หลังจากนิ่งอึ้งไปนาน
หลงฉวนและหลี่อู่ก็ตั้งสติได้อีกครั้ง เมื่อเห็นกองเศษเหล็กที่ก่อนหน้านี้มันเคยเป็นเครื่องวัดค่าพลังกาย
สีหน้าของพวกเขาสามารถออกมาด้วยความสนใจอย่างเห็นชัดเจน
“ฮั่นหลาง
เจ้าทำอะไร?” หลี่อู่เอ่ยถามออกมา
ฮั่นหลางกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ
“ผมบอกแล้ว ว่ามีเพียงเอสเปอร์สายพันธุ์กายภายเท่านั้นที่ใช้เครื่องนี้
แต่พวกคุณก็ยังคงยืนยันว่าให้ผมลองดู แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?”
หลี่อู่และหลงฉวนต่างมองหน้ากันเงียบๆ
ให้ตายเถอะ เครื่องวัดค่าพลังกายถูกทำลายลงโดยฮั่นหลาง แต่ทำไมหมัดที่แลดูปวกเปียกของฮั่นหลางถึงทรงพลัง? พวกเขาก็ยังไม่รู้...
หลงฉวนหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วกล่าวออกไปว่า “บางทีนี้อาจเป็นการโจมตีโดยธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของฮั่นหลาง มันทำให้ระบบวงจรภายในของตัวเครื่องเกิดระเบิดขึ้น
สรุปได้ว่าหลังจากการทดสอบนี้อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าขณะนี้ฮั่นหลางไม่ได้มีเพียงแค่เขตแดนสิ้นสลายซึ่งสามารถช่วงชิงพลังพิเศษของศัตรูได้
นอกจากนี้เขายังพรั่งพร้อมไปด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่ออีกด้วย”
หลี่อู่พยักหน้ากล่าวว่า
“สูญสิ้นถือเป็นพลังแห่งความมืด ฮั่นหลางตอนนี้เจ้าได้มีฉายาใหม่นอกจาก
ฮันกระดูกแกร่ง
ผู้คนยังเรียกเจ้าว่าปีศาจแห่งความมืดเพราะความโหดเหี้ยมไร้ความปราณีของเจ้าในสนามรบ”
“ในเวลานี้เรายังได้กวาดเอาสมบัติกลับมาจากเป็นจำนวนมาก
กองเรือรบของเราได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 12 ลำ ทั้งเรายังได้ทำลายล้างเหล่าไรเดอร์และโจรสลัดไปถึง
13
กลุ่มและยึดทรัพย์สมบัติที่พวกมันปล้นมาได้เป็นจำนวนมากจากถ้ำที่ซ่อนของพวกมัน
โดยการประเมินเบื้องต้น มูลค่าจากสมบัติที่ได้มาทั้งหมดนี้มีมูลค่ามากกว่า
สองพันล้าน GC”
“ดังนั้นเราทั้งสองและทาลินจึงได้พูดคุยกันเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะรับสมัครเอสเปรอ์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งหมดจากสหพันธ์เข้ามาในกองทัพและอีกไม่นานโลกก็จะมีกองพลเอสเปอร์เป็น
10 กองพลและกองเรือรบที่ยอดเยี่ยมเพิ่มขึ้น”
“การขยายกองพลทหารจะต้องซื้อเสบียงและอุปกรณ์จำนวนมาก
ดังนั้นเราจึงต้องการติดต่อกับเพื่อนผู้ลึกลับของเจ้า”
ฮันหลาง
พยักหน้าและกล่าวว่า “การจัดซื้อไม่เป็นปัญหา
โลกเป็นบ้านของผม การทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อบ้านของตนเอง มันเป็นหน้าที่ของคนภายในบ้านอยู่แล้ว
แต่คุณรู้...”
