หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าศึกสงครามกำลังจะเกิดขึ้น
พวกเขาต่างตั้งใจในการฝึกฝนร่วมกันในครั้งสุดท้ายเป็นอย่างมาก
ในค่ายฝึกฝนเอสเปอร์ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ดังนั้นการฝึกซ้อมในอดีตจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
แต่ในตอนนี้ทุกคนกลับเงียบขรึมและพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อยับยั้งความโกรธของพวกเขา
ช่องสื่อข่าวกล่าววิพากษ์วิจารณ์กองพลเอสเปอร์ที่1อย่างต่อเนื่อง
ที่พวกเขาไม่ปกป้องโลก ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาโลกกำลังถูกโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดเวลา
และได้ทำให้พลเมืองเกือบทั้งหมดเสียสติ เหตุการณ์ที่ซิดนีย์กลายเป็นชนวนที่ทำให้พลเมืองทั้งหมดตกอยู่ภายใต้ความกดดัน
เมื่อโลกถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่ากองพลเอสเปอร์ที่ ที่รัฐบาลกลางของโลกได้ลงทุนสนับสนุนไปมากมาย
พวกเขาอยู่ที่ไหน? ทำไมพวกเขาไม่ลุกขึ้นต่อสู้และปกป้องโลก?
กลุ่มไรเดอร์กรงเล็กปักษาได้นำกลุ่มโจรสลัดและกลุ่มไรเดอร์กลุ่มอื่นๆที่อยู่ใกล้โลกมารวมตัวกันและโจมตีเมืองสำคัญๆที่ตั้งอยู่ในออสเตรเลีย
เนื่องจากซิดนีย์ตั้งอยู่ในโอเชียเนีย
(หมู่เกาะต่างๆในมหาสมุทรแปซิฟิก)
ซึ่งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่และกองกำลังเสริมส่วนใหญ่ไม่สามารถไปถึงได้ในทันที พวกเหล่าโจรสลัดและไรเดอร์จึงสามารถกระทำเรื่องที่อุกอาจเช่นนี้ได้
มันเลวร้ายยิ่งขึ้นหลังจากที่กลุ่มโจรสลัดหลายกลุ่มกวาดล้างซิดนีย์เสร็จสิ้น
พวกมันก็เริ่มยิงปืนใหญ่บนเรือรบจนถล่มเมืองทั้งเมือง เมืองติดชายฝั่งทะเลที่เคยสวยงามแห่งนี้ได้พังทลายลง
ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
อย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนี้พวกเหล่ากองโจรสลัดและพวกไรเดอร์ต่างดูถูกโลก
พวกมันไม่สนใจต่อสหพันธ์และกองทัพของโลก
แม้ว่าจะมีเอสเปอร์หลายคนที่สังกัดกองทัพของสหพันธ์
แต่ก็ยังมีเอสเปอร์อีกมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองพวกเขายังคงยืนขึ้นอย่างกล้าหาญต่อกรกับเหล่าไรเดอร์และร่วมมืออย่างเหนี่ยวแน่นกับตำรวจเพื่อต่อต้านผู้รุกราน
แน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับสงครามมาก่อน
น่าเสียดายที่พลเมืองที่เดือดดาลไม่อาจสังเกตเห็นการทำงานและแผนการของศูนย์บริหารเอสเปอร์
สื่อต่างๆเพียงมุ่งเน้นความเกลียดชังทั้งหมดไปลงกับศูนย์บริหารเอสเปอร์
จนแม้แต่ตั้งข้อสงสัยกับสภาของสหพันธ์
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนร่วมกันเต็มเวลา
4 ชั่วโมง ฮั่นหลางได้สั่งจบการฝึก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกจากศูนย์ฝึกฝน พวกเขายังคงเสริมความแข็งแกร่งในด้านอื่นๆต่อ
ฮั่นหลางรู้ว่าสหายของเขาต่างรู้สึกหมดหนทาง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการปกป้องพลเรือนแต่พวกเขาถูกจำกัดให้อยู่เพียงภายในค่ายทหาร
แอนบีเบ้หยุดร้องไห้และขังตัวเองอยู่กับการฝึกฝน
ฮั่นหลางถอนหายใจเล็กน้อยและเดินออกจากศูนย์ฝึกฝน
เขามาถึงลานด้านนอก หิมะได้หยุดตกแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็นกว่าปกติ
อากาศในปีนี้ค่อนข้างผิดปกติและไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร
ฮั่นหลางเห็นร่างเงาของคนหนึ่งท่ามกลางความมืด
เงานั้นคือหลงฉวน เขากำลังไออย่างรุนแรงในความมืดนั้น
ฮั่นหลางกระพริบตาและเดินไปหาเขาอย่างช้าๆ
หลงฉวนเห็นฮั่นหลางและยื่นบุหรี่ให้เขา ฮั่นหลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“สมาชิกในกลุ่มอัจฉริยะทุกคนคงเกลียดข้าแล้ว?”
หลงฉวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดออกมา
ฮั่นหลางกล่าวตอบออกไปว่า
“ไม่มีใครที่เกลียดคุณจริงๆ พวกเขาเพียงแค่รู้สึกหดหู่”
หลงฉวนกล่าวอย่างขมขื่นออกไปว่า
“เจ้าเป็นคนที่ซื่อตรงมาก มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเกลียดหรือไม่เกลียด
ข้าไม่สนใจ บางครั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในเชิงกลยุทธ์ก็จำเป็นที่จะต้องเสียสละ”
ฮั่นหลางพยักหน้า “เรากำลังจะเข้าสู่สงครามจริงๆ?”
หลงฉวนไม่ได้ปฏิเสธ
เขาก้มลงมองนาฬิกาและพูดด้วยเสียงต่ำออกมาว่า “ยังมีเวลาอีก 3
ชั่วโมง เจ้ายังสามารถไปนอนได้สักพัก”
ฮั่นหลางส่ายหน้า “ผมคงนอนไม่หลับ ถ้างั้นผมจะกลับไปเตรียมอุปกรณ์”
“ตามใจเจ้าเถอะ”
หลงฉวนกล่าวอย่างไร้อารมณ์
…….
ฮั่นหลางนอนอยู่บนเตียงมองออกไปนอกหน้าต่าง
บรรยากาศยามค่ำคืน หลงฉวนกล่าวว่าเราจะออกจากฐานหลังจากนี้อีก 3 ชั่วโมงและนั่นคือเวลาตีสาม
ฮั่นหลางได้บรรจุสิ่งของจำเป็นไว้ภายในแหวนนภา
ถึงแม้ว่าช่องว่างภายในแหวนจะไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก มันมีพื้นที่เพียง1ลูกบาศก์เมตร
แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะเก็บอาวุธ ชุดรบและยาต่างๆของเขาได้
เมื่อเวลาตีสองสามสิบนาที
บริเวณฐานทัพหลอดไฟและสปอตไลท์ทั้งหมดได้ถูกเปิดขึ้นในทันที ตามด้วยเสียงไซเรนทางทหารที่ดังก้องขึ้น
ฮั่นหลางลุกขึ้นจากเตียงหยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาและเดินออกจากห้อง
สมาชิกค่ายฝึกฝนทุกคนอาศัยอยู่บนชั้นเดียวกัน
ฮั่นหลางก้าวผ่านประตูออกมาและเห็นเฉินจง ซินเบิร์ก นิโคลัสและคนอื่นๆ
หัวใจของทุกคนดูเหมือนจะเต้นในจังหวะเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมนานแล้วและพร้อมที่จะเริ่มปฏิบัติการได้ทุกเมื่อ
เฉินจงมีกระเป๋าเดินทางสามร้อยลิตรขนาดใหญ่และฮั่นหลางรู้ว่ามันเต็มไปด้วยอาหารที่มีแคลอรีสูงซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพลังสำคัญของเฉินจง
แอนบีเบ้ ก็ออกมาจากห้อง
เธอเปลี่ยนไปใส่ชุดรบมันแสดงส่วนเว้าโค้งของร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเธอแต่ดวงตาของเธอยังคงแดง
สีหน้าของเธอดูไม่ดีเท่าไหร่
ทุกคนเดินออกไปด้วยความเงียบ
และเดินตามกองทหารหลักไปยังเรือรบลาดตระเวนแอตแลนติกที่จอดรอมานาน เสียงสัญญาณบอกให้ทุกคนขึ้นไปยังเรือรบลาดตะเวนอย่างเป็นระเบียบมันใช้เวลาไปเพียง
35 นาทีเท่านั้น แม้ว่ากองพลเอสเปอร์ที่1 เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน แต่ทุกคนในกองพลดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ทหารทุกคนในกองพลนี้ก็เป็นชนชั้นสูงในหมู่เอสเปอร์
15,000 คนจากทั่วโลก ดังนั้นกองพลเอสเปอร์ที่1
จึงมีประสิทธิภาพทางการรบสูงที่สุดในกองทัพทั้งหมดของโลก
ฮั่นหลางนั่งติดช่องหน้าต่างของเรือรบ
เขามองลงไปเห็นสามยักษ์ใหญ่แห่งศูนย์บริหารเอสเปอร์ กำลังกล่าวอำลากันและกันอยู่
หลี่อู่ ทาลินและ หลงฉวน ในสามคนนี้ มีเพียงหลงฉวนเท่านั้นที่นำกองพลเอสเปอร์ที่1
เข้าสู่สงคราม ส่วนอีกสองคนจะอยู่ด้านหลังเพื่อปกป้องโลก
ในองค์กรปัจจุบันของกองทัพโลกนอกจากกองพลเอสเปอร์ที่1
ทีมีพลทหารสังกัดอยู่มากกว่าหมื่นคน
ยังมีทีมกลยุทธพิเศษหลายทีมจากสำนักงานใหญ่และสาขาอื่นๆบนเรือรบลาดตระเวนแอตแลนติก
ฮั่นหลางเห็น ชูหลี่และทีมกลยุทธ์พิเศษ 4 ทีมจากกองกำลังที่เซี่ยงไฮ้
ซึ่งหมายความว่าเซี่ยงไฮ้ทั้งภูมิภาคจะเหลือกองพลป้องกันเมืองเพียงทีมเดียวและทั้งหมดในทีมเดียวนั้นมีเอสเปอร์เพียง
11 คน
เห็นได้ชัดว่าปฎิบัติการครั้งนี้ได้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มที่เพื่อเผยไพ่ทั้งหมดของโลกพร้อมที่จะแลกทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตเพื่อชัยชนะ!
