หลี่มู่อวิ๋นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกหาประธานชูหลี่
น่าเสียดายที่ประธานชูหลี่ไม่รับโทรศัพท์ของหลี่มู่อวิ๋น เขาจึงโทรเข้าหมายเลขของเลขาของท่านประธานที่ชื่อทงเยวียอู๋
“เยวียอู๋ ทำไมท่านประธานไม่รับโทรศัพท์?
พวกคุณไปไหนกันหมด?” หลี่มู่อวิ๋นถามออกไปอย่างกระวนกระวายใจ
“เราอยู่สำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์ค
กำลังเข้าร่วมการประชุมเฉพาะกิจ เราจะไม่กลับจนกว่าจะถึงช่วงเวลาพลบค่ำ” ทงเยวียอู๋ อธิบายออกไป “ผู้อำนวยการหลี่
คุณมีข่าวสำคัญที่ต้องการฝากผมไปบอกต่อท่านประธานหรือไม่?”
หลี่มู่อวิ๋นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไปว่า
“ผมมีข่าวดีจะแจ้ง แต่รอพวกคุณกลับมาในช่วงพลบค่ำก่อนก็ได้
ผมจะรออยู่ที่สำนักงาน โทรหาผมเมื่อพวกคุณกลับมาแล้ว”
“ฉันจดลงโน๊ตแล้ว
ไม่ต้องห่วง”
หลังจากที่หลี่มู่อวิ๋น
ลุกขึ้นเขาได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา
การประเมินความสามารถของฮั่นหลางเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
แต่ยังโชคดีที่มันไม่สายเกินไป หลังจากที่ชูหลี่กลับมาและได้ยินรายงานของหลี่มู่อวิ๋น
เขาจะได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้กับฮั่นหลางอย่างดีที่สุด
แน่นอนว่าฮั่นหลางจะต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดและยังจำเป็นต้องมีผู้อำนวยการฝึกฝนเป็นการส่วนตัว
สรุปได้ว่าทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่จะต้องใช้เพื่อฟูมฟักฮั่นหลาง
อย่างไรก็ตามด้วยการที่ฮั่นหลางมีพลังพิเศษถูกจัดอยู่ในระดับSSS และศักยภาพที่น่าทึ่ง อนาคตของเขาก็ไม่อาจที่จะคาดเดาได้
หลี่มู่อวิ๋นยังคงจมอยู่ในความคิดของตนเอง
ในขณะที่หลวงจีนยังคงจดจ่ออยู่กับจอภาพแสดงสถานะการณ์ของฮั่นหลาง ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นด้วยความยินดี
"ดูนั้น! ฮั่นหลางผ่านรอบที่สองของการทดสอบแรงกดดันแล้ว! ทั้งยังมีจุดพลุดอกไม้ไฟขึ้นบนท้องฟ้า!"
พลุดอกไม้ไฟ?!
หลี่มู่อวิ๋นรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะหนึ่งและหันกลับไปที่หน้าจอ
ในตอนนี้เขาเห็นฮั่นหลางกำลังเดินออกมาจากพายุทราย
แม้ว่าแรงลมที่รุนแรงได้ฉีกเสื้อผ้าของฮั่นหลางจนขาดเป็นชิ้นๆ
เมล็ดทรายที่แหลมคมทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของฮั่นหลาง แต่การก้าวเดินของฮั่นหลางยังคงมั่นคงเช่นเดิม
เดินไปพร้อมกับเชิดศีรษะขึ้นอย่างภูมิใจ ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความภาคภูมิใจของผู้ชนะ
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขัน
ฮั่นหลาง จากโลกสำหรับการผ่านการทดสอบครั้งที่สองด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ!”
"ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขัน
ฮั่นหลาง จากโลกสำหรับการผ่านการทดสอบครั้งที่สองด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ!"