หลี่อู่ยิ้มและเอ่ยขัดจังหวะฮั่นหลางว่า “ข้ารู้
ข้ารู้
อุปกรณ์และยาที่เจ้าได้รับมาถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่เป็นที่ยอมรับ
แต่มันใกล้จะถึงเวลาจัดงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือกแล้ว เราไม่สามารถจะสนใจในเรื่องนี้ได้อีกต่อไป
ดังนั้นเพียงแค่มั่นใจและซื้อทุกอย่างที่เจ้ารู้สึกว่าเหมาะสมตราบเท่าที่มันยังสามารถใช้งานได้
นอกเหนือจากอุปกรณ์และยา เราจำเป็นต้องแบ่งบางส่วนไปซ่อมเรือรบลาดตระเวนแอตแลนติกจำเป็นต้องซ่อมแซมส่วนที่เสียหายร้ายแรง
แต่คราวนี้เราจะใช้วิศวกรของเราเอง
มันไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดงบประมาณแต่เรายังได้ฝึกกลศาสตร์ด้วย”
ทั้งสามเดินและพูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับการทหารและอนาคตของโลก
ปัจจุบันทหารระดับสูงของโลก ได้ยอมรับโดยไม่มีใครโต้แย้งว่า
ฮั่นหลางเป็นชายหนุ่มผู้มีอัจฉริยะภาพสูง ซึ่งน่าจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหนึ่งในพวกเขาในอนาคต
ด้วยเหตุนี้หลงฉวนและหลี่อู่จึงบอกฮั่นหลางในสิ่งที่พวกเขารู้และไม่ได้พยายามปิดบังอะไร
ฮั่นหลางได้ถามถึงอาการเจ็บป่วยของหลงฉวน
แม้ว่าเขาได้พยายามรักษาชีวิตของหลงฉวนไว้ แต่สภาพของเขาก็ไม่ดีขึ้นเลยและทำให้เขาต้องพึ่งพารถเข็น
ฮั่นหลางลอบตัดสินใจว่าเขาจะเรียนรู้วิทยาการทางด้านยาเพิ่มเติมและดูว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือหลงฉวนได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามหลงฉวนนั้นเป็นดั่งจิตวิญญาณของทหารบนโลกไม่ว่าจะเป็นยุทธวิธีหรือการสู้รบ
หากสูญเสียเขาไปมันจะเป็นการสูญเสียที่ร้ายแรงและน่าเศร้าสำหรับโลก
พวกเขาเพิ่งจะออกจากค่ายฝึกฝน
ขณะนั้นเฉินจงที่แสดงท่าทางไม่พอใจและต้องการลากฮั่นหลางออกไปดื่มด้วยกัน
“เกิดอะไรขึ้น?
ใครทำให้นายโกรธ?” ฮั่นหลางถามออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น
“อย่าไปพูดถึงมันเลย!
ไม่ใช่ว่าเราได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่มาหรือไง? ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจใช้ประโยชน์จากแรงผลักดันนี้และทดลองดูว่าฉันจะสามารถผ่านการทดสอบแรงกดดันรอบสุดท้ายได้ไหม
เพื่อที่ฉันจะได้รับหนึ่งที่นั่งในงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“แต่ว่าให้ตายเถอะ!
เมื่อฉันเข้าสู้สงครามทุกคนกลับมุ่งเป้ามาที่ฉัน! และใครบางคนยังตัดหัวของฉัน!
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการต่อสู้ในระบบเสมือนจริงและฉันก็ไม่ได้ตาย
แต่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย! ฉันอับอายจนคิดอยากจะฆ่าตัวตาย!”
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจสับสนเล็กน้อยและถามว่า
“มันเป็นการทดสอบต่อสู้แบบไหน? ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงตั้งเป้าหมายไปที่นาย?”
“ในครั้งนี้
มันเป็นการแข่งขันช่วงชิงเหรียญประทับ
ทุกคนจะมีเหรียญห้อยอยู่บนหน้าอกของตนเองและนายต้องพยายามช่วงชิงเหรียญประทับของผู้อื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องตัวเองด้วย ยิ่งนายได้รับเหรีญมากเท่าไหร่คะแนนของนายก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ฉันได้หลบซ่อนตัวอยู่ในสถานที่บางแห่งและได้เห็นผู้คนกำลังต่อสู้กันอยู่ดังนั้นฉันจึงต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายด้านหน้านี้พยายามจะทำให้บางสิ่งเกิดขึ้น
แต่พวกมันทุกคนนั้นดันหยุดต่อสู้กันในทันทีหลังจากที่พบเห็นฉันและมุ่งเป้ามาที่ฉันแทน!”
เฉินจงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ฮั่นหลางรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นในทันที
แต่ก่อนอื่นเขาพยายามเอ่ยปลอบเฉินจงไปว่า “อย่าไปกังวลเลย
นายอาจจะก้าวลงไปในหลุมพราง
บางทีคนเหล่านี้อาจมาจากกลุ่มเดียวกันและพวกเขาก็แสร้งทำเป็นต่อสู้กันเพื่อเป็นเหยื่อล่อ
ยังคงมีเวลาอีก 2 เดือนกว่าจะหมดกำหนดเวลาสำหรับการทดสอบนี้
เพียงแค่สงบใจลงและฝึกฝนนายยังมีโอกาสอยู่”
“ดี” เฉินจงพยักหน้าที่มืดมนของเขาและพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้น
ฉันจะกลับไปกินจนกว่าจะหนักถึง 800
ปอนด์แล้วไปแข่งขันอีกครั้ง”
ฮั่นหลางไม่ได้พูดอะไรต่อ
สายลมในคืนนี้ที่นาคซานั้นรุนแรงขึ้นมาก พื้นทรายที่รกร้างว่างเปล่าถูกแรงลมโหมพัดขึ้นจนดูราวกับทรายนั้นกำลังเริงระบำอยู่
ไม่มีใครรู้ว่าจักรวรรดิ์แซลลี่ได้จัดเตรียมข่ายกับดักไว้ในการทดสอบแรงกดดันและปัญหาที่เกิดขึ้นกับเฉินจง
มันเป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น
……
ลั่วอี้หวินเป็นทหารที่อายุน้อยที่สุดในค่ายฝึก
เธออายุเพียง 16 ปีและมีลักษณะทั่วไปของสาวจีนภาคใต้
ผิวสวยตัวเล็กร่างบางๆ และมีรอยยิ้มน่ารักสดใส ตอนที่เธอหัวเราะจะเผยลักยิ้มออกมา
เด็กหญิงตัวเล็กๆ
มักจะชอบซ่อนตัวอยู่ในห้องและดูอนิเมะในขณะที่สวมชุดเจ้าหญิงสีชมพู
เมื่อพูดถึงลั่วอี้หวินและฮั่นหลาง
พวกเขามีสิ่งที่ชอบร่วมกัน อย่างเช่นทั้งสองคนชอบช็อคโกแลตร้อนพวกเขาจึงมักจะพบเจอกันที่ส่วนเครื่องดื่มร้อนในโรงอาหารบ่อยๆ
ฮั่นหลางสงสัยว่าเธอน่าจะมีน้ำหนักไม่ถึง 70
ปอนด์และเขาน่าจะยกเธอขึ้นได้เพียงใช้นิ้วแค่นิ้วเดียว
แม้จะรู้ว่า
ลั่วอี้หวินเป็นเอสเปอร์อายุน้อยที่ครอบครองสายพันธุ์เสียงซึ่งค่อนข้างหายากและมีพรสวรรค์มากที่เดียว
แต่ฮั่นหลางรู้สึกว่าคนที่ขี้อายอย่างลั่วอี้หวินไม่เหมาะที่จะเป็นทหาร
วันนี้เขาก็เดินเข้าไปในค่ายฝึกเช่นปกติและเห็นลั่วอี้หวินอีกครั้ง
โดยปกติดวงตากลมโตที่ดูน่ารัก ในตอนนี้กลับปรากฏเป็นสีชมพูอย่างกับลูกพีชเนื่องจากการร้องไห้
เธอถือกระเป๋าสะพายไหล่ปกคลุมด้วยตุ๊กตาของเล่นและกำลังเดินออกมากับแอนบีเบ้
เมื่อเห็นฮั่นหลาง
ลั่วอี้หวินขบริมฝีปากของเธอ พยายามที่จะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาก็ยังไหลหยดออกมาราวกับลูกปัดที่หลุดออกจาสายร้อย
