ต้นกำเนิดไร้จุดหมายโบกมือพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า
"เจ้าจะได้รับมันเมื่อเจ้าได้พบกับเขาในภายหลัง เฒ่าโม้ ไม่ใช่มนุษย์"
"เจ้า...
มักกล่าวไม่ดีเกี่ยวกับตัวข้าหลับหลังข้าเสมอ"
หลังจากต้นกำเนิดไร้จุดหมายพูดจบลงแล้ว
ฮั่นหลางได้ยินเสียงประตูเรืออุตสาหกรรมเปิดออก ชายคนหนึ่งที่มีผมยุ่งเหยิง เขาสวมแว่นตาดำหนาพูดออกมาพร้อมกับที่เขาเดินลงมาจากเรือ
ฮั่นหลางพบว่ามันน่าประหลาดใจจริงๆ
เฒ่าโม้ไม่ใช่คนทั้งร่างของเขาดูเหมือนจะมีเพียงสองมือเท่านั้นที่เผยผิวออกมาให้เห็น
เขามีกรงเล็บที่ยาวและดูแข็งแกร่งเช่นเดียวกับกรงเล็บนกอินทรี ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเทาและขนาดร่างกายของเขาใหญ่กว่ามนุษย์มากราวๆ
3 เมตร
เขาจะต้องเป็น เฒ่าโม้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่มนุษย์เช่นเดียวกับฮั่นหลาง
และต้นกำเนิดไร้จุดหมาย แต่เขาก็พูดภาษามนุษย์ที่ใช้ในทางช้างเผือก ตอนนี้ในทางช้างเผือกมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วและเนื่องจากโลกเป็นผู้มาใหม่ในพันธมิตรทางช้างเผือก
ภาษาต่างๆที่ใช้ในโลกก็ยังมีความแตกต่างกับที่นี่ ตัวอย่างเช่นขณะที่ฮั่นหลาง เฉิงจง
หลี่ฉีและเพื่อนคนอื่นๆจากประเทศจีนยังคงพูดกันด้วยภาษาจีนกลาง เมื่ออยู่ด้วยกัน
แต่ทุกคนต่างพูดภาษาของทางช้างเผือกในช่วงเวลาอื่นๆ
เมื่อต้นกำเนิดไร้จุดหมายมองเห็นเฒ่าโม้อยู่ที่นี่
เขายิ้มและพูดว่า "เมื่อไหร่กันที่ข้าพูดถึงสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับตัวเจ้า
มันก็จริงนี่ที่เจ้าไม่ใช่มนุษย์"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายหันไปมองและอธิบายกับฮั่นหลางว่า
"เฒ่าโม้ เป็นเผ่าพันธุ์กุยซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่หายากมากในทางช้างเผือก พวกเขาเกิดบนดาวเคราะห์ที่มีกัมมันตรังสีจริงๆ
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต้านทานต่อกัมมันตรังสีได้สูงมาก
"ต่อมา พันธมิตรทางช้างเผือกต้องการที่จะยึดครองดาวเคราะห์เนื่องจากทรัพยากรนิวเคลียร์ที่อุดมสมบูรณ์
และเนื่องจาก เผ่าพันธุ์กุยเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆ
พวกเขาจึงไม่สามารถป้องกันการรุกรานของกองทัพมนุษย์จำนวนมากได้ ดังนั้นเผ่าพันธุ์กุยจึงกระจัดกระจายไปและเนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเขามีความต้านทานกัมตรังสีได้ส่วนหนึ่ง
พวกเขาจึงกลายเป็นสกินเนอร์"
"เฒ่าโม้ เป็นที่ต้องการของพันธมิตรทางช้างเผือกมานานแล้ว
ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการเงินในวันหนึ่งเพียงแค่ตัดศีรษะและมอบมันให้กับทางช้างเผือก เจ้าก็สามารถแลกรับรางวัลใหญ่ๆได้"
เฒ่าโม้ดูจะเป็นคนที่มีอารมณ์ดี
เขาไม่รู้สึกโกรธจากคำพูดของต้นกำเนิดไร้จุดหมาย เขาเดินเข้ามาและหยุดอยู่ข้างๆต้นกำเนิดไร้จุดหมายและฮั่นหลาง
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมามาก
"เฒ่าโม้ นี่ฮั่นหลางเขาต้องการซื้ออุปกรณ์บางอย่างจากเจ้า"
เฒ่าโม้ พยักหน้าและชี้ไปที่ภูเขาอุปกรณ์ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆ
"ด้วยความซื่อสัตย์ เนื่องจากมลพิษทางนิวเคลียร์บนดาวเคราะห์นี้ อุปกรณ์ทั้งหมดของข้าที่นี่มีการปนเปื้อนสารกัมตรังสี
นั่นจึงเป็นเหตุทำให้พวกมันมีราคาถูก ดังนั้นหลังจากจัดส่งพวกมันแล้ว
ก่อนที่จะนำไปใช้งานพวกมันต้องผ่านขั้นตอนบางอย่างก่อน"
ต้นกำเนิดไร้จุดหมายกล่าวเสริมเพิ่มว่า
