ในกลุ่มดาวเซ็นทอรัสเป็นที่ตั้งของจักรวรรดิแซลลี่
มีหลายดาวเคราะห์ที่ต้องการตั้งรกรากบนโลก
แต่จักรวรรดิแซลลี่เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ที่สุดและเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความน่าเกลียดที่สุดในการทำสิ่งต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
พวกเขาไม่ได้สนใจที่จะปิดบังความโลภของพวกเขา ใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆและพวกเขาก็ได้จ้างไรเดอร์และโจรสลัดเพื่อก่อกวนโลกที่มีขนาดเล็กและอ่อนแอ
ราชาธิปไตยของ จักรวรรดิแซลลี่
ถูกเรียกว่า ‘ฟิกาโร่ที่ 149’ หลังจากผ่ามา
149 ชั่วอายุคน ราชบัลลังก์จักรพรรดิได้ถูกส่งให้กับกษัตริย์ฟิกาโร่ที่มีรอยยิ้มอันน่ากลัว
สำหรับแววตาขององค์จักรพรรดิไม่ได้มีพลังและมีไหวพริบเทียบกับยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงบนทางช้างเผือก
แต่ก็ยังมีประเพณีนับพันปีและนับว่าเป็นตัวเก๋าในทางช้างเผือก
และแข็งแกร่งกว่าดาวเคราะห์ที่กำลังพัฒนาเช่นโลก
หลังจากผ่านคืนที่ไร้ศีลธรรม
กษัตริย์ฟิกาโร่ ได้ตืนขึ้นมาในเวลาเที่ยงวัน ด้วยความสูงราวๆ 1.9 เมตร และเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นชายร่างใหญ่
เขาถึงกับต้องหมดแรง หลังจากการดื่มไวน์และทำกิจกรรมกับผู้หญิง
ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยาบางอย่าง เขาก็คงไม่สามารถแม้แต่จะตอบสนองหญิงสาวตัวเล็กๆสองคนเมื่อคืนนี้ได้
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเมื่อคืนที่ผ่านมากับหญิงสาวฝาแฝดที่เขาโปรดปราน ใบหน้าของกษัตริย์ฟิกาโร่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
แต่เขาไม่ชอบคู่ฝาแฝดนั่นอีกแล้ว
เพราะเขาเป็นกษัตริย์ที่โดดเด่นที่สุดในจักรวรรดิและสิ่งที่กษัตริย์ใช้อยู่ในปัจจุบัน
มันควรถูกโยนทิ้งไป กษัตริย์ต้องสวมชุดใหม่เท่านั้นและนอนกับผู้หญิงใหม่ช่นกัน
ในขณะที่เขาเอนหลังอยู่บนโซฟา
คนรับใช้นำอาหารเช้าที่ดูแสนอร่อยและหนังสือพิมพ์ฉบับปัจจุบัน เมื่อเห็นพาดหัวของข่าวในวันนี้
กษัตริย์ฟิกาโร่ รู้สึกตกใจในทันทีและตาของเขาก็เปิดออกกว้าง
นี่เป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ออกโดย
‘ทางช้างเผือกเดย์ลี่’ บนหัวข่าวพาดไว้ว่า
"กองกำลังรบของโลกเปล่งแสงยานุภาพ กวาดล้างเหล่าไรเดอร์ที่มีความแข็งแกร่งได้มากกว่า
15,000 คน!"
