เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 052 ข้าไม่ต้องการอาวุธเวทเพื่อบีบเจ้าให้ตาย


เป็นที่ทราบกันว่าหยางเฉินได้ใช้เวลามากกว่าครึ่งปีในการอ่านแผ่นจานหยกจำนวนมากในหอลี้ลับของตำหนักเก้าปฐพี ดังนั้นซุนไห่จิ้งจึงไม่ได้แปลกใจนัก ที่หยางเฉินรู้ในเคล็ดวิชาที่เขาฝึก  เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจตรงที่หยางเฉินกล่าวถึงคำอธิบายข้างแผ่นจานหยก ทำไมเขาไม่รู้เรื่องอะไรนี้เลย

นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่เขารู้สึกถึงความกลัวกำลังครอบงำจิตใจของเขา อาจารย์อาที่คอยสนับสนุนเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่เสมอ ในขณะนี้กลายเป็นที่มาถึงความวิตกกังวลของเขา

และในเมื่อการฝึกนี้มีผลข้างเคียงมหาศาลเช่นนี้ แล้วเพราะอะไรซูเฮิงจึงไม่บอกกับเขา เขาแทบไม่อยากคิดหาเหตุผล ซุนไห่จิ้งแทบทรุด ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น

ถึงแม้วาจาของคนทั้งสองจะแผ่วเบา จนแทบจะไม่มีใครได้ยิน แต่สิ่งที่ทุกคนดูอยู่และเห็นคาตา คือหลังจากที่หยางเฉินพูดกับซุนไห่จิ้ง ซุนไห่จิ้งก็มีท่าทีที่ควบคุมตนเองไม่ได้

มันเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ ซุนไห่จิ้งแปลกใจเกี่ยวกับการฝึกการบ่มเพาะแบบอสูรนี้  ถึงแม้มันจะช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็ว แม้แต่โจ่วซียังพ่ายแพ้ต่อมัน  แต่แล้วค่าตอบแทนของการฝึกต้องจ่ายด้วยชีวิต..? มันเป็นข้อบกพร่องที่ซ่อนอยู่ และเขาไม่ได้ตระหนักมาก่อน จึงทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ไม่มีผู้ใดไม่ทราบว่า ซุนไห่จิ้งและหยางเฉิน มีสัมพันธภาพที่เลวร้ายต่อกัน ตั้งแต่หยางเฉินต้องการเข้าร่วมกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทั้งสองก็เริ่มขัดแย้งกัน ซุนจิ้งไห่ได้กระทำการอย่างเลวร้ายต่อหยางเฉินเรื่อยมา จนกระทั่งเขาเองพลาดท่า ต้องนอนพักฟื้นเป็นเวลานาน  ดังนั้นการที่ซุนไห่จิ้งท้าทายเป็นตายตัวต่อตัว กับหยางเฉินจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติประการใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซุนไห่จิ้ง สามารถเอาชนะต่อโจ่วซี ผู้ซึ่งอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงสุด ก็ดูเหมือนว่าหยางเฉินไม่สมควรรับการท้าทาย ทำให้ทุกคนมึนงงสับสน รึ..หยางเฉินก็มีระดับรวบรวมลมปราณอยู่ในขั้นสูงสุดไม่ก็ อยู่ในขั้นตันของระดับก่อสร้างรากฐานไปแล้ว

แล้วซุนไห่จิ้งก็กลับคืนสู่สภาพปกติ เขาจ้องทีหยางเฉินและตะคอกด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

ถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะสูญเสียความตั้งใจที่จะสู้เพราะคำโกหกของเจ้าละก็  เจ้าเข้าใจผิดอย่างมหันต์

สิ้นสุดเสียงนี้ เขาเริ่มหลอมรวมพลังเพื่อเริ่มการจู่โจม ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเลือดแดงกล่ำ สามารถทำให้ผู้คนเกิดความหวาดหวั่น ราวกับพยัฆค์กำลังเขมือบเหยื่อ

ถึงแม้มันจะผิดไป แต่กับเจ้า ดูเหมือนมันจะไม่มีความหมายแล้วล่ะ

หยางเฉินส่ายศรีษะ ด้วยความเสียใจ สำหรับบุคคลซึ่งเหมือนตายไปแล้วอย่างซุนไห่จิ้ง ไม่ว่าสิ่งที่หยางเฉินกล่าว มันจะถูกหรือผิด ก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง

