เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

GDN 046 สกินเนอร์


ต้นกำเนิดไร้จุดหมายโบกมือพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า "เจ้าจะได้รับมันเมื่อเจ้าได้พบกับเขาในภายหลัง เฒ่าโม้ ไม่ใช่มนุษย์"

"เจ้า... มักกล่าวไม่ดีเกี่ยวกับตัวข้าหลับหลังข้าเสมอ"

หลังจากต้นกำเนิดไร้จุดหมายพูดจบลงแล้ว ฮั่นหลางได้ยินเสียงประตูเรืออุตสาหกรรมเปิดออก ชายคนหนึ่งที่มีผมยุ่งเหยิง เขาสวมแว่นตาดำหนาพูดออกมาพร้อมกับที่เขาเดินลงมาจากเรือ

ฮั่นหลางพบว่ามันน่าประหลาดใจจริงๆ เฒ่าโม้ไม่ใช่คนทั้งร่างของเขาดูเหมือนจะมีเพียงสองมือเท่านั้นที่เผยผิวออกมาให้เห็น เขามีกรงเล็บที่ยาวและดูแข็งแกร่งเช่นเดียวกับกรงเล็บนกอินทรี ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเทาและขนาดร่างกายของเขาใหญ่กว่ามนุษย์มากราวๆ 3 เมตร

เขาจะต้องเป็น เฒ่าโม้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่มนุษย์เช่นเดียวกับฮั่นหลาง และต้นกำเนิดไร้จุดหมาย แต่เขาก็พูดภาษามนุษย์ที่ใช้ในทางช้างเผือก ตอนนี้ในทางช้างเผือกมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วและเนื่องจากโลกเป็นผู้มาใหม่ในพันธมิตรทางช้างเผือก ภาษาต่างๆที่ใช้ในโลกก็ยังมีความแตกต่างกับที่นี่ ตัวอย่างเช่นขณะที่ฮั่นหลาง เฉิงจง หลี่ฉีและเพื่อนคนอื่นๆจากประเทศจีนยังคงพูดกันด้วยภาษาจีนกลาง เมื่ออยู่ด้วยกัน แต่ทุกคนต่างพูดภาษาของทางช้างเผือกในช่วงเวลาอื่นๆ

เมื่อต้นกำเนิดไร้จุดหมายมองเห็นเฒ่าโม้อยู่ที่นี่ เขายิ้มและพูดว่า "เมื่อไหร่กันที่ข้าพูดถึงสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับตัวเจ้า มันก็จริงนี่ที่เจ้าไม่ใช่มนุษย์"

ต้นกำเนิดไร้จุดหมายหันไปมองและอธิบายกับฮั่นหลางว่า "เฒ่าโม้ เป็นเผ่าพันธุ์กุยซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากมากในทางช้างเผือก พวกเขาเกิดบนดาวเคราะห์ที่มีกัมมันตรังสีจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานต่อกัมมันตรังสีได้สูงมาก

"ต่อมา พันธมิตรทางช้างเผือกต้องการที่จะยึดครองดาวเคราะห์เนื่องจากทรัพยากรนิวเคลียร์ที่อุดมสมบูรณ์ และเนื่องจาก เผ่าพันธุ์กุยเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆ พวกเขาจึงไม่สามารถป้องกันการรุกรานของกองทัพมนุษย์จำนวนมากได้ ดังนั้นเผ่าพันธุ์กุยจึงกระจัดกระจายไปและเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเขามีความต้านทานกัมตรังสีได้ส่วนหนึ่ง พวกเขาจึงกลายเป็นสกินเนอร์"

"เฒ่าโม้ เป็นที่ต้องการของพันธมิตรทางช้างเผือกมานานแล้ว ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการเงินในวันหนึ่งเพียงแค่ตัดศีรษะและมอบมันให้กับทางช้างเผือก เจ้าก็สามารถแลกรับรางวัลใหญ่ๆได้"

เฒ่าโม้ดูจะเป็นคนที่มีอารมณ์ดี เขาไม่รู้สึกโกรธจากคำพูดของต้นกำเนิดไร้จุดหมาย เขาเดินเข้ามาและหยุดอยู่ข้างๆต้นกำเนิดไร้จุดหมายและฮั่นหลาง

ต้นกำเนิดไร้จุดหมายเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมามาก "เฒ่าโม้ นี่ฮั่นหลางเขาต้องการซื้ออุปกรณ์บางอย่างจากเจ้า"

เฒ่าโม้ พยักหน้าและชี้ไปที่ภูเขาอุปกรณ์ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ "ด้วยความซื่อสัตย์ เนื่องจากมลพิษทางนิวเคลียร์บนดาวเคราะห์นี้ อุปกรณ์ทั้งหมดของข้าที่นี่มีการปนเปื้อนสารกัมตรังสี นั่นจึงเป็นเหตุทำให้พวกมันมีราคาถูก ดังนั้นหลังจากจัดส่งพวกมันแล้ว ก่อนที่จะนำไปใช้งานพวกมันต้องผ่านขั้นตอนบางอย่างก่อน"

