เป็นการกล่าวอย่างเคร่งครัด บทลงโทษของเหลียงเซาหมิงอาจถือได้ว่าเป็นธรรม
เพราะเขาไม่ได้กล่าวหาหยางเฉิน อีกทั้งก็ไม่ได้เพิ่มบทลงโทษแต่อย่างใด บทลงโทษสำหรับการปิดประตูฝึกฝนนั้นถูกตัดสินโดยซีเชิงซิน
ซึ่งไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นคำตัดสินของเหลียงเซาหมิง เกี่ยวกับกรณีของชูเฮงแม้ว่าจะมีข้อสงสัยเล็กๆน้อยๆ
เกี่ยวกับความลำเอียง แต่ปัญหาของการควบคุมอารมณ์ของชูเฮิงก็เป็นปัญหาอย่างแน่นอน และทุกคนก็เห็นประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจน
และวิธีที่ดีที่สุดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองก็คือการออกไปฝึกฝนข้างนอกให้เพื่อให้สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดีขึ้น
เขาจึงไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้
ผลตอบแทนที่ได้รับและการลงโทษได้ถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจน
ไม่จำเป็นที่จะพูดถึงต่อไป หยางเฉินได้กล่าวแล้วว่านี่เป็นเรื่องภายในของพระราชวังหยางบริสุทธิ์และไม่ได้ขัดขวางใครหรือทำให้ใครต้องบาดเจ็บ
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องมอบอะไรให้กับใคร แม้พระราชวังหยางบริสุทธิ์จะเป็นนิกายชั้นสอง
แต่คนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็ไม่ได้เป็นใครที่จะสามารถมาหยิบฉวยเอาประโยชน์ไปได้
แต่ก่อนที่หยางเฉินจะไปรับการลงโทษเข้ารับการฝึกฝนแบบปิด
จูเฉินเตาเรียกเขาเอาไว้เพื่อทำการสอบถามบางอย่าง
"เจ้าต้องการที่จะค้นคว้าและทดสอบหาวิธีการที่เพาะปลูกทับทิมสายฟ้า?
เจ้ามีความมั่นใจมากแค่ไหน?"
จูเฉินเตา ไม่ได้มีความมั่นใจมากนักในตัวของหยางเฉินเช่นเดียวกับกงซุนหลิง
ในตอนนี้เขาค่อนข้างรู้สึกกังวลใจ
"เจ้าควรที่จะมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะเป็นอันดับแรกและรอจนกว่าเจ้าจะเริ่มสามารถทำการกลั่นสกัดเม็ดยาในระดับก่อสร้างรากฐานได้
เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะยังไม่สายเกินไป"
"ขอบคุณมากสำหรับความห่วงใยของผู้อาวุโส!"
หลังจากที่หยางเฉินแสดงความขอบคุณ เขากล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส
"ข้าไม่ได้มีความมั่นใจใดๆ
ข้าเพียงต้องการที่จะลองทำดู มันก็เพียงแค่นั้น ในบางทีที่ใครอาจจะเบื่อหน่าย
การเล่นเช่นนี้ก็อาจจะสามารถทำให้มีความสนุกสนานมากขึ้น!
"สิ่งที่คนอื่นพูด
เจ้าไม่ต้องให้ความสำคัญกับพวกเขา ทำใจให้สบายและฝึกฝนต่อไป!"
จูเฉินเตา คิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
แต่เขาไม่ได้พูดออกมามากคำจนเกินไป
"ข้ายังต้องการที่จะเห็นความสามารถของเจ้าในการแข่งขันทักษะการต่อสู้ของนิกาย
ดังนั้นทำทุกอย่าง และอย่าทำให้ข้าผิดหวัง!"
"สบายใจได้ อาวุโส!"
หลังจากที่ หยางเฉินเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ
จูเฉินเตาแล้ว ตูเชี่ยนพาหยางเฉินไปที่ห้องฝึกสันโดษในทันที
มันเป็นสถานที่ที่ศิษย์ที่ถูกลงโทษจะต้องเข้ารับการฝึกฝนแบบปิดประตูอยู่ภายในพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ห้องฝึกสันโดษเป็นห้องเล็กๆ
ซึ่งสามารถเปิดได้จากภายนอกเท่านั้น ที่ประตูมีช่องเปิดเล็กๆด้านนอกเพื่อให้อาหารและน้ำสามารถจัดส่งจากภายนอกได้
จากด้านในประตูไม่สามารถเปิดออกมาได้ แต่นี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อควบคุมศิษย์ที่ถูกลงโทษ
แต่พวกเขาก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและน้ำได้บ้าง แม้ว่ายาเม็ดอิ่มทิพย์จะยังสามารใช้ได้ดี
แต่ก็ไม่ได้สนองต่อความต้องการรสชาติของอาหารที่ดี ผู้บ่มเพาะยังไม่สามารถขจัดความรู้สึกและอารมณ์ทั้งหมดของพวกเขาได้
มิฉะนั้นทำไมถึงมีการเฉลิมฉลองของจักรพรรดิหยกบนศาลสวรรค์ทุกวันและดื่มทุกคืน
เซียนนับไม่ถ้วนก็ยังมีความสุขและไม่เคยเบื่อหน่ายกับการลิ้มรสชาติของอาหาร
เนื่องจากเป็นการฝึกฝนแบบปิดประตู จึงเป็นเรื่องปกติที่มันจะช่วยในการบ่มเพาะ
ภายในห้องฝึกแบบปิดนี้มีทางออกของเส้นนำส่งจิตวิญญาณ ซึ่งพวกมันมีการเชื่อมโยงกับทุกเส้นจิตวิญญาณของภูเขาเหมยชิง
ด้านบนของทุกทางออกมีเสื่อสวดมนต์เล็กๆ ทำมาจากฟางสำหรับการใช้งานของศิษย์เพื่อทำการฝึกฝน
หลังจากที่หยางเฉินเข้าไปในห้องเขาก็รีบแทนเสื่อด้วยหยกภูเขาไฟ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาสำหรับการฝึกฝนปิดประตูนี้เป็นสิ่งที่
หยางเฉินกำลังมองหาอยู่ แต่เดิมเขายังกังวลว่าคนอื่นจะรับรู้ว่าเขากำลังเพาะปลูกทับทิมสายฟ้าในสวนสมุนไพร
แต่ภายในห้องปิดนี้ไม่มีปัญหาใดๆสำหรับการที่จะเพาะปลูกมัน มันมีเวลาที่เพียงพอ
หลังจากที่ปักหลักได้อย่างถูกต้องและตรวจสอบทุกอย่างแล้ว
หยางเฉินตรวจสอบร่างกายของตัวเอง พลังจิตวิญญาณภายในร่างกายของเขาอยู่เหนือระดับรวบรวมลมปราณขั้นสาม
และเขาเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นสี่ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากปีนบันไดบนสวรรค์ไปถึงสองครั้ง
หยางเฉินได้ทะลวงผ่านผ่านไปได้ระดับหนึ่งซึ่งช่วยประหยัดเวลาเขาไว้ได้อย่างน้อยหนึ่งปี
การเพิ่มการรับรู้ทางจิตทำให้หยางเฉินมีความสุขมากยิ่งขึ้นเพราะถ้าเขายังทำตามกิจวัตรประจำวันปกติ
แม้ว่าเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งจะเป็นความมหัศจรรย์ แต่การเพิ่มการรับรู้ทางจิตจากระดับก่อสร้างรากฐานขั้นกลางไปจนถึงระดับก่อสร้างรากฐานขั้นปลาย
เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีพร้อมด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ด้วยการหลอมรวมกับเจตจำนงของแท่นประหานเซียน
การรับรู้ทางจิตของ หยางเฉินได้กลายเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงกับระดับก่อสร้างรากฐานขั้นปลาย
แม้จะมีความแตกต่างกันมากมายในขอบเขตของพลังจิตวิญญาณเนื่องจากเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุแบบย้อนกลับ
แต่พลังของธาตุทั้งสิบที่กลั่นสกัดแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
การเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งของการรับรู้ทางจิต ทำให้พลังจิตวิญญาณของเขามีไม่เพียงพอ
ดังนั้นในตอนนี้หยางเฉินมีข้อจำกัดในการใช้อาวุธเวท
ไม่ได้หมายความว่าใช้อาวุธเวทในขณะที่จับมันไว้ในมือ
แต่เป็นการใช้เคล็ดวิชากระบี่เพื่อควบคุมและใช้มันเพื่อบิน เมื่อเทียบกับการต่อสู้ครั้งก่อน
ความกล้าหาญในการต่อสู้ของเขาดีขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการฆ่า โดยการเฉือนดาบของเขา
เพียงครั้งเดียวของกระบี่บิน ราวกับความแตกต่างระหว่างแผ่นดินและสวรรค์
แต่น่าเสียดายที่พลังจิตวิญญาณไม่เพียงพอมันย่อมเป็นปัญหาใหญ่ตั้งแต่เริ่มแรก
เมื่อโจมตีด้วยเคล็ดวิชากระบี่ หยางเฉินสามารถใช้มันได้เพียงแค่สองครั้ง ก่อนที่พลังจิตวิญญาณของเขาจะถูกใช้ไปเกือบทั้งหมด
แม้ว่าหยางเฉินจะมีพลังจิตวิญญาณน้อย แต่ศิษย์ที่อยู่จุดสูงสุดของดินแดนระดับรวบรวมลมปราณก็สามารถใช้ผลึกสมบัติได้เท่านั้น
หยางเฉินมีพวกมันอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้พวกเขาอิจฉาจนอาจจะถึงขั้นโกรธจนควันออกหู
สิ่งที่ทำให้ หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือความสามารถในการควบคุมอาวุธเวท
ซึ่งแสดงว่าหยางเฉินสามารถเริ่มต้นปรับแต่งอาวุธเวทได้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณหรือกล่องกระบี่ก็ตาม
หยางเฉินได้ทิ้งร่องรอยจิตวิญญาณของเขาไว้เพียงอย่างเดียว เมื่อใดก็ตามถ้ามีบุคคลใดที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าหยางเฉินหรืออย่างน้อยก็เป็นผู้เชี่ยงชาญระดับก่อสร้างรากฐาน
พวกเขาก็สามารถที่จะถอดจิตวิญญาณของหยางเฉินออกได้ในทันทีหากต้องการ
แต่การปรับแต่งอาวุธเวทเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน
มันอาจบังคับกลับหากถูกจับโดยใครบางคน และแรงงานที่ต้องการก็จะต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการเดิม
มันจะยอมรับถ้าเจ้านายเดิมได้ตายไปแล้ว และการรับรู้ทางจิตของเขาได้หายไป แต่อาวุธเวทระดับสูงบางอย่าง
ยังคงต้องมีวิธีการพิเศษบางอย่างเช่นสวนสมุนไพรภูเขาเซียงหยางและกล่องกระบี่
นักบ่มเพาะทุกคนในทุกนิกายมีวิธีการเฉพาะของตนเองคล้ายคลึงกับทักษะการกลั่นสกัดของตนเองในการควบคุมอาวุธเวท
ถ้านี่เป็นเรื่องในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา หยางเฉินคงต้องจะใช้ทักษะที่เขาเก่งในชีวิตก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นทักษะสุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเหมาะสมกับทักษะการควบคุมของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในการปรับแต่งอาวุธเวท
อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้หยางเฉินมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น
เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์นี่เป็นทักษะการกลั่นสกัดระดับพระเจ้าซึ่งสืบทอดมาจากกลุ่มดวงดาวเทพสวรรค์ทั้งสามสิบหกดวง
หยางเฉินรู้สึกอยากทำการทดสอบเคล็ดวิชาลับการกลั่นสกัดนี้
เนื่องจากเคล็ดวิชาดังกล่าวถูกใช้โดยเทพเจ้าแห่งสวรรค์
เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์เหล่านี้มีสามสิบหกชั้น ทุกชั้นยังมีชั้นรองอยู่สามชั้น
ซึ่งเหมาะกับการเลียนแบบดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหยางเฉินก็คือ
ไม่เพียง แต่วิธีนี้ไม่ได้มีข้อจำกัด เกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณของแต่ละธาตุ และก็ไม่ได้จำกัดจำนวนพลังจิตวิญญาณที่ถูกใช้
ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เขาจะใช้หยินและหยางทั้งห้าธาตุ พลังจิตวิญญาณที่เพิ่มเข้าสู่เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ก็จะมีผลลัพธ์เพิ่มเป็นสองเท่า
หยางเฉินอยากทดลองที่จะทำมัน เขารีบหยิบเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณออกมา
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณในปัจจุบันเป็นเพียงอุปกรณ์เวทระดับต่ำสุดเท่านั้น กล่าวได้ว่าการกลั่นจะค่อนข้างง่าย
มันง่ายมากในเมื่อหยางเฉินคุ้นเคยกับเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
แม้ว่าจะเป็นชั้นแรกของ เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
ซึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของหยางเฉินแต่ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวัน ดังนั้นเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
จึงได้รับการกลั่นสกัดยกระดับขึ้นเป็นชั้นแรก
เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์เป็นไปตามที่คาดไว้
มันเป็นเคล็ดลับของเทพเจ้าแห่งสวรรค์เพื่อสร้างพันธะกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้นด้วยการกลั่นสกัดในชั้นแรก
หยางเฉินจึงประสบความสำเร็จในระดับการควบคุม ซึ่งเขาเคยประสบความสำเร็จได้ที่ระดับก่อสร้างรากฐานในชีวิตก่อนหน้าของเขา
และสิ่งที่ทำให้หยางเฉินมีความสุขมากขึ้นก็คือหลังจากผ่านขั้นตอนการกลั่นสกัดแล้ว
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณได้รับการเพิ่มระดับขึ้นเป็นชั้นแรก เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุก็มีความเข้มข้นมากขึ้น
ราวกับว่าเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ ไม่ใช่แค่การกลั่นสกัดเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเท่านั้น
แต่ยังเป็นการกลั่นสกัดตัวของหยางเฉินอีกด้วย
ในขณะที่เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณอยู่ในมือของเขา
เตาหลอมขนาดเท่าฝ่ามือรูปร่างคล้ายหม้อ กลายเป็นมีขนาดใหญ่ขึ้นพอที่แขนของคนจะโอบรอบได้
ด้วยการเคลื่อนไหวของมือของเขาเพียงเล็กน้อย สายของเปลวไฟจากมือของเขาพุ่งเข้าไปในเตาและเพิ่มสูงขึ้นภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
นี่เป็นเคล็ดวิชาของหยางเฉินในการจัดการกับอุปกรณ์
และไม่ใช่แค่การจัดการเปลวไฟ ทุกๆปฏิกิริยาจากเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ หยางเฉินสามารถควบคุมพวกมันได้ตามที่ใจของเขาปรารถนา
มือของเขาสามารถทำได้ภายใต้การควบคุมที่สมบูรณ์แบบภายใต้จิตวิญญาณของเขา แม้แต่ฝุ่นละอองเล็กๆภายในเตาหลอมแก่นจิตวิญญาณ
หยางเฉินก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
หยางเฉินใช้เคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์เป็นครั้งแรก
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั้นแรก แต่ก็ยังสามารถทำให้หยางเฉินมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการกลั่นสกัดอาวุธและอุปกรณ์เวท
เมื่อหยางเฉินอยู่ที่แท่นประหารเซียน เขาได้จดจำวิธีการเหล่านี้ทั้งหมด โดยไม่ต้องคิดมากเกินไป
และหลังจากที่เริ่มฝึกฝนเขาก็ค้นพบความลึกลับที่ลึกซึ้งในตัวของพวกมันทีละอย่างทีละอย่าง
นี่เป็นเพียงเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
ถ้าเขารอจนกระทั่งพลังจิตวิญญาณของเขาเพียงพอ และการบ่มเพาะของเขาเพียงพอแล้ว วิธีการทั้งหมดเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับสมบัติเวทเหล่านี้ได้โดยการใช้การร่ายอาคมเพื่อกลั่นสกัดพวกมัน
หลังจากนั้น เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติสามารถใช้กับอาวุธเวททั้งหมดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพวกมัน
หยางเฉินได้เริ่มจินตนาการแล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่สิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น เคล็ดวิชาหยินหยางทั้งห้าธาตุจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่ง
แต่เขาก็สงสัยด้วยว่ารูปลักษณ์ของอาวุธเวทของเขาจะมีลักษณะอย่างไรในเวลานั้น
พลังจิตวิญญาณของเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุภายในร่างกายของหยางเฉินมีรูปแบบไม่มากนัก
เนื่องจากเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ ภายในพลังจิตวิญญาณของทุกธาตุเห็นได้ชัดว่ามีหลายประเภทของหลายสาขาที่ได้เกิดขึ้นมาใหม่ออกมา
หยางเฉินสังเกตเห็นว่า เนื่องจากการบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
แต่ละประเภทของพลังจิตวิญญาณภายในร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสามสิบหกเส้นทางเล็กๆ
ทั้งสามสิบหกเส้นทางเล็กๆของพลังจิตวิญญาณได้ควบแน่นรวมตัวกันตามทิศทางของดวงดาวแห่งสวรรค์
และรวมกันกับพลังจิตวิญญาณทั้งสิบธาตุที่มีทั้งหมด รวมเป็นสามร้อยหกสิบเส้นทาง จากการรวมกันของพลังจิตวิญญาณนี้กลายเป็นเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและมีความเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ก็หมายความว่าทุกครั้งที่เขาทำอะไร
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี หรือปกป้อง หรือแม้แต่การกลั่นสกัดยา หรือกลั่นสกัดอุปกรณ์เครื่องมือ
ในทุกครั้งเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาลับหยินหยางทั้งห้าธาตุและพลังจิตวิญญาณของทุกสาขาในการร่ายอาคมสะกด
อาคมสะกดดวงดาวสรรค์จะปรากฏออกมา ภายในอาคมสะกดนี้เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้
มันทำให้หยางเฉินสามารถทำการโจมตีและป้องกันได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
การรับรู้ทางจิตของเขาก็เปลี่ยนไปบ้าง
เดิมมันเป็นเพียงการขยายตัวออกไป แต่ตอนนี้มันก็เริ่มที่จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง
เกือบตลอดเวลาในร่างกายของหยางเฉิน สามสิบหกสายของพลังจิตวิญญาณซึ่งประกอบด้วยอาคมสะกดดวงดาวสรรค์กำลังมาบรรจบกันเป็นพลังจิตวิญญาณประเภทหนึ่ง
เขามีความรู้สึกแบบนี้อย่างแม่นยำ หยางเฉินมีลางสังหรณ์ตราบเท่าที่พลังจิตวิญญาณทั้งสามสิบหกดวงนี้มีพลังมากขึ้น
พลังจิตวิญญาณในร่างกายของเขาก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
การรับรู้ทางจิตของเขาที่แข็งแกร่งได้ถูกค้นพบ
ภายในพลังจิตวิญญาณทั้งสามสิบหกสาย มันมีพลังจิตวิญญาณสายเดียวที่หนากว่าเมื่อเทียบกับสายอื่นๆ
หลังจากที่เวลาได้ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาเข้าใจดีว่านี่เป็นเพราะเขาได้ทำการบ่มเพาะชั้นแรกของเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ทีมีถึงสามสิบหกชั้น
อาคมสะกดดวงดาวสรรค์ในตอนนี้เมื่อเทียบกับอาคมสะกดดวงดาวสรรค์ที่สมบูรณ์แล้วยังคงอยู่ห่างไกลกันจนเกินไป
อย่างไรก็ตามชั้นแรกของมัน ทำให้การรับรู้ของหยางเฉินเฉียบคมมากขึ้น
การรับรู้ทางจิตวิญญาณและในสถานการณ์เช่นนี้พลังโจมตีของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า มันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน
หากอาคมสะกดดวงดาวสรรค์สมบูรณ์
ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่ทำให้เขามองไปถึงอนาคตข้างหน้าก็คือการได้ร่วมสร้างเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์
จุดสิ้นสุดของอาคมสะกดได้ปรากฏให้เห็น ไม่ว่าเรื่องนี้จะช่วยให้พลังจิตวิญญาณของเขาสามารถแบ่งส่วนอีกครั้งในเส้นทางจิตวิญญาณที่เหมือนกันได้หรือไม่
จุดสิ้นสุดของอาคมสะกดดวงดาวสรรค์ เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่จะไปถึงชั้นที่สองมันทำให้เขาอยากรู้มามากขึ้นว่ามันจะเป็นอย่างไร
เตาหลอมแก่นจิตวิญญาณเป็นเตาหลอมเพื่อกลั่นสกัดยา
ในอนาคตมันอาจจะต้องการหยินหยางห้าธาตุที่แตกต่างกัน หยางเฉินได้ใช้พลังจิตวิญญาณหยินหยางห้าธาตุในการกลั่นสกัดมัน
ซึ่งมีเพียงผลประโยชน์และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเพื่อปรับแต่งกล่องกระบี่
หยางเฉินประสบปัญหา พลังจิตวิญญาณแบบไหนที่เขาควรใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?
ก่อนที่เขาจะแก้ปัญหานี้ได้ หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการพิจารณาว่าอาวุธหลักของเขาควรมาจากอะไรเสียก่อน
กล่องกระบี่อยู่หลังสุดทั้งหมด แม้ว่ามันจะอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่ก็เป็นกล่องกระบี่เพียงอันเดียวถ้าเขาต้องการที่จะแสดงพลังที่น่ากลัวของกล่องกระบี่ออกมา
เขาจะต้องทำการเติมเต็มมันด้วยกระบี่บินที่แข็งแกร่ง และในอนาคตเขาจะใช้กระบี่บินแบบไหน?
ก่อนหน้านี้ปัญหานี้หยางเฉินได้เคยคิดแต่ยังไม่ชัดเจนนัก
ด้วยที่ว่าเขาไม่ได้พิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามในตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาเพื่อที่จะต้องทำการตัดสินใจ ทิศทางการพัฒนาในอนาคตของเขาหยางเฉินก็อยากจะคิดทุกอย่างด้วยความใจเย็นและละเอียดรอบคอบ
โชคดีที่ปัญหานี้ไม่สามารถสร้างความสับสนให้กับหยางเฉินได้นานนัก
ตั้งแต่ที่เขาได้หยิบเอาเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุ เมื่อถึงเวลาเขาก็สามารถเลือกที่จะใช้หยินหยางห้าธาตุลมปราณแบบครอบจักวาลมาใช้เพื่อปรับแต่งกระบี่บินสำหรับกล่องกระบี่
เช่นที่กล่องกระบี่จะต้องใช้พลังจิตวิญญาณของหยินหยางห้าธาตุเพื่อให้เลื่อนระดับเช่นเดียวกับการกลั่นสกัด
ในปัจจุบันกล่องกระบี่มีระดับสูงกว่าเตาหลอมจิตวิญญาณ
ดังนั้น หยางเฉินต้องใช้พลังมากกว่าสองถึงสามเท่าของเตาหลอมจิตวิญญาณ เพียงเพื่อปรับแต่งกล่องกระบี่ เขาต้องใช้เวลาไปทั้งหมดถึงสองเดือน
ชั้นแรกของเคล็ดวิชาลับกลั่นสมบัติดวงดาวสวรรค์ก็สามารถยกระดับขึ้นเรื่อยๆ
และกล่องกระบี่ก็เริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีรูปลักษณ์ของดาบบนแท่นประหารเซียนอยู่ในมือของหยางเฉิน
แต่ในบางครั้งประกายตัดของขอบดาบยังคงเปล่งประกายออกมา เป็นลักษณะเฉพาะของดาบ
เมื่อมองเห็นเช่นนี้ หยางเฉินส่ายหัวของเขาอย่างช่วยไม่ได้
อาวุธเวทอย่างแท้จริงจะไม่แสดงประกายขอบตัดของดาบออกมาเช่นนี้
นี่คือจุดที่นักบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสามารถตัดสินกันได้ง่ายๆ ขวดหยกสะอาด เชือกอมตะ
พัดขนาดเท่าฝ่ามือที่สามารถตัดเพชรและอื่นๆอีกมากมายทั้งหมดที่ไม่ซ้ำกัน แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะสร้างพวกมันขึ้นมา
พวกมันจะยังคงได้รับการพิจารณาว่าเป็นอาวุธเวทที่มีคุณภาพสูงในดินแดนแห่งอมตะ
อุปกรณ์เครื่องมือที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นและได้รับการทำให้บริสุทธิ์ด้วยเลือดจำนวนนับไม่ถ้วน
แต่นั้นพวกมันก็สามารถที่จะโดดเด่นและงดงามอย่างแท้จริง อาวุธเวทและคนจริงๆแล้วก็เหมือนกัน
ดังนั้นความเข้าใจของ หยางเฉินในเรื่องนี้ก็คือเพราะเขาสามารถเปิดเผยขอบคมตัดของกล่องกระบี่
อาวุธเวทอาจสะท้อนการบ่มเพาะของเขาในอนาคตบางทีหลังจากการแข่งขันทักษะการต่อสู้ หยางเฉินต้องเลือกที่ไหนสักแห่งเพื่อทำการฝึกฝนเพิ่ม
เขาปล่อยให้มันเป็นไป ช่วงเวลาที่ยังคงมีอยู่หลายวันก่อนที่เขาจะออกจากความสันโดษ
หยางเฉินเพิ่งหยิบขวดแก้วใสสะอาดของสวนสมุนไพรภูเขาเซียงหยางออกมา ตั้งแต่การบ่มเพาะของหยางเฉินลดลงมาจากก่อนหน้านี้
เขาสามารถสร้างตราประทับได้ด้วยพลังจิตวิญญาณของตนเองเท่านั้น แต่สวนสมุนไพรมีระดับที่สูงกว่ากล่องกระบี่ดังนั้นหยางเฉินจึงไม่มีความหวังว่าจะสามารถปรับแต่งมันได้ในขณะนี้
เขานำสวนสมุนไพรออกมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องทับทิมสายฟ้าเท่านั้น
เพื่อทำให้ทับทิมสายฟ้าสามารถเจริญเติบโตได้มันมีเงื่อนไขมาก
แต่นั่นไม่ใช่เฉพาะปัญหา ในก่อนหน้านี้จำนวนของผู้อาวุโสนับไม่ถ้วน ต่างล้มเหลวในการค้นคว้าความต้องการของเมล็ดพันธ์
พวกมันต้องใช้ทักษะที่มากเกินไป
ทับทิมสายฟ้าไม่เพียงแต่ต้องปลูกในพื้นที่ที่มีฟ้าผ่าตั้งแต่เริ่มต้น
แต่เมล็ดพันธุ์ของมันก็ดูราวกับว่ามีพลังจิตวิญญาณมากมายไหลเวียนอยู่ แต่ภายในเมล็ดก็ยังว่างเปล่า
สำหรับเมล็ดพันธุ์ที่จะอยู่รอดก็ต้องได้รับการปลูกในภูมิภาคที่หนาแน่นด้วยต้นแบบพลังจิตวิญญาณ
เพื่อทำการดูดซับพลังจิตวิญญาณพอที่จะเติบโตต่อไปได้ มิฉะนั้นเมล็ดพันธ์จะไม่สามารถที่จะงอกหรือมีรากออกมาได้
ในช่วงเวลาที่ดูดซับ พลังจิตวิญญาณ มันไม่ควรถูกปนเปื้อนจากพลังจิตวิญญาณประเภทอื่นๆ
มันถึงจะเติบโตได้
ภายในสวนสมุนไพรมี ต้นแบบพลังจิตวิญญาณ
ขึ้นอยู่บ้างดังนั้นโชคดีที่พลังจิตวิญญาณนั้นมีอยู่มากมาย หยางเฉินใช้มีดไม้ค่อยๆแยกเปิดเมล็ดทับทิมสายฟ้าอย่างระมัดระวัง
และหลังจากปลูกเมล็ดในสถานที่เหมาะสม เขาก็ถอนตัวออกจากสวนสมุนไพร ในตอนนี้เขาต้องรอจนกว่าพวกมันจะดูดซึมพลังจิตวิญญาณให้ได้มากพอ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเหล่านี้แล้ว หยางเฉินได้เสร็จสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาวางแผนที่จะทำ
จากนั้นเขาทำการปรับสภาพร่างกายทั้งหมดให้อยู่ในสภาวะสูงสุด เนื่องจากใกล้ได้เวลาที่จะออกจากห้องฝึกฝนแบบปิด
หลังจากที่เขาออกจากการฝึกแบบปิดในวันรุ่งขึ้นก็จะมีการแข่งขันทักษะการต่อสู้ของนิกาย
แปลได้สุดยอดมากครับ แค่อ่านยังรู้สึกเหนื่อยแทน ตอนนี้ยาวจริงๆ แถมหนักไปทางวิชาการล้วนๆ
ตอบลบกินเวลาแปลไปทั้งวันเลยตอนนี้ แปลเสร็จ ประกาศหาคนช่วยในทันที 5555
ลบข้อมูลเยอะแยะไปหมด คงแปลยากน่าดู
ตอบลบเสียดายยังเลื่อนระดับไม่ได้ คงเป็นตอนหน้า
แปลไป งงไป ตอนนี้
ลบเตรียมการใหญ่
ตอบลบ