เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 051 อ่านคำเตือนก่อนฝึกบ่มเพาะ


เมื่อออกจากห้องฝึกฝนแบบปิด ทันทีที่หยางเฉินปิดประตูเรียบร้อย เขาเดินออกมาร่างของเขากระทบกับแสงแดดที่สาดส่องมา หยางเฉินสะดุ้งโดยสัญชาติญาณ เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้จะมีการแข่งขันทักษะการต่อสู้ของนิกาย

ซึ่งการแข่งขันภายในของนิกายโดยทั่วๆไปแล้วจะทำการแบ่งระดับการต่อสู้ตามระดับการบ่มเพาะของแต่ละคน หากเป็นการต่อสู้ของศิษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่างระดับกันมันจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะมีคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงคอยดูแลมันก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ดี ปกติแล้วศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกันจะทำการต่อสู้กัน ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ในดินแดนบ่มเพาะเดียวกันจึงเป็นเรื่องปกติ

ตามกฎของการแข่งขันทักษะการต่อสู้ ศิษย์ที่มีดินแดนบ่มเพาะที่ต่ำกว่าจะเก็บเกี่ยวชัยชนะแต่ละครั้งมาเป็นคะแนนสะสม เพื่อเลื่อนอันดับให้สูงขึ้น ผู้ที่อยู่ในอันดับที่สูงกว่าจะได้รับสถานะที่ดียิ่งขึ้นและจะได้รับการดูแลอย่างดี ในขณะที่ผู้ที่อยู่อันดับต่ำกว่าจะต้องเสียคะแนนสะสมมากขึ้นเพื่อรับทรัพยากรในแบบเดียวกัน กฎเหล่านี้กระตุ้นให้ศิษย์ทุกคนให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะมากยิ่งขึ้น

โดยปกติแล้ว พวกเขามีสิทธิ์ที่จะท้าทายผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า เพื่อที่จะได้รับคะแนนสะสมมากกว่าปกติและได้คะแนนพิเศษ แต่เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยปรากฏออกมาให้เห็นบ่อยนัก หากกล่าวโดยทั่วๆไป อาจารย์ของพวกเขาไม่แนะนำให้ทำการท้าทายคนที่อยู่ระดับสูงกว่า เพราะนอกเหนือจากจะได้รับบาดเจ็บที่อาจเกิดจากความพ่ายแพ้ มันยังลดความเชื่อมั่นของพวกเขา ซึ่งกำไรไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไป อันจะเป็นตัวขัดขวางเส้นทางการฝึกในเบื้องหน้าต่อไปด้วย

ผู้ที่หยางเฉินสามารถทำการแข่งขันด้วยได้ก็เป็นผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณ ทุกคนที่อยู่ในดินแดนบ่มเพาะระดับรวบรมลมปราณสามารถมีส่วนร่วมในการแข่งขันนี้ได้ภายในวันแรก จะมีการท้าทายศิษย์คนอื่นๆเพื่อต่อสู้หรืออาจจะถูกท้าทายโดยคนอื่น สถานที่จัดทำการแข่งขันนี้ย่อมถูกจัดขึ้นที่ตำหนักเก้าปฐพี

จากผลงานที่สร้างชื่อของหยางเฉินและกงซุนหลิงในการปีนบันไดสวรรค์ในปีนี้ การแข่งขันทักษะการต่อสู้ของระดับรวบรวมลมปราณในครั้งนี้ ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะมาร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง นี่นี่เป็นเหตุกระตุ้นทำให้ศิษย์ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะต่อสู้สร้างผลงาน ถ้าหากผลงานเข้าตาผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ พวกเขาก็คงไม่ต้องกังวลอนาคตในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะอีกต่อไป?