……
ชูวว~
สิ้นแสงที่วาบออกมา ฮั่นหลางก็พบว่าตนเองถูกเคลื่อนย้ายมายังจัตุรัสสถานที่เริ่มต้น
เสื้อผ้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติและบาดแผลบนใบหน้าทั้งหมดก็หายไป อย่างไรก็ตาม
มันเป็นเพียงการทดสอบเสมือนจริง
ทั้งหมดที่ต้องการก็แค่เพียงเขียนข้อมูลบางอย่างลงในระบบ
และทุกอย่างจะสามารถกลับไปเป็นปกติ
บนฟากฟ้าเหนือจตุรัสมีข้อความแสดงคะแนน
หญิงสาวสองคนที่เหมือนนักรบกำลังพูดคุยกันอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นสาวผมสีแดงที่ถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สหพันธ์โลก คือที่ไหน? เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่ผ่านการทดสอบรอบสองด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ
และฉันไม่เคยได้ยินถึงสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย”
หญิงสาวผู้มีผมสีดำเอ่ยตอบว่า
“ฮี่ฮี่ ดูเธอจะไม่รู้เรื่องนี้ สหพันธ์โลกเป็นดาวเคราะห์เล็กๆดวงหนึ่ง พวกเขามีชื่อเสียงในเรื่องของก่อกำเนิดสัตว์ประหลาด!
การชุมนุมแห่งกาแลคซี่ครั้งล่าสุด โลกได้ส่งเอสเปอร์ชื่อ คลาร์ก เอสเปอร์ระดับ 5 ดาว และไม่มีกำลังเสริมใดๆ เขาเพียงผู้เดียวตะลุยผ่านไปได้ถึง A7!”
หญิงสาวผมแดงนิ่งคิดเล็กน้อย “คลาร์ก?
ความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้ของฉันค่อนข้างเลื่อนลาง
แต่มันก็ตั้งเมื่อ 10 ปีก่อน ฉันยังเด็กเกินไปจึงลืมมันไปแล้ว”
ฮั่นหลางได้ยินบทสนทนาระหว่างสองสาว
อย่างน้อยรุ่นพี่คลาร์กก็ยังมีหน้ามีตา ฮ่าฮ่า แต่ A7 มันคืออะไร?
เมื่อใดก็ตามที่ใครบางคนผ่านการทดสอบด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบระบบจะมีข้อความประกาศขึ้นในที่สาธารณะเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ทุกคนที่อยู่ในจัตุรัสตอนนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับฮั่นหลาง หลายคนกำลังพูดถึงเขา อย่างไรซะมันก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถผ่านการทดสอบรอบสองด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ
แต่ฮั่นหลางไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจใดๆนั่นเพราะเขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าที่ตนสามารถทำได้เช่นนี้มันเป็นเพียงเพราะพลังพิเศษของเขาซึ่งทำให้พลังพิเศษใดๆก็ตามไร้ผลต่อตัวเขา
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบแรงกดดันรอบที่สาม จะเป็นส่วนของการต่อสู้ นั่นอาจทำให้ฮั่นหลางถูกยำจนเละเพราะเขาไม่เคยได้เรียนรู้เคล็ดวิธีการต่อสู้ใดๆ
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที ฮั่นหลางตัดสินใจที่จะไม่รอไปอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้
เขาตัดสินใจเดินไปข้างหน้าและเริ่มการทดสอบรอบที่สามในทันที
ด้วยวิธีนี้เขาก็จะสามารถจัดการกับกำหนดการต่างๆ จากนั้นเขาจะได้มุ่งเน้นความสนใจไปที่การฝึกฝนขังตนเองในอาณาเขตน้ำแข็งที่หนาวเย็นเพียงอย่างเดียว
ฮั่นหลางตัดสินใจในทันทีและเดินตรงไปยังจุดเคลื่อนย้ายของการทดสอบรอบที่สาม
การทดสอบรอบที่สามนี้ชื่อว่า ปีนไต่หุบเขาน้ำแข็งในขณะนี้ภูเขาหิมะที่สูงกว่า 1000 เมตรได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของฮั่นหลาง