“หลงฉวนน่าจะต้องแบกรับความกดดันที่หนักหนา…”
ฮั่นหลางเอนศีรษะพิงกระจกและคิดอยู่เงียบๆ
……
"ฉันได้ทิ้งทรัพยากรทั้งหมดของศูนย์บริหารใว้บนมือของนาย
ดังนั้นสงครามครั้งนี้จงทำให้โลกภาคภูมิใจ!
นายต้องได้รับชัยชนะกลับมาเท่านั้น!" ทาลิน กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำกับหลงฉวน
หลงฉวนพยักหน้าเล็ก รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง
ตามข้อมูลข่าวกรองของเรา กลุ่มไรเดอร์กรงเล็บปักษากำลังรวมตัวกันอยู่
หากปราศจากความร่วมมือของกลุ่มใหญ่เช่นนี้โลกจะเผชิญความกดดันน้อยลง
แต่พวกนายยังต้องคอยระวัง เนื่องจากทหารทั้งหมดได้มากับข้าและบ้านของเราเป็นเพียงเปลือกที่ว่างเปล่าในตอนนี้”
หลี่อู่ชี้ไปที่ตัวเองและทาลิน “มองมาที่พวกข้า พวกข้าดูเหมือนคนใกล้ตายอย่างนายหรือไง? สนใจเพียงดูแลทีมของนายให้ดีเถอะและปล่อยทุกอย่างในบ้านนี้ไว้กับเราทั้งสอง
ฉะนั้นอย่าได้กังวลอะไรเลย!”
“เข้าใจแล้ว
ลาก่อน!”
ปัก~
หลงฉวนยืนตรงอย่างตั้งใจให้การเคารพสูงสุดต่อหลี่อู่และทาลิน
หลี่อู่ และทาลินก็ทำการเคารพตอบอย่างสุภาพ
หลงฉวนหันหลัง
เขาไอเบาๆอีกสองครั้งและเดินไปข้างหน้าด้วยก้าวใหญ่ ลมเหนือพัดผ่านร่างสูงของหลงฉวน
ในไม่ช้าเงาร่างนั้นก็ได้จางหายไปท่ามกลางสายลม
หลี่อู่กัดฟันและดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขากล่าวออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกดดันว่า “ความเจ็บป่วยของหลงฉวนเริ่มแย่ลง
เวลานี้เขาได้วางทุกสิ่งทุกอย่างไว้บนเส้นด้าย เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอย่างมีชีวิต”
ทาลิน พยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้ารู้ ก่อนที่จะจากไปเขาต้องการที่จะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อดาวเคราะห์ที่เขารักมาก
ด้วยความเป็นเพื่อนสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้คืออย่าได้หยุดเขา หลงฉวนเป็นนักรบที่แท้จริงเขามีความภาคภูมิใจในเกียรติยศของตัวเอง”
ฟู่วว~
หลังจากที่พร้อมกองทัพเรือเอสเปอร์เพียงลำเดียว
เรือรลลาดตระเวนแอตแลนติกได้ปลดปล่อยเปลวไฟสีน้ำเงินออกจากเครื่องยนต์ มุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นก็หายลับไปในท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวภายในพริบตา
ตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าหลงฉวนจะไม่ได้กลับมานะครับเนี่ย
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