เธอก้มหน้าลงหลบตาฮั่นหลางและพูดขึ้นเสียงเบาว่า “พี่ฮั่นหลาง
ขอบคุณในการดูแลที่ผ่านมา ลาก่อน”
ฮั่นหลางตั้งสติไม่ทัน เขางุนงงไปหลายวินาทีก่อนจะเอ่ยลาตอบ
เฉินจงเดินเข้าไปในห้องโถงตามหลังฮั่นหลาง
และลั่วอี้หวินก็คำนับเขาพร้อมกับเอ่ยลาเสียงเบา
“เกิดอะไรขึ้น?” ฮั่นหลางเอ่ยถามเฉินจงอย่างสับสน
เฮ้ออ ~
เฉินจงมีใบหน้าที่ขมขื่นถอนหายใจและพูดออกมาว่า
“สาวน้อยอี้หวิน ถูกกำจัดดังนั้นเธอจึงออกจากค่ายฝึกฝนเพื่อไปรายงานต่อศูนย์บริหาร
ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะส่งสาวน้อยคนนี้ไปประจำการที่ไหน เธอทั้งขี้ขลาดและขี้อาย”
ในขณะนั้น แอนบีเบ้กำลังปลอบขวัญลั่วอี้หวินอยู่ไม่ไกลจากประตู
เธอหันกลับมาที่ห้องโถงและพูดกับฮั่นหลางว่า “สาวน้อยอี้หวินเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ
ไม่เพียงแค่เธอถูกกำจัด ไอ้พวกคนเหล่านั้นยังได้อัพโหลดวิดีโอตอนตัดหัวของเธอลงบนอินเทอร์เน็ต
เธออายุแค่ 16 ทั้งยังไม่บรรลุนิติภาวะ
มันมากเกินกว่าที่เธอจะรับได้!”
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจและถามว่า
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ?! เอามาให้ฉันดู”
แอนบีเบ้พยักหน้าและพาฮั่นหลางไปที่จอของคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มเข้าสู่เว็บไซต์วิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในทางช้างเผือกและค้นหาวิดีโอ
ภายในคลิปมีกลุ่มเอสเปอร์จากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆกำลังห้อมล้อมลั่วอี้หวินตัวน้อย
ในวีดีโอเห็นได้ชัดว่าสาวน้อยอี้หวินกำลังตกใจมาก
สาวน้อยที่ถูกล้อมรอบไปด้วยชายฉกรรจ์ 7- 8 คน พวกเขาไม่เพียงเอาชนะสาวน้อยอี้หวินลงได้แต่ยังกล่าวดูถูกเธอด้วยคำพูดที่หยาบคาย
ฮั่นหลางกำหมัดแน่นขึ้น
ไอ้พวกเวรนั่น!
สาวน้อยอี้หวินเปิดปากและระเบิดคลื่นเสียงดังสนั่นขึ้น
เอสเปอร์สายพันธุ์เสียงทั้งหมดอาศัยการปลดปล่อยคลื่นความถี่ในการโจมตี เคยมีคนกล่าวไว้ว่าเมื่อไปถึงระดับหนึ่งแล้วเอสเปอร์สายพันธุ์เสียงสามารถปลดปล่อยคลื่นเสียงรบกวนที่สามารถคุกคามศัตรูได้ด้วยภาพลวงตา
แม้ว่าจะไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งแต่ก็ยังเป็นทักษะเฉพาะที่มีประโยชน์มาก
“หนูน้อย
เจ้ากล้าที่จะต่อต้านงั้นหรือ! มาดูว่าข้าจะสามารถฉีกปากเล็กๆของเจ้าได้ไหม!”