ผู้ที่จะควบคุมการแข่งขันในครั้งนี้คือศิษย์ผู้ส่งมอบ ชูเฮิง นอกจากจะตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว เขายังมีอีกหน้าที่อีกอย่างนั่นก็คือคอยช่วยเหลือผู้เข้าแข่งขันไม่ให้เป็นอันตราย ภายใต้การช่วยเหลือของผู้ฝึกบ่มเพาะระดับก่อสร้างรากฐาน อีกนับสิบ รวมทั้งตูเชี่ยนจากวิหารพิทักษ์กฏ

สำหรับหยางเฉินแล้วไม่ได้มีความต้องการที่จะท้าทายต่อสู้กับเหล่าศิษย์ตำหนักเก้าปฐพี หรือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สำหรับการบ่มเพาะใดๆทั้งสิ้น ความปราถนาเพียงอย่างเดียวของเขาคือการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกงซุนหลิง ในขณะที่ซุนไห่จิ้งก็เป็นเป้าหมายของการท้าทายความเป็นและความตาย ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลงไปทุกที จนมาถึงจุดที่จะต้องตายกันไปข้าง

สามเดือนที่ผ่านมานี้ กงซุนหลิงไม่ได้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอสามารถทะลวงผ่านดินแดนบ่มเพาะขึ้นสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด หากเปรียบเทียบเธอกับก่อนที่จะปีนบันไดสวรรค์ กงซุนหลิงในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะทำการต่อสู้กับทุกคนภายใต้ผืนฟ้าเดียวกันนี้

ด้วยพลังและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นี้ จากหญิงสาวผู้ที่แต่เดิมมีแต่ความงดงามในยามมองดูเธอ กลับมีลักษณะดุดัน ก้าวร้าว เธอได้รับการฝึกฝนตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมาและเพิ่งได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก ทุกสายตาของเหล่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณต่างมองไปที่เธอ แม้กระทั่งชูเฮิงก็หยุดชะงักเมื่อมองไปที่กงซุนหลิง มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจและยากที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

แม้ว่ากงซุนหลิงในก่อนหน้านี้จะเป็นคนที่มีอัธยาศัยที่ดี แต่ในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถสัมผัสมันได้ ลักษณะท่าทางของเธอในตอนนี้ดูเหมือนยากที่จะสามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าสายตาของทุกคนจะจ้องมองไปที่เธอแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเดินไปพูดคุยกับเธอ

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหยางเฉิน หยางเฉินทักทายกงซุนหลิงในทันทีที่เห็นเธอจากระยะไกล กงซุนหลิงหันไปมองหยางเฉินแล้วส่งยิ้มไปให้ เพียงรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏออกมา มันทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเมฆหล่นลงมาบนศรีษะพวกเขา

การทักทายยิ้มแย้มให้กันของคนทั้งสอง ได้ทำให้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งเพิ่งมาถึง แต่ยังไม่ปรากฏกาย รู้สึกถึงความผิดปกติของทั้งสอง คนผู้หนึ่งสามารถทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้ามาใกล้ หากแต่เมื่อเธอเผยรอยยิ้มออกมา มันดูราวกับแสงตะวันสาดทะลุผ่านผืนแผ่นเมฆ ในขณะที่อีกคนไม่ได้สนใจกับสถานการณ์ใดๆ เขายังรักษาความสงบไว้ได้ ราวกับศิษย์ที่ยากจะต่อกร
เป็นที่ทราบกันดี เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ในตำหนักเก้าปฐพีในตอนนี้ ต่างรู้สึกกลัวว่าความสามารถของพวกเขาจะไม่เป็นที่ประทับใจใดๆต่อผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ดังนั้นเหล่าศิษย์ต่างพากันระมัดระวังตัวเอง รวมทั้งศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินและป้องกันในการแข่งขันก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ยกเว้นหยางเฉิน กงซุนหลิงและศิษย์ระดับก่อสร้างรากฐานอีกสองสามคนที่ยังคงรักษาอาการอันสงบไว้ได้

กงซุนหลิงได้ทะลวงผ่านดินแดนการบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด ฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเธอที่เพิ่มขึ้น และพลังจิตวิญญาณของเธอได้ทะลวงไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดหวังได้จากผู้ฝึกตนทั่วๆไป ที่ศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณขั้นสามจะสามารถบ่มเพาะจนมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถปีนบันไดสวรรค์ได้ถึงสองครั้ง และยังสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบเก้าคนมีระดับการบ่มเพาะที่ถดถอย บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนปกติธรรมดาทั่วๆไป

ถึงแม้ว่าผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ จะอยู่เบื้องหน้าทุกคนและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่มันก็ยังเป็นแรงบันดาลใจต่อทุกคนที่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขามันก็ให้ความรู้สึกเป็นแบบหนึ่ง เมื่อได้เห็นตัวจริงของเขาทั้งหมดมันก็ดูแตกต่างออกไป

