เรียนรู้ทักษะต่อสู้ภายในหนึ่งวัน
?
ฮั่นหลางจ้องมองไปที่ต้นกำเนิดไร้จุดหมายและพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆว่า
“อาจารย์ คุณไม่สบายหรือเปล่า? ชุดฝึก46รูปแบบ ซึ่งเป็นพื้นฐานของพื้นฐานที่สุดคุณบอกให้ผมฝึกฝนเป็นเวลา
6 เดือนเต็ม แต่ตอนนี้คุณต้องการให้ผมเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่ซับซ้อนมากกว่า
แต่คุณต้องการให้ผมเรียนรู้มันเพียงวันเดียว?”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ถูกต้องเจ้าต้องใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น!
ตอนนี้เจ้ามีรากฐานที่มั่นคง เจ้าต้องจำไว้ว่าทักษะการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถเรียนรู้และเชี่ยวชาญได้จากภายในห้องฝึกฝึก
หากแต่สามารถได้มาจากในสนามรบ!”
“วันนี้เจ้าเพียงแค่ต้องจำสิ่งที่ข้าจะสอนเจ้า
ทักษะการต่อสู้จะนำพาเจ้าไปสู่ความเข้าใจด้วยตัวของเจ้าเอง”
ฮั่นหลางพยักหน้าและพูดออกไปอย่างจริงจังว่า
“ตกลง”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายลูบเคราสั้นๆ
แล้วหยิบเอาชิปบันทึกสีดำออกมา แววตาเปล่งประกายแสงเย็นชาออกมาชั่วแวบหนึ่ง “วันนี้ ทักษะการต่อสู้ที่ข้าจะสอนเจ้ามีชื่อว่า หมัดทะลายดาว”
“หนึ่งหมัดมันสามารถทำลายดวงดาวได้จริงหรือ?!”
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายกล่าวออกไปว่า
“ใช่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่อยู่ในมือของข้าคือชิปความทรงจำสุดท้ายของรูปแบบทักษะการต่อสู้ทั้งหมดในทางช้างเผือกนี้
มันเหมือนเป็นมรดกตกทอด ดำเฒ่าได้มอบครึ่งหนึ่งของหัวใจแห่งความมืดให้กับเจ้า
ข้าจะน้อยหน้ากว่าเขาได้อย่างไร? ข้าจะให้หมัดทะลายดาว ที่หาได้ยากนี้กับเจ้า
มันไม่มีประโยชน์ใดๆสำหรับข้า”
……
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงฮั่นหลางก็เดินออกจากรังไหมเสมือนจริงอย่างสับสนงุนงง
เทคโนโลยีของกาแลคซีทางช้างเผือกนั้นอยู่ในขั้นที่สูงมาก
สิ่งต่างๆเช่นการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้สามารถทำได้โดยตรงผ่านรูปแบบของการรับส่งข้อมูลไปยังสมองและฮั่นหลางก็ยอมรับว่าทักษะรูปแบบของ
หมัดทะลายดาว ในรังไหมเสมือนจริงในขณะนั้น ฮั่นหลางรู้สึกราวกับว่าสมองของเขาวุ่นวายสับสนเหมือนกับแม่น้ำที่เชี่ยวกราก
ราวกับมีใครบางคนกำลังยัดสิ่งต่างๆมากมายเข้ามาสู่สมองของเขา
กลับมาที่ห้องฝึกฝน
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายยิ้มและถามขึ้นว่า “เจ้ารู้สึกอย่างไรกับทักษะการต่อสู้นี้?”