ต้นกำเนิดไร้จุดหมายกล่าวเสริมเพิ่มว่า "เฒ่าดำ รู้ว่าอะไรที่สามารถทำพวกมันให้เป็นกลางได้ เจ้าเพียงต้องซื้ออะไรบางอย่างที่สามารถปรับรังสีให้เป็นกลางนั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องทำ"

หลังจากฟังคำอธิบายของต้นกำเนิดไร้จุดหมายและเฒ่าโม้แล้ว ฮั่นหลางก็สามารถเข้าใจในที่สุดว่า สกินเนอร์ไม่ใช่คนที่ไร้มนุษยธรรม แต่เป็นเพียงแค่คนที่ใช้หุ่นยนต์ในการทำความสะอาดสนามรบ

ตัวอย่างเช่น เฒ่าโม้เขาอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่หาได้ยากและใช้ชีวิตอยู่ในสภาพที่ยากลำบากภายใต้การกดขี่ของทางช้างเผือกที่ถูกครอบงำโดยมนุษย์นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เสี่ยงและเริ่มต้นทำธุรกิจประเภทนี้ซึ่งมันอาจทำให้เขาถูกสังหารได้

ตอนนี้รัฐบาลกลางของโลก มีสมาชิกอย่างเป็นทางการราวๆ10,000คน พวกเขาเป็นเอสเปอร์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับเลือกจากทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็น เอสเปอร์ระดับ 3 ดาว บางคนอยู่ที่ระดับ 4 ดาว ตามแผนฮั่นหลางจะต้องมีชุดนักรบระดับ3ดาวและอาวุธอย่างน้อย 10,000 ชุด

ในระหว่างการสู้รบขนาดใหญ่ นอกจากชุดรบแล้วเอสเปอร์มักสวมเกราะโลหะผสมอีกชุดหนึ่งเพื่อที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันของพวกเขา มันยากที่จะจัดหาอุปกรณ์และชุดที่ราคาต่ำเช่นที่เฒ่าโม้มี ฮั่นหลางต้องการซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดในครั้งเดียว

โดยทั่วไปแล้วชุดรบระดับ 3 ดาวมีราคาประมาณ 100,000 GC ต่อชุดและราคาของอาวุธขึ้นอยู่กับคุณภาพและวัสดุที่ใช้ในการผลิต

ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง อาวุธและชุดเกราะไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพพิเศษ มากนัก แต่การซื้อชุดรบค่อนข้างลำบาก ชุดรบเป็นอุปกรณ์พื้นฐานมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะต้องมีการป้องกันที่ดี สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำหรือพื้นที่อวกาศและยังสามารถรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้ มันยังต้องการความยืดหยุ่น เมื่อสวมใส่มันต้องไม่หลวมเกินไปหรือแน่นเกินไป พวกมันต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตขั้นสูง ถึงแม้จะเป็นชุดมือสองแต่ราคาของพวกมันก็ไม่ถูกนัก

ฮั่นหลางกำลังเจรจาต่อลองกับเฒ่าโม้ เมื่อเฒ่าโม้ได้พิจารณาสักครู่และในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า "เอาอย่างนี้ ชุดรบระดับ 3 ดาวข้าสามารถขายพวกมันได้ในราคา 8,000GCต่อชุด ส่วนเกราะและอาวุธรวมทั้งค่าจัดส่งข้าจะคิดค่าบริการอีก 2,000 นั่นคือราคาที่ต่ำสุดที่ข้าสามารถให้ได้"

"สำหรับชุดรบระดับ 4 ดาว ข้ามีประมาณ 10ชุด เท่านั้น ข้าจะเรียกเก็บเงิน1ล้านGC ในช่วงสงครามนั้นทหารระดับสูงทำการสู้รบอย่างดุเดือดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของการระเบิด ดังนั้นอุปกรณ์ที่เหลืออยู่ในสนามรบมักจะมาจากทหารที่มีระดับอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรือต่ำกว่า ส่วนอุปกรณ์ระดับสูงมักจะถูกทำลายไปเสียส่วนใหญ่พร้อมกับทหารระดับสูงเหล่านั้น ดังนั้นจึงหาพวกมันได้ยาก"

ฮั่นหลางเห็นต้นกำเนิดไร้จุดหมายพยักหน้าเล็กน้อยทางด้านข้างเพื่อแสดงว่าเขาเห็นด้วย และนี่น่าจะเป็นราคาที่ดี ดังนั้นฮั่นหลางจึงตอบตกลง ในตอนนี้ราคาที่เขาจะต้องจ่ายทั้งหมดคือ 101 ล้าน GC เพื่ออุปกรณ์พร้อมการจัดส่ง ถ้าฮั่นหลางซื้อมันจากตลาดกาแล็กซี่ตามกฎหมายแล้วมันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยหนึ่งหรือสองพันล้าน