มันดูคล้ายกับพีระมิดน้ำแข็งซึ่งมีหลายเส้นทางที่จะนำไปสู่จุดสูงสุด
ที่จุดสูงสุดของภูเขามีวิหารศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่มันส่องแสงสีทองและเปล่งประกายให้ความรู้ที่น่าพิศวง
ฮั่นหลางเริ่มเดินตรงไปอย่างไม่ลังเล
เส้นทางที่มุ่งไปยังจุดสูงสุดเป็นบันไดที่ทำมาจากหินสีฟ้า มันดูเหมือนจะไม่ได้ยากเย็นอะไรและภูเขาสูงเพียงไม่กี่พันเมตร
แต่กับคนที่ได้ลงมือปีนขึ้นไปจริงๆ จะเข้าใจถึงความสยดสยองที่ซ่อนอยู่ไว้เบื้องหลัง
ลมจากภูเขาหิมะส่งเสียงคำรามและพัดกระหน่ำกระทบใส่ร่างกายของฮั่นหลางอย่างรุนแรง
เกล็ดน้ำแข็งที่คมดุจใบมีดและทันทีหลังจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงเป็นก้อนน้ำแข็งแม้กระทั่งมีฝนตกในบางครั้ง
น้ำฝนทำให้ขั้นบันไดลื่นมากขึ้น และด้านข้างของขั้นบันไดก็ไม่มีที่ให้จับยึด
ดังนั้นมันก็ง่ายที่จะมีใครลื่นไถลล่วงหล่นสู่เหวลึกด้านล่างที่ล้อมรอบภูเขาหิมะได้อย่างง่ายดาย
การประเมินผลการทดสอบในรอบที่สามของการทดสอบแรงกดดัน
เป็นเพียงการทดสอบเดียวที่อนุญาตให้ทำการทดสอบซ้ำได้
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนสามารถทดสอบได้สามครั้ง และจะเลือกคะแนนที่ดีที่สุดจากทั้งสามครั้ง
มันแสดงให้เห็นว่าการทดสอบนี้ยากลำบากอย่างแท้จริง
“โอ้ เวรแล้ว!”
พลั๊ก! ~
“แม่ง!”
คว๊ากก~
“อย่าผลักข้า!”
พรวดด~
ถ้าหากมองจากมุมมองของผู้ชม
การปีนภูเขาหิมะเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ คนส่วนใหญ่เลือกที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อปีนขึ้นไป
แม้ว่าการปีนขึ้นไปเป็นกลุ่มอาจดูเป็นความคิดที่ดี
แต่ก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงหลายอย่าง บางครั้งช่วงเวลาที่ผู้หนึ่งในกลุ่มก้าวเดินไปและล่วงหล่นทั้งกลุ่มจะถูกลากตกลงสู่เหวลึกไปด้วยกัน
แน่นอนว่าฮั่นหลางเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับคนอื่น
เขาค้นหาเส้นทางที่คนน้อยที่สุดและเลือกที่จะปีนขึ้นไปด้วยตนเอง ขณะที่เขาเดินเขามักจะมองไปที่สองข้างทาง
เขาเห็นว่าบางครั้งผู้คนที่กำลังปีนเขาพากันลื่นล้มจนหัวทิ่ม
ในบางครั้งพวกเขาก็ลื่นล้มโดยเอาก้นกระแทกพื้น และบางครั้งคนทั้งกลุ่มก็กอดกันกลมพร้อมกับร้องเสียงหลงขณะที่พวกเขาร่วงหล่นสู่หุบเหว
ผู้คนที่เลือกเส้นทางโดดเดี่ยวส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูง
อย่างต่ำก็ 4 ดาวในขณะที่ฮั่นหลางที่เป็นเพียงเอสเปอร์ระดับเริ่มต้น
ถือว่าไม่สมควรที่จะใช้เส้นทางสันโดษเช่นนี้
อย่างไรก็ตามความเร็วของเขาก็ไม่ได้เชื่องช้าแต่อย่างใด เขาก้าวขึ้นบันไดในแต่ละก้าวด้วยอัตราความเร็วคงที่
ทุกครั้งที่ฮั่นหลางเข้าใกล้เอสเปอร์คนอื่นๆ
พวกเขาก็จะหยุดและหลีกทางให้ฮั่นหลาง แต่เมื่อพวกเขาเห็นหน้าจอที่ลอยอยู่ด้านข้างของฮั่นหลาง
แสดงขึ้นให้เห็นว่าเขาเป็นเพียงเอสเปอร์ระดับเริ่มต้น ที่มีค่าสถานะพลังพิเศษ 42 หน่วย ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างจ้องมองดูฮั่นหลางปีนเขาเหมือนกับเฝ้ามองดูปีศาจ
แต่ก็ไม่มีใครถามคำถามใดๆออกมา
ความเจ็บปวดเหลือทนจากการปีนเขาทำให้ทุกคนไม่เต็มใจที่จะเสียพลังงานในสิ่งต่างๆอย่างเช่นการพูดคุย
