สองวันผ่านไป ฮั่นหลางยังคงแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำเย็นจัดที่อุณหภูมิที่คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้
ตอนนี้ฮั่นหลางสามารถต้านทานน้ำที่เย็นจัดได้ราว -110 องศา
และแช่อยู่อย่างต่อเนื่องได้ถึง 3
ชั่วโมงโดยไม่ได้รับอันตราย
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝน
ฮั่นหลางปีนออกมาจากบ่อน้ำที่มีความเย็นเป็นพิเศษ ไอน้ำสีขาวระเหยออกมาจากผิวสีแดงเข้มของเขา
อึก ~
ฮั่นหลางกลืนยาพลังงานนิวเคลียร์ซึ่งเป็นยาที่ผิดกฎหมายที่ใช้ในการเพิ่มพลังงานต้นกำเนิดขึ้นมาชั่วคราว
มันสามารถกระตุ้นพื้นที่ภายในศูนย์คลื่นสมองเพื่อผลิตและหลั่งพลังงานต้นกำเนิดปริมาณมากออกมา
ทุกๆปีทหารนับล้านคนเสียชีวิตหรือกลายเป็นอัมพาตเนื่องจากได้รับเม็ดยาพลังงานนิวเคลียร์ดังนั้นมันจึงถูกกำหนดให้เป็นยาต้องห้ามร้ายแรงโดยทางช้างเผือก
แต่ฮั่นหลางมีร่างกายที่ทนสารพิษได้มากเป็นพิเศษ
ดังนั้นเขาในตอนนี้จึงไม่เพียงแต่นำยาเม็ดพลังงานนิวเคลียร์มาใช้เป็นประจำทุกวันเท่านั้น
แต่เขายังใช้มันทั้งก่อนและหลังการฝึก ถ้าเป็นทหารธรรมดาทำเหมือนฮั่นหลางและกินยาเหล่านี้อย่างกับขนม
มันมากเกินพอที่จะฆ่าพวกเขาได้มากกว่า 100 ครั้ง
ฟู่ววว~
พลังงานต้นกำเนิดมากมายเริ่มหลั่งไหลเติมเต็มเข้าสู่ร่างของฮั่นหลางขจัดความเหนื่อยล้า
เพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทุกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนที่สุดโต้งเป็นเวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที ฮั่นหลางจะรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขายังคงอัดแน่นไปด้วยพลังงานจนอยากจะต่อสู่กับใครสักคนสักสองสามรอบเพื่อปลดปล่อยพลังงานที่อัดแน่นอยู่นี้
นี่เป็นพลังที่เป็นของฮั่นหลางเท่านั้น
เขาฝึกฝนอย่างบ้าบิ่นเรียนรู้อย่างบ้าคลั่งและกลืนกินยาอย่างที่ไม่มีใครกล้าที่จะใช้มันเหมือนกับเขาดังนั้นระดับของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับจรวดทะยานสู่ท้องฟ้า
มีกระจกเงาอยู่ภายในห้องฝึกฝน
ฮั่นหลางนหันหน้าไปทางกระจกและใส่เสื้อแจ๊คเก็ต ร่างกายของเขามีกล้ามเนื้อที่ชัดเจนมาก
ถ้ามีใครสักคนลองจับกล้ามแขนของฮั่นหลางดู
พวกเขาจะรู้สึกได้ทันทีว่ากล้ามเนื้อของฮั่นหลางนั้นเป็นกล้ามเนื้อที่วิเศษมากและมันแข็งอย่างกับเหล็กซึ่งแตกต่างจากกล้ามเนื้อหลายๆประเภทที่มนุษย์ควรจะมี
นั่นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนในระยะยาว
นอกจากการปรับระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้วร่างกายของฮั่นหลางยังได้แปรเปลี่ยนเป็นเช่นเดียวกับหุ่นยนต์ที่ทนทาน
เขาเคยฝึกซ้อมกับเอสเปอร์ระดับแนวหน้าของทีมซึ่งก็คือซินเบิร์ก ซินเบิร์กเป็นเอสเปอร์ระดับ
4 ดาวขั้นกลางผู้ซึ่งถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่ภาคภูมิใจ ซึ่งในล้านคนจะพบเห็นอัจริยะเช่นเขาสักคนหนึ่ง
เขาเป็นคนที่มีค่าสถานะพลังพิเศษเกือบ 50,000 หน่วย
มันเป็นเพียงการต่อสู้ระยะประชิดโดยไม่ใช้พลังพิเศษ
แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับซินเบิร์ก
ที่มีค่าสถานะพลังพิเศษมากกว่าฮั่นหลางเกือบจะถึง 10 เท่า
ผลของการฝึกซ้อมต่อสู้ในครั้งนั้นจบลงด้วยการเสมอกัน กล้ามเนื้อของฮั่นหลางนั้นแข็งแกร่งเกินไปมันเหมือนกับว่าเขาใส่ชุดเกราะเต็มชุดทำให้เขามีความอดทนต่อการรับการโจมตีระยะประชิดสูง
