แปะ ~
เมื่อร่างของอี่เว่ยเว่ยเริ่มโซเซจะล้มลง
ฮั่นหลางก็มาอยู่ที่ด้านหลังของเธอ เขาเอื้อมมือไปคว้าเธอเอาไว้โดยไม่คิดอะไร
อย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่ใช่เพราะเธอนั้นน่ารักมาก แต่มันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเห็นใครสักคนล้มลงต่อหน้าพวกเขา
มันเป็นสิ่งที่กระทำออกไปตามสัญชาตญาณทางธรรมชาติ
ฮั่นหลางดึงอี่เว่ยเว่ยกลับออกมาจากขอบหน้าผา
โดยไม่ได้ปล่อยมือออกจากมือเล็กๆของเธอ เขายังคงลากเธอเดินไปขึ้นไปยังจุดสูงสุดของภูเขาหิมะ
“เวลาปีนภูเขาไม่ควรจะทำเช่นนี้
มีคำพูดที่ดีประโยคหนึ่งบอกไว้ว่า ภาวะสิ้นหวังอาจทำให้คุณเร็วขึ้นแต่แท้จริงแล้วมันกลับช้าลง”
“ดูที่เท้า
เดินตามฉันมาทีละก้าว”
“อย่าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า
ไม่งั้นเราทั้งคู่จะตกลงไปในหุบเหวและเราทั้งคู่จะพลาดโอกาส”
ฮั่นหลางเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีคอยจูงมืออี่เว่ยเว่ย
และอี่เว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก สมองของเธอดูราวกับว่ามันลัดวงจรและสูญเสียความสามารถในการคิดไป
เธอปล่อยให้ฮั่นหลางนำเธอไปด้วยการจูงมือเดินไปทีละก้าว ทีละก้าว
อย่างไรซะอี่เว่ยเว่ยก็ยังคงเป็นเด็กสาววัยเพียง
14 ปี มันเป็นจุดเริ่มต้นของวัยรุ่น
เนื่องจากพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของอี่เว่ยเว่ยทำให้เธอไม่เคยสัมผัสใครมาก่อนและถ้าไม่ใช่เพราะฮั่นหลาง
เธออาจจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกในสัมผัสตลอดช่วงชีวิตของเธอ
คุณยังจำถึงสัมผัสแรกที่ได้จับมือของเพศตรงข้ามได้อยู่ไหม? ความรู้สึกที่หัวใจเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะและความรู้สึกเขินอายนั่นเป็นสิ่งที่อี่เว่ยเว่ย
รู้สึกอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดงอย่างน่าสงสัย หัวใจของเธอเริ่มเต้นถี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยประสบมาก่อน
เส้นทางบนภูเขาหิมะนั้นยากลำบากถึงแม้ฮั่นหลางจะมีพลังสูญสิ้น
แต่พวกเขาก็ยังคงเดินไปอย่างช้าๆ อี่เว่ยเว่ยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกนำพาโดยความรู้สึกที่น่าพิศวง
เพราะความสามารถในการต้านทานต่อพลังพิเศษของฮั่นหลาง
ทั้งตัวของ อี่เว่ยเว่ยรู้สึกหนาวสั่นหากแต่มือของเธอที่อยู่ในอุ้งมือของฮั่นหลางกลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น
อี่เว่ยเว่ยเริ่มรู้สึกอยากจะกระโจนทั้งร่างของเธอไปอยู่ในอ้อมกอดของฮั่นหลาง
นั้นเพราะฮั่นหลางเป็นเหมือนกับเตาผิงที่อบอุ่น
สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือความอบอุ่นเช่นนี้
ถึงจะรู้สึกแปลกๆ
แต่มือของฮั่นหลางนั้นอบอุ่นมาก
อี่เว่ยเว่ยตระหนักว่าตนเองไม่ต้องการจะปล่อยมือนี้ไป
ชูวว ~
ในที่สุดฮั่นหลางและอี่เว่ยเว่ย
ก็ผ่านระยะทางสุดท้ายมาถึงยอดเขาได้สำเร็จ ระบบฟื้นคืนความแข็งแกร่งให้ทั้งสองโดยอัตโนมัติ
อี่เว่ยเว่ยรู้สึกโล่งใจในทันทีและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆฮั่นหลางทั้งยังระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อืม
ตอนนี้เราน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เธอช่วยปล่อยมือได้ไหม?” ฮั่นหลางพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ
อี่เว่ยเว่ยเพิ่งรู้ว่าเธอยังคงจับมือของฮั่นหลางไว้แน่น
ราวกับว่าเธอกลัวว่าฮั่นหลางจะทิ้งเธอไป
“ฮื้ม ~”
ความดื้อรั้นของอี่เว่ยเว่ยเริ่มเผยออกมาอีกครั้ง
เธอรีบรั้งมือที่ขาวดั่งหิมะของเธอกลับมา ทั้งสองนั่งอยู่เคียงข้างกันที่พื้นดิน
หันหน้าไปทางหิมะขาวโพลนนับพันไมล์ มันเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม
อี่เว่ยเว่ยเฝ้ามองฮั่นหลางที่อยู่ใกล้ๆด้วยความอยากรู้ ‘อายุยังน้อย
ไม่น่าเกลียด แต่ก็ไม่หล่อ ร่างกายของเขาไม่บึกบึนแต่ก็ไม่ผอม
นอกจากนั้นเขาจะมีเสน่ห์มากเมื่อเขายิ้ม’
ชายผู้นี้ดูราวกับสัตว์ประหลาดเขาสามารถที่จะสัมผัสมือของเธอและยังคงไม่เป็นอะไร?
