเคลื่อนที่ไปด้วยกำลังพัดพาจนถึงก้นบึ้งในหัวใจเขา รสชาติสัมผัสที่สวยงามไม่ได้หยุดหย่อนลงเลยเป็นเวลานาน แต่ในตอนนี้หยางเฉินไม่สามารถชิมชานี้ได้อย่างเต็มที่ พลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมาทำให้หยางเฉินไม่มีทางเลือกใช้เคล็ดลับวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับในการขยายขอบเขตการกลั่นและดูดซับส่วนผสมของพลังจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้ พลังจิตวิญญาณจำนวนที่น่าตกใจนี้มันเหลือเฟือมากกว่าการสุกงอมของพลังจิตวิญญาณผลไม้หยางลำเลิศอายุหนึ่งปี

ใบหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันทีและมองเข้าไปในดวงตาของอาวุโสหวู เขาตอบรับอย่างทันที ชาหยกของเขานั้นมาจากใบอ่อนของไผ่หยก ดังนั้นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณอย่างหยางเฉินไหนเลยจะทนรับพลังจิตวิญญาณที่ทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆนี้ได้อย่างไร? อาวุโสหวูเพียงแค่ช่วยให้สีผิวเขาค่อยๆเริ่มกลับมาปกติอย่างช้าๆ จากนั้นไม่นานเขาก็อุทานออกมาด้วยความหลงใหลอย่างเต็มเสียง

“ชาดี!”

จากนั้นเขาก็เอาเข้าปากอีกครั้งและหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและกลับสู่ปกติอีกครั้ง

ในนาทีนี้อาวุโสหวูก็หลงลืมการรับมือกับหนุ่มน้อยระดับรวบรวมลมปราณผู้นี้ ความชื่นชอบของเขาทำให้อาวุโสหวูมีความสุขอย่างมาก พฤติกรรม ของหยางเฉินนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเกินกว่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณทั่วไป มันทำให้อาวุโสหวูไม่สามารถตัดสินเขาได้อย่างแน่ชัดหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้าในสายตาของเขาตอนนี้นั้นอยู่ระดับรวบรวมลมปราณจริงๆหรือ?

เขานั้นช่างเหมือนกบในกะลา ความคิดนี้เกิดขึ้นในความคิดของอาวุโสหวูในทันใดเขาก็มีลางสังหรณ์อย่างเด่นชัดว่าถ้าหากชวนหยางเฉินให้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์น่าจะทำให้เขาได้รับผลลัพธ์ที่น่า ประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง

จากนั้นความคิดของทั้งสองคนก็วนเวียนอยู่รอบๆชา หยางเฉินนั้นถูกชักจูงด้วยกาน้ำชาที่กลั่นออกมาเฉพาะไม่ซ้ำกันและเขาเองก็ต้องการมันเขาเริ่มมีความปรารถนาอย่างยิ่งในการหาเครื่องมื่อในการทำไวน์ ส่วน ผสมอันล้ำค่าในสวนยานับพันๆปีผสานกับสูตรลับเฉพาะในการบ่มไวน์ที่เขารู้และรวมกันกับประสบการณ์นับพันปีหรือหมื่นปีในการผลิตไวน์ของเขา มันจะสร้างกลิ่นเช่นไรกันนะ? ไวน์หยกชั้นเลิศที่ผลิตในศาลสวรรค์เขาจะเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ได้อย่างไรกัน

อาวุโสหวูนั้นไม่รู้เลยว่ากาน้ำชาของเขานั้นทำให้เกิดความคิดมากมายในหัวของหยางเฉิน ไม่ว่าในกรณีใดๆยิ่งเขาพูดคุยเกี่ยวกับชากับหยางเฉินพวกเขาก็ยิ่งถูกคอกัน ความรอบรู้ที่ลึกและสมบูรณ์แบบ มุมมองเกี่ยวกับรสชาติที่ไม่เหมือนใครของหยางเฉินนั้นทำให้สายตาของอาวุโสหวูส่องเป็นประกาย แม้ว่าหยางเฉินนั้นจะไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับการปรุงยาอาวุโสหวูก็ยังคงปรารถนาที่จะนั่งสนทนากับหยางเฉิน เขารู้สึกโชคดีนัก
ที่ได้พบกับสหายหนุ่มผู้นี้ ผู้ที่ไม่ใส่ใจในความอาวุโสของเขาหรือระดับบ่มเพาะ