เมื่ออ่านเนื้อหานี้แล้ว
กษัตริย์ฟิกาโร่ รู้สึกโกรธมากจนใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเขาบิดเบี้ยว ผู้สื่อข่าวเขียนเรื่องนี้โดยเน้นไปว่าโลกเป็นประเทศที่เล็กมากในทางช้างเผือก
ทั้งหมดมีเพียงกองทัพขนาดเล็กที่แทบจะไม่ถึง 13,000 คน และเรือรบลาดตระเวนลำเดียวของโลก
รัฐบาลกลางของโลกได้ทำลายล้างฐานใหญ่ของเหล่าไรเดอร์และโจรสลัดที่ยังถูกใช้งานอยู่ในทางช้างเผือกภาคพื้นที่
57
พรึบ ~
กษัตริย์ฟิกาโร่ ปาหนังสือพิมพ์ลงบนหน้าของเด็กสาวที่กำลังให้บริการอาหารเช้าเขา
และเด็กสาวสวยรู้สึกกลัวจนร่างกายของเธอสั่นและเกือบจะร้องไห้ออกมา
จากนั้นฟิกาโรหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่สองขึ้นมา
มันเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในทางช้างเผือกหรือที่เรียกว่า ‘เส้นทางแห่งทางช้างเผือก’
‘เส้นทางแห่งทางช้างเผือก’ ก็รายงานการสู้รบในหน้าแรกและรายงานในอีกมุมมองที่ดูน่าสนใจ
เริ่มจากรายงานเกี่ยวกับคลาร์กที่เข้าร่วมชุมนุมทางช้างเผือกในครั้งก่อน เขาจากโลกไปด้วยความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ใช่นักรบที่มีอำนาจ
แต่ยังคงเป็นคนที่มีเจตจำนงที่กล้าหาญ ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนช่วย
เขาทำสำเร็จถึงชั้นที่เก้า เมื่อต่อสู้ในพื้นที่อาณาจักรสาปสูญA7 ในทางช้างเผือก
‘เส้นทางแห่งทางช้างเผือก’ รู้สึกว่าจะไม่ได้มีคลาร์กเพียงคนเดียว ดาวเคราะห์เล็กๆที่ห่างไกลเช่นโลก
อาจเต็มไปด้วยนักรบที่มีเจตจำนงที่กล้าหาญเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายได้ว่าโลกที่มีกองกำลังที่อ่อนแอเช่นนี้
แต่กลับสามารถขจัดศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้ฟิกาโร่รู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก
นั่นก็คือ ‘เส้นทางแห่งทางช้างเผือก’ ระบุรายชื่อดาวเคราะห์ทั้งหลายที่อยู่ในภาคที่ 57 แต่กลับล้มเหลวในการกำจัดอาชญากรเหล่านี้มานานหลายปี
แต่ในขณะที่โลกที่มีขนาดค่อนข้างเล็กและกำลังพัฒนา มันทำให้ ‘เส้นทางแห่งทางช้างเผือก’
ตั้งคำถามว่าดาวเคราะห์ที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งจักรวรรดิแซลลี่ว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่?
พรึบ ~
กษัตริย์ฟิกาโร่เข้าสู่ความโกรธอย่างสมบูรณ์
เขาฉีกหนังสือพิมพ์ออกเป็นชิ้นๆ และโยนมันลงบนโต๊ะ ข้ารับใช้ที่รอ รีบทำความสะอาดอย่างเร่งรีบ
แต่พวกเขาก็ยังต้องรับลูกเตะจากฟิกาโร่ราวกับก้อนไขมัน
"เรียก ลีวายส์!"
ฟิกาโร่ ตะโกนออกไป
คนรับใช้รีบไปเรียกรัฐมนตรีจักรวรรดิลีวายส์
ขณะที่กษัตริย์ฟิกาโร่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆ เขาหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่สามขึ้นมา
มันเป็นข่าวจาก ‘ข่าวทันดาว’ ที่เผยแพร่ใน จักรวรรดิแซลลี่ และมันเคยทำหน้าที่เป็นคนสนิทของจักรวรรดิแซลลี่เสมอ
ชมเชยกษัตริย์ฟิกาโร่ว่าเป็นนักบุญและคำพูดที่เลือกใช้ก็ดูประจบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
‘ข่าวทันดาว’ ไม่ได้วางข่าวเกี่ยวกับโลกในหน้าแรก แต่กลับเขียนถึงมันในหน้าสามที่ไม่มีเกี่ยวข้องกัน
โชคไม่ดีที่กษัตริย์ฟิกาโร่ได้มองดูเนื้อหาและเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าครั้งก่อน!
‘ข่าวทันดาว’ ไม่สามารถหาข้อขัดแย้งใดๆเพื่อโจมตีโลกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพูดถึงสหพันธ์โลกในอีกมุมมองหนึ่งอย่างจริงจังว่า
โลกมีความโหดเหี้ยม พวกเขาทำการกวาดล้างได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าพวกนอกกฎมากกว่า
15,000 ราย รวมทั้งทำลายฐานที่ตั้งมั่น ที่หลบภัยของพวกอาชญากรอย่างรวดเร็ว
ช่างเป็นเพื่อนร่วมทีมที่โง่ราวกับหมู!
‘ข่าวทันดาว’ เขียนข่าวจากมุมมองของความเห็นอกเห็นใจของอาชญากรที่เรียกว่าผิดกฏหมายทางการเมืองหรือไม่?
แม้แต่คนโง่ก็รู้สึกเกลียดพวกโจรสลัดและเหล่าไรเดอร์ระหว่างดาว
จักรพรรดิที่ศักดิ์สิทธิ์สามารถพูดแทนอาชญากรเหล่านี้ได้อย่างไร? ตอนนี้คนในทางช้างเผือกทั้งหมดกำลังพูดถึงความพึงพอใจในการกำจัดเหล่าโจรทั้งหมด
แต่ ‘ข่าวทันดาว’ กลับเห็นใจเหล่าอาชญากร?