ซุนไห่จิ้ง ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง เขารู้มาจากชูเฮิงว่าทำไมผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์จึงมางานในวันนี้ เขาจ้องมองไปที่กงซุนหลิงและหยางเฉินที่ทักทายกันและกัน แล้วเกิดความรู้สึกว่ามันช่างไร้สาระ ถ้าหยางเฉินที่ท่านผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ตั้งความหวังไว้อย่างสูง ถูกคัดออกไปจากการแข่งขันในครั้งนี้ ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะรู้สึกอย่างไรถ้ามันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น?

ไม่เพียงแต่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ แต่ทุกนิกายล้วนแต่อนุญาตให้เหล่าศิษย์สามารถทำการท้าทายความเป็นและความตายได้ มันเป็นวิธีที่ยุติธรรมในการระงับข้อบาดหมาง และจะไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องต่อจากนั้น แต่มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะมองในแง่ไหน มีเพียงแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะเข้าใจได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ ซุนไห่จิ้งยังจะต้องกลัวอะไรอยู่อีก? กับตัวเลือก ระหว่างการที่จะกำจัดหยางเฉินระหว่างการแข่งขัน หรือฆ่าหยางเฉินในเวลาอื่นที่เขาจะก็ต้องโดนสอบสวนอยู่ดีและเขาก็ยากที่จะหลุดพ้น แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าเขาควรจะเลือกตัวเลือกไหน

ชูเฮิงได้ประกาศการเริ่มต้นการแข่งขัน ความตื่นเต้นเริ่มเกิดขึ้นภายในตำหนักเก้าปฐพี สายตาแต่ละคู่บนลานฝึกของตำหนักเริ่มมองหาคนในระดับการบ่มเพาะเดียวกันที่ตนต้องการที่จะทำการแข่งขันในทันที  แต่ในทันใดนั้นปรากฏภาพใบมีดขึ้นบนลานฝึก

หยางเฉินไม่ได้ขยับเขยื่อนไปที่ไหน  กงซุนหลิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน แต่ที่มุมมุมหนึ่ง ซุนไห่จิ้ง ได้ก้าวออกมาท้าประลองกับผู้ที่มีดินแดนบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงสุด ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาท่ามกลางฝูงชน เขาอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่ เขากล้าที่จะทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงสุดได้อย่างไร? นอกจากนี้คนที่เขาทำการท้าทายยังเป็นเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง

บนลานประลอง การท้าทายผู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่า เป็นที่มาของคะแนนสะสมที่มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ถูกท้าประลอง ดูจะมีปัญหาอยู่บ้าง เขาก็อาจถูกตำหนิหากจะดูในแง่ใช้ความแข็งแกร่งที่ได้เปรียบต่อผู้อ่อนแอ หรือความได้เปรียบในแง่ทักษะ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากต้องพ่ายแพ้ ความขายหน้าก็จะบังเกิด และโดยปกติแล้วมันก็อาจจะพอมีบ้างที่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสามจะทำการท้ายทายศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่ หรือ ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่จะทำการท้ายทายศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นห้า แต่ไม่เคยมีมาก่อนที่ระดับของผู้ท้าทายและผู้ถูกท้าทายจะต่างกันมากกว่าห้าขั้น

ศิษย์น้องซุน เจ้าเปลี่ยนความคิดนี้เถอะ

โจ่วซี ผู้ซึ่งถูกท้าทายในวัยสามสิบกว่าปี

เขาเริ่มชีวิตของผู้ฝึกตนจนกระทั่งถึงวันนี้ โดยใช้เวลาสิบห้าปีเพื่อทำการฝึกบ่มเพาะ และเหลือเพียงอีกขั้นเขาก็จะเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน เมื่อไม่กี่ปีมานี้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของศิษย์สายนอก เขาไม่ได้หวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับซุนไห่จิ้ง เพียงแต่เขาต้องการที่จะกล่าวเตือนซุนไห่จิ้งสักครั้งเท่านั้น

ซุนไห่จิ้ง ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วพลิกฝ่ามือ บนฝ่ามือของเขาพลันเกิดภาพพร่ามัวของกระบี่ได้บินออกมา มันบินหมุนรอบตัวของเขาท่ามกลางอากาศ