การสนทนาระหว่างทั้งสองนั้นยังคงดำเนินต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา แต่ทั้งคู่ยังรู้สึกไม่เพียงพอใจแลต้องการจะสนทนากันต่อ

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ส่วนตัวที่อาวุโสหวูนั้นได้เลือกไว้สำหรับกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ เนื่องจากการเดินทางทั้งหมดนั้นพวกเขาได้บินอยู่ในเรือบินหลบหนีลำเลิศ ทำให้หยางเฉินไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับวันเวลา ที่ผ่านไปหรือระยะทางไกลแค่ไหนแล้วที่เดินทางผ่านมา แต่หยางเฉินค่อนข้างแน่ใจอย่างหนึ่งว่าอาวุโสหวูจะไม่ยอมให้อะไรหรือใคร มารบกวนในขณะที่เขากำลังกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์

สถานที่แห่งนี้มีอาคมนับสิบจำกัดอยู่ แม้ว่าอาวุโสหวูเองจะบังคับเรือบินหลบหนีล้ำเลิศก็ยังร่ายเวทย์โจมตีทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา เขาคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยชั่วโมงหนึ่งกว่าจะสามารถเข้าไปได้ แต่การป้องกันนี้เป็นเพียงแค่ฟันเฟืองตัวเล็กๆในเครื่องจักรขนาดใหญ่นี้

เรื่องนี้ไม่ได้เกินกว่าความคาดหมายของหยางเฉิน ยาเม็ดคว้าสวรรค์ ยาเม็ดที่กล้าบัญญัติว่าเป็นยา “ยึดสวรรค์” นั้นเป็นยาเม็ดขั้นสุดยอดที่ใช้ในการต่อต้านสวรรค์ หากอาวุโสหวูจัดการเรื่องนี้อย่างผิวเผินนั่นก็เหมือนว่าเขาก็กำลังเล่นกับชีวิตของตนเองแล้ว

หลังจากที่เรือบินหลบหนีล้ำเลิศจอดลงบนพื้นแล้ว อาวุโสหวูก็ชวนหยางเฉินออกมา จากนั้นเขาก็รวบเรือบินหลบหนีล้ำเลิศไว้และร่ายอาคม จากนั้นไม่นานตรงหน้าเขาก็ปรากฏถนนที่นำทางเข้า สู่ป่าที่หนาทึบ อาวุโสหวูเดินนำหน้าเข้าสู่ป่าและหยางเฉินก็ตามหลังเขาไป

ด้านหลังของป่าแห่งนี้มีหุบเขาอยู่ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก พลังจิตวิญญาณภายในหุบเขานั้นมีมากมาย เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้วหยางเฉินก็พบบ้านพักหลังหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างปราณีต ที่ประตูของบ้านพักมีสาวใช้ระดับก่อรากฐานมากกว่าสิบคนยืนเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนแต่งกายแบบเดียวกันและมองมาที่อาวุโสหวู และในทันทีพวกนางแสดงความเคารพต่อเขา

อาวุโสหวูนั้นมีท่าทีสบายๆและผายมือของเขาตรงมาที่หยางเฉิน

“ผู้นี้คือสหายผู้เยาว์หยางเฉิน คนที่ข้าเชิญมาเป็นการส่วนตัว พวกเจ้าทุกคนอย่างได้ละเลยการใส่ใจดูแลท่านผู้นี้แม้แต่น้อย”

หลังจากที่แนะนำหยางเฉินต่อทุกคนเเล้ว เขาก็เดินเข้าบ้านพักในทันที
และได้นำหยางเฉินติดตามข้างกายมาด้วย

ภายในคฤหาสน์นั้นตกแต่งอย่างหรูหราและปราณีต เท่าที่ในระยะสายตา ของหยางเฉินเห็นก็มีต้นไม้เก่าแก่อายุพันปีอย่างน้อยก็สามต้นที่กำลังปลิว
ไหวไปมาอย่างเบาๆ ทุกๆที่ที่สายตาของหยางเฉินสามารถมองเห็นนั้น
วัสดุที่ใช้ในการปลูกสร้างเขาจะไม่เสียใจเลยหากต้องรื้อหลังคา กำแพง
และพื้น เพราะทุกสิ่งสามารถกลั่นออกมาเป็นสมบัติวิเศษได้ทั้งนั้น ตามความจริงแล้วสิ่งของมีค่าเหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญระดับออกผลผู้นี้ต้องใช้เวลาหลายร้อยหรือหลายพันปีเป็นอย่างน้อยในการเก็บสะสม หรือสองเท่าของเวลาในการวิ่งหนีและหลบซ่อนของหยางเฉิน