คิดถึงเรื่องนี้ อี่เว่ยเว่ยก็มองไปที่มือเล็กๆของเธอ
นิ้วมือของเธอขาวและบอบบางสมบูรณ์แบบมาก
บางทีอาจเป็นเพราะความจริงที่ว่าเธอสวมถุงมืออยู่เสมอ มือของอี่เว่ยเว่ยดูแลรักษาดีกว่าเด็กสาวคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามพวกมันอ่อนแอราวกับว่าไม่มีกระดูกและฮั่นหลางก็น่าที่จะรู้ในเมื่อเขาได้สัมผัสมันมาในก่อนหน้านี้
“การทดสอบการต่อสู้หลังจากนี้มันคงจะยากลำบาก”
อี่เว่ยเว่ยกล่าวออกมาในทันใดนั้น
หลังจากที่เธอกล่าวจบ
เธอก็รู้สึกเหมือนตบหน้าตัวเองไปสองที… ทำไมเธอถึงบอกกับคนต่ำช้าไร้ยางอายในเรื่องนี้?
สมองของเธอลัดวงจรหรืออย่างไร?
ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อยและพูดออกมาเหมือนกับว่าเขาคิดเรื่องอื่นอยู่ “อา แต่หลังจากนี้เราอาจไม่ได้พบกันอีก”
อี่เว่ยเว่ย
อยากจะถามว่าทำไมแต่เธอก็หยุดตัวเองได้ทันก่อนที่จะเอ่ยปากออกไปมันคงจะดูเหมือนกับว่าเธอห่วงใยเขา
เธอมีทิฐิมากเกินไปที่จะเอ่ยปากถามออกไปเช่นนั้น
“อย่างไรก็ตามโลกนั้นอ่อนแอ
แต่มันยังคงเป็นครอบครัวของฉัน…” ฮั่นหลาง
ตบร่างกายตนเองเพื่อปัดเศษหิมะออกและมองดูเด็กสาวคนสวยผมสีบลอนด์ แต่อี่เว่ยเว่ยได้หันใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอหนีสายตาของฮั่นหลางด้วยความประหม่า
“ดีใจที่ได้พบกับเธอนะ
แต่ในตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว” ฮั่นหลางกล่าวและเดินเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยก้าวที่ยาว
แต้มพิเศษของการทดสอบของรอบที่สามจะได้รับโดยอัตโนมัติ
ตราบใดที่คนผู้นั้นสามารถเดินมาได้ถึงจุดสูงสุด
อย่างไรก็ตามการทดสอบนี้เป็นเรื่องยากของคนส่วนใหญ่ที่จะสามารถทำมันได้สำเร็จ
บนท้องฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยพลุดอกไม้ไฟซึ่งเปลี่ยนเป็นข้อความแสดงความยินดีกับฮั่นหลางเมื่อได้คะแนนที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง
เรื่องนี้ทำให้ได้รับความชื่นชมและอิจฉาในบรรดากลุ่มเอสเปอร์ที่ยังคงดิ้นรนอยู่บนภูเขา
แต่ฮั่นหลางไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
เขาตรงกลับบ้านในทันที
เมื่อกลับมาสู่โลก
หลี่มู่อวิ๋นไม่ได้อยู่ที่นั่น หลวงจีนและเอสเปอร์คนอื่นๆ แสดงความยินดีกับฮั่นหลางในการทดสอบทั้งสามรอบ
ฮั่นหลางมองนาฬิกา เนื่องจากเขามีนัดกับหลี่ฉี่เพื่อไปดูอาการปู่สี่ที่โรงพยาบาลว่าหลังจากที่ได้ใช้ยารักษาศูนย์คลื่นสมองและยาฟื้นฟูไปแล้วจะดีขึ้นหรือยัง ซึ่งตอนนี้มันก็ใกล้ได้เวลานัดแล้ว
ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวลาทุกคนและรีบออกจากศูนย์บริหารเอสเปอร์
……
อีกฟากหนึ่งของทางช้างเผือก
บ้านของอี่เว่ยเว่ย
ฮั่นหลางและอี่เว่ยเว่ยมาจากสองโลกที่แตกต่างกัน
ฮั่นหลางอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆบนโลกและไม่ได้เป็นเจ้าของรังไหมประเมินหรือรังไหมจำลอง
กลับต้องไปที่ศูนย์บริหารเอสเปอร์เพื่อใช้ของสาธารณะ
แต่อี่เว่ยเว่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่เปรียบได้ดั่งพระราชวังและเธอไม่ได้มีเพียงรังไหมจำลองเป็นของส่วนตัว