ฮั่นหลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกไปว่า
“หมัดทะลายดาว ดูเหมือนจะไม่ใด้มีเพียงแค่เคล็ดรูปแบบการต่อยเท่านั้น
แต่ยังมีรูปแบบการต่อสู้ที่สามารถใช้อาวุธได้ดีมากด้วยเช่นกัน เพียงแต่ผมยังจำเป็นต้องมีประสบการณ์มากขึ้นเพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับมันมากขึ้น
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายพยักหน้า
ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับการทำความเข้าใจในทักษะของฮั่นหลางอย่างมากพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เลว ไหนลองแสดงให้ข้าดู”
ฮั่นหลางจึงเริ่มต้นตั้งท่าทางฝึกฝนในสิ่งที่เขาเพิ่งได้เรียนรู้มา
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ในทางทฤษฎีการสืบทอดรูปแบบทักษะการต่อสู้ผ่านทางชิปความทรงจำหมายถึงทักษะนี้ควรจะฝังลงไปในสมองของเขาโดยตรง
แต่ฮั่นหลางเพิ่งเริ่มต้นกระบวนท่าแรกไปได้เพียงเล็กน้อย เขากลับลืมกระบวนท่าต่อจากนั้นว่าควรออกท่าทางอย่างไร
“หยุดคิด!
ใช้สัญชาตญาณของเจ้า! หาท่าทางชดเชยในสิ่งที่เจ้าจำไม่ได้!” ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
เข้มงวดมากขึ้นและตะโกนออกมา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายชราผู้นี้กับฮั่นหลางจะดีขึ้นมาก
แต่ในทุกช่วงเวลาที่สำคัญเขายังคงไม่ระงับอารมณ์ที่รุนแรงของเขาได้
ฮั่นหลางรู้สึกอึดอัดใจ
เขาไม่เคยพูดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะ แต่ในการจดจำสิ่งต่างๆอย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ผู้เล่นยามค่ำคืนให้หนังสือวิทยาการทางด้านยากับเขา
ก่อนหน้านี้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเป็นหมื่นอย่างเขาก็สามารถจดจำมันได้ทั้งหมด แล้วทำไมเขาถึงลืมขั้นตอนของกระบวนท่าในทักษะวิชาหมัดทะลายดาวไปได้?
มันต้องเริ่มยังไง?
หลังจากที่ฮั่นหลางตั้งท่าหมัดทะลายดาวเรียบร้อยแล้ว
ฮั่นหลางก็ขมวดคิ้วขึ้นขณะที่เขาพยายามจะรื้อฟื้นความทรงจำในทักษะเหล่านั้นที่ถูกส่งเข้ามาในสมองของเขาโดยตรง
“อย่าคิด!
มันเป็นเพียงแค่การฝึกซ้ำสองของข้า! หากหลงลืมมันไปก็สร้างท่าร่างต่อไปขึ้นมาเอง!”
ฮั่นหลางรู้สึกมึนงงและเริ่มฝึกฝนเป็นครั้งที่สอง
แต่ครั้งนี้มันแย่มาก ตอนแรกเขายังคงจำได้ประมาณครึ่งหนึ่งของกระบวนท่าแต่ตอนนี้จำไม่ได้แม้หนึ่งในสามส่วน
กระบวนท่าส่วนใหญ่ฮั่นหลางจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาสัญชาตญาณของตนเองเพื่อชดเชยช่องว่างระหว่างกระบวนท่า
ฮั่นหลางร้อนใจเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองโง่หรืออะไรประมาณนั้น เขาจำกระบวนท่าอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
หลังจากสิ้นสุดการฝึกในรอบนี้
เขาก็เริ่มฝึกฝนขึ้นอีกรอบเป็นครั้งที่สามแต่สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลยในตอนนี้เขาลืมกระบวนท่าส่วนใหญ่ไป
กว่า 75%
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนทั้งสามรอบ
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายได้บอกให้ฮั่นหลางเริ่มฝึกครั้งที่สี่ และฮั่นหลางรู้สึกคลื่นไส้เวียนหัวในที่สุดเขาก็จำได้ถึงกระบวนท่าบางอย่าง
แต่ในพริบตาเขาก็ลืมไปมากกว่า 90%
อย่างไรก็ตาม หมัดทะลายดาว
เป็นสมบัติล้ำค่าที่ได้รับมาจาก
อาณาจักรสาปสูญและเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะได้รับทักษะการต่อสู้ชั้นสูงระดับนี้
เขาลืมมันไปในพริบตาได้อย่างไรกัน? ฮั่นหลางรู้สึกอึดอัดใจจนอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา
ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ชายชราประหลาดยังคงบอกให้ฮั่นหลางปฏิบัติและฝึกฝนต่อไป
ยิ่งเขาฝึกฝนมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งลืมมันไปมากขึ้นเท่านั้น
และยิ่งเขาลืมมันไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากเข่าไปอีก
ในพริบตา 10
ชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป ร่างของฮั่นหลางเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาได้ฝึกฝนไปแล้วมากกว่า 17
ครั้ง และเมื่อต้นกำเนิดไร้จุดหมายตะโกนใส่ฮั่นหลางให้เขาไปฝึกฝนอีกครั้งหนึ่ง
ฮั่นหลางกลับยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ฝึกต่อไป?”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
ฮั่นหลางส่ายหน้า ใบหน้าบิดเบี้ยวและกล่าวออกไปว่า
“ผมคิดว่าผมลืมมันไปทั้งหมดแล้ว”
“เจ้าลืมมันไปทั้งหมดจริงๆ?”