ฮึ่ม เจ้าพยายามหลอกลวงข้า

อย่างไรก็ตาม ซุนไห่จิ้งไม่ได้คิดว่าเป็นตามที่หยางเฉินบอก ด้วยเขาคิดว่าหยางเฉินใช้วาจา เพื่อทำให้สภาพจิตใจเขาตกต่ำลง และทำลายสภาวะความต้องการในการต่อสู้ของเขา เมื่อคิดอย่างนี้เขาจึงฟื้นคืนจากสภาวะและโกรธมาก

ตอนนี้เขาคิดว่า วาจาหยางเฉินเปรียบดังท่อนไม้ที่อาจเปลี่ยนทิศทางของเรือ แต่ไม่อาจทำให้เรือกลับหลังได้ หลังจากฆ่าหยางเฉินเสร็จ แล้วค่อยไปดูแผ่นหยกที่หอลี้ลับ ว่ามีคำอธิบายเช่นไร ..จริง..เท็จ      ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือ ..มีชีวิต..ด้วยการต่อสู้เบื้องหน้านี้

ศิษย์น้องหยาง เจ้าไม่ได้บอกว่าจะใช้ยันต์จำนวนมาก มาบดขยี้ข้าสินะ ?”

กระบี่บินของซุนไห่จิ้งเริ่มเปล่งแสง และหมุนรอบตัวของเขาและเพิ่มรังสีจากร่างเขา ..สภาพการณ์เช่นนี้ ยิ่งสร้างความมั่นใจไร้ขีดจำกัดแก่เขา  แล้วถามหยางเฉิน

ให้ข้าทดสอบเจ้า แสดงให้ข้าดูซิ เจ้าจะใช้ยันต์ประดิษฐ์ชนิดใดมาสู้กับกระบี่บินของข้า

 เมื่อได้ยินคำถาม หยางเฉินตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ตอนเดินทาง ข้าไม่ได้ซื้อยันต์มากมายแต่อย่างใด เกรงว่าต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้วล่ะ

เมื่อเจ้า ตอบรับการท้าทายเป็นตายตัวต่อตัวกับข้า  อย่ามาตำหนิว่าข้าไร้ความปราณี

เสียงหัวเราะอาฆาตพยาบาทปรากฏขึ้น และเมื่อได้ยินว่าหยางเฉินไม่มียันต์ประดิษฐ์ รอยยิ้มราวปีศาจก็ผุดขึ้น

เจ้าช่างโชคดี ที่จะตายภายใต้กระบี่บินของข้า

หยางเฉินยิ้มอีกครั้งแล้วตอบกลับไปว่า

เป็นเกียรติแก่ข้ายิ่งนัก แต่ .. เก็บโชคนี้ไว้ใช้เองเถอะ

สิ้นเสียงหยางเฉิน  ปลอกกระบี่ลอยขึ้นบนอากาศ บินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านหน้าเขา ..มันดูเรียบง่าย ปราศจากซึ่งกลิ่นอาย

ศิษย์พี่ ท่านมีกระบี่บิน แต่ช่างบังเอิญจริงๆที่ข้ามีปลอกกระบี่ ตามความคิดของข้า ข้าไม่แน่ใจนักว่ามันจะสามารถสวมเข้ากับกระบี่บินของศิษย์พี่ได้พอดีหรือไม่

หยางเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับหันหน้าไปทางซุนไห่จิ้ง แล้วพบกับความมึนงงไร้ที่สิ้นสุดที่ปรากฏบนใบหน้าซุนไห่จิ้ง

เมื่อมีปลอกกระบี่ปรากฏขึ้นทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรู้สึกถึงความกดดันที่แตกต่างกันซุนไห่จิ้ง ผู้ยืนอยู่บนเวทีก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่เกิดจากปลอกกระบี่ ทำให้ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีเข้มขึ้น

ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ซึ่งอยู่ด้านหลังก็รับรู้ปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยจิตวิญญาณ รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง และลืมตา

เป็นสมบัติที่เยี่ยมจริงๆ

คำเหล่านี้ทำให้เกิดเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นในดวงตาของชูเฮิงซึ่งกำลังทำหน้าที่อยู่บนเวที

ฮึ่ม บังเอิญรึ เจ้าคิดจะเอากระบี่ข้า เพราะเจ้ามีปลอกกระบี่งั้นรึ ฝันไปเถอะ

ซุนไห่จิ้งสัมผัสได้ถึงปลอกกระบี่ว่าเป็นสมบัติชั้นดีอันหนึ่ง แต่..ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้เยี่ยมยุทธใดใช้ปลอกกระบี่เป็นอาวุธ มันจะดีแค่ไหนก็แค่ปลอกกระบี่ และสำหรับผู้ฝึกการบ่มเพาะแล้วกระบี่บินสามารถซ่อนไว้ในตัวเองอยู่แล้ว จะเอาปลอกมันมาทำไม

