ฮั่นหลางใช้เวลาฝึกฝน 9 ชั่วโมงในบ่อน้ำที่เย็นจัดภายในห้องฝึกของเขา
ครั้งนี้มันนานกว่าครั้งก่อนถึงสองเท่าและฮั่นหลางยังคงไม่ได้คิดที่จะหยุดฝึกฝน
เมื่อในค่ายฝึกฝนมีคนน้อยลง
ฮั่นหลางก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเขาไม่แม้แต่จะถอยหนีกับการเผชิญความกดดันที่หนักหนานี้แต่เลือกที่จะฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งขึ้นไปอีกเพื่อพัฒนาตนเอง
วันนี้ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญขึ้นสองอย่างเมื่อเทียบกับการฝึกฝนอย่างรุนแรงในครั้งอดีตนั้นคือ
นอกจากการฝึกชุดฝึกฝน46รูปแบบแล้วฮั่นหลางยังได้ใช้เวลาไปมากมายเพื่อฝึกเรียกใช้พลังแห่งความมืดให้สามารถควบคุมใช้ได้ในระหว่างการสู้รบ
อีกการเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ความเอาใจใส่ของชายชราประหลาดที่มีต่อฮั่นหลางได้เติบโตมากขึ้นรื่อยๆในทุกๆวัน
ชายแก่บอกกับฮั่นหลางให้เปิดจอภาพขนาดใหญ่ไว้ขณะที่ฝึกฝนและเขามักจะเฝ้ามองและสนทนากับฮั่นหลางอยู่เสมอ
ซึ่งเขายังได้ชี้แนะเคล็ดลับที่ทำให้บังเกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
วิ้งงงง~
ฮั่นหลางยืนอยู่ในบ่อน้ำ
-200°
น้ำที่เย็นยะเยือกนี้ได้ทำให้ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยหมอกและเขาก็หายใจแรงขึ้น
ในอุณหภูมิที่เย็นยะเยือกดังกล่าวแม้ฮั่นหลางจะไม่ได้ขยับตัวในทุกๆนาทีแต่ทุกวินาทีก็ยังคงทรมานเป็นอย่างมาก
ซึ่งมันต้องใช้พลังงานและความมุ่งมั่นอย่างมากในการขยับเคลื่อนไหว
เมื่อเทียบกับครึ่งเดือนที่แล้วร่างกายของฮั่นหลางได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ในการฝึกฝนอย่างสุดโต่งไม่ได้ทำให้ฮั่นหลางกำยำขึ้นเลย เขายังคงผ่ายผอมเช่นเดิม
แต่กระดูกและกล้ามเนื้อของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นราวกับว่าร่างกายและเลือดเนื้อของเขาถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากเหล็กกล้า
เพิ่งจบรอบการฝึกชุดฝึกฝน46รูปแบบ ฮั่นหลางเก็บท่าฝึกฝนผ่อนลมหายใจ
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายใบหน้าบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “ครั้งหน้าจะการจับคู่ซ้อมมือ
ข้าได้หาคู่ต่อสู้ที่ดีให้กับเจ้าไว้แล้ว มันเป็นอาชญากรที่มีประกาศจับจากเผ่าพันธุ์กุย
เจ้าอาจจะคุ้นเคยกับลักษณะทางกายภาพของผู้คนจากเผ่าพันธุ์กุย พวกเขามีเกล็ดแข็งและแขนขาของพวกเขานั้นมีการพัฒนามากกว่ามนุษย์
พลังที่ปะทุขึ้นฉับพลันของพวกเขานั้นโดดเด่นมากเช่นกัน”
“นอกจากนี้มันยังมาจากตระกูลนักฆ่า
มีดีในการซ่อนตัวและโจมตี หากเจ้าไม่ระวัง มันต้องการเพียงออกกระบวนท่าจูโจมใส่เจ้าแค่ชุดเดียวก็สามารถฉีกร่างกายของเจ้าออกเป็นชิ้นๆได้ในพริบตา
ด้วยนิ้วที่แหลมคมของมัน”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายได้ใช้ประโยชน์จากดาร์คเน็ต
ในทุกๆวันเขาจะค้นหาบุคคลที่แปลกประหลาดมาเป็นคู่ต่อสู้ให้กับฮั่นหลาง
ทั้งอาชญากรในใบประกาศจับ นักฆ่า นักสู้สังเวียนใต้ดิน
ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครสักคนที่เป็นคนดี พวกมันเป็นกลุ่มคนที่เหี้ยมโหดอำมหิต
ตามที่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายกล่าวไว้
เมื่อไหร่ที่ฮั่นหลางสามารถปรับตัวให้เข้ากับศัตรูที่ชั่วร้ายที่สุดในทางช้างเผือกได้และกลับไปต่อสู้กับทหารเหล่านั้นที่ผ่านการฝึกฝนทางทหารแบบปกติแล้วเขาจะพบว่าการโจมตีของคนพวกนี้ช่างดูน่าเบื่อหน่าย
