เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 047 เจ้าต้องการตายอย่างไร

ในใจกลางที่ควบคุมลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ ปรากฏร่างของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนต่างนอนหมดสติอยู่บนพื้นดิน พวกเขาล้วนมีผมสีเทาและดูแก่ชรา บริเวณที่หน้าอกเปรอะเปื้อนด้วยเลือด ราวกับว่าพวกเขาถูกฆ่าตายอยู่ในห้องนี้ ลมหายใจของพวกเขาดูอ่อนแรงมากราวกับว่าพวกเขาจะหยุดหายใจได้ทุกขณะ

ทุกคนที่มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างมีสีหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ จากนั้นพวกเขารีบพาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดเหล่านี้ออกมา กรอกยาน้ำพิเศษเข้าไปในปากของพวกเขา และทันทีเริ่มมีบางคนถ่ายเทพลังจิตวิญญาณลงไปในร่างกายของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น เพื่อช่วยในการละลายยาในเวลาเดียวกัน ความพยายามทั้งหมดก็เพื่อกระตุ้นการทำงานของร่างกายผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคน

เมื่อมองไปที่ลักษณะของเจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในตอนนี้ ดูเหมือนว่าดินแดนการบ่มเพาะของพวกเขาจะลดลงไปเป็นอย่างมาก นักบ่มเพาะสองสามคนที่อยู่ด้านหลังได้ตระหนักว่าเส้นพลังลมปราณส่วนใหญ่ของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่นอนอยู่ด้านหน้าของพวกเขาได้หดตัวลง พลังทางจิตในร่างกายของพวกเขาเหือดแห้ง

ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบสูญเสียแก่นชีวิตของพวกเขาในจำนวนที่มากเกินไป จึงเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายของพวกเขาดูแก่ชราลงไปอีกหลายปี แม้ว่าพวกเขาจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้หายขาด หากแต่ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนไม่สามารถรักษาระดับของการบ่มเพาะของตนเอาไว้ได้ ในตอนนี้มันถดถอยจนมาหยุดที่ตอนกลางของระดับก่อสร้างรากฐานได้ก็จะถือว่าเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาก็จะรู้สึกมีความสุขแล้ว

หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่นี้ ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนก็ได้รับการช่วยเหลือต่อลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา จากนั้นก็มีคนในหมู่พวกเขาต้องการที่จะหาความรับผิดชอบจากหยางเฉินที่กำลังนั่งอยู่บนยอดเขา ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบกลายเป็นเช่นนี้ แต่หยางเฉินสามารถอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ?

"สหายเต๋า เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

ซีเชิงซินหยุดอยู่ที่ด้านหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนที่นำโดยเจิ้งเหวินไช และรีบถามออกไป โดยใช้น้ำเสียงเช่นเดียวกับที่เจิ้งเหวินไชใช้เมื่อเขากล่าวหาหยางเฉิน

แม้ว่าซีเชิงซินจะไม่ค่อยดีนักแต่เขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น และทุกคนที่ต้องการไปหาหยางเฉิน จะต้องข้ามภูเขาที่ชื่อซีเชิงซิน เสียก่อน อย่างไรก็ตามซีเชิงซินไม่ได้ให้โอกาสใดๆ เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงยินดี

"เป็นไปได้หรือไม่ที่ทุกคนได้ละเมิดกฏบัญญัติของบันไดสวรรค์?"

สีหน้าของทุกคนในตอนนี้ได้เปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ ทุกคนจึงสามารถตอบสนองได้ หลังจากที่มีการค้นพบลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ มันมีคำสั่งแปลกๆเช่นที่ว่าถ้ามีคนละเมิดกฏบัญญัติของบันไดสวรรค์ ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรง

บัญญัติอย่างหนึ่งก็คือว่าคนที่ทำหน้าที่ดูแลคำสั่งลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากการร่ายอาคมเพื่อโจมตีผู้คนที่อยู่บนบันไดสวรรค์ ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังจิตวิญญาณของพวกเขาถูกทำลายไปเท่านั้น แต่มันก็เป็นไปได้มากที่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะพังทลายลงไปหลายขั้นและแม้กระทั่งชีวิตของพวกเขาอาจได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบที่ด้านหน้าของพวกเขา ไม่ได้ตระหนักถึงผลที่ระบุไว้ในคำสั่งของการลดระดับการบ่มเพาะและพลังชิวิตจะถูกทำลาย?