อาวุโสหวูให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพโดยเฉพาะ หลังจากกลับมา
ถึงคฤหาสน์เขาก็นำทางหยางเฉินไปยังสถานที่ที่ใช้ในการกลั่นยาเม็ด
คว้าสรรค์ ที่นั่นหยางเฉินได้พบกับแขกของอาวุโสหวูบางท่าน

มันเป็นเรื่องที่คาดหมายได้ อาวุโสหวูไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องการกลั่นยา
ดังนั้นในการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์เพื่อความแน่นอนเขาจำเป็นต้องได้
รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสูง หยางเฉินพบว่าในที่
แห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับผลิดอกอย่างน้อยก็สามคน

เพิง จู , เติ้งอี้, และ เค่อเหลียนหยุน ทั้งสามเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาที่ได้รับความนิยม คนเหล่านี้ต่างมีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ก่อนหยางเฉินเกิด เมื่อตอนเขายังเด็กทั้งสามคนก็อยู่ในระดับสามแล้ว เติ้งอี้ที่เป็นผู้หญิงนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสี่แล้ว ซึ่งดีที่สุดในขณะนั้น

เมื่อได้ยินว่าหยางเฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสามต่างก็เพ่งมองมาที่เขาพร้อมด้วยร่องรอยแห่งการดูถูกและสงสัยปรากฏขึ้น ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับรวบรวมลมปราณถึงแม้ว่าระดับความสำเร็จจะสูงแล้วจะสามารถสูงได้เพียงใดกัน?

“หยางเฉินมีเปลวไฟแกนพิภพซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับการกลั่น
หญ้าฟ้าคราม”

ทั้งอาวุโสหวูและหยางเฉินทั้งคู่ไม่คาดหวังว่าผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสามจะแสดงออกถึงการดูถูก การกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องที่เด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณควรมีส่วนร่วม เหตุผลเดียวที่ทำไมหยางเฉินสามารถมีส่วนร่วมได้เพราะอำนาจเปลวไฟแกนพิภพที่เขามีและความสามารถในการควบคุมไฟที่โดดเด่นของเขาทำให้เขามีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการมีส่วนร่วมในการกลั่นบริสุทธิ์หญ้าฟ้าคราม

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ทั้งสามรู้สึกไม่พอใจคือการที่อาวุโสหวูนั้นไม่ได้
ประเมินค่าหยางเฉินสูงเกินจริง ไม่เพียงเท่านั้นในเวลาเดียวกันเขาก็
ยืนยันเหตุผลที่หยางเฉินสมควรได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมด้วยซึ่งนั่น
ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเขาลดลงเลย เมื่อพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสามก็เห็นชอบด้วย ถึงแม้ว่าทุกคนนั่นเป็นนักบ่ม
เพาะธาตุไฟและควบคุมเปลวไฟแต่พวกเขาไม่มีเปลวไฟแกนพิภพ

“ฮึ!”

เค่อเหลียนหยุนพ่นลมออกทางจมูก เขาไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้นและเขาก็ไม่ได้ปกปิดสายตาที่แสดงถึงความรังเกียจที่มีต่อหยางเฉิน การต้องยกโอกาสงามๆที่จะได้มีชื่อเสียงในสวรรค์นี้โดยการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์ให้แก่เด็กหนุ่มนี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สะดวกจะให้ เค่อเหลียนหยุนไม่เชื่อว่าหยางเฉินนั้นจะเป็นคนสำคัญ

“ทำในสิ่งที่เจ้าสมควรทำเท่านั้น นั่นหมายรวมถึงอย่าได้พยายามที่จะมี
ส่วนร่วมในสิ่งใดอีก”

เติ้งอี้กล่าวเตือนหลายครั้งอย่างระมัดระวังด้วยคำพูดนี้ 

“ความผิดพลาดของเขาจะเป็นปัญหาสำหรับอาวุโสหวู และแน่นอนเจ้าอย่าได้มาโทษพวกเรา”

คำพูดของนางนั้นหมายความถึงให้จดจำไว้ ไม่ได้เป็นเสียงของการเตือน

เพิงจูนั้นไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงแต่เหลือบมองไปที่หยางเฉินอย่างเย็นชาจากนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรในตัวเขาอีก เพียงนั่งลงเพื่อพักฟื้นเท่านั้น