ฮั่นหลางคิดถึงปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้า เฒ่าโม้หัวเราะและพูดออกมาว่า "ข้าทำความสะอาดสนามรบนี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้ทำการเก็บเกี่ยวอีกต่อไป ข้าก็ต้องออกจากที่นี่เช่นกัน รายการที่เจ้าสั่งซื้อไว้ข้าจะจัดส่งให้กับโลกแล้วจะมุ่งหน้าไปที่สนามรบอื่น"

ฮั่นหลางและเฒ่าโม้ ยังคงพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมการจัดส่งขณะที่กลุ่มหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวจากที่ไกลๆ พวกมันเป็นกลุ่มของหุ่นยนต์ที่ขยันขันแข็งที่เข้าสู่สนามรบเพื่อค้นหาอุปกรณ์ พวกมันหยุดที่ค่ายและเริ่มจัดเรียงอุปกรณ์ที่พวกมันค้นพบออกมา

ฮั่นหลางรู้สึกสนใจในระบบการควบคุมที่เฒ่าโม้มีอยู่ แม้ว่าเฒ่าโม้จะมาจากเผ่าพันธุ์กุย เขาก็ยังคงไม่สามารถทนต่อรังสีที่ศูนย์กลางของสนามรบได้ และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่บริเวณรอบนอก เขายังคงไม่สามารถสัมผัสกับรังสีได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงมักอาบน้ำยาด้วยเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ตายจากการได้รับรังสีเป็นเวลานาน

สำหรับหุ่นยนต์เหล่านั้น พวกมันจะไม่กลัวอะไรและพวกมันไม่เข้าใจความหมายของคำว่าจะเหนื่อย

ในทางช้างเผือกไม่อนุญาตให้ใช้งานหุ่นยนต์ ไม่เช่นนั้นฮั่นหลางก็ต้องการที่จะซื้อพวกมันด้วย

"เฒ่าโม้ เจ้าได้หุ่นยนต์มาจากที่ไหน?" ฮั่นหลางถามออกไปด้วยความอยากรู้

เฒ่าโม้ หัวเราะและกล่าวว่า "จากดาวเคราะห์ขยะ หุ่นยนต์ถูกทำลายหลังจากที่ถูกสั่งห้ามใช้ แต่มีบางส่วนอยู่บนดาวเคราะห์ใบนี้ ดังนั้นข้าจึงทำการประกอบพวกมันขึ้นมาใหม่ น่าเสียดายหุ่นยนต์เหล่านี้เคยมีชิปความคิดติดตั้งมาก่อน มันถูกนำออกก่อนที่หุ่นยนต์จะถูกทำลาย"

"มีความแตกต่างกันมากระหว่างหุ่นยนต์ที่มีและไม่มีชิปความคิด หากพวกมันไม่มีชิบหรือไม่มีปัญญาขั้นพื้นฐาน พวกมันย่อมเข้าใจและทำได้ตามเพียงแค่คำสั่งง่ายๆเท่านั้น แต่ถ้าหุ่นยนต์ที่มีชิปความคิดติดตั้งไว้ด้วย มันจะกลายเป็นเหมือนมนุษย์ที่มีความรู้สึกและมีความคิด"

เฒ่าโม้ยังบอกฮั่นหลางว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคัดลอก พันธมิตรทางช้างเผือกได้ถอดเอาชิพความคิดทั้งหมดออกและปิดผนึกไว้ในตำแหน่งที่มีความปลอดภัยสูง

กล่าวกันว่าชิพความคิดเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์และเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตภายใต้ระดับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มนุษย์มีอยู่ ตราบเท่าที่พันธมิตรทางช้างเผือกไม่ถอดการปิดผนึกนี้ กาแลคซีทางช้างเผือกจะไม่มีวันมีหุ่นยนต์ที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง

ฮั่นหลางฟังและคิดตาม หากใช้หุ่นยนต์จำนวนมาก มันก็จะสามารถปรับปรุงความสามารถพวกมันเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ได้ น่าเสียดายที่พวกมันถูกปิดผนึกไว้

เฒ่าโม้ ได้เห็นฮั่นหลางถามคำถามมากมายเกี่ยวกับหุ่นยนต์เขาหัวเราะและพูดว่า "เจ้าสนใจหุ่นยนต์จริงๆหรือ?"

ฮั่นหลางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เฒ่าโม้ กล่าวด้วยความรู้สึกที่ดี "ตั้งแต่เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าก็หมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ในการทำความสะอาดสนามรบ พวกมันเป็นเหมือนครอบครัวที่ข้ารู้จัก พวกมันจะไม่ทรยศข้า"


"ถ้าเจ้าชอบพวกมัน ข้าจะให้เจ้านำกลุ่มและสำรวจสนามรบโบราณ"

2 ความคิดเห็น: