“เห็นว่าคุณเคยพูดถึงอุปกรณ์ระดับเทพสงครามมาก่อน
สิ่งที่ว่ามานี้มันคืออะไร?” ฮั่นหลางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
เฒ่าโม้กล่าวว่า
"เจ้าน่าจะรู้ว่าในทางช้างเผือก เอสเปอร์ในระดับ 6 ดาว
ถูกเรียกว่าเสมือนเทพสงครามหรือที่รู้จักกันในนามของกึ่งขุนศึก
เมื่อพวกเขาไปถึงระดับ 7
ดาวแล้วพวกเขาจะกลายเป็นเทพสงครามหรือขุนศึกที่แท้จริงและอุปกรณ์เหล่านี้ที่พวกเขาใช้จะถูกเรียกว่าอุปกรณ์เทพสงคราม"
“เนื่องจากค่าสถานะพลังพิเศษของ
เอสเปอร์ระดับ 7 ดาว มีอย่างน้อยก็ 10 ล้านหน่วย
แม้กระทั่งไทเทเนี่ยมที่ทรงพลังในมือก็สามารถแตกพังได้อย่างง่ายดายราวกับพลาสติก
ดังนั้นขุนศึกทั้งหมดจึงใช้อุปกรณ์พิเศษและอุปกรณ์พิเศษเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์”
“ตั้งแต่ข้ายังเด็กข้าชอบเล่นเครื่องจักรและโลหะ
ตอนนี้ข้ามีหุ่นยนต์ถ้าข้าสามารถเก็บอุปกรณ์เทพสงครามได้สักหนึ่งชุด ชีวิตนี้ของข้าก็ไม่นับว่าไร้ค่าแล้ว”
ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อย
เอสเปอร์ระดับ 7 ดาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างชัดเจน และเป็นดั่งตำนานในทางช้างเผือก
ต้องการเก็บชุดอุปกรณ์เทพสงครามจากขุนศึกเหล่านี้อย่างงั้นหรอกหรือ? ความใฝ่ฝันของเฒ่าโม้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยจริงๆ
ฮั่นหลางยิ้มออกมาบางๆก่อนจะกล่าวกับเฒ่าโม้ว่า
“อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะประสบความสำเร็จและจากนั้นก็กลับมายังโลกเร็วๆ
กลับมาใช้ชีวิตของคุณหลังเกษียณที่นี่”
เฒ่าโม้ หัวเราะออกมา เขาสั่งให้หุ่นยนต์หาสมุดบันทึกเล่มหนาและส่งมันให้กับฮั่นหลางพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ด้วยการต้อนรับเป็นอย่างดีของเจ้า ข้าไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน มีเพียงสมุดบันทึกเล่มนี้ซึ่งมีการวิจัยเกี่ยวกับหุ่นยนต์ทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในสมุดเล่มนี้เป็นประสบการณ์การวิจัยทั้งหมดของข้าต่อให้เจ้ามีเงินก็ไม่อาจหาซื้อมันได้”
“แน่นอนว่าเจ้าต้องระวังเพราะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
เพราะฉะนั้นเจ้าควรดูแลมันให้ดีอย่าให้ใครรู้ ไม่งั้นเจ้าอาจถูกส่งไปให้กับทางการถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้”
ฮั่นหลางโบกมือ
ในขณะที่รับสมุดบันทึกมาถือไว้ “ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับของขวัญที่มีค่าเช่นนี้ผมจะดูแลมันอย่างดีอย่างแน่นอน!”