เดิมที จักรวรรดิแซลลี่
ไม่ได้มือสะอาดและตอนนี้ ‘ข่าวทันดาว’ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตกต่ำและขมขื่นเมื่อโจรสลัดและไรเดอร์ถูกสังหารโดย โลก
ไม่ใช่ว่ามันเป็นการตบหน้าของจักรวรรดิด้วยมือของตัวเอง?!
ความผิดพลาด ~
กษัตริย์ฟิกาโร่คว่ำโต๊ะทั้งหมด
ซุปร้อนเทลงบนใบหน้าของข้ารับใช้หญิงหลายคนและลวกพวกเขา ไม่เพียงแต่ ฟิกาโร่ ไม่สนใจแต่เขายังเตะเพิ่มไปอีกสองสามครั้งเพื่อปลดปล่อยความโกรธของเขา
ในเวลานี้นายกรัฐมนตรีของ
จักรวรรดิแซลลี่ ลีวายส์ เดินทางมาถึง ชายคนนี้มีผมหยิกสีแดง เขาถูกเรียกว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกของจักรวรรดิแซลลี่
และเขาก็เป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือที่สุดของกษัตริย์
เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงภายในห้อง
ลีวายส์ขมวดคิ้วและสั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไป เขาทักทายกษัตริย์ฟิกาโร่และพูดว่า
"ฝ่าบาท แน่นอนว่าท่านต้องโกรธมากเพราะสหพันธ์โลกทำสิ่งที่ถูกต้อง?"
ฟิกาโร่ ตะคอกกลับมาว่า
"ไอ้ลูกหมาลูคัส มันไร้สมรรถภาพไปแล้ว! เจ้าไปติดต่อเหล่าไรเดอร์ทั้งหมดจากภาคอื่นๆบนทางช้างเผือก
ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ก็ตามข้าต้องการให้โลกมันจมลงไป!"
ลีวายส์ส่ายหน้าและกล่าวว่า
"ฝ่าบาท ในช่วงสำคัญเช่นนี้ ระดับสูงในทางช้างเผือกกำลังให้ความสำคัญกับภาคพื้นที่
57 มันมีข่าวลือเกี่ยวกับเราที่ว่าจ้างโจรเหล่านั้น และถ้าเรายังคงทำเช่นนั้นอยู่อีก
แผนของเราก็จะถูกเปิดเผย"
ฟิกาโร่ จ้องมองด้วยตาเปิดกว้างและตะโกนออกไปว่า
"เจ้ากำลังพยายามจะชักจูงให้ข้าถอนตัวออกหรือไม่? เป็นไปไม่ได้! สิ่งที่ข้าต้องการต้องเป็นของข้าเสมอ! ในขั้นต้นข้าก็เห็นชอบที่จะปล่อยให้พลเมืองโลกมีชีวิตอยู่หลังจากที่เราตั้งรกรากบนโลก
แต่ตอนนี้ข้าหวังว่าข้าจะฆ่าทุกชีวิตบนดาวเคราะห์บ้านั่น! ถ้าปล่อยให้พวกมันไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิงหรือเด็ก
ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นพวกมันก็อาจที่หันกลับมาล้างแค้น! ตอนนี้ไม่ว่าใครก็อย่าแม้แต่จะคิดที่จะมีชีวิตอยู่!
ลีวายส์ยิ้ม "กระหม่อมเห็นด้วย
จักรวรรดิของเรามีประชากรมากแล้วถึง 15 พันล้านคน โลกใบนี้ก็จะเป็นภาระของเรา
ฆ่าหรือขายให้เป็นทาสเป็นตัวเลือกที่ดีทั้งหมด"
"แต่ฝ่าบาท
สิ่งที่ข้ากล่าวไปในตอนต้น นั่นหมายความว่าเราต้องเปลี่ยนวิธีการของเราสักหน่อย
ตอนนี้การชุมนุมทางช้างเผือกกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้เราไม่สามารถสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับ
12 สมาชิกถาวรของพันธมิตรทางช้างเผือก กระหม่อมคิดว่าเราสามารถแยกการดำเนินการนี้ออกเป็นสองขั้นตอน
ขั้นแรกเราต้องหาพันธมิตรไม่ว่าจะเป็นใครในภาคพื้นที่57 หรือหนึ่งใน 12
สมาชิกถาวรของ พันธมิตรทางช้างเผือก เราต้องพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาสนับสนุนข้อเสนอของเราในการตั้งรกรากบนโลก"
"อาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
แต่เราก็มีของที่ระลึกเป็นอาณาจักรสาปสูญระดับB บนโลก
ตราบเท่าที่เราได้รับสิ่งของดังกล่าว ผลที่ออกมามันย่อมมากกว่าการลงทุนของเรา นอกจากนี้การส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
มันก็ยังสามารถเป็นประโยชน์กับเราได้โดยไม่เป็นอันตราย"
"ขั้นที่สอง แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องสั่งสอนคนบนโลกให้ได้รับบทเรียน
มันยังมีบททดสอบสำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันอีกสองครั้ง ดังนั้นขอความร่วมมือจากทุกคนให้ตัดพวกบนโลกออกไปซะ
ทำให้โลกไม่มีผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเข้าร่วมแข่งขันในชุมนุมทางช้างเผือก
นั่นก็จะเป็นการตบหน้าโลก ดาวเคราะห์ที่ไม่สามารถแม้แต่จะได้รับจุดเดียวในชุมนุมทางช้างเผือก
โลกก็จะกลายเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่ที่สุดในทางช้างเผือก! เป็นความอัปยศของโลก!"