“ใช่”
“ลืมมันไปทั้งหมดเลยใช่ไหม?!
เหมือนไม่เคยฝึกมันมาก่อนเลยถูกต้องไหม?”
“ใช่
จำไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว”
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า~
ฮั่นหลางมั่นใจเต็มร้อยว่า
ไม่มีใครจะหัวเราะได้น่าขนลุกไปกว่าต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ฮั่นหลางเงยหน้าขึ้นไปมองชายแก่พิลึก
หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สายตาของต้นกำเนิดไร้จุดหมายก็กลับมาเย็นชาอีกครั้งและพูดขึ้นอย่างจริงจังกับฮั่นหลางว่า
“ข้าขอยินด้วย เจ้าได้เรียนรู้ทักษะหมัดทะลายดาวเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
ฮั่นหลางไม่อาจเชื่อหูตนเองได้
“ผมลืมมันไปทั้งหมดแล้ว และจะบอกว่าผมเรียนรู้สำเร็จแล้วได้อย่างไร?”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายพยักหน้า
“ใช่ ชุดเคล็ดวิชาของทักษะการต่อสู้นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ฝึกฝนลืมมัน เจ้าจะจำถึงกระบวนท่าทั้งหมดของมันไม่ได้
แต่เจ้ายังจำแก่นแท้และคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของชุดเคล็ดวิชาของทักษะการต่อสู้นี้ได้ถูกต้องไหม?”
ฮั่นหลาง
ใตร่ตรองในเรื่องนี้ “ผมคิดว่าแก่นแท้ของหมัดทะลายดาวคือการโจมตี
บนโลกเรามีคำพูดหนึ่งที่ว่า ใช้ความอ่อนนุ่มสยบความแข็งแกร่ง แต่หมัดทะลายดาวนี้เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับคำพูดที่ว่า
มันเน้นถึงการโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุดและหากศัตรูนั้นแข็งแกร่งผู้ที่ฝึกฝนทักษะนี้ทำได้เพียงแค่ต้องแข็งแกร่งกว่าศัตรู”
“ด้วยการที่ทักษะหมัดทะลายดาวนั้นเด่นในด้านการพลิกแพลงที่สูงและมีก้าวย่างที่รวดเร็ว
ทั้งการโจมตีที่ดุร้ายและรุนแรง…..”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายหรี่ตาลงและพยักหน้าขณะที่เขาฟัง
หลังจากฮั่นหลางกล่าวเสร็จสิ้น ช่วยไม่ได้ที่เขาจะกล่าวขึ้นมา “เจ้าเข้าใจได้เกินกว่าที่ข้าคาดคิดไว้มาก ดูเหมือนว่าเจ้าจะสามารถเข้าใจถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังของหมัดทะลายดาวได้อย่างแท้จริง”
“โดยรวมแล้ว หมัดทะลายดาวก็คือการแหกกฏในสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง อาจารย์คนอื่นก็อาจที่จะชี้แนะให้เจ้าหลีกเลี่ยงและรอจังหวะที่เหมาะสมเพื่อโจมตี
แต่หมัดทะลายดาวนี้กลับตรงกันข้ามกับหลักการดังกล่าว
มันจะชี้แนะให้เจ้าโจมตีศัตรูด้วยพลังที่เหนือกว่า”
“เหมือนที่ข้าเคยพูดไว้ในก่อนหน้านี้
ทักษะการต่อสู้ระดับสูงที่แท้จริงแล้วเจ้าต้องลืมกระบวนท่าที่เรียนมาทั้งหมด
เมื่อเจ้าลืมกระบวนท่าทั้งหมดได้แล้ว เจ้าก็จะไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยหลักการพวกนั้น
แล้วเจ้าจะสามารถปลดปล่อยความรุนแรงในการสู้รบที่แข็งแกร่งได้”
“การเรียนรู้ทักษะการต่อสู้
เป็นการรจดจำสิ่งที่ได้รับการสอนให้ได้อย่างชัดเจนในหนังสืออย่างนั้นหรอกหรือ?