……
คลื่นนน~
เรืออุตสาหกรรมเก่าล้าสมัยได้บินห่างออกไป
ก่อนจะทิ้งโลกไว้เบื่องหลังด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอและเสถียร ฮั่นหลางมองการจากไปของเฒ่าโม้พร้อมด้วยความรู้สึกที่เข้มแข็ง
เขารู้สึกอิจฉาเฒ่าโม้เล็กน้อยในวิถีการดำเนินชีวิตของเฒ่าโม้ เขานำกลุ่มหุ่นยนต์ที่จงรักภักดีขุดไปทั่วสมรภูมิรบโบราณและสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่แตกต่างได้ในทุกวัน
"สักวันหนึ่ง
ฉันต้องกลายเป็นนักผจญภัยแห่งกาแลคซีให้ได้" ฮั่นหลางนิ่งคิดอยู่อย่างเงียบๆ
ทุกคนต้องมีความฝัน
แต่เป้าหมายเดียวของฮั่นหลางตอนนี้คือการเข้าร่วมการแข่งขันหลักของงานชุมนุมแห่งกาแลคซี่และหลีกเลี่ยงไม่ให้บ้านของเขาตกเป็นอาณานิคมของดาวเคราะห์มหาอำนาจอื่นๆ มิฉะนั้นถ้าฮั่นหลางกลับมาจากการผจญภัยในทางช้างเผือกและพบว่าบ้านของเขาได้หายไปนั่นจะเป็นสิ่งที่น่าเศร้าจริงๆ
ฮั่นหลางถือเครื่องมือสือสาร
เรียกกองกำลงขนส่งที่กำลังรอคอยอยู่โดยรอบและให้พวกเขานำอุปกรณ์ทั้งหมดนี้กลับไปที่ฐานนาซคาเพื่อแจกจ่ายให้กับกองกำลัง
แม้จะเป็นสินค้ามือสองจากดาร์คเน็ต
แต่มันก็ทำให้ทหารทุกคนมีความสุขมาก เพราะพวกเขาจะได้มีอุปกรณ์เป็นของตัวเอง ด้วยขาดเงินสนับสนุนมาเป็นเวลานาน
เอสเปอร์บนโลกจึงรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เรียบง่ายเหล่านี้
ชีวิตประจำวันยังคงดำเนินต่อไปเช่นปกติ
ฝึกฝน เรียนรู้ ฝึกซ้อมกลวิธีและเวลาได้ผ่านไปเดือนครึ่งในพริบตา ในช่วงเวลานั้นปัญหาเกี่ยวกับโจรสลัดอวกาศและไรเดอร์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เนื่องจากเรือรบลาดตระเวนแอตแลนติกที่ทรงพลัง
ซึ่งกำลังเฝ้าปกป้องโลก เหล่าไรเดอร์นอกโลกจึงไม่กล้าบุมบามบุกปล้นสะดม แต่พวกมันได้เบนเข็มไปปล้นเมืองเล็กๆแทนเพื่อหาสิ่งของมีค่าที่พวกมันจะสามารถปล้นได้ก่อนที่จะหลบหนี
ฮั่นหลางและทหารในกองพลเอสเปอร์รู้สึกโกรธมาก
แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ไรเดอร์บุกมาปล้นและหลบหนีไปอย่างรวดเร็วทำให้ยากมากที่จะเตรียมตัวป้องกันได้ทันกับการโจมตีเช่นนี้
ภายในเวลาเพียงเดือนครึ่ง โลกถูกรุกรานมากกว่า 100 ครั้ง โดยเฉลี่ยประมาณ 3
ครั้งต่อหนึ่งวัน
ในวันที่เลวร้ายที่สุดมีการโจมตีถึง
9 ครั้งภายในวันเดียว ซึ่งทำให้โลกเกิดความหวาดกลัว ตอนนี้ประชาชนไม่กล้าที่จะอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆที่มีการป้องกันไม่เพียงพอ