"เฒ่าดำ รู้ว่าอะไรที่สามารถทำพวกมันให้เป็นกลางได้ เจ้าเพียงต้องซื้ออะไรบางอย่างที่สามารถปรับรังสีให้เป็นกลางนั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องทำ"
หลังจากฟังคำอธิบายของต้นกำเนิดไร้จุดหมายและเฒ่าโม้แล้ว
ฮั่นหลางก็สามารถเข้าใจในที่สุดว่า สกินเนอร์ไม่ใช่คนที่ไร้มนุษยธรรม แต่เป็นเพียงแค่คนที่ใช้หุ่นยนต์ในการทำความสะอาดสนามรบ
ตัวอย่างเช่น เฒ่าโม้เขาอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่หาได้ยากและใช้ชีวิตอยู่ในสภาพที่ยากลำบากภายใต้การกดขี่ของทางช้างเผือกที่ถูกครอบงำโดยมนุษย์นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เสี่ยงและเริ่มต้นทำธุรกิจประเภทนี้ซึ่งมันอาจทำให้เขาถูกสังหารได้
ตอนนี้รัฐบาลกลางของโลก
มีสมาชิกอย่างเป็นทางการราวๆ10,000คน พวกเขาเป็นเอสเปอร์ที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับเลือกจากทั่วโลก
ส่วนใหญ่เป็น เอสเปอร์ระดับ 3 ดาว บางคนอยู่ที่ระดับ 4 ดาว ตามแผนฮั่นหลางจะต้องมีชุดนักรบระดับ3ดาวและอาวุธอย่างน้อย
10,000 ชุด
ในระหว่างการสู้รบขนาดใหญ่
นอกจากชุดรบแล้วเอสเปอร์มักสวมเกราะโลหะผสมอีกชุดหนึ่งเพื่อที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการป้องกันของพวกเขา
มันยากที่จะจัดหาอุปกรณ์และชุดที่ราคาต่ำเช่นที่เฒ่าโม้มี ฮั่นหลางต้องการซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดในครั้งเดียว
โดยทั่วไปแล้วชุดรบระดับ
3 ดาวมีราคาประมาณ 100,000 GC ต่อชุดและราคาของอาวุธขึ้นอยู่กับคุณภาพและวัสดุที่ใช้ในการผลิต
ฮั่นหลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง
อาวุธและชุดเกราะไม่จำเป็นต้องมีคุณภาพพิเศษ มากนัก แต่การซื้อชุดรบค่อนข้างลำบาก ชุดรบเป็นอุปกรณ์พื้นฐานมากที่สุด
ไม่เพียงแต่จะต้องมีการป้องกันที่ดี สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำหรือพื้นที่อวกาศและยังสามารถรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้
มันยังต้องการความยืดหยุ่น เมื่อสวมใส่มันต้องไม่หลวมเกินไปหรือแน่นเกินไป พวกมันต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตขั้นสูง
ถึงแม้จะเป็นชุดมือสองแต่ราคาของพวกมันก็ไม่ถูกนัก
ฮั่นหลางกำลังเจรจาต่อลองกับเฒ่าโม้
เมื่อเฒ่าโม้ได้พิจารณาสักครู่และในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า "เอาอย่างนี้
ชุดรบระดับ 3 ดาวข้าสามารถขายพวกมันได้ในราคา 8,000GCต่อชุด ส่วนเกราะและอาวุธรวมทั้งค่าจัดส่งข้าจะคิดค่าบริการอีก 2,000 นั่นคือราคาที่ต่ำสุดที่ข้าสามารถให้ได้"
"สำหรับชุดรบระดับ
4 ดาว ข้ามีประมาณ 10ชุด เท่านั้น ข้าจะเรียกเก็บเงิน1ล้านGC ในช่วงสงครามนั้นทหารระดับสูงทำการสู้รบอย่างดุเดือดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของการระเบิด
ดังนั้นอุปกรณ์ที่เหลืออยู่ในสนามรบมักจะมาจากทหารที่มีระดับอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยหรือต่ำกว่า
ส่วนอุปกรณ์ระดับสูงมักจะถูกทำลายไปเสียส่วนใหญ่พร้อมกับทหารระดับสูงเหล่านั้น ดังนั้นจึงหาพวกมันได้ยาก"
ฮั่นหลางเห็นต้นกำเนิดไร้จุดหมายพยักหน้าเล็กน้อยทางด้านข้างเพื่อแสดงว่าเขาเห็นด้วย
และนี่น่าจะเป็นราคาที่ดี ดังนั้นฮั่นหลางจึงตอบตกลง
ในตอนนี้ราคาที่เขาจะต้องจ่ายทั้งหมดคือ 101 ล้าน GC
เพื่ออุปกรณ์พร้อมการจัดส่ง ถ้าฮั่นหลางซื้อมันจากตลาดกาแล็กซี่ตามกฎหมายแล้วมันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยหนึ่งหรือสองพันล้าน
ฮั่นหลางคิดถึงปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้า