แต่ยังมีห้องเฉพาะเพื่อจัดเก็บรังไหมจำลองที่มีขนาดแตกต่างกันเพื่อใช้งานหลากหลายวัตถุประสงค์
ตอนนี้อี่เว่ยเว่ยกลับออกมาจากการทดสอบแรงกดดัน
แต่เธอก็ไม่ได้เดินออกจากห้อง กลับเดินไปที่หน้าต่างแทนและเปิดบานหน้าต่างออก
เธอจ้องมองไปที่ทุ่งหญ้าเขียวขจีและป่าที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้พรมแดนนอกบ้านของเธอ
ภูเขาสูงและน้ำตกในระยะไกลแม้แต่นกที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลทั้งหมดของตระกูลอี่
อี่เว่ยเว่ยเอนตัวพิงขอบหน้าต่างและลูบถุงมือของเธออย่างมีความหมาย
ในช่วงชีวิตที่ไม่ได้ยาวนานเท่าใดนักของเธอ
ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นเท่าวันนี้ เกิดอยู่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เสื้อผ้าที่สวยงามหรืออาหารอร่อย
แต่มันคืออิสรภาพ
เธอสามารถเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ได้อย่างง่ายดายเพียงเอ่ยปากหนึ่งครั้ง
แต่อิสรภาพ มีอิสระในการสวมชุดเดรสสั้นเช่นเดียวกับหญิงสาวคนอื่นๆ
อิสระที่จะเลี้ยงดูกระต่ายน้อยและมีลูกแมวน้อยๆสักตัวในบ้านนี้เป็นสิ่งที่อี่เว่ยเว่ยไม่เคยมี
แม้ว่าคฤหาสน์ของตระกูลอี่จะใหญ่โต
แต่กลับไม่มีสัตว์เลี้ยงแม้แต่ตัวเดียว เมื่อเว่ยเว่ยยังเป็นเด็กเล็กพ่อของเธอเคยให้ลูกสุนัขกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยง
มันเป็นสุนัขที่มีสีขาวที่งดงามมีดวงตากลมโตและมีหางเป็นพวงยาวตัวเล็กๆ หางของมันส่ายไปมาไม่หยุด
แต่เมื่อลูกสุนัขตัวนี้กระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของเว่ยเว่ย
เพื่อออดอ้อนเธอ โศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น พายุสายฟ้าพลังที่น่าเกร่งกลัวของเด็กสาว
ได้ฆ่าลูกสุนัขน้อยตัวนี้อย่างง่ายดาย เว่ยเว่ยมองไปที่ลูกสุนัขตัวเล็กๆที่ไร้วิญญาณในอ้อมแขนของเธอ
มันทำให้รู้สึกเศร้าและเสียใจเป็นเวลานาน
เริ่มตั้งแต่วันนั้นเธอจึงรู้ว่าเธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดชั่วชีวิตของเธอ
จนมาถึงวันนี้ วันที่เว่ยเว่ยได้พบกับชายหนุ่ม
เขาเป็นคนที่พิเศษอย่างมาก ฮั่นหลางไม่ใช่เจ้าชายรูปงามขี่ม้าสีขาว
แต่ฮั่นหลางไม่เกรงกลัวเธอแม้สักน้อยซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่จะหนีไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งด้วยความกลัวเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นเธอ
ดวงตาของพวกเขาที่มองเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันช่วยไม่ได้ที่เว่ยเว่ยจะก้มลงมองมือน้อยอันบอบบางของตน
มือคู่อันขาวเนียนและสวยงามคู่นี้ แม้จะงดงามแต่มันก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว
มันถูกทำให้มีมลทินโดยชายหนุ่มคนนั้น
อี่หัวบ่าวรับใช้ชราผู้ซื่อสัตย์
ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกประตูพยายามมองสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ท่านพ่อบ้านกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ?”