ไม่ว่าข้าจะฝันหรือไม่ก็ตาม ศิษย์พี่จะตระหนักได้หลังจากนี้

เจ้ากำลังรนหาที่ตาย

ในขณะนี้สำหรับซุนไห่จิ้งแล้ว ความโกรธ เกลียด ชิงชัง ทั้งเก่าและใหม่พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา ขณะที่กระบี่หมุนบินรอบกายของเขากลายเป็นรังสีประกายพุ่งตรงไปที่หยางเฉินอย่างรวดเร็ว มันพุ่งออกไปไม้มีแม้แต่เสียง ทิ้งไว้เพียงสายรุ้งที่ด้านหลัง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมข้างสนามคือภาพหลังจากที่กระบี่บินเข้าไปใกล้หยางเฉิน ปลอกกระบี่ที่ลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าหยางเฉิน ก็ขยายขนาดใหญ่และเกิดช่องขนาดใหญ่เหมือนมังกรหิวที่อยู่บนท้องฟ้า

….อา

กระบี่บินได้ถูกกลืนกินเข้าไปในทันที

ไม่ว่าซุนไห่จิ้งจะพยายามควบคุมกระบี่บินยังไงก็ตาม แต่กระบี่บินที่ถูกกลืนเข้าไปในปลอกกระบี่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ ดูเหมือนว่ากระบี่บินจะถูกตัดการเชื่อมต่อกับจิตสำนึกวิญญาณของเขาโดยสิ้นเชิง ซึ่งสร้างความสิ้นหวังให้กับซุนไห่จิ้ง

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!

หลังจากที่ซุนไห่จิ้งสูญเสียกระบี่บินของเขาไป เขาตะโกนส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

เจ้ามีเพียงลมปราณชั้นต่ำเจ้า..เจ้าใช้อาวุธเวทได้ยังไงเจ้าตัดการควบคุมกระบี่ข้าได้ยังไง….”

เพียงชั่วพริบตาที่ทุกคนเห็นปลอกกระบี่ของหยางเฉิน แต่กระบี่บินของซุนไห่จิ้งกลับหายไปในทันทีที่มันปรากฏตัว พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีการถูกยึดไป ได้ยินซุนไห่จิงตะโกนด้วยเสียงอันดังที่ทุกคนกำลังถูกครอบงำด้วยความตกใจ

การที่จะเข้ายึดการควบคุมกระบี่บินของคนอื่นก่อนการทำงานของมัน .. ต้องใช้สิ่งใดแม้ระดับสุดยอดของรวบรวมลมปราณก็มีเพียงอัจฉริยะไม่กี่คนในตึกเก้าปฐพีที่มีอาวุธเวท แต่ต้องไม่ใช่หยางเฉินแน่

พวกเขารู้การปรับแต่งอาวุธเวท การปรับแต่งและการใช้กระบี่บิน  และยิ่งรู้ว่าต้องใช้ขีดความสามารถเท่าใดจึงจะสามารถยึดกระบี่บินของคนอื่นได้

ศิษย์พี่ซุน ดูว่าโชคท่านจะไม่ดีนัก  ปลอกกระบี่ของข้ามันสามารถเก็บกระบี่บินของท่าน ซึ่งไม่ได้รับการปรับแต่งได้อย่างพอดี

หยางเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับได้ลาภก้อนโต แถมกล่าววาจาให้ชวนเวียนหัว

อา ..ขอบคุณศิษย์พี่มาก  ทำให้ข้าจะได้ไม่ต้องไปดิ้นรน หากระบี่บินมาใส่ปลอก

ซุนไห่จิ้งแทบจะกระอักเลือดหลังจากได้ยินเสียงเยาะเย้ยของหยางเฉิน การยึดอาวุธเวทของใครซักคน แล้วจากนั้นต้องมารับรู้ถึงการเยาะเย้ยเขาในลักษณะนี้คงไม่มีใครจะสามารถยืนทนกับการเยาะเย้ย ถากถาง แบบนี้ได้

หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกโล่งใจ การที่ปลอกกระบี่สามารถหลอมรวมกับกระบี่บินที่ยังไม่ได้รับการปรับแต่งได้นั้น ก็หมายความว่าหลังจากนี้ หยางเฉินไม่สามารถไปยึดอาวุธเวทของคนอื่นได้อีก ในบางครั้งการมีความสามารถก็สามารถทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว นี่อาจเป็นสาเหตุแห่งความโชคร้าย เพราะหยางเฉินได้ใช้วิธีนี้จัดการกับซุนไห่จิ้ง ทำให้คนอื่นๆไม่ต้องกังวนใจกับปลอกกระบี่อีก

กับเหตุผลของหยางเฉิน ที่ว่าต้องเป็นกระบี่ที่ยังไม่ปรับแต่ง เพราะการปรับแต่งจะประทับจิตวิญญาณลงไป การจะยึดได้ ต้องมีการบ่มเพาะที่สูงยิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดสร้างความตกใจให้กับผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์กระทั่งตาทั้งสองข้างเปิดขึ้น แล้วหลับลงอีกครั้ง หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉินที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล ถ้ามันไม่ได้รับการปรับแต่งอย่างถูกต้องและถูกทำเครื่องหมายสัญลักษณ์จิตวิญญาณไว้กับมันแล้ว ทุกคนที่มีระดับการบ่มเพาะระดับสูงสามารถควบคุมมันได้ แม้ว่าหยางเฉินจะมีการบ่มเพาะที่ต่ำกว่า แต่ด้วยความช่วยเหลือของปลอกกระบี่มันทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก

สภาพซุนไห่จิ้งที่ตระหนกอย่างยิ่ง หมดความทรนง แม้กระทั่งเสียงก็ดูอ่อนลง

ศิษย์น้อง เจ้ากับข้าไม่ได้เกลียดชังอะไรกัน เจ้าคงไม่คิดกำจัดข้ากระมัง?”

เมื่อได้ยินเสียงของซุนไห่จิ้ง ทำให้การต่อสู้นี้หยุดชะงัก แต่ละคนกลับไปประจำที่อยู่ด้านข้างของเวที มีเพียงเสียงแห่งความสิ้นหวังของซุนไห่จิ้ง

การท้าทายเป็นตายนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากศิษย์พี่ซุน? ”


แม้ว่าหยางเฉินไม่ได้ทำร้ายอะไรเขา แต่ในน้ำเสียงของเขาก็ไม่มีความนัยว่าจะปล่อยเขาไป

ข้าจำได้ ตอนออกจากตำหนัก ท่านบอกข้าว่า โชคไม่ดีเลย ที่ท่านไม่มีโอกาสท้าทายเป็นตายต่อข้า  ข้าย่อมไม่กล้าที่จะลืม

เมื่อจบคำพูดเหล่านี้ ทุกสายตาพุ่งมาที่ซุนไห่จิ้ง ด้วยลักษณะที่แตกต่างกัน ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่า เมื่อคราวที่หยางเฉิน ออกจากตำหนัก ได้ต่อสู้กับเหล่ามือสังหาร เพียงแต่ กลับกัน มือสังหารถูกสังหาร  มันเป็นอะไร ที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างดีโดยการร่วมมือกับคนภายในตำหนัก

หลังจากจบคำพูดของหยางเฉิน ปมความสงสัยอันใหญ่ได้ลดลงเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อซุนไห่จิ้งต้องการจะฆ่าสาวกนิยายเดียวกัน นี่เป็นความผิดรองจากการทรยศนิกาย นอกเหนือจากนั้นแม้แต่ในนิกายซึ่งฝึกการบ่มพาะแบบอสูร  ก็ไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้

ทันใดนั้นซุนไห่จิ้งก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ในขณะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงคนที่มาชมดูการต่อสู้เท่านั้น แต่เบื้องหน้ายังมีผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ซึ่งมาร่วมชมการประลอง ในหมู่ผู้ชมการประลอง บางคนกระโดดลงไปเพื่อต้องการลงโทษเขา ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชมนับไม่ถ้วนยังคงตำหนิเขา ในเวลานี้เขาได้ทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งถึงความชั่วร้ายและเต็มไปด้วยความเกลียดชังไว้กับผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ซึ่งภายในจิตใจไม่รู้ต้องการจะจัดการกับเขามากเพียงใด