ทัศนคติของอาวุโสหวูที่มีต่อคนทั้งสามนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมาสักนิด ในการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์นี้คนทั้งสามนั้นเป็นคนสำคัญที่เขาต้องการตัวที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่พัฒนาไปเป็นศัตรูกับทั้งสามเพื่อศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณเช่นหยางเฉินอย่างแน่นอน ในตอนแรกที่เขานำตัวหยางเฉินมาด้วยเป้าหมายของเขาเพียงต้องการเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ แม้ว่าภายหลังมุมมองที่เขามีต่อหยางเฉินจะเปลี่ยนไปแต่เขาจะไม่เปลี่ยนลำดับความสำคัญของเขาเพื่อหยางเฉิน

หยางเฉินทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเมินเฉยต่อการดูถูกของผู้เชี่ยวชาญปรุงยาทั้งสาม เขานั่งลงตรงที่นั่งที่อาวุโสหวูจัดเตรียมไว้ให้เขาและเริ่มถามไถ่บุคคลคนหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญปรุงยา

“ฟั่นฉาน นิกายฝึกสัตว์อสูร!”

เมื่อเห็นว่าหยางเฉินกำลังจ้องมองเขาอยู่ ความไม่เป็นมิตรก็แสดงออกกระจายไปทั่วใบหน้าของคนผู้นั้นแต่เขาก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนแต่อย่างใด

หยางเฉินรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าการกลั่นยาเม็ดคว้าสวรรค์นั้นจำเป็นต้องใช้จิตวิญญาณของปีศาจสัตว์อสูรที่โหดร้ายเพื่อที่จะทำหน้าที่เป็นจิตวิญญาณของยา ฟั่นฉานเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความช่วยเหลือในที่นี้อย่างแน่นอน

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อยให้ฟั่นฉานจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงมารยาทที่รุ่นน้องสมควรกระทำต่อผู้อาวุโสกว่าเขา

“ผู้เยาว์มาจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์ หยางเฉิน”

การแสดงออกพฤติกรรมที่เป็นทางการนี้สามารถลบแง่ของบางคนได้ แต่ที่เหลือก็ยังคงไม่มีใครเอ่ยอะไรทั้งสิ้น มีเพียงเติ้งอี้ นางเปิดปากเอ่ยเพียงแค่ “อืม” เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ต่างคาดไม่ถึงว่าตนเองจะเสื่อมถ้อยจนถึงขั้นต้องมาปรุงยากับเด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณ หากไม่เห็นแก่หน้าของอาวุโสหวูพวกเขาคงเตะหยางเฉินออกจากบ้านพักนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

“ตามสูตรตอนนี้ทุกอย่างได้จัดเตรียมพร้อมไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเจ้าตรวจสอบดูว่าขาดเหลือต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือไม่แล้วบอกข้า”

อาวุโสหวูถามทุกคนในที่ประชุม ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นเอาจริงเอาจัง เขากังวลเกี่ยวกับปัญหาการขึ้นไปของเขา ดังนั้นเขาไม่สามารถให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว ยกเว้นแต่จะให้หยางเฉินผู้นี้ร่วมด้วยหรือ? นี่เป็นปัญหาหลักที่อาวุโสหวูท่านควรกังวล หากเขาทำให้เกิดความผิดพลาดแม้เล็กน้อย ต่อให้เขาตายนับร้อยครั้งก็ยังไม่สามารถชดใช้หนี้ครั้งนี้หมด!”

เค่อเหลียนหยุนเปิดปากพูดคัดค้านถึงความร่วมมือกับหยางเฉินอีกครั้ง

เท่าที่ข้ารู้ พระราชวังหยางบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่นิกายที่มีชื่อเสียงในด้านปรุงยาศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณผู้นี้ก็เพียงแค่มีเปลวไฟแกนพิภพเพียงเพราะโชคช่วยสำหรับเขาแล้วนั้นควรจะเป็นแค่ลูกมือของข้าระดับก่อลำต้นขั้นสูงมากกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญปรุงยาระดับสาม การยึดเปลวไฟแกนพิภพ ของเขาไว้นั้นจะเหมาะมากกว่า     


1 ความคิดเห็น:

  1. มีความคิดอยากได้ของคนอื่นแบบนี้ทุกยุคสมัย

    ตอบลบ