กษัตริย์ฟิกาโร่รู้สึกตกใจและแทบจะตบโต๊ะของเขาและพูดว่า
"เป็นกลยุทธ์ที่ดีอะไรเช่นนี้! ให้รางวัลแก่ผู้สนใจ เจาะจงไปที่คนจากโลกที่เข้าร่วมชุมนุม
และกำจัดพวกเขาทั้งหมด! เราจะปล่อยให้ทางช้างเผือกเป็นพยานถึงการไร้ความสามารถของโลก!"
ลีวายส์ยิ้มออกมาและกล่าวออกมาว่า
"ฝ่าบาท ท่านฉลาดมาก! ผู้เข้าแข่งขันจากโลกที่เข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมชุมนุมทางช้างเผือกเป็นกลุ่มชนชั้นสูงที่ได้รับการคัดเลือกจากดาวเคราะห์ดวงนั้นและเราจะตีพวกมันทั้งหมดให้ตายและนั่นจะเทียบเท่ากับการตบหน้าโลกได้อย่างเต็มที่!"
กษัตริย์ฟิกาโร่หัวเราะและพูดออกมาด้วยเสียงลึกว่า
"รีบไปจัดการซะ ฆ่าทหารทั้งหมดที่มาจากโลก ที่อยู่ในการชุมนุมทางช้างเผือก!"
......
กาแล๊กซี่ดาร์คเน็ต
ฮั่นหลางได้เสร็จสิ้นภารกิจและกลับไปที่ฐานนาซคา
สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบไปพบกับต้นกำเนิดไร้จุดหมาย เกิดอะไรขึ้นกับเขาในระหว่างการสู้รบที่แปลกประหลาด
ฮั่นหลางต้องการทราบว่าพลังมืดที่อธิบายไม่ได้อยู่ที่ไหนและมาจากที่ใด
ฮั่นหลางกลับได้พบผู้เล่นยามค่ำคืน
เป็นความจริงที่ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับพี่เลี้ยงทั้งสองคนพร้อมกัน
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของพวกเขา พวกเขามีท่าทางที่ดูค่อนข้างกังวล
"อาจารย์!" ฮั่นหลางคุ้นเคยกับพวกเขามากแล้ว
เขาก็รีบยิงคำถามของเขาออกไปในทันทีว่า "มันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับผม
ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังงานมืดตื่นขึ้นมา ในขณะเดียวกันพลังของผมเองก็เพิ่มมากขึ้น ตาข้างขวาของผมก็สามารถมองเห็นอะไรแปลกๆได้
ราวกับว่ามันสามารถมองผ่านศัตรูได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น เส้นชีพจร ศูนย์คลื่นสมอง
ทั้งหมดจากการมองเพียงครั้งเดียว มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
"นั่นคือ เนตรแห่งความมืด"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายคิดขึ้นนิดหน่อยและพูดกับผู้เล่นยามค่ำคืนออกมาว่า
"ดำ เจ้ารู้รายละเอียด ข้าคิดว่าเจ้าควรจะอธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง"
ผู้เล่นยามค่ำคืนพยักหน้าเล็กน้อย
ผลักแว่นตาและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ฮั่นหลางสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไป
มันอาจดูแปลกมาก ข้าต้องการให้เจ้าเตรียมใจและไม่ต้องกลัว”
หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง
แววตาของเขาเปล่งประกายออกมา ผู้เล่นยามค่ำคืนได้พูดคำหนึ่งออกมาว่า "ทุกอย่างอยู่ในตัวเจ้า
เจ้าทำแจ๊คพ็อตแตก!"
นึกว่าจะบอกว่า I'm your father
ตอบลบป.ล.Welcome to darkside นะ ฮันหลาง
Nooooooooooooo
ลบข้าไม่ชอบซาน
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบ555
ลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบสนุกมากครับ อ่านแล้วไม่อยากนอนเลย
ตอบลบ