"ไม่มีใครควรที่จะตำหนิในเรื่องนี้ แม้ข้า ผู้ซึ่งได้ดูแลบันไดสวรรค์มานานกว่าสิบปีก็จำได้เพียงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาว่าบันไดสวรรค์ยังคงมีคำสั่งเช่นนี้"

ซีเชิงซินเพิ่งจำเรื่องนี้ได้เพียงแค่เมื่อครู่ที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าทำไมระดับการเพาะของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น จำนวนเก้าคนที่นั่งอยู่กับเขาจึงลดลงตามที่ปรากฏ เป็นเพราะเหตุนี้...เจิ้งเหวินไชและคนอื่นๆอยากร้องไห้ออกมาแต่ไม่สามารถหาน้ำตาได้

"ด้านบนของบทบัญญัตินี้ไม่ได้ปกปิดใคร ดังนั้นจึงไม่ควรมีใครที่จะไม่ใส่ใจมัน!"

ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การโกงของศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ แต่เป็นการละเมิดกฎโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่อ้างตัวว่าเป็นอาวุโส ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมลานอักขระอาคมต่างร่วมมือกันเพื่อเล่นงานศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง

ซีเชิงซิน ส่ายหน้า เดาะลิ้นของเขาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง

"พวกเขาน่าที่จะโตจนรู้ความแล้ว! อย่างน้อยในสายตาของชายชราคนหนึ่งเช่นข้าได้มองเห็นความไร้ยางอายที่มากเช่นนี้! สิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น และอีกเก้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นในก่อนหน้านี้ รวมทั้งหมดสิบเก้าผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า... ทั้งหมดของนิกายของพวกเขาช่าง...นำแสงมาให้กับคนที่อยู่ต่ำต้อยของข้า! มันช่างเป็นอะไรที่งดงามเสียจริง!"

ซีเชิงซินไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมใดๆพูดออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงใช้สำนวนนี้เพื่อแสดงความคิดเห็นของเขาไม่มีใครสามารถตำหนิซีเชิงซินที่กำลังเยาะเย้ยและถากถางได้ เพราะเมื่อหยางเฉินได้ปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ ซีเชิงซินเป็นหนึ่งในผู้ทำการดูแลลานอักขระอาคมเขาฟื้นตัวและแทบจะไม่สูญพลังจิตวิญญาณ เมื่อเจิ้งเหวินไชและคนอื่นๆได้รีบเร่งเข้าไปและเริ่มที่จะกล่าวหาหยางเฉินว่าฉ้อโกง

ข่มขู่ซีเชิงซินโดยไม่มีหลักฐานใดๆ บังคับให้ซีเชิงซินต้องสาบานกับหัวใจปีศาจและบังคับให้หยางเฉินไต่ขึ้นบันไดสวรรค์อีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ทำการฉ้อโกงใดๆ ในตอนนี้หลังจากพบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเจิ้งเหวินไชจะไม่กลับกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจได้อย่างไร ด้วยเรื่องที่เขาตั้งต้นดำเนินการเองในเวลานั้น


เจิ้งเหวินไชและคนอื่นๆรู้สึกละอายใจและไม่พอใจ พวกเขาเริ่มที่จะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ถึงแม้จะมีคำสั่งนี้ แต่ใครจะเอาจริง? มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นหนึ่งหรือสองคนที่แอบใช้วิธีการบางอย่างในการทรมานศิษย์บางคนและบังคับให้พวกเขาออกจากบันไดสวรรค์ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น เหล่านี้ยังคงปราศจากอันตราย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนั้นใครจะยังสนใจในเรื่องของบทบัญญัติซึ่งไม่เคยเห็นผล


รักษาดินแดนของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเอาไว้ได้ แต่ในครั้งที่สองสำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยเจิ้งเหวินไช ความสูญเสียถึงขั้นหายนะ ไม่เพียงแต่พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาตกจากดินแดนผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นไปเป็นระดับก่อสร้างรากฐาน แม้กระทั่งพลังชีวิตของพวกเขาก็ได้รับความเสียหายโดยไม่ทราบจำนวนของความสูญเสียว่ามากเท่าไหร่ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบเพียงเพื่อที่จะทำให้ศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองพบกับความยากลำบาก 'มันเป็นการลงทุนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดกำไร' เป็นคำอธิบายสถานการณ์นี้ได้อย่างสมบูรณ์

นอกเหนือจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นเหล่านี้แล้ว ชื่อเสียงของนิกายของเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็จะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้อย่างราบรื่นในชั่วข้ามคืน แม้กระทั่งเมื่อผู้บ่มเพาะเหล่านี้กลับไปยังนิกายของตน พวกเขาก็จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง

ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสองกลุ่ม ผู้ควบคุมดูแลลานอักขระอาคม มีเพียงซีเชิงซินที่ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดและด้วยเหตุนี้จึงสามารถรอดพ้นความเสียหายของพลังแห่งจิตที่รุนแรงได้ ความเสียหายเล็กน้อยของเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเพียงสามถึงห้าวันในการฟื้นฟูเท่านั้น

ในครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ที่มากที่สุด แม้ว่าจะเป็นนิกายขนาดใหญ่ก็ตาม หากแต่การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสามคนในหนึ่งวันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรับได้ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นความสูญเสียที่ใหญ่แล้ว แต่พวกเขายังคงต้องทำการขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ไม่ต้องพูดถึงว่าในขณะนั้น เจิ้งเหวินไชยังได้สัญญาว่าจะให้ประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญอีกเจ็ดคนของนิกายอื่นๆ และเขายังคงเป็นภาระผูกพันของเขากับแต่ละคน และยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องชดเชยเป็นสองเท่าเมื่อเขาคิดถึงประเด็นนี้ เจิ้งเหวินไชก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ ดวงตาของเขาเหลือกขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติอีกครั้ง

"หยางเฉินศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า สามารถปีนขึ้นไปที่ยอดเขาบันไดสวรรค์ได้เป็นครั้งที่สองแล้ว"

ซีเชิงซิน ไม่คำนึงถึงข้อกล่าวหาเมื่อเร็วๆนี้ เขาทำการถามไปถึงคนทั้งหมดที่อยู่รอบๆโดยตรง

"ยังมีใครที่ยังมีข้อสงสัย ก็เชิญพูดออกมา!"

จะยังมีใครในหมู่ผู้บ่มเพาะที่จะยังโง่เง่า? หลังจากสถานการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นใครจะยังกล้าที่จะตอแยพระราชวังหยางบริสุทธิ์? ยังคงต้องการยั่วยุให้เหมือนกลุ่มนิกายที่นำโดยนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่? แม้ว่าจะมีใครคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาในตอนนี้

หยางเฉินปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์ถึงสองครั้ง ขณะที่ได้รับการโจมตีทั้งสองครั้งนี่ไม่ใช่ระดับปกติของความยากลำบากบนบันไดสวรรค์ เมื่อความคิดนี้พุ่งผ่านเข้าไปในใจของใครบางคน พวกเขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในทันที ถ้าหยางเฉินสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว มันจะไม่มีปัญหาใดๆภายใต้สถานการณ์ปกติ?

หลังจาก ซีเชิงซิน ถามออกไปสามครั้ง และไม่มีใครคัดค้าน เขาจึงได้ประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่าศิษย์หยางเฉินของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ได้ปีนขึ้นไปบนยอดเขาอีกครั้ง และอีกครั้งก็ไม่มีใครทำการคัดค้านใดๆ

"สหายเต๋าเจิ้ง เจ้าจำได้หรือไม่ ในตอนแรกนั้นเมื่อเจ้าตำหนิศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ว่าฉ้อโกง สหายเต๋าเจิ้งได้ตัดสินว่าเขาควรจะถูกประหารชีวิต"

ซีเชิงซินมองไปที่เจิ้งเหวินไชผู้ซึ่งพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ซีเชิงซินได้เดินเข้าไปหาเขาอีกสองสามก้าว

"ศิษย์ที่ฉ้อโกงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์สมควรที่จะต้องถูกประหาร แต่ข้าสงสัยว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ฉ้อโกงควรได้รับการปฏิบัติอย่างไรในนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติกันมา ข้าคิดว่านิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ควรต้องทำความสะอาดนิกาย!"