อาวุธเวท

ผู้ที่ดูอยู่แทบไม่เชื่อในสายตาของตน กระบี่นั้นบินออกมาจากตัวของซุนไห่จิ้ง มันดูสง่างามและสร้างแรงกดดันแผ่ออกมา เป็นที่แน่ชัดว่ามันเป็นกระบี่บินเวท! มันเป็นไปได้อย่างไร! เขาอยู่เพียงระดับการรวบรวมลมปราณขั้นสี่ เขาได้กระบี่เวทมาจากไหน? เขาควบคุมมันได้อย่างไร ?

หลายๆคนต่างรู้สึกสงสัยสิ่งที่ปรากฏขึ้นนี้อยู่ภายในใจของพวกเขา ในขณะที่หยางเฉินมอง เขาขมวดคิ้ว สถานการณ์เช่นนี้เหมือนสถานการณ์ที่เขาเคยรู้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นทักษะการฝึกบ่มเพาะอสูร ซึ่งทักษะนี้มีอยู่ในหอลี้ลับของตำหนักเก้าปฐพี อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกต้องแลกด้วยค่าตอบแทนที่สูงยิ่ง จึงแทบจะไม่มีผู้ใดทำการฝึกทักษะนี้

แทบจะไม่มี มันไม่ได้หมายความว่าไม่มีผู้ฝึก เห็นได้ชัดว่าซุนไห่จิ้งได้ฝึกทักษะนี้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนมานี้ ระดับการฝึกของเขาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ผ่านถึงระดับสูงสุดของขั้นรวบรวมลมปราณ แทบจะแตะระดับก่อสร้างรากฐานด้วยซ้ำ กระบี่บินนี้ เขาได้มาจากผู้ฝึกตนอิสระ ซึ่งเป็นเหยื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมือนหยางเฉิน ผู้ซึ่งอ่านป้ายหยกที่มีอยู่ภายในหอลี้ลับทุกป้าย ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ กว่าเก้าในสิบส่วนไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพียงแต่คิดว่า ซุนไหจิ้งได้ปกปิดระดับการบ่มเพาะไว้ แต่ในตอนนี้เขาได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของระดับก่อสร้างรากฐานออกมา จะไม่ทำให้พวกเขาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจได้อย่างไร?

พระราชวังหยางบริสุทธิ์ในปีนี้ ค้นพบผู้มีพรสวรรค์แล้วสองคน ในงานปีนบันไดสวรรค์ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าในตอนนี้คนที่เคยซุ่มอยู่เงียบๆ กำลังจะปรากฏออกมาอีกคน? ชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะต้องระเบิดดังกระหึ่ม ด้วยการปรากฏตัวของอัฉริยะเหล่านี้

เสียงสับสนของทุกคนสร้างความพอใจให้กับซุนไห่จิ้งเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกราวกับโดนอาบด้วยสายลมเย็นแผ่วละมุนสร้างความสุขในใจของเขาเป็นอย่างมาก ความรู้สึกนี้เคยมี แต่ได้หายไปนับตั้งแต่เผชิญหน้ากับหยางเฉินต่อหน้าฝูงชนเมื่อก่อนหน้านี้ ทว่าในตอนนี้ความอัปยศนั้นมันสิ้นสุดแล้ว ยิ่งซุนไห่จิ้งรู้สึกพอใจและเบิกบานมากเท่าไหร่ กระบี่บินของเขาก็ทวีความเร็วบินวนรอบตัวเขามากขึ้นเท่านั้น

สีหน้าของโจ่วซีปรากฏความเคร่งเครียดอย่างมิอาจซ่อนเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าซุนไห่จิ้งจะแสดงอาวุธกระบี่บินอย่างกระทันหัน มันก็ยังไม่ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต แต่ซุนไห่จิ้งแสดงออกถึงแรงกดดัน ว่าเขายิ่งใหญ่พอหรือไม่ ดังนั้นในฐานะผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงสุด โจ่วซีไม่ชมชอบที่จะยอมแพ้ในตอนนี้

เมื่อเผชิญกับอาวุธเวท โจ่วซีจึงนำผลึกยันต์ออกมา ปลดปล่อยกระบี่ออกไป แต่กระบี่นี้มีระดับที่ต่างกันเหลือเกินเพราะมันเป็นเพียงแค่กระบี่ยันต์ ทันทีที่โจ่วซีรวบรวมปราณเย็นของกระบี่ พุ่งเป็นลำไปที่ซุนไห่จิ้ง กระบี่ของซุนไห่จิ้งก็ปลดปล่อยแสงออกมา

ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!”