มันแน่นอนอยู่แล้วว่าเหล่าทหารพวกนี้ไม่มีทางเทียบได้กับบรรดาผู้ที่มีหมายจับและอาชญากรมากประสบการณ์จากดาร์คเน็ตได้
ความเป็นจริงมันได้พิสูจน์แล้วว่าคนเหล่านี้ที่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายคัดเลือกมา
ต่างมีสารพัดท่าจู่โจมที่ร้ายกาจบางอย่าง รวมไปจนถึงวิธีการที่แปลกประหลาด
อย่างเช่นลอบวางยาฮั่นหลาง สร้างภาพลวงตาสาวเปลือยกายสองสามคน เพื่อล่อลวงฮั่นหลาง
ฯลฯ พวกคนเหล่านี้ดูเหมือนกับว่าไม่เข้าใจว่าสิ่งใดคือการต่อสู้ที่ยุติธรรม พวกเขายินดีที่จะทำทุกสิ่งทั้งน่ารังเกลียด
ไร้ยางอาย สารพัดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อชัยชนะ
ในระยะเริ่มต้น ฮั่นหลางพ่ายแพ้ไปมากมายหลายครั้ง
แต่หลังจากเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้บ่อยครั้ง ฮั่นหลางก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้และบางครั้งเขายังได้เรียนรู้ชั้นเชิงที่ดีมาเป็นการตอบแทน
ภายใต้คำปรึกษาของต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ฮั่นหลางได้ก้าวเดินไปไกลยิ่งขึ้นบนถนนแห่งอาชญากรนี้ และได้เรียนรู้ทักษะวิชาที่น่าครั่นคร้ามมากมาย
เห็นได้ว่าฮั่นหลางไร้ซึ่งการตอบสนอง
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายจึงขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจ
แต่ทุกอย่างมันมีขั้นตอนค่อยเป็นค่อยไป ในการต่อสู้สิ่งสำคัญคือลักษณะโดยรวม
การฝึกฝน ประสบการณ์ ไหวพริบในการต่อสู้ และศึกต่อสู้ที่ดี
เจ้าไม่สามารถขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ ดังนั้นจงรีบขึ้นมาจากบ่อน้ำนั่นซะ
นอกจากการต่อสู้ 1 ต่อ 1
กับอาชญากรนักฆ่าจากเผ่าพันธุ์กุยแล้วเจ้ายังต้องไปชมไลฟ์สดแห่งความตายอีกด้วย
นี้เป็นบทเรียนที่สำคัญมาก”
ฮั่นหลางหายใจเข้าลึกๆสองครั้ง
ก่อนเปิดปากขึ้นและถามออกไปว่า “ อาจารย์ งานชุมนุมแห่งทางช้างเผือกนับวันยิ่งใกล้เข้ามา
เมื่อไหร่กันที่ผมถึงจะได้เริ่มต้นเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้? แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะสามารถไปทดสอบแรงกดดันรอบสุดท้ายได้?”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายกล่าวอย่างซื่อตรงว่า
“นั้นไม่ใช่เรื่องเร่งแต่อย่างใด ถ้าเจ้าต้องการไปได้ไกลในหนทางแห่งนักรบ เจ้าจำเป็นต้องมีรากฐานที่มั่นคงและตอนนี้ก็ถึงเวลาวางรากฐานของเจ้าแล้ว
เจ้าสามารถค่อยๆเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้ได้หลังจากนี้ แต่หากรากฐานของเจ้าไม่มั่นคงมันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเจ้า”
“ส่วนรอบสุดท้ายในการทดสอบแรงกดดัน
ตราบเท่าที่เจ้ารู้เวลาเจ้าสามารถไปทดสอบได้ทันทีก่อนวันที่ครบกำหนด
สถานการณ์ในตอนนี้ มันชัดเจนมากว่ามีใครบางคนตั้งเป้ามาที่ผู้เข้าแข่งขันจากโลก ดังนั้นเจ้าควรรอจนกว่าเจ้าจะมั่นใจอย่างเต็มที่ว่า
เจ้าจะสามารถเอาชนะพวกเขาก่อนเข้าร่วมการทดสอบรอบสุดท้าย”
ฮั่นหลางพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ผมจะฝึกฝนพลังแห่งความมืดอีกครั้งหนึ่งก่อนแล้วจะไปทักทายคู่ต่อสู้จากเผ่าพันธุ์กุย”
บุ๋ม~
หลังจากสิ้นประโยค
ฮั่นหลางก็จมลงไปในน้ำที่หนาวเย็นนั้นในทันที
“เปิดใช้งาน
เนตรแห่งความมืด!”