หัวหน้าทหารอารักขาร่างยักษ์ อี่เคียงทงถามซอกแซกออกมา
อี่หัวยิ้มออกมา “มองดูคุณหนูของเรา วันนี้เหมือนมีใครบางคนแตะต้องมือคุณหนูของเรา”
สีหน้าของอี่เคียงทงแสดงอาการโกรธแค้นออกมา
“มันคือใคร?! สารเลวไหนที่อยากตายในตอนนี้?! ผมจะไปฆ่ามัน!”
อี่หัวขมวดคิ้วและกล่าวออกมาว่า
“หุบปากของเจ้าซะ! เจ้าไม่เข้าใจในเงื่อนไขของครอบครัวเรางั้นหรือ? ถ้าหากนายหญิงผู้อื่นในตระกูลถูกสัมผัสโดยบุคคลภายนอกถือเป็นอาชญากรรม
แต่บางคนที่สามารถสัมผัสคุณหนูของเราถือเป็นของขวัญจากสวรรค์!
เจ้าช่างโง่นักหรือเจ้าไม่รู้จักวิธีการใช้สมอง?”
อี่เคียงทงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่
ในที่สุดก็เข้าใจ ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ผู้นี้ก็แหกปากร้องไห้ออกมา
“เขาไม่กลัวพายุสายฟ้าของคุณหนูเช่นนั้นหรือ?”
เขาถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ชัดเจนว่า ไม่”
บ่าวรับใช้ชราอี่หัวตอบออกมา “ชายหนุ่มผู้นี้
อาจมีพลังพิเศษที่พบเจอได้ยากที่สามารถควบคุมความน่ากลัวของพายุสายฟ้าของคุณหนูได้
เขาจับมือคุณหนูและพากันเดินผ่านระยะทางสุดท้ายของการทดสอบรอบที่สาม”
ในตอนนี้ใบหน้าของอี่เคียงทงเต็มไปด้วยน้ำตา
เขาไม่อาจหยุดน้ำตาของตนเองได้ “ในที่สุดสวรรค์ก็เมตตา! มีบางคนที่สามารถควบคุมพายุสายฟ้าของคุณหนูได้
ครอบครัวอี่ของเรารอดแล้ว! ตระกูลนี้จะตกเป็นของเจ้าชายผู้นั้น? ภูมิหลังตระกูลเขาเป็นอย่างไร? เขาอาศัยอยู่ที่ไหน?
หากท่านบอกข้ามา ข้าจะนำทีมไปจับเขาแล้วพาเข้ากลับมายังที่นี้ !”
“จับตูดพ่อแกสิ!” สีหน้าของอี่หัวดูหัวเสียและโกรธ “นี่อาจเป็น
เพียงโอกาสเดียวของตระกูลอี่ของเรา ดังนั้นเจ้าจงหยุดเห่าซะ!
หากเจ้าทำลายโอกาสของคุณหนู ดูสิว่าข้าจะจัดการกับเจ้ายังไง!”
555 หัวหน้าองครักษ์รีบเกินน
ตอบลบนางเอกสินะๆๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบรอพระเอกเปิดเขตแดนก่อนเถอะ คราวนี้จะเลี้ยงนกเลี้ยงกระต่ายไร้ประกายสายฟ้าแน่นอน
ตอบลบปล.เงื่อนไขพระเอกโคตรเข้าทาง คนอื่นอย่างมากก็แค่ต้านทาน (เสี่ยวอี้ช๊อตคนต้านทานไม่ได้แต่กระต่ายไม่รอดฮะ) แต่พระเอกนี่เปิดปิดได้ตามใจชอบ
ว่าแต่กลัวว่าพระเอกจะโดนเหล่าองค์รักษ์ตามล่ามาถวายคุณหนูแทนเนี้ยแหละฮะ หัวหน้าทหารองค์รักษ์นี่ล่ำๆ จะนำหน่วยจู่โจมบุกลักพาตัวมาแล้วเชียว 5555
สรุปได้ว่าถ้าไม่เอาพี่ฮั่น ชาตินี้ก็อย่าหวังมีผัว
ตอบลบ