ซุนไห่จิ้งเย้ยหยัน และเริ่มทำการต่อสู้ แต่ในความเห็นของเขา นับตั้งแต่เขาเริ่มนำกระบี่เวทออกมา แสดงการควบคุมกระบี่ออกมาให้เห็น คู่ต่อสู้ก็ควรที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และคำนับเขา หนทางแห่งชัยชนะ ยังต้องทำการต่อสู้อะไรกันอีก? มันเป็นการลดทอนชัยชนะอันงดงามไปเสียเปล่าๆ?

ซุนไห่จิ้งได้ใช้ทักษะการฆ่าของเขาโดยเริ่มเคลื่อนไหว เปิดการใช้กระบี่และทำการจู่โจมโจมตีโจ่วซีผู้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเฉียบพลัน แต่โจ่วซีอันดับหนึ่งของศิษย์สายนอกไม่มีความคิดที่จะหนีแต่อย่างใด โจ่วซีควบคุมกระบี่ยันต์เข้าเผชิญหน้าในทันที

เพล้ง!

เสียงปะทะเสนาะโสตได้ยินกันเต็มสองหูทุกผู้คน แสงเจิดจ้ากระจายไปทุกทิศทุกทาง ก่อนที่กระบี่จะสะท้อนกลับไปยังเจ้าของมัน

แต่แล้วโจ่วซีพลันรู้สึกถึงปัญหา เขาก้มลงมองไปที่กระบี่ เขารู้สึกแปลกใจเมื่อพบรอยเว้าแหว่งขนาดเม็ดข้าวเล็กๆ ที่ขอบของกระบี่ เขาก้มดูอีกครั้ง การปะทะครั้งแรกนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาแพ้แล้ว...

ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ยืนอยู่ด้านหลังโจ่วซี ได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา ถึงแม้ความแข็งแกร่งของซุนไห่จิ้งจะเพิ่มขึ้น แต่มันก็เป็นเพราะการฝึกการฝึกบ่มเพาะแบบอสูร ...อัจฉริยะรึ? แน่นอน..ว่า..ไม่! เดิมทีเขาเคยคาดว่าจะพบสิ่งที่น่ายินดีแบบที่ไม่ได้คาดฝันไว้ แต่...มันก็คงเป็นแค่เพียงความปราถนาที่เขาคิดไปเอง

ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์เหลือบตามองไปที่ชูเฮิงซึ่งยังทำหน้าที่ในฐานะผู้ตัดสินอย่างไม่พอใจ ช่างไม่สมศักดิ์ฐานะผู้ควบคุมการแข่งขันซะเหลือเกิน ทำไมเขาถึงอนุญาตให้ศิษย์ฝึกวิชาบ่มเพาะอสูรเช่นนี้! ชูเฮิงรับรู้ถึงสายตานี้ เกิดความสะท้านยะเยือกไปทั่วทั้งร่าง เหงื่อผุดเป็นเม็ดตั้งแต่ศีรษะ แข้งขาอ่อนระทวยแทบทรุดลงไปบนพื้นเพื่อคุกเข่าขอรับการงดเว้นโทษ

โชคดีที่ผู้นำเพียงแค่มอง และไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ก่อนที่ผู้นำจะทำการปิดเปลือกตา ดูสถานการณ์ต่อไปผ่านทางการรับรู้ทางจิตของเขา

