เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

GDN 022 ลาก่อนอี่เว่ยเว่ย


แปะ ~

เมื่อร่างของอี่เว่ยเว่ยเริ่มโซเซจะล้มลง ฮั่นหลางก็มาอยู่ที่ด้านหลังของเธอ เขาเอื้อมมือไปคว้าเธอเอาไว้โดยไม่คิดอะไร

อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เพราะเธอนั้นน่ารักมาก แต่มันเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเห็นใครสักคนล้มลงต่อหน้าพวกเขา มันเป็นสิ่งที่กระทำออกไปตามสัญชาตญาณทางธรรมชาติ

ฮั่นหลางดึงอี่เว่ยเว่ยกลับออกมาจากขอบหน้าผา โดยไม่ได้ปล่อยมือออกจากมือเล็กๆของเธอ เขายังคงลากเธอเดินไปขึ้นไปยังจุดสูงสุดของภูเขาหิมะ

เวลาปีนภูเขาไม่ควรจะทำเช่นนี้ มีคำพูดที่ดีประโยคหนึ่งบอกไว้ว่า ภาวะสิ้นหวังอาจทำให้คุณเร็วขึ้นแต่แท้จริงแล้วมันกลับช้าลง

ดูที่เท้า เดินตามฉันมาทีละก้าว

อย่าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่งั้นเราทั้งคู่จะตกลงไปในหุบเหวและเราทั้งคู่จะพลาดโอกาส

ฮั่นหลางเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีคอยจูงมืออี่เว่ยเว่ย และอี่เว่ยเว่ยก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกเหนื่อยมาก สมองของเธอดูราวกับว่ามันลัดวงจรและสูญเสียความสามารถในการคิดไป เธอปล่อยให้ฮั่นหลางนำเธอไปด้วยการจูงมือเดินไปทีละก้าว ทีละก้าว

อย่างไรซะอี่เว่ยเว่ยก็ยังคงเป็นเด็กสาววัยเพียง 14 ปี มันเป็นจุดเริ่มต้นของวัยรุ่น เนื่องจากพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของอี่เว่ยเว่ยทำให้เธอไม่เคยสัมผัสใครมาก่อนและถ้าไม่ใช่เพราะฮั่นหลาง เธออาจจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกในสัมผัสตลอดช่วงชีวิตของเธอ
 
คุณยังจำถึงสัมผัสแรกที่ได้จับมือของเพศตรงข้ามได้อยู่ไหม? ความรู้สึกที่หัวใจเต้นถี่ไม่เป็นจังหวะและความรู้สึกเขินอายนั่นเป็นสิ่งที่อี่เว่ยเว่ย รู้สึกอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดงอย่างน่าสงสัย หัวใจของเธอเริ่มเต้นถี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยประสบมาก่อน

เส้นทางบนภูเขาหิมะนั้นยากลำบากถึงแม้ฮั่นหลางจะมีพลังสูญสิ้น แต่พวกเขาก็ยังคงเดินไปอย่างช้าๆ อี่เว่ยเว่ยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกนำพาโดยความรู้สึกที่น่าพิศวง

เพราะความสามารถในการต้านทานต่อพลังพิเศษของฮั่นหลาง ทั้งตัวของ อี่เว่ยเว่ยรู้สึกหนาวสั่นหากแต่มือของเธอที่อยู่ในอุ้งมือของฮั่นหลางกลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น อี่เว่ยเว่ยเริ่มรู้สึกอยากจะกระโจนทั้งร่างของเธอไปอยู่ในอ้อมกอดของฮั่นหลาง นั้นเพราะฮั่นหลางเป็นเหมือนกับเตาผิงที่อบอุ่น สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือความอบอุ่นเช่นนี้

ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่มือของฮั่นหลางนั้นอบอุ่นมาก อี่เว่ยเว่ยตระหนักว่าตนเองไม่ต้องการจะปล่อยมือนี้ไป

ชูวว ~

ในที่สุดฮั่นหลางและอี่เว่ยเว่ย ก็ผ่านระยะทางสุดท้ายมาถึงยอดเขาได้สำเร็จ ระบบฟื้นคืนความแข็งแกร่งให้ทั้งสองโดยอัตโนมัติ อี่เว่ยเว่ยรู้สึกโล่งใจในทันทีและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆฮั่นหลางทั้งยังระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

อืม ตอนนี้เราน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว เธอช่วยปล่อยมือได้ไหม?” ฮั่นหลางพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ

อี่เว่ยเว่ยเพิ่งรู้ว่าเธอยังคงจับมือของฮั่นหลางไว้แน่น ราวกับว่าเธอกลัวว่าฮั่นหลางจะทิ้งเธอไป

ฮื้ม ~”

ความดื้อรั้นของอี่เว่ยเว่ยเริ่มเผยออกมาอีกครั้ง เธอรีบรั้งมือที่ขาวดั่งหิมะของเธอกลับมา ทั้งสองนั่งอยู่เคียงข้างกันที่พื้นดิน หันหน้าไปทางหิมะขาวโพลนนับพันไมล์ มันเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม

อี่เว่ยเว่ยเฝ้ามองฮั่นหลางที่อยู่ใกล้ๆด้วยความอยากรู้  อายุยังน้อย ไม่น่าเกลียด แต่ก็ไม่หล่อ ร่างกายของเขาไม่บึกบึนแต่ก็ไม่ผอม นอกจากนั้นเขาจะมีเสน่ห์มากเมื่อเขายิ้ม

ชายผู้นี้ดูราวกับสัตว์ประหลาดเขาสามารถที่จะสัมผัสมือของเธอและยังคงไม่เป็นอะไร

คิดถึงเรื่องนี้ อี่เว่ยเว่ยก็มองไปที่มือเล็กๆของเธอ นิ้วมือของเธอขาวและบอบบางสมบูรณ์แบบมาก บางทีอาจเป็นเพราะความจริงที่ว่าเธอสวมถุงมืออยู่เสมอ มือของอี่เว่ยเว่ยดูแลรักษาดีกว่าเด็กสาวคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามพวกมันอ่อนแอราวกับว่าไม่มีกระดูกและฮั่นหลางก็น่าที่จะรู้ในเมื่อเขาได้สัมผัสมันมาในก่อนหน้านี้

การทดสอบการต่อสู้หลังจากนี้มันคงจะยากลำบากอี่เว่ยเว่ยกล่าวออกมาในทันใดนั้น

หลังจากที่เธอกล่าวจบ เธอก็รู้สึกเหมือนตบหน้าตัวเองไปสองทีทำไมเธอถึงบอกกับคนต่ำช้าไร้ยางอายในเรื่องนี้? สมองของเธอลัดวงจรหรืออย่างไร?

ฮั่นหลางพยักหน้าเล็กน้อยและพูดออกมาเหมือนกับว่าเขาคิดเรื่องอื่นอยู่  อา แต่หลังจากนี้เราอาจไม่ได้พบกันอีก

อี่เว่ยเว่ย อยากจะถามว่าทำไมแต่เธอก็หยุดตัวเองได้ทันก่อนที่จะเอ่ยปากออกไปมันคงจะดูเหมือนกับว่าเธอห่วงใยเขา เธอมีทิฐิมากเกินไปที่จะเอ่ยปากถามออกไปเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามโลกนั้นอ่อนแอ แต่มันยังคงเป็นครอบครัวของฉัน…” ฮั่นหลาง ตบร่างกายตนเองเพื่อปัดเศษหิมะออกและมองดูเด็กสาวคนสวยผมสีบลอนด์ แต่อี่เว่ยเว่ยได้หันใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอหนีสายตาของฮั่นหลางด้วยความประหม่า
 
ดีใจที่ได้พบกับเธอนะ แต่ในตอนนี้ฉันต้องไปแล้วฮั่นหลางกล่าวและเดินเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยก้าวที่ยาว แต้มพิเศษของการทดสอบของรอบที่สามจะได้รับโดยอัตโนมัติ ตราบใดที่คนผู้นั้นสามารถเดินมาได้ถึงจุดสูงสุด อย่างไรก็ตามการทดสอบนี้เป็นเรื่องยากของคนส่วนใหญ่ที่จะสามารถทำมันได้สำเร็จ

บนท้องฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยพลุดอกไม้ไฟซึ่งเปลี่ยนเป็นข้อความแสดงความยินดีกับฮั่นหลางเมื่อได้คะแนนที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง เรื่องนี้ทำให้ได้รับความชื่นชมและอิจฉาในบรรดากลุ่มเอสเปอร์ที่ยังคงดิ้นรนอยู่บนภูเขา

แต่ฮั่นหลางไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาตรงกลับบ้านในทันที