ต่างอพยพเข้าเมืองใหญ่ๆที่มีการป้องกันที่ดี ทำให้ทุกเมืองสำคัญๆต่างแออัด บนถนนคนจรจัดปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นและพวกเขาทั้งหมดขาดอาหารและเสื้อผ้า
ฮั่นหลางรู้ว่าที่ไรเดอร์และโจรสลัดออกอาละวาดที่บนโลก
เนื่องมาจากมีข่าวแพร่กระจายไปว่า กลุ่มไรเดอร์กรงเล็บปักษาประสบความสำเร็จในการปล้นดาวเคราะห์ดวงเดียวหลายครั้งและเกือบจะระเบิดอาณาจักรสาปสูญระดับชั้นC ของดาวเคราะห์นั้นได้
หลังจากได้รับรู้ข่าวนี้
ไรเดอร์และโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ จึงได้สืบค้นที่มาและรับรู้ว่าดาวเคราะห์ที่กลุ่มไรเดอร์กรงเล็บปักษาบุกปล้นอย่างอุกอาจนั้นคือโลก
จากนั้นโลกได้กลายเป็นเป้าหมายยอดเยี่ยมของกลุ่มไรเดอร์ พวกมันทั้งหมดก็เริ่มกำหนดเป้าหมายมาที่โลก
คนดีมักถูกรังแก ม้าที่ดีย่อมมีคนมาแย่งกันขี่
งานชุมนุมแห่งกาแลคซี่ยังไม่ได้เริ่มสถานการณ์ของโลกก็กลายเป็นเลวร้ายลงไปอีก
ฮั่นหลางยังคงดำเนินการทดสอบเภสัชวิทยาอยู่หลายครั้งและมุ่งหน้าไปยังศูนย์ฝึกฝนซึ่งมีบ่อน้ำเย็นจัดที่สร้างขึ้นมาสำหรับฮั่นหลางโดยเฉพาะ
ก่อนที่จะข้ามผ่านประตูเข้าไป
ฮั่นหลางก็พบเฉินจงที่มีสีหน้าหดหู่
“แม่ของฉันโทรมาบอกกับฉันว่า
เมืองที่ป้าสองของฉันอาศัยอยู่ได้ถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดกาแล็คซี่
แล้วลุงสองของฉันถูกยิงเข้าที่ขาซึ่งตอนนี้ได้พิการไปแล้ว เขาจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนรถเข็น...
และลูกพี่ลูกน้องสองคนของฉันอายุเพียงแค่ 8 หรือ 9 ปี
เด็กสาวทั้งสองหวาดกลัวจนใบหน้าของพวกเธอซีดเผือด นอกจากร้องไห้พวกเธอก็ไม่สามารถพูดได้แม้แต่ประโยคเดียว”
“แม่ของฉันถามฉันว่า
ลูกไม่ได้เป็นทหารเหรอ? ลูกไปอยู่ที่ไหนตอนที่บ้านของป้าสองถูกโจมตี?
ทำไมลูกถึงไม่อยู่ในสนามรบ? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะตอบแม่ยังไง
เวรเอ๊ย!”
“ฉันโกรธมาก! ไอ้งั่งหลงฉวนมัวแต่ทำอะไรอยู่?
ทำไมมันถึงไม่ส่งเราไปปกป้องโลก? ทำไมกองพลเอสเปอร์ที่
1 สิ่งที่เราต้องทำทั้งหมดมีเพียงฝึกฝนและฝึกฝนมากขึ้นไปอีก? ถ้าเราไม่สามารถปกป้องเมือง ที่ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ได้แล้ว พวกเราจะฝึกฝนไปทำซากอะไร?!
ฮั่นหลาง นายบอกกับฉันที่ว่านายก็เห็นด้วยกับฉันใช่ไหม?”