ซุนไห่จิ้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระบี่หรือระดับการบ่มเพาะ เขาเพิ่งได้มาเมื่อเร็วๆนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกับโจ่วซีที่ฝึกมานาน ความเข้าใจในกระบี่ของเขาก็มีเพียงแค่ผิวเผิน การควบคุมกระบี่ก็ยังด้อยกว่าโจ่วซี แต่ด้วยคุณภาพของกระบี่ที่สูงกว่ามาก และความตั้งใจในการพิฆาตศัตรูที่ดุดัน เขาจึงสามารถควบคุมกระบี่เข้าปะทะได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ในตอนนี้กระบี่ยันต์ในมือโจ่วซี ก็เต็มไปด้วยรอยเว้าแหว่ง ถ้ามีการปะทะอีกครั้ง กระบี่ยันต์จะถูกทำลาย โจ่วซีคิดแล้วคิดอีก เขาไม่สามารถที่จะทำการต่อสู้ได้อีกต่อไปได้ ระดับก่อสร้างรากฐานรอเขาอยู่ไม่ไกล และเมื่อถึงวันนั้น กระบี่ยันต์ที่อยู่ในมือนี้ จะได้รับการปรับแต่งและจะกลายเป็นกระบี่เวท ฉะนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้มันถูกทำลายในวันนี้ได้ สิ่งที่จะได้จะไม่คุ้มกับสิ่งที่จะเสียไปในตอนนี้ แล้วค่อยหาโอกาสต่อสู้ใหม่ เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงป้องมือไปที่ซุนไห่จิ้ง

ศิษย์น้องซุน กระบี่ในมือเจ้า ยากต่อการเอาชนะอย่างยิ่ง ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้

หลังกล่าวจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไป โดยปราศจากการเหลียวหลังกลับมา

เมื่อได้ชัยชนะ เสียงกระหึ่มของความแปลกใจพร้อมด้วยความชื่นชมจากผู้ชมดังออกมาทั่วลานประลอง เมื่อซุนไห่จิ้งยืนฟังนานพอแล้ว เขาหันไปที่หยางเฉินแล้วตะโกนออกไปว่า

"ศิษย์น้องหยาง การท้าทายความเป็นและความตายระหว่างเรา เจ้าคงไม่คิดที่จะหลบหนี? ศิษย์น้องหยาง เจ้ากล้าที่จะยอมรับการท้าทายครั้งนี้หรือไม่?"

เมื่อซุนไห่จิ้งพูดจบ มันได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ชมอย่างยิ่ง เพราะตามกฏแล้วศิษย์ที่มีระดับการฝึกที่ต่ำกว่ามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำท้าทายนี้ได้ และหากมันเป็นเช่นเหตุการณ์ปกติ ซุนไห่จิ้งก็จะต้องก็จะต้องหาโอกาสอื่นที่จะจัดการกับหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงได้ถามออกไปในลักษณะที่เป็นการบังคับให้หยางเฉินตอบรับคำท้าทาย

อย่างไรก็ตาม หยางเฉินหัวเราะเสียงดังออกมา และปรากฏตัวบนลานประลอง มันทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างรู้สึกแปลกใจ ซุนไห่จิ้งเพิ่งแสดงระดับฝึกตนว่าอยู่ระดับก่อสร้างรากฐาน ส่วนหยางเฉินมีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสาม เขาโง่พอที่จะเอาชีวิตไปขว้างทิ้งอย่างงั้น?

เมื่อหยางเฉินเดินมาถึงที่เบื้องหน้าของซุนไห่จิ้ง เขาจ้องไปที่ซุนไห่จิ้งที่กำลังลำพอง พร้อมกับกล่าวออกมาว่า

ศิษย์พีซุน ตอนที่ท่านจะฝึกทักษะนี้ ท่านได้อ่านคำอธิบายที่ด้านข้างของป้ายหยกหรือไม่? ท่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อฝึกทักษะนี้ ท่านจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกครึ่งปี?


เมื่อได้ยินคำถามจากหยางเฉิน สีหน้าและท่าทางของซุนไห่จิ้งเปลี่ยนไปในทันที

6 ความคิดเห็น:

  1. อ้าว!ไอทิดยังไงก็ตาย ไม่ตายวันก็ตายพรุ่ง
    เจ้ามะเร็งร้าย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ22 สิงหาคม 2560 เวลา 07:01

    โง่ซะไม่มี 5555

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ22 สิงหาคม 2560 เวลา 07:52

    เปิดมาก็สงครามวาจาเลยฮะ แถมกดหัวอีกฝ่ายซะมิดเลยด้วย

    ตอบลบ
  4. วัวล้วนนน ไม่มี___ปนอยู่เลยย 555

    ตอบลบ
  5. มาถึงก็โจมตีถึงใจเลย...

    ตอบลบ