และซินเบิร์กก็แทบจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆกับเขาได้เลย เมื่อรับการโจมตีของ ซินเบิร์กก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สรุปได้ว่าภายใต้คำแนะนำของตาเฒ่าพิลึก
ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย ฮั่นหลาง
ได้เติบโตขึ้นด้วยความเร็วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนซึ่งได้เปล่งรัศมีของสัตว์ประหลาดและความเป็นมนุษย์ปกติก็ลดน้อยลง
อุปกรณ์ในสถานที่ฝึกฝนมีความทันสมัยมากภายในห้องมีคอมพิวเตอร์ประมวลผลระดับสูงพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่
ฮั่นหลางถอดสร้อยคอนำชิบโปรแกรมเข้าสู่ดาร์คเน็ต เสียบเข้ากับช่อง USB และไปพบต้นกำเนิดไร้จุดหมายจนติดเป็นนิสัย
เมื่อฮั่นหลางรู้จักกับต้นกำเนิดไร้จุดหมายมากขึ้น
พวกเขาก็เริ่มใช้วิดีโอสนธนากัน ตอนนี้ต้นกำเนิดไร้จุดหมายไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่เขากลับยิ่งเข้มงวดกับฮั่นหลางแทน แม้จะเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในระหว่างฝึกฝน
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายก็จะวิพากษ์วิจารณ์ฮั่นหลางอย่างรุนแรง
ฮั่นหลางเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นที่เข้มงวดของต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
เขายิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “อาจารย์ผมทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมคิดว่าผมสามารถเข้าสู่ระดับความเย็นของน้ำที่ -120
องศาในการฝึกฝนได้แล้ว”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
พยักหน้าเล็กน้อยและเริ่มทบทวนบันทึกการฝึกฝนของฮั่นหลางในวันนี้อย่างละเอียด เครื่องประเมินกายภาพแบบพกพาที่ฮั่นหลางมีอยู่
มันจะส่งประวัติการฝึกฝนประจำวันของเขาไปให้กับต้นกำเนิดไร้จุดหมาย รวมทั้งผลการบันทึกอัตราความถี่ของหัวใจ
ความดันโลหิต การใช้พลังงานต้นกำเนิดและอื่นๆอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของฮั่นหลาง
ฮั่นหลางค่อยๆตระหนักว่าต้นกำเนิดไร้จุดหมายไม่ใช่เพียงแค่แนะนำให้ฮั่นหลางฝึกฝนอย่างผิวเผินไร้หลักการ
แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีศาสตร์บางอย่างอยู่เบื้องหลัง เช่นเมื่อไหร่ควรลดอุณหภูมิลงเมื่อไหร่ควรเพิ่มความรุนแรงในการฝึกฝนขึ้น
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายจะทำการวางแผนการฝึกจากข้อมูลที่บันทึกไว้
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายพยักหน้าเล็กน้อย
“เอาล่ะ ค่าสถานะพลังพิเศษอยู่ที่ 4257 หน่วย ตามมาตรฐานปัจจุบันของทางช้างเผือก
เจ้าเป็นเอสเปอร์ระดับ 3 ดาวขั้นกลาง และค่าทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
พรุ่งนี้เจ้าสามารถเข้าสู่บ่อน้ำระดับความเย็น -120 องศาและเป้าหมายการฝึกของเจ้ายังคงเป็นการฝึกตามชุดฝึก46รูปแบบ”
ฮั่นหลาง
เกาศีรษะของเขาและพูดว่า “อาจารย์ ทำไมถึงยังเป็นชุดฝึก46รูปแบบอยู่อีก? ตอนนี้ผมเหมือนคนพิลึกในสายตาของคนในกองพลของผม
ผมอยู่ในระดับ 3 ดาวขั้นกลางแต่ผมยังคงรู้จักแต่เพียงชุดฝึก46รูปแบบเท่านั้นผมไม่ได้ศึกษาทักษะวิชาการต่อสู้ใดๆเลย”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายจ้องเขม็งไปที่ฮั่นหลาง
“แล้วไง เจ้าไม่พอใจ?”