ฮั่นหลาง
พูดขึ้นภายในใจ เขาเปิดตาข้างขวาขึ้น ขณะนี้ดวงตาข้างขวาของเขาทั้งดวงเปลี่ยนเป็นสีดำที่มืดมิด
ราวกับวิญญาณปีศาจที่แผ่รัศมีอันแสนหดหู่ออกมา
……
มีเวลาเหลือเพียง 3 วันก่อนที่จะสิ้นกำหนดเวลาการทดสอบแรงกดดัน
ฮั่นหลางยังคงไม่ได้ปรากฏตัวในการทดสอบรอบสุดท้าย แต่แยกตัวออกจากฐานและไปเก็บตัวฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
ทุกๆวันฮั่นหลางต้องฝึกหนักเป็นเวลา
10
ชั่วโมงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการต่อสู้กับนักรบที่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายคัดเลือกมา
และใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการวิเคราะห์การต่อสู้ในวันนั้น ตามด้วยเข้าชมไลฟ์สดแห่งความตายที่ยาวนานกว่า
8 ชั่วโมง ต่อจากนั้นไปตรวจสอบลักษณะการต่อสู้และไหวพริบการตอบโต้ของทหารจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
เมื่อฮั่นหลางปรากฏตัวอีกครั้งในฐานฝึกฝนเขาเห็นสหายเพียงสองคนนั้นคือซินเบิร์กและเฉินจง
ทั้งสองคนไม่ได้ฝึกฝน แต่นั่งอยู่ที่ห้องโถงรอฮั่นหลางยืนอยู่ข้างกระเป๋าเดินทาง
หัวใจของฮั่นหลางพังทลายลงมาในทันที
ตอนนี้ค่ายฝึกฝนกลายเป็นสถานที่ที่ว่างเปล่าเหลือเพียงสามคนที่นี่เท่านั้น นั้นคือ
ซินเบิร์กและเฉินจงรวมทั้งเขา...
หลังจากเดินไปหาพวกเขา ฮั่นหลางก็นั่งลงหันหน้าเข้าหาพวกเขาและเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า
“พวกนายก็กำลังจะจากไปใช่ไหม?”
เฉินจงมองโลกในแง่ดีเสมอเขาถอนหายใจยาวและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นว่า
“ฉันก็เพียงแค่คนที่ขี้เบื่อ นั่งรออยู่ที่นี่เป็นเวลานานก็เพื่อรอพูดคุยกับนาย
หลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันบ่อยอีกแล้ว อย่างไรก็ตามเราทั้งสองก็มาจากประเทศจีน นายก็ยังเป็นน้องชายที่ดีของฉันเสมอมา”
“น่าเสียดายที่เวลาใกล้หมดลงแล้ว
อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อะไรที่ควรจะไปก็ควรจากไป นายยังจำหลวงจีนได้ไหม? เจ้าหัวล้านที่ถูกกำจัดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นและตอนนี้เขาได้ไปเป็นครูฝึกที่
กองพลเอสเปอร์ที่3 มีทหารในสังกัดประมาณ 100 คน ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่ฉันจะเดินทางไปยังงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือก
ฉันคงต้องถอนตัวจากไปก่อน เพื่อเข้าร่วมกับเหล่าทหาร ไม่อย่างงั้นฉันคงไม่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับสูงกว่าสหายหลวงจีน
มันคงจะน่าอายจริงๆ”
ฮั่นหลางไม่รู้จะสรรหาคำพูดดีๆคำไหนมาเอ่ยในเวลานี้เขาทำเพียงพยักหน้าและพูดว่า
“งานของทหารก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
เป็นการดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเขาโดยเร็วที่สุด”
ทั้งสามคนนั่งเงียบไม่พูดอะไร
ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัดใจ เฉินจงและซินเบิร์ก ทั้งสองรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป
ฮั่นหลางจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในค่ายฝึกฝน และเขาจะเป็นความหวังสุดท้ายของโลก ว่าจะได้รับหนึ่งที่นั่งในการเข้าร่วมงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือกหรือไม่
เมื่อสิบปีก่อนโลกเพิ่งเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรแห่งทางช้างเผือกภายใต้สภาวะที่ยากลำบากยังคงมีทหารสี่คนนำโดยคลาร์กเข้าร่วมงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือก
หลังจากนั้น 10 ปีของการเตรียมตัวอย่างรอบคอบโลก ได้รวบรวมเอสเปอร์หนุ่มสาวที่มีแววว่าจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันไว้ด้วยกันและลงทุนไปมากมายในการฝึกฝนพวกเขา
แต่ปัจจุบันพวกเขาเกือบทั้งหมดได้ถูกกำจัด นั่นแน่นอนว่าพวกเขาทุกคนจะต้องรู้สึกผิดหวัง
และถ้าฮั่นหลางถูกกำจัดด้วยอีกคน สหพันธ์โลกก็จะกลายเป็นเรื่องเล่าขบขันยามว่างของดาวเคราะห์ทั้งหลายบนทางช้างเผือก
ซินเบิร์กมีใบหน้าทุกข์ใจและถูมือไปมาไม่หยุดนิ่งราวกับว่าเขามีอะไรที่จะพูด
แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
ฮั่นหลางพยายามจะทำลายความเงียบอันอึดอันใจนี้และพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ซินเบิร์กนายกำลังจะไปเข้าร่วมกับทหารพร้อมกันเฉินจง?
ฉันได้ยินมาว่าศูนย์บริหารอาณาจักรสาปสูญ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายจะเข้าร่วมกับพวกเขา”
หมั๊บ~
ฮั่นหลางรู้สึกผิดคาด
ซินเบิร์กจู่ๆก็คว้ามือของฮั่นหลางและร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทา ซินเบิร์กมีร่างสูงตามเชื้อชาติเยอรมันของเขา
เขาเริ่มร้องไห้และกล่าวออกมาทั้งน้ำตาว่า “ฮั่นหลางฉันขอโทษ!
เมื่อนายเพิ่งมาถึงค่าย ฉันทำไม่ดีไว้กับนาย
ตอนนี้ฉันคิดถึงเรื่องนั้นฉันรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นหมูที่โง่เง่า!”
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เขาวางมือลงบนไหล่ซินเบิร์กและพูดว่า “ทุกอย่างมันเป็นเพียงอดีตตอนนี้พวกเราเป็นพี่น้องกันทั้งหมด”
ซินเบิร์กพยักหน้าอย่างแรง
ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของฮั่นหลางและพูดขึ้นด้วยความจริงใจว่า “ฉันฝึกฝนมานานกว่าสิบปีอย่างสุดความสามารถทั้งกลางวันและกลางคืน!
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากแค่ไหนและจะสูญเสียเลือดไปเท่าไหร่ฉันก็ไม่สน!
มันเป็นเพียงความใฝ่ฝันที่ฉันต้องการจะเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับคลาร์ก
และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถสนับสนุนโลก!”
“แต่ฉันมันไร้ประโยชน์
ฉันมันไร้ประโยชน์สิ้นดี! ฉันถูกกำจัดในตั้งแต่ต้นราวกับขยะ และฉันไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว
แต่นายยังมีอยู่! ได้โปรดเข้าทดสอบรอบสุดท้ายนี้เถอะ!
ไม่ว่าโลกจะเล็กขนาดไหนถ้าไม่มีใครสามารถผ่านรอบทดสอบครั้งสุดท้ายนี้ได้แล้วละก็มันจะเป็นความอัปยศ!
มันเป็นความอัปยศของพวกเราทุกคน!”