หลังจากที่เขากล่าวถ้อยคำเพื่อระบายความเกลียดชังของเขาเหล่านี้ออกมาแล้ว ซีเชิงซินก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนอื่นๆอีก เขาหายตัวไปและในอึดใจถัดมา เขาได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่จุดสูงสุดของบันไดสวรรค์ตรงข้ามกับหยางเฉิน

คนที่โดดเด่นบนภูเขาลอยฟ้ามากที่สุดในขณะนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากหยางเฉิน เขาเป็นศิษย์ที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง แต่สามารถขึ้นมาเหยียบบนยอดเขาบันไดสวรรค์ เป็นความสำเร็จบุกเบิกซึ่งไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อหันไปทางผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบเก้าคน และเรื่องนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็น 'ผลลัพธ์' ที่แสดงออกมาให้เห็น ตั้งแต่เริ่มและนับตั้งแต่ในครั้งแรก

ตอนนี้หยางเฉินค่อยๆเปิดตาขึ้น การปีนขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในครั้งนี้ เขาไม่ได้รับพลังจิตวิญญาณของธาตุหยินหยางทั้งสิบที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับในครั้งก่อน ซึ่งมันสามารถกลั่นให้บริสุทธิ์ราวกับว่าพวกมันหมุนเวียนอยู่ภายในบันไดสวรรค์ ในครั้งนี้เขาไม่ได้รับผลประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเขาแต่อย่างใด บันไดสวรรค์มีประสิทธิภาพเฉพาะในครั้งแรกเท่านั้น

แต่พลังจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคน ยังคงส่งผ่านเข้าไปในร่างกายของหยางเฉินซึ่งมันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและมั่นคงมากขึ้นมาอีกหลายขั้น ดังนั้นในครั้งนี้อย่างน้อยก็ช่วยให้หยางเฉินประหยัดเวลาในการฝึกอย่างหนักได้หนึ่งเดือน เขาได้รับผลประโยชน์มากพอแล้ว อีกทั้งเขาก็มีโอกาสที่ได้สอนบทเรียนให้กับคนที่ต้องการจะทำร้ายเขา เช่นเดียวกับการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนหนึ่ง ดังนั้นหยางเฉินจึงรู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจของเขาเป็นอย่างมาก


แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงเวลาที่อยู่บนขั้นบันไดสวรรค์ เขาตกใจมากในทุกขั้นบันได เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามนับพัน นับล้าน จนถึงสุดขีดของเขาเป็นครั้งแรก ถ้าหยางเฉินลังเลแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะมีสูญเสียทุกความพยายามในก่อนหน้านี้ของเขา และอนาคตของเขาก็มีโอกาสที่จะถูกทำลาย นั่นเป็นการโจมตีที่โหดร้ายมาก ไม่น้อยกว่าการต่อสู้ในความเป็นและความตาย ในครั้งที่สองนั้นยากมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ ผลของชัยชนะและพ่ายแพ้สามารถเป็นไปได้อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งผู้ชมเช่นกงซุนหลิง เมื่อเห็นหยางเฉินในสถานการณ์เช่นนี้มันทำให้เธอมีเหงื่อเย็นผุดออกมา


ผู้ชนะคือหยางเฉินและนิกายที่มีชัยชนะมากที่สุดก็คือพระราชวังหยางบริสุทธิ์โดยปราศจากคู่แข่ง ศิษย์สองคน คนหนึ่งก้าวขึ้นไปบนยอดเขาและอีกคนหนึ่งได้ปีนขึ้นไปถึงขั้นบันไดขั้นที่หกสิบสองของบันไดสวรรค์ไม่ว่าจะเลือกใครในทั้งสองคน พวกเขาก็เป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่คุ้มค่าในการต่อสู้เพื่อให้ได้มา พรสวรรค์เช่นนี้จะออกมาเพียงครั้งเดียวในศตวรรษที่ผ่านมา พระราชวังหยางบริสุทธิ์ควรจะขอบคุณบรรพบุรุษของพวกเขาสำหรับเหล่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ทั้งสองคนนี้ ความรุ่งเรื่องของพวกเขาทำให้ผู้คนต่างปรารถนา