เฉินจงพูดออกมาเสียงดังมาก
มันได้ยินไปทั่วทั้งศูนย์ฝึกฝน แอนบีเบ้ก็ได้ยินในเรื่องที่ทั้งสองคุยกัน
เธอเดินเข้ามาใกล้ด้วยสองขาเรียวสวย ก่อนจะยืนเท้าสะเอวและกล่าวว่า “เฉินจงพูดได้ถูกต้อง เดือนที่แล้วพ่อของฉันเดินทางไปทำธุรกิจที่เมืองเล็กๆ
ซึ่งเมืองนี้ได้ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน เขาเกือบจะไม่ได้กลับมาที่บ้าน! ตอนนี้ฉันบอกให้พ่อลาออกจากงาน
สวัสดิการจากรัฐบาลนั้นดีพอที่ฉันจะเลี้ยงครอบครัวได้
ฉันไม่ต้องการให้ครอบครัวต้องเผชิญกับความเสี่ยงอีกแล้ว”
ปาร์เกอร์โอดครวญอย่างร้อนรนว่า
“หนึ่งเดือนครึ่งถูกโจมตีไป 139 ครั้ง! พวกโจรสลัด คงคิดจริงๆว่าโลกเป็นเพียงกระสอบทรายอ่อนนุ่มใช่ไหม?!
ฮั่นหลางไปกันเถอะไปประท้วงหลงฉวนกัน! เราจะยังต้องฝึกอะไรอยู่อีก?
มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมากที่จะต้องกำหนดจุดที่จะส่งทุกคนไปคุ้มกันเพื่อป้องกันการโจมตีที่มากขึ้นกว่าเดิม!”
นับตั้งแต่ครั้งที่ฮั่นหลาง
กระทืบกลุ่มเอสเปอร์อฉริยะระดับ 4 ดาวที่นำโดย ซินเบิร์กเขาก็กลายเป็นผู้นำของกลุ่มโดยชอบธรรม
นอกจากนี้พวกเขายังมักจะฝึกซ้อมกลยุทธทางการรบหมาป่าฝางที่นำโดยฮั่นหลาง
ซึ่งทำให้ทุกคนติดนิสัยทำเรื่องอะไรก็ตามจะปรึกษากับฮั่นหลางก่อนเสมอ
การโจมตีโลกโดยกลุ่มล่าสุดทำให้ทุกคนรู้สึกโกรธ
ฮั่นหลางหันหน้าของเขาลงไปที่หน้าต่างกระจกและมองออกไปยังสถานที่โล่งกว้างเขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า
"เห็นนั้นหรือเปล่า"
“เห็นอะไรกัน?
มันก็มีเพียงแค่หิมะ ฉันเคยเห็นมันหลายครั้งที่บ้าน” นิโคลัสจากไซบีเรียกล่าวขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
ฮั่นหลางส่ายหน้า เขาชูนิ้วชี้แตะที่ปากและพูดออกมาด้วยเสียงเบาราวเสียงกระซิบว่า
“ดูนั้น การฝึกซ้อมของกองพลเอสเปอร์ที่1 ท่ามกลางหิมะอีกครั้ง และหลงฉวนเป็นผู้นำทีมเหล่านี้ฝึกหนักด้วยตัวเอง
การฝึกในรูปแบบขนาดใหญ่เช่นนี้แต่เดิมจะทำการฝึกในทุกๆสามวัน แต่ตอนนี้เขานำทีมฝึกฝนทุกวัน”
“และทหารแต่ละคนฝึกฝนด้วยชุดอุปกรณ์เต็มรูปแบบ
โดยมีผู้บัญชาการทั้งหมดค่อยกำกับดูแลในระหว่างการฝึกซ้อม แม้แต่ประธานทาลลินแห่งรัฐบาลกลางก็บินมาที่ฐานนาซคาในทุกสองสามวัน
พวกนายไม่รู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียดของสงครามที่ใกล้เข้ามาถึงนี้หรอกเหรอ?”
หลังจากตั้งใจฟังสิ่งที่ฮั่นหลางพูด
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ
เฉินจงเกาหัวของเขาและกล่าวว่า
“พอพูดถึงเรื่องนี้
ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนของฉันที่เป็นผู้บริหารพลาธิการ บนเรือลาดตระเวนแอตแลนติกเขากำลังยุ่งอยู่กับการบรรทุกวัสดุจำนวนมากจนแม้แต่เวลามารับโทรศัพท์ของฉันสักแปปก็ไม่มี”
ซินเบิร์กลูบคางและพูดว่า
“นั่นทำให้ฉันนึกถึงลูกพี่ลูกน้องของฉันในทีมดูแลรักษาของเรือรบลาดตระเวนแอตแลนติก
พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการบำรุงรักษาชั้นหนึ่งของเรือลาดตระเวน อุปกรณ์ทั้งหมดรวมทั้งห้องน้ำได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนบางทีมันอาจจะจริงอย่างที่นายพูดมา
ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะเรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น?”
ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า
“เราจะรอและดู ในตอนที่ฉันทำการทดสอบ ในบางครั้งฉันสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
จากสิ่งที่ฉันเห็นบรรยากาศในฐานเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไฟในห้องทำงานของหลงฉวนเปิดอยู่แทบจะตลอดเวลา
ในทุกๆวันเขาอยู่ในสำนักงานทำงานจนถึงรุ่งเช้า”
“ถ้าฉันเป็นหลงฉวน
ฉันจะไม่มอบหมายให้ทหารของกองพลเอสเปอร์ไปยังเมืองเล็กๆเพื่อปกป้องโลก มีคนนับห้าสิบล้านคน
นับหมื่นเมืองเล็กๆ
การกระจายกองพลเอสเปอร์เล็กๆของเราไปยังเมืองเหล่านั้นมันจะมีประโยชน์อะไร?”
“มีคำพูดโบราณที่ดีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า
หากคุณต้องการจะทะลายกลุ่มโจร สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่เด็ดหัวผู้นำของพวกมัน
ถ้าเราต้องการให้พวกโจรสลัดและไรเดอร์ระยำพวกนี้ไม่กล้าที่หยั่งเท้าลงมาบนพื้นโลกเราต้องต่อสู้ด้วยสงครามที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโลกไม่ใช่กระสอบทรายที่อ่อนแอ!
เราต้องประกาศให้พวกมันรู้ถึงราคาที่พวกมันต้องจ่ายที่กล้ามาคุกคามโลก!”
“นั่นจริงหรือ?”
“เยี่ยม
เราทั้งหมดที่อดทนรอก็เพื่อวันนี้!”
“ฮั่นหลาง
นายคิดว่าเมื่อไหร่ที่การต่อสู้ครั้งนี้จะเกิดขึ้น? ใครคือเป้าหมายของเรา?”
ฝูงชนล้อมรอบฮั่นหลางและพวกเขาทุกคนต่างมีคำถามและถามขึ้นมา
ฮั่นหลางคิดถึงความเป็นไปได้และพูดขึ้นว่า
“น่าจะภายในสองวันถัดจากนี้
นั้นเพราะอัตราการการฝึกฝนของทหารในกองพลเอสเปอร์ที่ 1 ใกล้ถึงขีดจำกัด
ตอนนี้เราต้องทำเพียงอดทนรอและไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ”
“เข้าใจแล้ว!” ซินเบิร์กพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเดินตรงไปยังศูนย์ฝึกฝน
"นายจะไปไหน? เราจะไม่ไปดื่มชาฟองด้วยกันหรอ?" แอนบีเบ้ตะโกนไล่หลังซินเบิร์ก
“ไม่ไป
เธอไปคนเดียวเถอะ”
ซินเบิร์กเข้าห้องฝึกฝนและมีเสียงหวดอาวุธผ่านอากาศขึ้นในทันที
ดูเหมือนว่าซินเบิร์กกำลังเริ่มที่จะเพิ่มเวลาในการฝึกฝนของเขา
ฮั่นหลางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสงบนิ่ง
หิมะตกลงมาหนัก พื้นผิวโลกภายนอกต่างปกคลุมด้วยสีขาว กองพลเอสเปอร์ที่ 1 ยังคงฝึกฝนอย่างเข้มข้นในระดับสูงสุด
ร่างของเหล่าทหารทั้งหลายค่อยๆกลายเป็นกลุ่มจุดสีดำในระยะไกล
ขอบคุณครับ
ตอบลบ