พายุหิมะพัดใส่ฮั่นหลางมันทำให้เขาชะลอฝีเท้าลง
และยกมือขึ้นปัดเศษน้ำแข็งบนศีรษะออกและก้าวเดินต่อไป
เนื่องจากความจริงที่ว่า
ฮั่นหลางมีภูมิต้านทานต่อพลังพิเศษ ดังนั้นการปีนภูเขาหิมะนี้ก็เหมือนกับการปีนเขาธรรมดา
จึงเปรียบเสมือนการออกกำลังร่างกายสำหรับฮั่นหลางเท่านั้น
คนธรรมดาโดยทั่วไปเมื่อเดินขึ้นภูเขาสูงนับพันเมตร
มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฮั่นหลางที่เป็นถึงเอสเปอร์
แม้ว่าค่าสถานะพลังพิเศษเขาจะน้อยนิดเพียงใด แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปอยู่ดี
หลังผ่านไป 3 ชั่วโมงฮั่นหลางก็ก้าวมาถึงระยะทางสุดท้ายแล้ว
ที่ป้ายบอกทางแสดงให้เห็นว่าฮั่นหลางอยู่ห่างจากจุดสูงสุดพียง 50 เมตร ใกล้กันกับป้ายบอกทางนั้นเป็นพื้นที่พักช่วงสุดท้ายก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปยังจุดสูงสุดและผู้เข้าแข่งขันทุกคนสามารถเข้าไปพักได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะล่วงหล่นสู่หุบเหว
ฮั่นหลางมองไปรอบๆ
นอกจากเขาแล้วมีอีกคนหนึ่ง เป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ เธอมีใบหน้าดูน่ารักและผมสีทองเงางาม
ไม่ใช่ว่าเธอคือ อี่เว่ยเว่ย ที่เขาได้ช่วยเหลือไว้ครั้งที่แล้วหรอกหรือ?!
อี่เว่ยเว่ยยังคงสวมชุดหนังสีดำโดยเปิดเผยให้เห็นเพียงมือเล็กๆสองข้าง
และใบหน้าเท่านั้น เธอกำลังนั่งยองๆอยู่บนพื้นและหายใจอย่างหนักหน่วง
ใบหน้าสวยของเธอดูซีดขาวราวหิมะ
อี่เว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นมา
เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของเธอ และเมื่อเธอเห็นฮั่นหลาง มันก็ทำให้เธอตะลึงงันไปในทันที
ในความคิดของเธอฮั่นหลางเป็นคนไร้ยางอายที่มีเจตนาหยาบช้าหรือชั่วร้ายบางอย่าง
และในขณะนี้ไอ้ตัวต่ำช้าไร้ยางอายนี้กำลังยิ้มและโบกมือให้กับเธอ!
เพื่อที่จะมาถึงจุดนี้
อี่เว่ยเว่ยต้องใช้พลังงานไปอย่างมากมายและรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับจะแตกสลายเธอไม่สามารถแม้แต่จะรู้สึกถึงขาของเธอได้ในขณะนี้
แต่เมื่อเธอมองไปที่ฮั่นหลาง
สีหน้าและลมหายใจยังคงปกติซึ่งเขายังคงมีพลังเหลือเฟือที่จะยกมือโบกทักทาย
อี่เว่ยเว่ยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง
“ช่างบังเอิญจริงๆ!”
ฮั่นหลางหัวเราะและพูดขึ้นมา
ถ้าอี่เว่ยเว่ยยังมีแรงเหลืออยู่
เธอคงจะตะโกนด่ากราดฮั่นหลางแน่ๆ แต่เธอในตอนนี้แทบจะไม่มีแรงเพียงพอที่จะหาเรื่องทะเลาะกับใคร
และไอ้คนไร้ยางอายผู้นี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังคงตีหน้ามึนโบกมือให้เธอเเละเดินเข้ามาหา
ทันทีที่อี่เว่ยเว่ยคิดถึงครั้งสุดท้ายที่ฮั่นหลางแตะต้องมือเธอ
มันทำให้เธอเริ่มรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
สาวน้อยพายุสายฟ้าอี่เว่ยเว่ย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มือของเธอสามารถถูกสัมผัสโดยผู้อื่นได้อย่างสบายเช่นนั้น? ตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้ แม้แต่พ่อแม่ของเธอก็ไม่เคยแตะต้องมือของเธอมาก่อน
แต่ตอนนี้ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้สามารถแตะต้องมันได้? เกิดบ้าอะไรขึ้น?
อี่เว่ยเว่ยมีบุคลิกที่ดื้อรั้นและในตอนนี้เมื่อพบกับฮั่นหลางมันได้กระตุ้นบุคลิกของเธออีกครั้ง
เธอถลึงตาแยกเขี้ยวขู่ใส่ฮั่นหลาง
หันหลังกลับและเริ่มวิ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด
“อีก 50 เมตรเท่านั้น! ถ้าฉันสามารถอดทนให้ได้อีกหน่อย ฉันก็สามารถทำมันได้!
ฉันจะไม่ยอมแพ้ให้กับไอ้คนต่ำช้าไร้ยางอายนั้นเด็ดขาด!” อี่เว่ยเว่ยกล่าวออกมาให้กำลังใจกับตนเอง
สำหรับฮั่นหลาง
แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็ไม่เป็นไรถ้าอี่เว่ยเว่ยจะไม่ได้กล่าวขอบคุณเขา
แต่ทำไมเธอถึงได้วิ่งหนีไปเช่นนี้?
ฮั่นหลางยักไหล่และเดินตามอี่เว่ยเว่ย
ก้าวเดินขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
ฮั่นหลางยังคงรักษาความเร็วในการปีนขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
แต่อี่เว่ยเว่ย รีดเร้นพลังงานสูงสุดออกมาใช้วิ่งขึ้นไปรวดเดียวซึ่งเป็นการละเมิดกฎพื้นฐานที่สุดในการปีนเขา
เมื่อปีนเขาสิ่งเลวร้ายที่สุดคือการวิ่งขึ้นอย่างรีบเร่ง
ด้วยเส้นทางที่ยาวไกลไปจนถึงจุดสูงสุด เส้นทางจะจบลงด้วยการวิ่งได้อย่างไร? นักปีนเขาจะต้องมีความอดทนและค่อยๆก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคง
แน่นอนว่าอี่เว่ยเว่ยเพียงก้าวขึ้นไปได้ไม่กี่ขั้นก็รู้สึกหน้ามืด
เธอรู้สึกราวกับว่าพลังงานมากมายกำลังถูกดึงออกจากร่างกายและขาของเธอสั่นยากที่จะประคองตัว
พูดตามตรงเธอเป็นเด็กสาวที่ดื้อดึง
แม้ว่าพลังงานของเธอเกือบหมดสิ้นโดยสมบูรณ์ แต่เธอยังกัดฟันและไม่ยอมแพ้
สำหรับเด็กสาววัย 14 ปี
บุคลิกเช่นนี้พบเจอได้ยากนักและน่าประทับใจจริงๆ
แต่ฮั่นหลางมีภูมิต้านทานต่อพลังพิเศษ
มันไม่สมควรที่จะยกเอาฮั่นหลางมาเปรียบเทียบกับอี่เว่ยเว่ย แรงกดดันที่ฮั่นหลางต้องเผชิญนั้นเล็กน้อยมากไม่ว่าจะเป็นหิมะ
เกล็ดน้ำแข็ง ลมหนาว ทุกสิ่งนั้นไม่อาจเป็นภัยต่อฮั่นหลางได้เลย แต่พวกมันกับเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่ออี่เว่ยเว่ย
ทันใดนั้น
ส่วนหนึ่งของก้อนน้ำแข็งกระทบเข้าใส่
ศีรษะของอี่เว่ยเว่ยและมันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดออกจากกัน
เธอไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ร่างกายของเธอเอนเอียงและเริ่มที่จะไถลล่วงลงสู่หุบเหว
ขอบคุณครับ
ตอบลบผู้หญิงบ้าบองี้อะนะ น่าประทับใจ ทางที่ดีขอย่าให้มีเยอะนักเลยผู้หญิงงี่เล่าแบบนี้
ตอบลบใจเยนไอชาย
ลบ