เมื่อกลับมาสู่โลก หลี่มู่อวิ๋นไม่ได้อยู่ที่นั่น หลวงจีนและเอสเปอร์คนอื่นๆ แสดงความยินดีกับฮั่นหลางในการทดสอบทั้งสามรอบ ฮั่นหลางมองนาฬิกา เนื่องจากเขามีนัดกับหลี่ฉี่เพื่อไปดูอาการปู่สี่ที่โรงพยาบาลว่าหลังจากที่ได้ใช้ยารักษาศูนย์คลื่นสมองและยาฟื้นฟูไปแล้วจะดีขึ้นหรือยัง  ซึ่งตอนนี้มันก็ใกล้ได้เวลานัดแล้ว

ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวลาทุกคนและรีบออกจากศูนย์บริหารเอสเปอร์

……

อีกฟากหนึ่งของทางช้างเผือก บ้านของอี่เว่ยเว่ย

ฮั่นหลางและอี่เว่ยเว่ยมาจากสองโลกที่แตกต่างกัน ฮั่นหลางอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆบนโลกและไม่ได้เป็นเจ้าของรังไหมประเมินหรือรังไหมจำลอง กลับต้องไปที่ศูนย์บริหารเอสเปอร์เพื่อใช้ของสาธารณะ

แต่อี่เว่ยเว่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่เปรียบได้ดั่งพระราชวังและเธอไม่ได้มีเพียงรังไหมจำลองเป็นของส่วนตัว แต่ยังมีห้องเฉพาะเพื่อจัดเก็บรังไหมจำลองที่มีขนาดแตกต่างกันเพื่อใช้งานหลากหลายวัตถุประสงค์

ตอนนี้อี่เว่ยเว่ยกลับออกมาจากการทดสอบแรงกดดัน แต่เธอก็ไม่ได้เดินออกจากห้อง กลับเดินไปที่หน้าต่างแทนและเปิดบานหน้าต่างออก

เธอจ้องมองไปที่ทุ่งหญ้าเขียวขจีและป่าที่ทอดยาวออกไปอย่างไร้พรมแดนนอกบ้านของเธอ ภูเขาสูงและน้ำตกในระยะไกลแม้แต่นกที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลทั้งหมดของตระกูลอี่

อี่เว่ยเว่ยเอนตัวพิงขอบหน้าต่างและลูบถุงมือของเธออย่างมีความหมาย

ในช่วงชีวิตที่ไม่ได้ยาวนานเท่าใดนักของเธอ ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นเท่าวันนี้ เกิดอยู่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เสื้อผ้าที่สวยงามหรืออาหารอร่อย แต่มันคืออิสรภาพ

เธอสามารถเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ได้อย่างง่ายดายเพียงเอ่ยปากหนึ่งครั้ง แต่อิสรภาพ มีอิสระในการสวมชุดเดรสสั้นเช่นเดียวกับหญิงสาวคนอื่นๆ อิสระที่จะเลี้ยงดูกระต่ายน้อยและมีลูกแมวน้อยๆสักตัวในบ้านนี้เป็นสิ่งที่อี่เว่ยเว่ยไม่เคยมี

แม้ว่าคฤหาสน์ของตระกูลอี่จะใหญ่โต แต่กลับไม่มีสัตว์เลี้ยงแม้แต่ตัวเดียว เมื่อเว่ยเว่ยยังเป็นเด็กเล็กพ่อของเธอเคยให้ลูกสุนัขกับเธอเป็นสัตว์เลี้ยง มันเป็นสุนัขที่มีสีขาวที่งดงามมีดวงตากลมโตและมีหางเป็นพวงยาวตัวเล็กๆ หางของมันส่ายไปมาไม่หยุด

แต่เมื่อลูกสุนัขตัวนี้กระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของเว่ยเว่ย เพื่อออดอ้อนเธอ โศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น พายุสายฟ้าพลังที่น่าเกร่งกลัวของเด็กสาว ได้ฆ่าลูกสุนัขน้อยตัวนี้อย่างง่ายดาย เว่ยเว่ยมองไปที่ลูกสุนัขตัวเล็กๆที่ไร้วิญญาณในอ้อมแขนของเธอ มันทำให้รู้สึกเศร้าและเสียใจเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่วันนั้นเธอจึงรู้ว่าเธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดชั่วชีวิตของเธอ

จนมาถึงวันนี้ วันที่เว่ยเว่ยได้พบกับชายหนุ่ม เขาเป็นคนที่พิเศษอย่างมาก ฮั่นหลางไม่ใช่เจ้าชายรูปงามขี่ม้าสีขาว แต่ฮั่นหลางไม่เกรงกลัวเธอแม้สักน้อยซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่จะหนีไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งด้วยความกลัวเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นเธอ ดวงตาของพวกเขาที่มองเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันช่วยไม่ได้ที่เว่ยเว่ยจะก้มลงมองมือน้อยอันบอบบางของตน มือคู่อันขาวเนียนและสวยงามคู่นี้ แม้จะงดงามแต่มันก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว มันถูกทำให้มีมลทินโดยชายหนุ่มคนนั้น 