หัวใจของซุนไห่จิ้งแทบจะกระโดดออกมาจากหน้าอกของเขา ภายใต้ความกดดันนี้ซุนไห่จิ้งจึงกล่าวว่า บางสิ่งบางอย่างซึ่งอาจทำให้เขาเข้าไปพัวพัน ในเวลานี้ประมุขหยางบริสุทธิ์ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาคงไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีแน่นอน ตอนนี้มีเพียงความเสียใจท่วมท้น ถ้าเขาคาดเดาได้ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ แล้วเมื่อหยางเฉินเคยได้รับการดูแลจากซุนไห่จิ้งมาก่อน แต่แทนที่จะใช้สมองของเขาเพื่อค้นหากระบี่บินเพื่อทำให้ตัวเขาแข็งแกร่งขึ้น

ซุนไห่จิ้งรับรู้ถึงความโกรธจากหลายๆคนที่พุ่งตรงเข้ามาที่เขา ภายในหัวใจของเขารู้แน่ชัดอยู่แล้วว่าเขาจะต้องได้รับความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่นำพาถึงความกังวลอีกต่อไปทุกเรื่องราว และหัวเราะออกมาเสียงดัง

ฮา ฮา ฮา ข้าทำ แล้วยังไงเจ้าเองก็เป็นเพชรฆาต ที่ฆ่าโดยไม่คำนึงเหตุผลใด แต่เจ้ายังมายืนอยู่กับพวกเราผู้ฝึกตน ข้าต้องการฆ่าเจ้า!  สิ่งน่าเสียใจอันเดียวคือ ..พวกมือสังหารมันไร้ฝีมือ..ไม่งั้นป่านนี้เจ้าไปอยู่โลกอื่นแล้ว

หลังจากที่เขาได้พูดทั้งหมดออกมา ในตอนนี้หัวใจของชูเฮิงก็รู้สึกสงบลง ขณะนี้ผู้นำหยางบริสุทธิ์อยู่ด้านข้างของเขา เขาไม่กล้าที่จะปลดปล่อยความโล่งใจออกมา แต่เขาก็รู้สึกสบายใจ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มองไปที่ผู้นำ สายตาหลายคู่ที่มองมา สื่อควาหมายว่าชูเฮิงเองก็ถูกปิดบัง ผู้คนโน้มเอียงไปทางเขา ดังนั้นเขาจึงรีบกลับมาเป็นปกติ

เจ้ายอมรับมัน ดี

หยางเฉินกล่าวอย่างเย็นขา

 “เมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เจ้าก็ต้องรับการลงโทษ!

ปลอกกระบี่ที่ลอยอยู่หายไปกลางอากาศ หยางเฉินพุ่งออกไปด้วยความเร็วไปที่ซุนไห่จิ้ง

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้น ผู้นำไม่ได้กล่าวอะไรออกมา และคนอื่นๆก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงใดๆ ทันที่ที่หยางเฉินเก็บอาวุธเวทที่น่าอัศจรรย์ของเขา และเริ่มต่อสู้ด้วยเพียงมือเปล่า ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต้องขมวดคิ้วของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวล อีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งระดับก่อสร้างรากฐานขั้นต้น การกระทำในขณะนี้ของเขาคือการที่เขาต้องการจะเอาชีวิตไปทิ้ง?

เจ้ากำลังจะตาย มาให้ข้าช่วยเจ้า!

ซุนไห่จิ้งรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเขาแล้วหยางเฉินคือหนามยอกอก ในตอนนี้เขาได้ตัดสินใจว่าจะไม่นำพาอาวุธเวทของเขา และเข้าต่อสู้ด้วยเพียงระดับการบ่มเพาะของเขา
นี่เหมือนการส่งมอบเหยื่อมาที่หน้าประตูของเขา ในตอนนี้เขาได้ตัดความหวังที่จะหาโอกาศหลบหนีใดๆของศัตรู นี่คือความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเขา คือการฆ่าหยางเฉินก่อนเขาที่จะต้องตาย ในขณะที่คิดอยู่นั้นเขาบินพุ่งตรงไปเพื่อที่จะโจมตีหยางเฉิน

ร่างของทั้งสองคนพุ่งเข้าปะทะกัน เหล่าผู้ชมได้แต่เปิดตาของพวกเขาให้กว้างๆเพื่อที่ไม่พลาดแม้เพียงชั่วครู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่นั้น ช่างน่าเหลือเชื่อที่สุดความเร็วในปัจจุบันของซุนไห่จิ้งการโจมตีด้วยหมัดของเขา แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้ หยางเฉินได้หยุดหมัดของซุนไห่จิ้งก่อนที่จะถึงตัวเขาได้อย่างง่ายดาย และคว้าจับแขนเหวี่ยงเป็นควงเป็นวงกลมสามตลบบนท้องฟ้า แล้วฟาดลงมา

ปัง! ปัง!