ชายร่างใหญ่ไม่คาดคิดว่าสาวน้อยอี้หวินจะโจมตีตอบโต้กลับมาอย่างรุนแรงจนทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัวมากจากคลื่นกระแทกหูของเขามีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา
เขาชกอย่างโกรธแค้นไปที่ใบหน้าของลั่วอี้หวินด้วยกำปั้นของเขา
ลักยิ้มสดใสบนใบหน้าของสาวน้อยอี้หวินถูกทำให้ราบเรียบ
แก้มเล็กๆสีชมพูของเธอบวมเป่งขึ้น และชายฉกรรจ์คนอื่นๆได้ติดตามมาก้าวเท้าขึ้นมาเหนือตัวของสาวน้อยอี้หวินและหัวเราะขึ้นเสียงดัง
ชั๊ว ~
นักรบที่แข็งแกร่งนำใบมีดคล้ายดวงดาว
ชูขึ้นสูงไปในอากาศและแนบไว้ที่คอระหงของสาวน้อยอี้หวิน ขณะนี้เธออยู่ในสภาพที่สกปรกจากการถูกรุมทุบตี
เธอไร้ซึ่งกำลังจะต่อต้านเธอทำได้เพียงมองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่าด้วยดวงตาไร้ซึ่งประกายความหวัง
“ไป ตาย ซะ!”
นักรบที่แข็งแกร่ง
ตะโกนขึ้นและเหวี่ยงมีดคมในมือ
ฉับ!~
ฮั่นหลางไม่อาจทนได้อีกต่อไปกระแทกหมัดไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และทำลายมันอย่างสมบูรณ์
“นั่นมันไม่สมควรที่จะทำ!”
แม้มันจะเป็นการต่อสู้ในระบบเสมือนจริง ฮั่นหลางรู้สึกโกรธ ความโกรธภายในกายของเขารุกไหม้ราวกับเพลิงที่โหมกระหน่ำ
เธออายุเพียง 16 ปี เธอเป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อยที่อ่อนแอ ไอ้เวรพวกนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานประเภทใดกัน?!
เฉินจงที่อยู่ด้านข้างก็โกรธเช่นกัน
“มันเป็นเรื่องบัดซบอะไรกัน
มันเหมือนกับการแข่งขันชิงเหรียญประทับรอบแรกของฉัน
ฉันก็ได้พบกับกลุ่มคนที่อยากจะเอาหัวของฉันราวกับว่าพวกเขามีข้อตกลงกันมาก่อนแล้ว”
แอนบีเบ้
ก้มหน้าลงกัดฟันและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “นายรู้ไหมว่ามันโหดร้ายมากขนาดไหน?
ถ้านายแพ้ในการแข่งขันชิงเหรียญประทับรอบแรกนายยังมีโอกาสแข่งขันได้อีกครั้ง
แต่กับสาวน้อยอี้หวินนี้เป็นการแข่งขั้นครั้งที่สองแล้ว เธอถูกทรมานอย่างโหดร้ายถึงสองครั้ง”
ชิ้ง ~
เปลวเพลิงแห่งความโกรธประทุขึ้นมาจากดวงตาของฮั่นหลางเขาหันกลับไปมองแอนบีเบ้
แอนบีเบ้กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ หลังจากที่นายกลับมา
นายก็สนใจเพียงแต่การฝึกฝนของตัวเองและไม่มีเวลามาพูดคุยกับทุกคน
ภายในเดือนเดียวเหลือคนในค่ายฝึกอยู่เพียง 18 คน แม้แต่ปาร์กเกอร์ก็ยังถูกกำจัด
นอกจากนี้เขายังถูกตัดหัวและลงวิดีโอออนไลน์ด้วยเหมือนกัน”
ฮั่นหลางตกใจขึ้นมาในทันที
ปาร์กเกอร์นั้นเป็นเอสเปอร์ระดับ 4 ดาว ในหมู่อัจฉริยะของค่ายฝึกฝน
ฉายาของเขาคือ ปาร์กเกอร์ไอ้หนุ่มหัวรุนแรง แม้แต่เขาก็ยังถูกกำจัด? นั้นมัน...
แอนบีเบ้หยุดพูดชั่วคราวและกล่าวต่อไปว่า
ตอนนี้โลกถูกมองว่าเป็นตัวตลกในการทดสอบแรงกดดันและยังมีคนทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเหยียดหยามและคลิปตัดหัวของ
ลั่วอี้หวินและปาร์กเกอร์แล้วอีกหลายๆคน เว็บไซต์นี่ มีชื่อว่า ชุมนุมเชือดหมู
“เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนจงใจฆ่าพวกเรา!”
แอนบีเบ้กระซิบบอก
Thank you
ตอบลบ