อี่หัวบ่าวรับใช้ชราผู้ซื่อสัตย์ ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกประตูพยายามมองสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ท่านพ่อบ้านกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ?” หัวหน้าทหารอารักขาร่างยักษ์ อี่เคียงทงถามซอกแซกออกมา

อี่หัวยิ้มออกมา มองดูคุณหนูของเรา วันนี้เหมือนมีใครบางคนแตะต้องมือคุณหนูของเรา

สีหน้าของอี่เคียงทงแสดงอาการโกรธแค้นออกมา มันคือใคร?! สารเลวไหนที่อยากตายในตอนนี้?! ผมจะไปฆ่ามัน!

อี่หัวขมวดคิ้วและกล่าวออกมาว่า หุบปากของเจ้าซะ! เจ้าไม่เข้าใจในเงื่อนไขของครอบครัวเรางั้นหรือ? ถ้าหากนายหญิงผู้อื่นในตระกูลถูกสัมผัสโดยบุคคลภายนอกถือเป็นอาชญากรรม แต่บางคนที่สามารถสัมผัสคุณหนูของเราถือเป็นของขวัญจากสวรรค์! เจ้าช่างโง่นักหรือเจ้าไม่รู้จักวิธีการใช้สมอง?”

อี่เคียงทงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็เข้าใจ ทันใดนั้นชายร่างใหญ่ผู้นี้ก็แหกปากร้องไห้ออกมา 

เขาไม่กลัวพายุสายฟ้าของคุณหนูเช่นนั้นหรือ?” เขาถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

ชัดเจนว่า ไม่บ่าวรับใช้ชราอี่หัวตอบออกมา ชายหนุ่มผู้นี้ อาจมีพลังพิเศษที่พบเจอได้ยากที่สามารถควบคุมความน่ากลัวของพายุสายฟ้าของคุณหนูได้ เขาจับมือคุณหนูและพากันเดินผ่านระยะทางสุดท้ายของการทดสอบรอบที่สาม

ในตอนนี้ใบหน้าของอี่เคียงทงเต็มไปด้วยน้ำตา เขาไม่อาจหยุดน้ำตาของตนเองได้  ในที่สุดสวรรค์ก็เมตตา! มีบางคนที่สามารถควบคุมพายุสายฟ้าของคุณหนูได้ ครอบครัวอี่ของเรารอดแล้ว! ตระกูลนี้จะตกเป็นของเจ้าชายผู้นั้น? ภูมิหลังตระกูลเขาเป็นอย่างไร? เขาอาศัยอยู่ที่ไหน? หากท่านบอกข้ามา ข้าจะนำทีมไปจับเขาแล้วพาเข้ากลับมายังที่นี้ !


จับตูดพ่อแกสิ!” สีหน้าของอี่หัวดูหัวเสียและโกรธ นี่อาจเป็น เพียงโอกาสเดียวของตระกูลอี่ของเรา ดังนั้นเจ้าจงหยุดเห่าซะ! หากเจ้าทำลายโอกาสของคุณหนู ดูสิว่าข้าจะจัดการกับเจ้ายังไง!

5 ความคิดเห็น:

  1. 555 หัวหน้าองครักษ์รีบเกินน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ16 ตุลาคม 2560 เวลา 19:32

    รอพระเอกเปิดเขตแดนก่อนเถอะ คราวนี้จะเลี้ยงนกเลี้ยงกระต่ายไร้ประกายสายฟ้าแน่นอน
    ปล.เงื่อนไขพระเอกโคตรเข้าทาง คนอื่นอย่างมากก็แค่ต้านทาน (เสี่ยวอี้ช๊อตคนต้านทานไม่ได้แต่กระต่ายไม่รอดฮะ) แต่พระเอกนี่เปิดปิดได้ตามใจชอบ


    ว่าแต่กลัวว่าพระเอกจะโดนเหล่าองค์รักษ์ตามล่ามาถวายคุณหนูแทนเนี้ยแหละฮะ หัวหน้าทหารองค์รักษ์นี่ล่ำๆ จะนำหน่วยจู่โจมบุกลักพาตัวมาแล้วเชียว 5555

    ตอบลบ
  3. สรุปได้ว่าถ้าไม่เอาพี่ฮั่น ชาตินี้ก็อย่าหวังมีผัว

    ตอบลบ