ฮั่นหลางรีบส่ายหน้าและพูดว่า “ก็ไม่หรอก
ผมยินดีที่จะทำการฝึกในรูปแบบที่ว่า ผมเชื่อในการจัดลำดับสิ่งที่ควรฝึกฝนของอาจารย์เสมอ”
จากนั้นฮั่นหลางก็กล่าวว่า
“เมื่อเร็วๆนี้สถานการณ์ของโลกยิ่งเลวลง เมื่อวานนี้ โลกถูกโจมตีถึง 13 ครั้งและเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดจนถึงตอนนี้
มีแม้กระทั่งกลุ่มไรเดอร์ที่พยายามจะโจมตีเมืองใหญ่ของโลกและก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมา”
“แต่กองพลเอสเปอร์ที่
1 ของเรา
วันนี้ได้รับการฝึกอย่างบ้าคลั่งเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสงคราม
กองทหารจะฝึกตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืน หัวหน้ากองพลเอสเปอร์ของเรามากำกับดูแลเราทุกวันเพื่อดูความพัฒนาในการปฏิบัติกลวิธี
เขี้ยวหมาป่า”
“อาจารย์ ถ้าผมเดาไม่ผิด
อีกเพียงแค่สองวันหลังจากนี้เราอาจจะต้องเข้าสู่สงคราม”
ต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ารู้ถึงสถานการณ์ของเจ้า
เจ้าเพียงแค่รู้สึกว่าถ้าเจ้าสามารถเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้แม้สักเล็กน้อยแล้วเจ้าจะสามารถปฎิบัติได้ดีขึ้นในด้านการต่อสู้ถูกไหม?”
“นั่นเป็นความตั้งใจของผม”
ฮั่นหลางไม่คิดที่จะซ่อนความตั้งใจไว้
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายถอนหายใจออกมา
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง จริงๆ แล้วในตอนนี้เจ้าควรจะอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้
แต่ไม่ต้องกล่าวถึงสงครามครั้งนี้ อีกสองเดือนเมื่อเจ้าเข้าสู่การทดสอบแรงกดดันในรอบสุดท้าย
เจ้าจะต้องมีทักษะวิชาการต่อสู้มากขึ้นในเวลานั้น”
“แต่เจ้าควรรู้ว่าตัวเจ้านั้นแตกต่างจากคนอื่นมาก
สำหรับคนอื่นการเรียนรู้ทักษะวิชาการต่อสู้อาจเป็นสิ่งที่ดี
แต่กลับเจ้ามันเป็นผลเสียอย่างมาก นั้นก็เพราะพลังพิเศษและลักษณะการต่อสู้ของเจ้ามันแตกต่างจากคนอื่นมากเกินไป
การเลือกรูปแบบทักษะวิชาการต่อสู้ของเจ้าต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมาก”
“ส่วนสงครามที่เจ้ากำลังจะต่อสู้นั้นไม่ต้องไปกังวล
ร่างกายของเจ้าตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร ความต้านทานต่อสารพิษของเจ้าก็ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าผู้ใดและพลังพิเศษของเจ้าก็มีเอกลักษณ์
ทั้งสามสิ่งนี้เป็นรากฐานของเจ้า
ถ้าเจ้าสามารถใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แท้จริงบนรากฐานนั้นได้และสามารถนำไปใช้ร่วมกับคุณสมบัติของชุดฝึก46รูปแบบได้อย่างอิสระเจ้าก็นับว่าเป็นยอดนักสู้แล้ว”
ฮั่นหลางคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าและพูดขึ้นมาว่า
“ผมเข้าใจแล้ว
ภาวะสิ้นหวังอาจทำให้คุณเร็วขึ้นแต่แท้จริงแล้วมันกลับช้าลง แทนที่จะเค้นเอาทุกสิ่งออกมาในครั้งเดียว
ไปเน้นในสิ่งที่ผมรู้อยู่แล้วและพัฒนามันให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะดีกว่า”
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนของตนเอง
ฮั่นหลางยังจำเป็นต้องพาสหายที่กองพลอัจฉริยะไปฝึกปฏิบัติการเขี้ยวหมาป่าด้วยกัน
ฮั่นหลางเห็นว่าเกือบจะใกล้ถึงเวลาแล้ว เขาจึงกล่าวอำลากับต้นกำเนิดไร้จุดหมาย
ออกจากห้องฝึกส่วนตัวของเขาและเดินไปที่ห้องโถง
ฮั่นหลางเห็นว่าทุกคนอยู่ที่นั่น
พวกเขายืนล้อมรอบอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่และเฝ้าดูอย่างตั้งใจ ในขณะที่แอนบีเบ้ถือโทรศัพท์ไว้ข้างหูพยายามโทรออกอย่างกังวล
“ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว!”