ไม่ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น! ทุกคนต่างแตกต่างกัน ไม่ว่าใครก็ตามต่างก็มีรูปแบบที่ดีในแบบของตัวเอง
และรูปแบบนั้นก็อาจไม่เหมาะกับเจ้ามากนัก
นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ด้วยตัวเอง
ไม่ใช่เรียนรู้ในกระบวนท่า แต่เรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เจ้าเข้าใจให้เป็นรูปแบบการต่อสู้ด้วยตัวของเจ้าเอง”
“เหตุผลที่ชาญฉลาดที่สุดคือไม่มีเหตุผล
ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือไร้ซึ่งเคล็ดวิชาใดๆ!”
“ไม่มีหนทางใด เป็นหนทางแห่งสวรรค์ที่แท้จริง!”
“ไม่มีหนทางใด เป็นหนทางแห่งสวรรค์ที่แท้จริง?”
ฮั่นหลางเงยหน้าขึ้นและถามออกไป
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายยิ้มออกมาเล็กน้อยและโบกมือ
“ไปเถอะ ไปเข้าร่วมการทดสอบรอบสุดท้ายของการทดสอบแรงกดดัน ข้าจะรอดูผลงานของเจ้า”
ติ๊ง ~
ฮั่นหลาง
เก็บชิปโปรแกรมเข้าสู่ระบบดาร์คเน็ตและเดินออกจากห้องด้วยก้าวใหญ่เมื่อเขาเดินผ่านห้องโถงเขาได้หยุดลงที่หน้าจอและเปิดหน้าเว็บที่น่าตกตะลึง
บนหน้าเว็บมีวิดีโอของพี่น้องทุกคนจากค่ายฝึกฝนถูกกำจัดและด้านล่างมีความคิดเห็นที่น่าเกลียดมากมาย
บอกว่าโลกเป็นดาวเคราะห์ที่อุดมไปด้วยขยะและส่งกลุ่มเอสเปอร์ขยะ มาทำให้งานที่ยิ่งใหญ่ของทางช้างเผือกเสือมเสีย
หลงฉวนเข้ามาภายในห้องเงียบๆด้วยเก้าอี้วีลแชร์ของเขา
เมื่อเห็นฮั่นหลางดูคลิปเหล่านั้น เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยและกล่าวออกไปว่า “ฮั่นหลางได้เวลาแล้ว”
ฮั่นหลางพยักหน้าและเอ่ยเสียงเบา
“ผมรู้ มันมีเวลาเหลืออีก 52 ชั่วโมงจนกว่าจะถึงกำหนดสิ้นสุดของการทดสอบแรงกดดัน
รอบที่สี่เป็นการแข่งขันช่วงชิงเหรียญประทับซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง
รอบที่ห้า เป็นการผ่านฝนดาวตกซึ่งต้องใช้เวลาอีก 12
ชั่วโมงและรอบสุดท้ายเป็นหนทางสู่อเวจีต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนั้นคือเวลา
48 ชั่วโมงดังนั้นเราจึงยังเหลือเวลาพอสมควร”
หลงฉวนพยักหน้าเล็กน้อย
ฮั่นหลางเป็นสมาชิกที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดของค่ายฝึกฝน แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของใคร
หลงฉวนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าฮั่นหลางมีอาจารย์ประจำตัวที่ค่อนข้างลึกลับ
“เจ้าจะอยากดูวิธีการที่คนอื่นถูกกำจัดไปทำไม?