เฒ่าโม้หัวเราะและพูดออกมาว่า "ข้าทำความสะอาดสนามรบนี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้ทำการเก็บเกี่ยวอีกต่อไป
ข้าก็ต้องออกจากที่นี่เช่นกัน รายการที่เจ้าสั่งซื้อไว้ข้าจะจัดส่งให้กับโลกแล้วจะมุ่งหน้าไปที่สนามรบอื่น"
ฮั่นหลางและเฒ่าโม้ ยังคงพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมการจัดส่งขณะที่กลุ่มหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวจากที่ไกลๆ
พวกมันเป็นกลุ่มของหุ่นยนต์ที่ขยันขันแข็งที่เข้าสู่สนามรบเพื่อค้นหาอุปกรณ์ พวกมันหยุดที่ค่ายและเริ่มจัดเรียงอุปกรณ์ที่พวกมันค้นพบออกมา
ฮั่นหลางรู้สึกสนใจในระบบการควบคุมที่เฒ่าโม้มีอยู่
แม้ว่าเฒ่าโม้จะมาจากเผ่าพันธุ์กุย เขาก็ยังคงไม่สามารถทนต่อรังสีที่ศูนย์กลางของสนามรบได้
และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่บริเวณรอบนอก เขายังคงไม่สามารถสัมผัสกับรังสีได้มากนัก
ดังนั้นเขาจึงมักอาบน้ำยาด้วยเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ตายจากการได้รับรังสีเป็นเวลานาน
สำหรับหุ่นยนต์เหล่านั้น
พวกมันจะไม่กลัวอะไรและพวกมันไม่เข้าใจความหมายของคำว่าจะเหนื่อย
ในทางช้างเผือกไม่อนุญาตให้ใช้งานหุ่นยนต์
ไม่เช่นนั้นฮั่นหลางก็ต้องการที่จะซื้อพวกมันด้วย
"เฒ่าโม้
เจ้าได้หุ่นยนต์มาจากที่ไหน?" ฮั่นหลางถามออกไปด้วยความอยากรู้
เฒ่าโม้ หัวเราะและกล่าวว่า
"จากดาวเคราะห์ขยะ หุ่นยนต์ถูกทำลายหลังจากที่ถูกสั่งห้ามใช้
แต่มีบางส่วนอยู่บนดาวเคราะห์ใบนี้ ดังนั้นข้าจึงทำการประกอบพวกมันขึ้นมาใหม่ น่าเสียดายหุ่นยนต์เหล่านี้เคยมีชิปความคิดติดตั้งมาก่อน
มันถูกนำออกก่อนที่หุ่นยนต์จะถูกทำลาย"
"มีความแตกต่างกันมากระหว่างหุ่นยนต์ที่มีและไม่มีชิปความคิด
หากพวกมันไม่มีชิบหรือไม่มีปัญญาขั้นพื้นฐาน พวกมันย่อมเข้าใจและทำได้ตามเพียงแค่คำสั่งง่ายๆเท่านั้น
แต่ถ้าหุ่นยนต์ที่มีชิปความคิดติดตั้งไว้ด้วย มันจะกลายเป็นเหมือนมนุษย์ที่มีความรู้สึกและมีความคิด"
เฒ่าโม้ยังบอกฮั่นหลางว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคัดลอก
พันธมิตรทางช้างเผือกได้ถอดเอาชิพความคิดทั้งหมดออกและปิดผนึกไว้ในตำแหน่งที่มีความปลอดภัยสูง
กล่าวกันว่าชิพความคิดเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์และเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตภายใต้ระดับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มนุษย์มีอยู่
ตราบเท่าที่พันธมิตรทางช้างเผือกไม่ถอดการปิดผนึกนี้ กาแลคซีทางช้างเผือกจะไม่มีวันมีหุ่นยนต์ที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง
ฮั่นหลางฟังและคิดตาม
หากใช้หุ่นยนต์จำนวนมาก มันก็จะสามารถปรับปรุงความสามารถพวกมันเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ได้
น่าเสียดายที่พวกมันถูกปิดผนึกไว้
เฒ่าโม้ ได้เห็นฮั่นหลางถามคำถามมากมายเกี่ยวกับหุ่นยนต์เขาหัวเราะและพูดว่า
"เจ้าสนใจหุ่นยนต์จริงๆหรือ?"
ฮั่นหลางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เฒ่าโม้ กล่าวด้วยความรู้สึกที่ดี
"ตั้งแต่เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าก็หมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีหุ่นยนต์
หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ในการทำความสะอาดสนามรบ พวกมันเป็นเหมือนครอบครัวที่ข้ารู้จัก
พวกมันจะไม่ทรยศข้า"
"ถ้าเจ้าชอบพวกมัน
ข้าจะให้เจ้านำกลุ่มและสำรวจสนามรบโบราณ"
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