ฮั่นหลางโบกมือและพูดขึ้น
แปลกมากที่ไม่มีใครตอบกลับเขาสักคน
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างมีความกระตือรือร้นในการฝึกฝนมาก
เฉินจงหันกลับมาและพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆว่า
"รอก่อน ซิดนีย์ถูกโจมตี"
ฮั่นหลางรู้สึกตกใจอย่างมากเขารีบหันไปที่หน้าจอและเห็นว่ากำลังออกอากาศ
โรงละครซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ที่มีชื่อเสียงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและโครงสร้างรูปเปลือกหอยนั้นยุบตัวพังทรายลงโดยสมบูรณ์
กล้องเบนออกจากจุดนั้นไปอย่างช้าๆ
จับภาพสถานการณ์โดยรอบ มันแสดงให้เห็นสภาพเมืองทั้งเมืองตกอยู่ในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งเมือง ทั้งยังมีเสียงไซเรนและความสับสนวุ่นวายในระยะไกล
ที่ด้านข้างของถนนที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
มีเสาไฟที่หักทลายทับลงบนตัวของแม่คนหนึ่งที่ขดตัวเพื่อปกป้องลูกชายตัวน้อยของเธอ
เด็กน้อยคนนั้นกำลังร้องไห้เสียงดัง แต่ไม่ว่าเขาจะร้องไห้เสียงดังเพียงใด แม่ของเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมา
ตึกระฟ้าพังทลายลงและภายใต้ซากปรักหักพัง
เผยให้เห็นท่อนแขนผอมที่หักจนผิดรูป แขนนี้เป็นของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอพยายามขยับนิ้วและส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมา
เสียงของเธอเริ่มแผ่วเบาลง
ภายใต้ซากปรักหักพังนั้นยังไม่ทราบว่ามีคนถูกฝังอยู่ภายใต้นั้นกี่คนบางทีพวกเขาอาจหมดสติลงก่อนที่จะมีโอกาสตะโกนขอความช่วยเหลือ
กล้องบนเฮลิคอปเตอร์เปลี่ยนฉากไปหลายภาพ
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองซิดนีย์ ออกอากาศทางทีวีท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัดใจ
บางทีแม้แต่โฆษกก็ไม่ทราบว่าจะต้องพูดอะไรออกมาในเวลาเช่นนี้
แอนบีเบ้ยังคงโทรออก
แต่โทรศัพท์ก็มีเพียงแต่เสียงฝากข้อความอัตโนมัติ
ซินเบิร์กถอนหายใจออกมาเงียบๆ
และพูดกับฮั่นหลางด้วยเสียงต่ำว่า "ครอบครัวของเธออยู่ที่ซิดนีย์"
ฮั่นหลางไม่ได้พูดอะไรออกมา
และทุกคนต่างก็เงียบ
ทันใดนั้น แอนบีเบ้ผู้ที่ร่าเริงร่าเริงเสมอ
ในที่สุดก็โพล่งออกมาทำลายความเงียบ เธอเขวี้ยงโทรศัพท์ของเธอไปที่ผนัง มันแตกกระจายแยกเป็นชิ้น
ก่อนที่เธอจะต่อยผนังโลหะผสมหมัดต่อหมัด
อ้ากกกก!
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอของสาวสวยไม่ใช่เสียงร้องอันแสนเจ็บปวดของสัตว์ร้าย
แอนบีเบ้วิ่งออกจากห้องโถงไปที่ลานกว้างเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เธอร้องไห้ออกมาด้วยเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
"ฉันจะไปดูเธอเอง
พวกนายไปเตรียมตัวฝึกรอได้เลย" ซินเบิร์กยืนขึ้นและพูดออกมา
"ถึงขั้นนี้
ใครมันจะไปมีอารมณ์ฝึกฝนกันล่ะ?" เฉินจงตบหัวตัวเองด้วยมือใหญ่และพูดขึ้นด้วยดวงตาที่แดงฉาน
ซินเบิร์กหยุดเดินแต่เขาไม่ได้หันกลับมา
หากแต่พูดขึ้นว่า “เดิมทีฉันก็คิดว่ามันไม่ควรที่จะพูด
ถ้าไม่ใช่เพราะญาติของฉันที่ทำงานอยู่บนเรือลาดตระเวนแอตแลนติกบอกกับฉันว่า พวกเขาได้รับคำสั่งล่าสุดว่า
เรือรบชั้น1 จะต้องเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงภายในคืนนี้”
“ฮั่นหลาง
ฉันคิดว่านายน่าจะเดาได้นะว่าคืนนี้อาจเป็นการฝึกร่วมกันครั้งสุดท้ายของพวกเราก่อนที่จะออกเดินทาง
ดังนั้นมันจึงสำคัญมาก”
ขอบคุณครับ
ตอบลบ