ซุนไห่จิ้ง โดนหยางเฉินทุ่มลงพื้นครั้งครั้งเล่า กระดูกของเขาแตกหลายแห่ง ความเจ็บปวดจากกระดูกในร่างของเขาแตกหักทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ และไม่มีแรงต่อต้านใดๆอีกต่อไป ในขณะที่เขาเห็นพื้นดินใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และจากนั้นเขาก็กระดอนขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง และอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายเขาเงยหน้าขึ้นไปแต่ก็พบกับกำปั้นที่พุ่งตรงเข้ามาที่ใบหน้าของเขา

โพล๊ะ โพล๊ะ

เสียงบางอย่างกำลังกระแทกต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงบางอย่างที่แตกเป็นครั้งคราวสะท้อนออกมาก้องอยู่ภายในหูของทุกคน หยางเฉินทุบไปที่ศีษระของซุนไห่จิ้งอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานศีษระของซุนไห่จิ้งก็ถูกทุบจนเป็นกองเลือด

 “เจ้าคิดเหรอ ถ้าข้าไม่มีอาวุธเวท แล้วข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้

หยางเฉินหยุดทุบศีรษะของซุนไห่จิ้งอย่างป่าเถื่อน และดึงศีระของซุนไห่จิ้งขึ้นมาแล้วบิด

กร๊อกกก!

ศีรษะของซุนไห่จิ้งถูกบิดเป็นวงกลมก่อนจะกลับมาที่เดิมของมัน ในตอนนี้พลังชีวิตของเขาได้ถูกตัดขาดออกไปแล้ว


(ตอนพิเศษจากทีมแปล)
ภาคเสียงโดยน้าติง

สวัสดีครับ ผมน้าติ่งจำเป็น มารับหน้าที่ในวันนี้

ฝั่งหยางเฉินพุ่งตัวออกไปแล้วครับ

ซุนไห่จิ้งก้อไม่ยอมน้อยหน้า ดีดตัวออกไปหวังจะฮุคหยางเฉิน ด้วยระดับที่สูงกว่า

แต่แล้วก็ถูกหยางเฉินคว้าจับ เหวี่ยงหมุนสามตลบแล้วทิ้งลงอัดกับพื้นครับอย่างต่อเนื่อง

โอ้ว เสียงกระดูกแตกดังระรัวเลยทีเดียวครับ

ซุนไห่จิ้งตอนนี้ไม่รับรู้ใดๆทั้งสิ้นแล้วครับ

แต่หยางเฉินไม่ยอมให้จบง่ายๆ จับซุนไห่จิ้งยกขึ้นมาแล้วอัดแบล็คซูเพล็ค ต่อเนื่องครับ

ซุนไห่จิ้งยังไม่หายงง ก็โดนหยางเฉินทุบหน้าด้วยกำปั้น แบบไม่ยั้งจนกลางเป็นกองเลือดไปแล้ว

เท่านั้นไม่พอ หยางเฉินเข้าไปล็อคคอซุนไห่จิ้งแล้วบิดคอหมุนหนึ่งตลบกลับมาที่เดิมดูเหมือนว่าซุนไห่จิ้งจะสิ้นชีพตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจทราบได้ RIP.

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้คนแปลทุกท่านนะครับ

(บทนี้ 3 คนแปลนะคะ 555)

(5555 ขำๆนะคะ)

13 ความคิดเห็น:

  1. 5555 ขอบคุณครับ อยากให้มาอีกไวๆครับ สนุกมากๆๆๆ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขึ้นอยู่กับความขยันของบก.เลยค่ะ

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ31 สิงหาคม 2560 เวลา 09:59

    ขอบคุณครับ..น้าติงมันกว่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฮ่าๆ พาร์คน้าติงใช้เวลา 30 นาที แต่แปลหยางเฉินใช้เวลา 5 วันค่ะ ฮ่าๆ

      ลบ
  3. 555ฉากมวยปล้ำมันส์มากคะ

    ตอบลบ
  4. ตอนพิเศษมีสีสันมาก

    ตอบลบ
  5. น่าเค้นความลับมันประจารต่อหน้าฝูงชนก่อน รีบฆ่าไปนิด

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ1 กันยายน 2560 เวลา 07:07

    ขอบคุณ​ครับ​

    ตอบลบ
  7. สนุกมาก ๆ ขอบคุณท่านผู้แปลมากค่ะ

    ตอบลบ