เพื่อวิเคราะห์กลยุทธของพวกมันงั้นหรอกหรือ?” หลงฉวนถามออกไปด้วยความอยากรู้
ฮั่นหลางส่ายหน้า “ไม่ ผมแค่อยากจะจดจำไอ้พวกที่ร่วมมือกันกำจัดคนของเราและชื่อของพวกมันเอาไว้”
“เพื่อ?”
หลงฉวนถามออกไป
“เพื่อที่ว่า
หากผมเจอพวกมัน ผมจะฆ่าพวกมัน” ฮั่นหลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ
……
ภายในรังไหมเสมือนจริง
ฮั่นหลางกดปุ่มคำสั่งเริ่มต้น
วิ้งงง~
สิ้นแสงเปล่งประกายวาบออกมา
หลังจากผ่านไปหลายเดือน ในที่สุดฮั่นหลางก็ได้กลับมาปรากฎตัวอีกครั้งที่พื้นที่จัตุรัสของงานชุมนุมแห่งทางช้างเผือก
ฮั่นหลางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
มีเวลาเหลือไม่มากพอที่จะเสร็จสิ้นการทดสอบแรงกดดัน
ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ได้ทำการทดสอบจนเสร็จสิ้นแล้วและกำลังรอที่จะกลับไปดาวเคราะห์ของตนเองเพื่อรอรับผลของการทดสอบ
มีคนไม่มากที่เหลืออยู่บนพื้นที่จัตุรัสแห่งนี้
ฮั่นหลางหยุดเดินแล้วพักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตรงไปยังประตูมิติแบบสุ่ม
ด้วยก้าวใหญ่
หน้าอกของเขามีจอสว่าง
ทุกคนจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามาจากพื้นที่เขต 57 ของทางช้างเผือก โลก
“ดูนั้น
ขยะอีกชิ้นจากโลก!”
“เกิดอะไรขึ้น?
ไม่ใช่ว่าพวกขยะทั้งหมดจากโลกถูกกำจัดไปหมดแล้ว?”
“บางทีมันคงเป็นปลาที่หลุดออกจากตาข่าย
ที่สั่นกลัวจนรอถึงวินาทีสุดท้ายถึงจะมาเข้าทำการทดสอบ”
“รีบเถอะ
ไปที่ประตูมิตินั้น ถ้าเราสามารถไปสนามรบเดียวกันกับไอ้เด็กเวรนั้นได้
เราจะได้รางวัลเมื่อฆ่ามัน มีใครบางคนให้รางวัลในการฆ่าเอสเปอร์จากโลกหนึ่งครั้งเป็นเงิน
หนึ่งล้าน GC หากสามารถตัดหัวมันได้ทั้งสองครั้ง นั่นเป็นเงินถึงสองล้านGC!
เงินมากมายขนาดนี้ยังกับเรื่องโกหก”
เมื่อคนอื่นๆเห็นว่าฮั่นหลางมาจากโลก
พื้นที่จัตุรัสเริ่มอยู่กันไม่เป็นสุขหลายคนเริ่มพูดถึงวิธีการที่จะใช้ในการตัดหัวของฮั่นหลางเพื่อแลกกับเงินรางวัล
พื้นที่จัตุรัสเปิดออกและคำพูดเหล่านั้นทั้งหมดก็ได้เข้าสู่หูของฮั่นหลาง
ใครบางคนได้เห็นเขาก้าวเข้ามาไปในประตูมิติเคลื่อนย้ายอย่างไร้ความลังเล มุมปากของเขายกขึ้นมาเล็กน้อย
ขอบคุณครับ
ตอบลบรอตอนหน้าพี่ฮั่นละเลงเลือด ให้มันได้รู้ว่าถึงแม้โลกนั้นจะเล็กและอ่อนแอ แต่จิตวิญญาณมนุษย์นั้นไม่จะยอมสยบ!!!!
ตอบลบ