การชุมนุมที่ภูเขาลอยฟ้าได้รับการขยายออกไปอีกห้าวันเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหยางเฉิน
ในวันสุดท้าย หยางเฉินและกงซุนหลิงได้ไปเดินที่ตลาดของภูเขาลอยฟ้า
การชุมนุมที่ภูเขาลอยฟ้าเป็นเหตุการณ์ที่ถูกจัดขึ้นหนึ่งครั้งในรอบหนึ่งปี
ดังนั้นตลาดจึงเปิดเพียงปีละหนึ่งครั้งและก็จะสลายไปในทันทีหลังจากที่เสร็จสิ้นการชุมนุม
ถ้าพวกเขาไม่สามารถหาสิ่งที่ดีได้ในขณะนี้ พวกเขาก็ต้องรอให้มันเปิดอีกครั้งในปีหน้า
เมื่อคนทั้งสองได้ปรากฏตัวขึ้นบนถนน
คนที่อยู่รอบๆต่างมองไปที่หยางเฉินและกงซุนหลิงด้วยความชื่นชม ในความคิดของพวกเขา
ในปีนี้หมายเลขหนึ่งและหมายเลขสองของบันไดสวรรค์ อนาคตของพวกเขาไม่สามารถวัดได้ ดังนั้นมันย่อมเป็นเรื่องปกติถ้าทุกคนจะต้องการที่จะสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ในวันข้างหน้า
หยางเฉินมาพร้อมกับกงซุนหลิง
ผู้ซึ่งต้องการหาวัตถุบางอย่างสำหรับการสร้างอักขระอาคมที่แปลกไปจากปกติ
และกงซุนหลิงรู้ด้วยว่าหยางเฉินได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างใน หอลี้ลับ ดังนั้นเธอจึงดึงเขามากับเธอเพื่อขอคำชี้แนะ
สินค้าในตลาดทั้งหมด มีตั้งแต่ยันต์กระดาษต่างๆ
เครื่องราง อาวุธยันต์ ผลึกยันต์ ทั้งหมดเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณของทุกนิกาย
เดิมทีการชุมนุมของภูเขาลอยฟ้าเริ่มต้นสำหรับศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ ดังนั้นสินค้าที่มีมากที่สุดในที่นี่ก็เพื่อศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
สินค้าหรือวัตถุดิบในตลาดมันย่อมมีความหลากหลาย
แต่ส่วนใหญ่ของพวกมันล้วนต่างมีระดับต่ำ นอกจากนี้มันยังมีผลไม้หยางล้ำเลิศที่สามารถใช้ในการกลั่นสกัดยาเม็ดก่อรากฐาน
ซึ่งพวกมันหาได้ยากมากและทั้งหมดของพวกมันล้วนมีราคาสูงเป็นอย่างมาก มันกดดันผู้คนตั้งแต่แรกเห็น
ยิ่งหมายเลขของแผงขายที่สูงขึ้น จำนวนของระดับรวบรวมลมปราณขั้นเก้าหรือมากกว่าหรือแม้แต่ผู้บ่มเพาะชั้นสูงก็จะมีต่อสู้ราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับสิ่งเหล่านี้หยางเฉินและกงซุนหลิง
ไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด เนื่องจากเกือบทั้งหมดเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเขา
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว พวกเขาก็พบกับแผงขายที่มีการขายวัตถุดิบสำหรับการทำอาคมสะกด
หยางเฉินกวาดสายตามองพวกมัน และไม่คาดคิดว่าจะพบสองรายการที่มีคุณภาพดี ดูเหมือนว่าผู้ขายไม่ได้ดูแลเกี่ยวกับพวกมันมากนัก
ดังนั้นราคาของพวกมันจึงไม่สูง หยางเฉินพยักหน้าให้กับกงซุนหลิง ก่อนที่เขาจะชี้ไปที่มันอย่างเงียบ
ๆ
ทันใดนั้นกงซุนหลิงมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในการมองของหยางเฉิน
บางทีอาจเป็นเพราะคำเตือนซ้ำๆ ที่เขาให้ไว้ก่อนที่เธอจะเริ่มปีนไปบนบันไดสวรรค์ ในขณะที่เธอไม่ได้กระพริบตา
แต่ย้ายไปมองคนขายและเริ่มที่จะชี้ไปที่วัตถุดิบราคาถูกบางส่วนและเริ่มสอบถามราคา
หยางเฉินต้องการที่จะซื้อแต่เขาคิดอยู่ภายในใจของเขา
เมื่อพบกับสินค้าชั้นนำ แต่เขายังคงปล่อยให้กงซุนหลิงใช้ทักษะการเจรจาต่อรองที่ดี เขาและกงซุนหลิงในตอนนี้มีชื่อเสียงมาก
บางทีผู้ขายเหล่านั้นจะเปิดปากของพวกเขาราวกับสิงโต แต่กงซุนหลิงก็จะลดความเสียหายจากมันได้บ้างเล็กน้อย
ระหว่างที่รอกระบวนการต่อรองราคาเสร็จสิ้น
หยางเฉิน ตรวจสอบพ่อค้าทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียง เมื่อเขาเพิ่งตรวจสอบพ่อค้าเสร็จสิ้นและย้ายไปที่ร้านถัดไป
ในทันใดนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างที่แผงขายที่ทำให้หยางเฉินรู้สึกสนใจ
มันเป็นผลไม้สีฟ้าอมเขียวที่มีขนาดเท่ากำปั้นและรูปร่างเหมือนทับทิมแม้ว่ามันจะยังมีสีฟ้าอมเขียว
หยางเฉินรู้ว่าภายใต้การห่อหุ้มด้วยเปลือกสีฟ้าอมเขียวนี้มีเมล็ดพันธุ์อยู่
ผลไม้ทั้งลูกดูสดใสมากจนทำให้ตาพร่ามัว เพียงการกวดตามองอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบังคับให้ผู้คนให้ความสนใจกับผลไม้ชนิดนี้
"ทับทิมสายฟ้า?"
หยางเฉินยืนอยู่กับที่ราวกับว่ามีรากงอก
เขาไม่คาดหวังว่าในตลาดชั่วคราวบนภูเขาลอยฟ้าจะมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
ทับทิมสายฟ้าเป็นสินค้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ทับทิมชนิดนี้สามารถที่จะดูดซับฟ้าผ่าเพื่อทำให้พวกมันโตจนเต็มที่ แต่ก็เป็นเพียงความสามารถดูดฟ้าผ่าเท่านั้นเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของพวกมัน
ดังนั้นในพื้นที่ธรรมดาพวกมันจึงไม่สามารถอยู่รอดได้
ผลไม้ที่โตเต็มที่สามารถนำมาปรับแต่งเป็นตัวดูดสายฟ้าทรงกลมได้
ตัวดูดสายฟ้าทรงกลมชนิดนี้ เมื่อมันถูกใช้ มันสามารถดูดซับสายฟ้าและฟ้าผ่าที่อยู่รอบๆตัวของผู้ใช้งานได้เกือบทั้งหมด
ทับทิมสายฟ้าธรรมดาสามารถดูดซับได้น้อยมาก แต่ถ้าหากทับทิมสายฟ้าที่โตเต็มที่หนึ่งปีนำมาปรับแต่งเป็นทรงกลม
พวกมันจะสามารถดูดกลืนความหายนะที่เกิดจากสายฟ้าเพื่อช่วยนักบ่มเพาะได้
แม้ว่าจะไม่สามารถดูดกลืนได้อย่างสมบูรณ์
แต่พวกมันก็สามารถดูดซับได้ค่อนข้างมาก ซึ่งอาจทำให้ผู้บ่มเพาะสามารถผ่านความทุกข์ทรมานได้ง่ายมากขึ้น
เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก นอกเหนือจากการทำความเข้าใจกับกฎของโลกแล้ว
พวกเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากประการแรกจากทั้งหมดสามประการ ด้วยความช่วยเหลือจากทับทิมสายฟ้ามันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายมาก
แต่น่าเสียดายที่ทับทับสายฟ้าที่โตเต็มวัยสามารถหาได้โดยความบังเอิญเท่านั้น
และไม่ใช่จากการค้นหา นี่เป็นสี่งที่หาได้ยากมากที่นักบ่มเพาะนับไม่ถ้วนจะทำการต่อสู้เพื่อมัน
เสียงของหยางเฉิน ทำให้กงซุนหลิงเกิดความสนใจและหันหน้าไปทางด้านที่หยางเฉินกำลังมองดูอยู่
และค้นพบทับทิมสายฟ้าอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบไม่กี่อึดใจเธอขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
"ศิษย์น้องนี่คือทับทิมทิมสายฟ้าที่โตเต็มวัยมานานแล้ว
มันไม่มีคุณสมบัติตัวยาหลงเหลืออยู่"
กงซุนหลิง กลัวว่าหยางเฉินจะไม่สามารถมองเห็นปัญหาภายในและรีบเตือนเขาได้
"แม้ว่าจะเป็นผลไม้ขนาดใหญ่
สิ่งเดียวที่อยู่ภายในคือเมล็ดพันธ์ นี่เป็นเพียงเมล็ดพันธ์ของผลไม้ ที่เอาไว้ปลูกต้นทับทิมสายฟ้าในทุกปี
แต่มีเพียงผลเดียวจากหลายผลที่จะมีเมล็ดพันธ์อยู่ภายใน เจ้าไม่ควรที่จะหลงกล”
หยางเฉินยิ้มและพยักหน้ายอมรับเจตนารมณ์ที่ดีของกงซุนหลิง
เขาต้องการที่จะได้เมล็ดพันธุ์ของทับทิมสายฟ้านี้ แต่เขาไม่ได้หวังว่าจะเป็นทับทิมสายฟ้าที่โตเต็มที่
สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นเพียงเมล็ดพันธ์ผลไม้ แต่สำหรับเขามันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก
ในชีวิตก่อนหน้านี้
ในอีกสองพันปีข้างหน้า อัจฉริยะคนหนึ่งได้ค้นพบวิธีการปลูกทับทิมสายฟ้า หลังจากนั้นทับทิมสายฟ้าก็ไม่ได้เป็นของที่มีค่าและหายากอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะเป็นความลับ แต่หลังจากที่เขาขึ้นสู่โลกนิรันดร์ หยางเฉินก็มีโอกาสที่จะได้รับรู้วิธีการแบบนี้
ผลไม้นี้จะสามารถช่วยให้เขาสามารถทดสอบวิธีการที่เขารู้มา
“ขอบคุณศิษย์พี่หญิงสำหรับคำเตือนของท่าน!"
หยางเฉินกล่าวออกไป
แต่ยังคงเดินหน้าตรงไปหาพ่อค้าก่อนที่เขาจะถามออกไป
"ทับทิมสายฟ้า
ราคากี่หินจิตวิญญาณ?"
แต่เดิมเมื่อพ่อค้าเห็นหยางเฉินมีความสนใจในทับทิมสายฟ้า
เขาคิดว่าจะทำกำไรได้มาก แต่จากคำเตือนของกงซุนหลิง ก็ทำให้เขาหมดหวังอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถตำหนิกงซุนหลิงได้
พวกเขาเหล่านี้เป็นศิษย์พี่ ศิษย์น้องร่วมนิกาย ดังนั้นเธอย่อมเตือนศิษย์น้องของตัวเอง
เมื่อเห็นหยางเฉินถามราคา พ่อค้าคาดเดาราคาไว้ในใจของเขาและตอบออกไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
"สหายเต๋าหยางในเมื่อท่านต้องการมัน
ข้าก็จะไม่ถามมาก มันราคาหนึ่งร้อยจินของน้ำหนักหินจิตวิญญาณ
เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไร?"
เมล็ดพันธ์ทับทิมสายฟ้าแม้ว่าจะมีจำหน่ายในทุกปี
แต่ก็ยังไม่สามารถหาได้ง่ายๆ แม้ผู้ขายจะได้รับพวกมันจากความไม่ตั้งใจและก็ไม่ได้ลงทุนอะไร
ดังนั้นเมื่อหยางเฉินถามราคา เขาไม่ได้เปิดปากเหมือนสิงโต แต่บอกราคาที่เหมาะสมออกไป
ทางด้านกงซุนหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
พยายามที่จะใจเย็นอยู่ภายในใจ หนึ่งร้อยจินของน้ำหนักหินจิตวิญญาณเหล่านี้ไม่ถึงกับแพงนัก
แม้ว่าพวกมันจะสามารถใช้คะแนนสนับสนุนเพียงจุดเดียวในการแลกเปลี่ยน พวกเขาก็จะได้รับเงินหนึ่งพันจิน
แต่กงซุนหลิงไม่ได้มีหินจิตวิญญาณนับร้อยจินกับเธอในเวลานั้น เธอเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าและตั้งใจที่จะต่อรองราคา
ในขณะที่หยางเฉินกล่าวออกไปว่า
"ดี
ข้าตกลง!"
เมื่อเขาเปิดปากเอ่ยออกมา
พ่อค้ารู้สึกยินดีในขณะที่กงซุนหลิงกระโดดไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจและโพล่งออกมาว่า
"เจ้าเอาหินจิตวิญญาณหนักร้อยจินมาจากไหนกัน?
"ข้ารวบรวมมันหลังจากที่ฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมาก!"
หลังจากที่หยางเฉินกล่าวอย่างขอไปที
กงซุนหลิงรู้ทันทีว่า หยางเฉินได้พวกมันจากเหล่ามือสังหารที่หยางเฉินได้ฆ่า อย่างไรก็ตามเธอยังถามด้วยความอยากรู้
"ทำไมเจ้าถึงต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์ทับทิมสายฟ้านี้?"
“ศิษย์พี่หญิง
หากข้าบอกท่านว่า ข้าต้องการตรวจสอบวิธีการปลูกทับทิมสายฟ้าเหล่านี้ ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ศิษย์พี่หญิง?”
หยางเฉินยิ้มในขณะที่ถามออกไป
"ข้าเชื่อเจ้า!"
คำตอบนี้มันทำให้หยางเฉินรู้สึกตกใจเล็กน้อย
กงซุนหลิง พยักหน้าโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
ในขณะที่คำพูดของกงซุนหลิงแทบจะยังไม่หลุดออกจากปากของเธอ
ในทันใดนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆต่างส่งเสียงหัวเราะออกมา ซึ่งในจำนวนนั้นก็รวมถึงพ่อค้าที่เพิ่งได้ตกลงซื้อกันไปก่อนหน้านี้
ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
"สหายเต๋าหยาง
นี่เป็นเมล็ดทับทิมสายฟ้าของท่าน"
หลังจากเสร็จสิ้นการหัวเราะแล้วพ่อค้าก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
เนื่องจากการซื้อขายยังไม่เสร็จสิ้น เขาจะหัวเราะเยาะลูกค้าของเขาได้อย่างไร เขารีบหยิบยื่นทับทิมสายฟ้าไปให้ถึงมือของหยางเฉิน
และหลังจากนั้นรอคอยหยางเฉินเพื่อมอบหินจิตวิญญาณ
หยางเฉินไม่ได้ยกเลิกความต้องการซื้อแต่อย่างใด
เขาหยิบเอาหินจิตวิญญาณจากถุงหนัง ก่อนที่จะยื่นให้พ่อค้า หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำการแลกเปลี่ยน
ในตอนนี้ทับทิมสายฟ้าเป็นทรัพย์สินของหยางเฉินแล้ว
หลังจากที่ไต่ถึงยอดเขาของบันไดสวรรค์แล้ว
หยางเฉินและ กงซุนหลิงจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้กลายเป็นเป้าหมายของการตรวจสอบอย่างละเอียด
ดังนั้นการกระทำทุกอย่างของพวกเขาจะถูกจับตามองและสังเกตโดยผู้คนที่ไม่รู้จักนับไม่ถ้วน
บทสนทนาล่าสุดระหว่างกงซุนหลิงและหยางเฉินก็ได้ไปถึงหูของทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อพูดถึงการประเมินความสามารถของคนๆหนึ่งที่มากเกินไป
ไม่มีใครเคยเห็นคนที่ทำการประเมินความสามารถของเขาเองมากเกินไปเช่นเดียวกับหยางเฉินมาก่อน
วิธีการปลูกทับทิมสายฟ้า ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกนับไม่ถ้วนได้ค้นคว้าเรื่องนี้
แต่ผลสุดท้ายของการค้นคว้าของแต่ละคนต่างพบกับความล้มเหลว แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอก
พวกเขาก็แทบจะก้าวไปไกลจนใกล้ที่จะทะลวงผ่านระดับออกผล แต่ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่ต้องพูดถึงหยางเฉินซึ่งมีระดับบ่มเพาะเพียงรวบรวมลมปราณขั้นสอง แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อสร้างรากฐานหรือผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ถ้าเขาพูดคำพูดแบบนี้คนอื่นก็ยังหัวเราะกับเขาอยู่ดี
"ช่างเป็นคนที่ปากเก่งจริงๆ!
สหายเต๋ากงซุน สหายเต๋าหยาง เจ้าเพิ่งได้รับการบ่มเพาะเป็นเวลาสั้นๆ
และยังไม่รู้เรื่องต่างๆ สหายเต๋ากงซุนเจ้าก็ยังไม่สมควรที่จะพูดอย่างนี้ออกมา!"
ทันทีที่มีคนต้องการที่จะโอ้อวดความเป็นอาวุโสของเขา
เขาก็จะเริ่มที่จะแกล้งทำเป็นพูดคำที่ดูจริงใจและมีความหมายแฝงออกมา
"สหายเต๋าหยางคงล้อเล่น
สหายเต๋ากงก็เชื่อเช่นนั้นได้อย่างง่ายดาย จริงๆสายสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่และศิษย์น้องร่วมนิกายเดียวกันนี่ค่อนข้างจริงจัง!"
คำพูดเหล่านี้ทำให้เกิดเสียงหัวเราะลั่นไปทั่วอีกครั้ง
"ถ้าเจ้าสามารถเหยียบบนยอดเขาบันไดสวรรค์และกล่าวคำเหล่านี้
ข้าก็จะเชื่อเจ้า!"
สีหน้าของกงซุนหลิงเปลี่ยนไปเมื่อเธอพูดออกมา
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะทั้งหมดก็ติดอยู่ในลำคอของพวกเขา
บางคนถึงกับมีอาการไอเพราะหายใจไม่ออก เมื่อพยายามที่จะควบคุมมัน คำพูดของกงซุนหลิงดูเหมือนจะทำให้ผู้คนหัวเราะได้ลำบากขึ้น
ทุกคนเริ่มขบคิดเรื่องนี้เนื่องจากหยางเฉิน สามารถก้าวขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ในอดีตที่ผ่านมา
อีกครั้งใครจะสามารถรับประกันได้ว่าเขาจะไม่สามารถหาวิธีการเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ของทับทิมสายฟ้า?
อย่างไรก็ตามความประหลาดใจเกิดขึ้นเพียงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
เสียงหัวเราะยังคงบดบังทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ยังมีคนขาดความสามารถในโลกนี้หรือไม่? แต่ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จในปลูกทับทิมสายฟ้าจนโตได้
มันเป็นที่ยอมรับว่าหยางเฉินปีนขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์ซึ่งเป็นผลงานที่ทุกคนชื่นชม
แต่ความสำเร็จนี้ยังก่อให้เกิดความอิจฉาของคนจำนวนมาก เมื่อมีโอกาสนี้ มันน่าจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์หากทุกคนไม่ได้ใช้โอกาสนี้และพยายามปรามเขาอย่างเมามัน
ในไม่ช้าคำพูดของหยางเฉินก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งตลาด
ผ่านเข้าหูของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นบางคน ทันทีหนึ่งในพวกเขาแสดงความคิดเห็นโดยไม่ต้องยับยั้งชั่งใจ
"ฮื้ม
เขาประเมินค่าความสามารถของเขาเองสูงเกินไป! ศิษย์เยาว์วัยคนนี้ปากเก่งไม่น้อย"
คนที่พูดเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจากสวรรค์ยิ่งใหญ่
แต่ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ตอนกลางของดินแดนก่อสร้างรากฐาน เขาเพิ่งฟื้นตัวหลังจากการรักษา
และหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ มันทำให้เขาเปิดปากพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
"นี้ก็ถือว่าดี!"
ทางด้านเจิ้งเหวินไชไม่ได้มีท่าทีด่าว่าเพราะคำพูดของหยางเฉิน
เขาพูดออกมาราวกับว่าข่าวนี้น่าฟัง ซึ่งทำให้สหายผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นรู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
"เจ้าไม่จำเป็นต้องมองข้าเช่นนี้!"
เจิ้งเหวินไชเยาะเย้ยออกมา
"ในเมื่อเขาต้องการค้นคว้าหาวิธีการปลูกทับทิมสายฟ้า
แล้วถ้ามีการแพร่กระจายข่าวนี้ออกไป ทุกคนก็จะบอกว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้เริ่มต้นโม้ว่าศิษย์ของพวกเขา
หยางเฉิน สามารถประสบความสำเร็จในการค้นคว้าการเพาะปลูกทับทิมสายฟ้า นิกายทั้งหมดจะต้องตระหนักถึงเรื่องนี้
ลองมาดูว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะสามารถโต้แย้งได้กี่ร้อยปาก"
"ศิษย์พี่
หมายความว่ายังไง?"
อีกด้านหนึ่ง ศิษย์น้องที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ระดับการบ่มเพาะได้ลดลงไปที่ระดับก่อสร้างรากฐานได้ถามออกมา
"ศิษย์จากพระราชวังหยางบริสุทธิ์นี้ซึ่งเคยก้าวถึงจุดสูงสุดของบันไดสรรค์
เขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะหรอกหรือ?"
เจิ้งเหวินไช เยาะเย้ยอีกครั้ง
"ข้าก็แค่อยากจะรู้ว่า
ความสามารถพิเศษทางด้านการค้นคว้าบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ไม่สามารถค้นพบในช่วงเวลาสองร้อยปี
มาดูสิว่าอีกสองร้อยปีข้างหน้าเขาจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหนกัน?"
สายตาของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสองคน
ที่ระดับการบ่มเพาะหล่นลงมาในดินแดนด้านล่าง เริ่มเปล่งประกายออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของ
เจิ้งเหวินไช พวกเขาเริ่มรวบรวมศิษย์นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ โดยแอบส่งเสียงลับไปยังเหล่าศิษย์ทั้งหลาย
ศิษย์ทั้งหมดต่างรู้สึกสับสนมากตอนที่พวกเขาได้รับฟัง แต่ยิ่งพวกเขาได้ฟังมากขึ้น พวกเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แล้วก็วิ่งออกไปและเริ่มจัดการเรื่องต่างๆด้วยความรวดเร็ว
ก่อนที่หยางเฉินและกงซุนหลิงจะเสร็จสิ้นการซื้อสิ่งของที่กงซุนหลิงต้องการ
ข่าวลือได้แพร่หลายไปทั่วภูเขาลอยฟ้า ยันต์บินนับไม่ถ้วนได้ถูกเรียกออกมาใช้งานและได้เริ่มบินออกจากภูเขาลอยฟ้า
ในเวลาเดียวกันที่ซีเชิงซินได้รับแจ้งและเขาก็ปฏิเสธข่าวลือหากแต่มันก็สายเกินไป
ซีเชิงซิน เดาได้ในทันทีว่าความจริงทั้งหมดของเรื่องนี้มาจากที่ศิษย์สองคนที่ซื้อสิ่งต่างๆต้องการจะลองทำ
ในตอนแรกคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวว่าเป็นเรื่องตลก แต่มีบางคนที่มีเจตนาไม่ดีได้ใช้ประโยชน์จากคำพูดเหล่านี้
โดยเจตนาที่จะดัดแปลงความหมายแต่แรกไปเป็นว่านี่คือความต้องการของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เนื่องจากหยางเฉินกลายเป็นที่รู้จักในการปีนขึ้นบันไดสวรรค์
หยางเฉินและกงซุนหลิงถูกกล่าวหาว่าหยิ่ง แต่ในความเป็นจริง พระราชวังหยางบริสุทธิ์น่าจะได้ทราบถึงวิธีการดังกล่าวในก่อนหน้านี้แต่พวกเขาเก็บความลับของวิธีนี้ไว้
ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ว ข่าวลือเหล่านี้มีเหตุผลและเป็นธรรมที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อ
“ปรามาท!”
เรื่องนี้ได้มาถึงขั้นตอนที่ซีเชิงซินไม่สามารถหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป
และเขาคงทำได้แต่เพียงแจ้งให้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์รับรู้เพื่อทำการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีผลต่อหยางเฉินผู้ซึ่งเดินซื้อของพร้อมกับกงซุนหลิง
พวกเขายังเดินในตลาดเพื่อซื้อสิ่งที่เธอก่อนที่เขาจะใช้หินจิตญญาณในมือของพวกเขาเพื่อซื้อพื้นที่สวนสมุนไพรมิติ
พื้นที่สวนสมุนไพรมิตินี้มีความคล้ายคลึงกับสวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง
(จิตรกรรมดวงอาทิตย์) แต่ความแตกต่างของทั้งสองมีมากเกินไป หากแต่มันก็มีพื้นที่เพียงพอที่จะปลูกพืชชนิดเดียวที่มี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ แต่มันก็ยังคงเป็นอุปกรณ์เวท อย่างไรก็ตามพ่อค้าดูเหมือนจะต้องการช่วยหยางเฉินโดยเจตนา
ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะมีหินจิตวิญญาณที่ไม่เพียงพอ แต่เขายังยอมรับหินจิตวิญญาณเท่าที่หยางเฉินมี
ก่อนที่จะมอบสวนสมุนไพรมิติให้กับหยางเฉิน
ความจริงที่ว่าหยางเฉินได้ซื้อพื้นที่สวนสมุนไพรมิติ
ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันแล้ว แม้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต้องการจะลบล้างมัน
แต่ก็ควรมีเหตุผลเพียงพอสำหรับเรื่องที่ว่าทำไมศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองถึงมีหินจิตวิญญาณหลายร้อยจินติดตัว? ถ้านี่ไม่ใช่ว่านิกายสนับสนุนเขา
แล้วมันคืออะไร?
แน่นอนว่าหยางเฉินได้ซื้อพื้นที่สวนสมุนไพรมิตินี้
เพื่อปกปิดสวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง (จิตรกรรมดวงอาทิตย์) มิฉะนั้นเขาจะไม่มีคำอธิบายที่ถูกต้องว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในสวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง
ระหว่างที่เดินเล่นผ่านตลาด
หยางเฉินและกงซุนหลิงไม่ได้ระมัดระวังและใส่ใจมากนัก เมื่อพวกเขากลับไปที่หอพันปี พวกเขาได้เห็นซีเชิงซินที่มีสีหน้าและท่าทางที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
"เจ้าทั้งสองคนได้แสดงความสามารถที่วิเศษบนบันไดสวรรค์
ในตอนนี้พวกเจ้าตกเป็นเป้าหมายของการถูกจับตามองอย่างละเอียดแล้ว แต่ละคำพูดและทุกการกระทำของเจ้าควรคิดให้รอบคอบ
ถ้าเจ้าพูดอะไรออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มันก็อาจที่จะย้อนกลับมาเป็นภัยกับตัวเจ้าโดยคนอื่นที่คิดมุ่งร้าย"
หลังจากที่ซีเชิงซินได้แจ้งหยางเฉินและกงซุนหลิงเกี่ยวกับเรื่องปัจจุบัน
เขาทำได้แต่เพียงส่ายหน้า ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
"สำหรับวิธีการจัดการกับปัญหาเหล่านี้
ในทันทีที่เรากลับไปที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ ต้องให้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ทำการตัดสินใจ!"
"รับทราบ!"
ทั้งสองตอบรับออกไปอย่างนุ่มนวล
“อา!”
ซีเชิงซินถอนหายใจยาวออกมา
ภาพสมรักษ์ลอยมา
ตอบลบไม่ได้โม้
หัวเราะทีหลังดังกว่า
ตอบลบโลกวรยุธย์ ไม่น่าจะมีอายุยื่นยาวขนาดหลายหมื่นปีนะ แค่พันปีถือว่าเยอะเเล้ว (ฆ่ากันเป็นผักปลา น่าจะสูญพันธุ์ ซะมากกว่า)
ตอบลบ