เรื่องตลกที่นำโดยนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงจุดจบ การจัดงานประชุมของภูเขาลอยฟ้าในปีนี้ ถือว่าเสร็จสิ้นและเป็นงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด

นอกเหนือจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่การเดินทางในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว ผู้ที่มีส่วนร่วมในการชุมนุมยังได้รับผลประโยชน์มาบางส่วน ขั้นบันไดสวรรค์ไม่ว่าพวกเขาจะปีนไปได้กี่ขั้น พวกเขาย่อมจะได้รับประโยชน์มากน้อย แม้กระทั่งผู้ที่เพิ่งมาเฝ้าดูก็ได้เห็นการแสดงที่น่าอัศจรรย์ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกพอใจ

เมื่อข่าวถูกส่งกลับไปยังพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ข่าวนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกของระดับบนลงถึงระดับล่าง ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา แม้แต่ศิษย์ที่มีพรสวรรค์เพียงคนเดียวก็ไม่ได้ปรากฏตัวในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ แต่ในปีนี้มีอัจฉริยะสองคนที่เป็นศิษย์สายนอก ข่าวนี้มันย่อมทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์เบิกบานอย่างที่สุด

เมื่อผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์คิดถึงหยางเฉินที่กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับยาเม็ดสวีนฉี ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนศิษย์สายนอกและลดระยะเวลาในการกลายเป็นศิษย์สายนอก ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็ตะโกนออกมาด้วยความชื่นชมยินดี ในตอนที่หยางเฉินเข้าสู่นิกายด้วยรูปลักษณ์ของมือเพชฌฆาต เขาต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากจากบางคนในนิกายเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์หนาวสั่น ถ้าในเวลานั้นหยางเฉินถูกเหวี่ยงออกนอกประตู แล้วพระราชวังหยางบริสุทธิ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไร? ความหวังที่จะฟื้นฟูนิกายให้รุ่งเรืองอีกครั้งมันก็ยากที่เป็นไปได้?

"รางวัล! รางวัลอันยิ่งใหญ่! "

ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์มีความสุขมากอยู่ภายในใจของเขา และในทันทีที่หยางเฉินได้กลับไปยังตำหนักเก้าปฐพี เขาได้สัญญาว่าจะให้รางวัลแก่หยางเฉิน

"กงซุนหลิงและหยางเฉิน เมื่อพวกเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับรวบรวมลมปราณพวกเขาจะได้รับยาระดับก่อสร้างรากฐานมากเท่าที่พวกเขาต้องการ จนกว่าพวกเขาจะทะลวงผ่านดินแดนก่อสร้างรากฐาน นอกจากนั้นตราบใดที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านดินแดนก่อสร้างรากฐาน พวกเขาจะได้รับอาวุธเวท กระบี่บินตามลักษณะของพวกเขา และภายในภูเขาเหมยชิง พวกเขาอาจสร้างถ้ำอมตะของพวกเขาได้ทุกที่

หลังจากที่สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์เหล่านี้ ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็รู้ทันทีว่านี่เป็นเพียงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่ใช่ในตอนนี้ เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ในทันทีและเขาก็มีความคิดที่จะเพิ่มรางวัล

กงซุนหลิงจะได้รับสองพันคะแนนและหยางเฉินจะได้รับสามพันคะแนนนอกจากนั้นในอนาคตภายในตำหนักเก้าปฐพี หอลี้ลับจะเปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าบริการถ้าพวกเขามีคำถามใดๆ พวกเขาก็ควรที่จะได้รับคำแนะนำด้วยความระมัดระวัง!"

หลังจากที่ได้ข้อสรุปของผลตอบแทนที่จะมอบให้แต่ละคน ในตอนนี้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็จำบางสิ่งบางอย่างได้ขึ้นมา

ปีนี้จะมีที่การประลองทักษะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของศิษย์สายนอก ข้าก็น่าที่จะไปดูความโดดเด่นของทั้งสองคนนี้ว่าเป็นอย่างไร!

ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆหยางเฉินและกงซุนหลิงก็ยังคงเป็นศิษย์สายนอกที่ยังไม่มีค่าพอที่จะให้ผู้นำพระราชวังหยางบริสุทธิ์ทำการมอบรางวัลด้วตัวเองโดยตรง แม้กระนั้นนี่ก็เป็นรางวัลที่ไม่เคยมีมาก่อน ยาระดับก่อสร้างรากฐานทั้งหมดเท่าที่พวกเขาต้องการ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐาน

พระราชวังหยางบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความปิติยินดีจากเบื้องบนจนลงมาถึงล่าง มีเพียงชูเฮิงและซุนไห่จิ้งที่รู้สึกไม่พอใจ ภายในใจซุนไห่จิ้งหวาดกลัว เนื่องจาก หยางเฉินได้ท้าทายเขาในการประลองความเป็นและความตาย หยางเฉินได้ฆ่า ฮันเจียนเต๋อที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ภายใต้การมองของผู้คนเป็นจำนวนมาก สิ่งนี้ได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นความจริง และในขณะนี้เขามีระดับรวบรวมลมปราณขั้นสี่ ดังนั้นมันย่อมเป็นช่วงเวลาที่เขาจะต้องเดินบนถนนแห่งความตาย

"อาจารย์ ช่วยข้าด้วย!"

ยิ่งซุนไห่จิ้งคิด มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น

ปึก!

เขาคุกเข่าลงตรงหน้าชูเฮิง ในขณะนี้มีโอกาสเพียงอย่างเดียว ก็คือขอให้ชูเฮิงช่วยดูแลเรื่องนี้ นอกจากนี้เขาก็ไม่มีทางออกอื่นใดอีก เขาไม่ได้มีความมั่นใจที่จะทรยศต่อพระราชวังหยางบริสุทธิ์ และเขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับหยางเฉิน

"ในครึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าได้รับอาวุธยันต์อันดับหนึ่ง แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้"

ในที่สุดในขณะนี้ชูเฮิงและซุนไห่จิ้งทำตัวราวกับตั๊กแตนที่ถูกแขวนด้วยเชือก ฆ่าเขา ทำให้เขาเงียบ แต่สิ่งเหล่านี้กกลับกลายเป็นความผิดพลาดและสร้างปัญหาที่กำลังย้อนรอยมาทำร้ายพวกเขา

"เพียงแค่…"

ความลังเลใจของชูเฮิงทำให้ ซุนไห่จิ้งหวังว่าจะมีชีวิตอยู่เขาจึงรีบสบถและถามออกมาว่า

"ช่วยข้าด้วยท่านอาจารย์!

"ตกลง ตกลง!"

ซุนไห่จิ้งมีสองทางเลือกที่ว่า ภายในครึ่งปีเขาจะตายอย่างแน่นอนหากไม่สามารถเข้าถึงจุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณได้ แม้ว่าเขาจะใช้วิธีลับ เขาก็อาจที่จะสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณได้ แต่มันก็จะทำให้เขาใช้เวลาระหว่างสองสามร้อยปีเพื่อไปถึงระดับก่อสร้างรากฐาน ระหว่างสองตัวเลือก ซุนไห่จิ้ง ไม่จำเป็นต้องพิจารณาตัวเลือกใดที่เขาจะเลือก

"ถ้าเจ้าเลือกแบบนี้แล้ว ภายในหอลี้ลับ อ่านป้ายหยกในแถวสุดท้ายของทักษะการบ่มเพาะขั้นที่สี่!"

ชูเฮิงกล่าวออกมาจนจบในลมหายใจเดียว



6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณผู้แปลครับ

    ตอบลบ
  2. หึๆๆ หยางเฉินได้ประโยชน์เต็มๆ

    ตอบลบ
  3. อ้างยังกับว่าทำผิดเพราะไม่รู้กฎหมาย สนน.

    ตอบลบ
  4. มีแต่เสียกับเสีย

    ตอบลบ
  5. วิชาอะไรก็ไม่ช่วย...
    ตายอยู่ดี
    คาดว่านะ

    ตอบลบ