เฉินจงนั่งอยู่ด้านข้างพร้อมทั้งถอนหายใจออกมา
เขาจับไหล่ซินเบิร์กในขณะที่ตัวเขาก็มีน้ำตาไหลนองเช่นเดียวกัน เขาลากซินเบิร์กไปที่ประตูและพูดด้วยเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ
“ฮั่นหลางนายอย่าไปฟังที่เจ้านี่พูดเลย เจ้านี่ก็แค่สติเลอะเลือนมากไปหน่อย
ไปเถอะ เราทุกคนเป็นพี่น้องกันเราจะไม่ไว้วางใจนายได้ยังไง? ตราบเท่าที่นายพยายามอย่างดีที่สุดก็ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว”
ฮั่นหลางนิ่งชะงัก
มองดูเฉินจงลากซินเบิร์กที่มีสีหน้าหม่นหมองออกจากประตูออกไป
“เราคุยกันแล้วนี่
ว่าจะบอกลาเขาอย่างมีความสุขและไม่ควรทำให้เขารู้สึกกดดัน? นายทำอะไรลงไปกัน?!”
“หลี่อู่ ทาลิน หลงฉวน
พวกเขามักมีอารมณ์รุนแรง และนายไม่เห็นเวลาที่พวกเขาพูดคุยกับฮั่นหลางใช่ไหม? เราไม่ควรให้ฮั่นหลางแบกความกดดันทั้งหมดนี้ไว้เพียงผู้เดียว
มันไม่ยุติธรรมต่อเขา” ประตูปิดลงเฉินจง เช็ดคราบน้ำตาให้กับซินเบิร์ก
ก่อนจะผลักเขาเข้าไปในรถจิ๊บทหารที่ได้เตรียมไว้
ซินเบิร์กปิดใบหน้าของตนเองด้วยมือทั้งสองข้าง
เขาพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ ฉันรู้อยู่แล้ว
แต่มันช่วยไม่ได้นี่! ถ้าเราทั้งหมดถูกกำจัดออกจากการทดสอบรอบสุดท้ายนี้ แล้วละก็พันธมิตรแห่งทางช้างเผือกคงจะอนุมัติให้จักรวรรดิ์มาปกครองโลกอย่างแน่นอน!
ถ้าฉันไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องบ้านของตัวเองแล้วฉันจะกล้าไปพบหน้าแม่ของฉันบนนสวรรค์ได้ยังไง!
ก่อนที่แม่ของฉันจะจากไปฉันสัญญากับท่านไว้ว่าฉันจะต้องกลายเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม!”
“ไร้ประโยชน์ ใช้การไม่ได้
ฉันนี่แม่งโคตรไร้ประโยชน์!”
ซินเบิร์กตะโกนออกมาเสียงดัง
และดึงกระชากผมสีบลอนด์ของตนเองอย่างรุนแรง เดิมทีเขาเป็นนักรบที่มีความภาคภูมิใจและเขาก็รักษาภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งไว้ตลอดเมื่ออยู่ในค่ายฝึกฝนเช่นเดียวกับในสนามรบ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนอาจมีช่องว่างภายในจิตใจของตัวเองมันแค่เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขายังไม่ถึงจุดที่โศกเศร้าเกินจะทนไหว
ฮั่นหลางหันมองไปรอบๆบริเวณค่ายฝึกฝนที่ครั้งหนึ่งเคยแออัดเต็มไปด้วยผู้คน
มีทหารหนุ่มสาว 49 คนจากทั่วทั้งโลก
เขมือบภูเขาเฉินจง ลั่วอี้หวิน ที่เป็นเหมือนลูกแมวน้อย ปาร์คเกอร์ไอ้หนุ่มหัวรุนแรง
เรียวขาบางแอนบีเบ้ นิโคลัสจากไซบีเรียผู้คลั่งไคล้ในวอดก้า...
ทันใดนั้นทุกคนก็หายตัวไปและเหลือฮั่นหลางเพียงคนเดียวในตอนนี้
เขาผลักประตูห้องฝึกฝน ฮั่นหลางเข้าสู่ดาร์คเน็ตและพบว่าต้นกำเนิดไร้จุดหมายรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
รอยยิ้ม แววตาของต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ที่เปล่งประกายออกมา มันสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก วันนี้
จะเป็นการฝึกฝนครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าจะเข้าสู่รอบสุดท้ายของการทดสอบแรงกดดัน
และนี่ยังเป็นขั้นที่มีความสำคัญสูงสุด เจ้าใช้เวลาไปทั้ง 6 เดือนในการฝึกฝนขั้นพื้นฐาน
ตอนนี้ข้าหวังว่าเจ้าน่าจะพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้ และสามารถทำความเข้าใจทั้งหมดได้ภายในหนึ่งวัน
ขอบคุณครับ
ตอบลบ