เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 046 เหยียบยอดเขาอีกครั้ง

ซีเชิงซินได้สาบานต่อหัวใจปีศาจของเขาท่ามกลางฝูงชน มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจิ้งเหวินไชจะยอมแพ้กลางทาง หลังจากที่กดดันซีเชิงซิน? ดังนั้นเรื่องของหยางเฉินที่จะให้ไต่บันไดสวรรค์อีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าเขาโกงหรือไม่จึงได้เริ่มแพร่กระจายออกไปพร้อมด้วยความวุ่นวายขนานใหญ่

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เจิ้งเหวินไชจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่รู้สึกอิจฉารุ่นน้อง อีกทั้งเขาก็ไม่อยากจะให้นิกายอื่นๆ ได้รับเกียรติเช่นนี้ ทำไมคนอื่นถึงไม่ถามถึงเรื่องการทุจริตของหยางเฉิน และมีเพียงแต่เขาที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคัดค้าน? นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้ถามคนที่เดินขึ้นบันไดสรรค์ได้เพียงสามสิบขั้น แต่กลับต่อต้านอย่างหนักในการที่หยางเฉินสามารถก้าวขึ้นไปบนยอดเขา ไม่ว่าหยางเฉินจะกระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม เจิ้งเหวินไชก็อยากจะตรวจสอบเขาเพราะความอิจฉาของเขา

นี่เป็นคำพูดของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ ที่ต่อต้านชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกคนต่างเข้าใจได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ เจิ้งเหวินไชไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้

เพียงแต่เมื่อซีเชิงซินได้พูดถึงคำพูดของหยางเฉินกับเขา เจิ้งเหวินไชก็เริ่มลังเลเมื่อเขามองไปยังสหายเต๋าอีกเก้าคนจากนิกายอื่นๆ พระราชวังหยางบริสุทธิ์อนุญาตให้หยางเฉิน ปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์อีกครั้งได้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่จะต้องเป็นผู้ดูแลและผู้รับผิดชอบลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ก็จะหมดแรงไปบ้าง สำหรับบางคนก็อาจหมายถึงการถูกกลืนกินอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนมีระดับการบ่มเพาะถดถอยลงไปหนึ่งระดับมาแล้วผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ทุกคนต่างเป็นคนที่เก่ง ใครในหมู่พวกเขาที่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึนในลานอักขระอาคม ยิ่งใส่พลังของตัวเองลงไปในลานอักขระอาคมมาก การสะท้อนกลับอย่างรุนแรงก็ควรที่จะมากด้วย? ซีเชิงซินไม่ได้ใส่พลังไปทั้งหมด แต่เขาได้สาบานกับหัวใจปีศาจของเขาว่าเขาไม่ได้กระทำความผิด แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆต่างได้รับผลเช่นนี้ ...สิ่งนี้มันบังคับให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง และผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสองคนได้ทำการถอนตัวในทันที

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจิ้งเหวินไช ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการหาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสองคนจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ นอกเหนือไปจากนั้นเขายังต้องสัญญาว่าพวกเขาทั้งหมดจะได้รับผลตอบแทนที่มากมาย คนอื่นๆต่างรู้สึกสบายใจและพวกเขาก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อให้หยางเฉินปีนขึ้นบันไดบนสวรรค์อีกครั้ง

เนื่องจากหยางเฉินได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์และทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้รับบาดเจ็บ   ดังนั้นการชุมนุมจึงต้องหยุดชะงักและผู้เชี่ยวชาญด้านระดับก่อลำต้นที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่เหล่านี้ต้องอนุญาตให้เหล่าศิษย์ที่ยังไม่ได้ขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ได้ในก่อนหน้านี้ ขึ้นบันไดไปทีละคน จนเสร็จสิ้นการชุมนุมในปีนี้และในเวลาเดียวกันเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนนี้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญทำการดูและลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสามวันสามคืนและเหล่าศิษย์ทุกคนที่เดิมคาดว่าจะได้ปีนบันไดสวรรค์ให้ทำการปีนเสร็จสิ้น ต่อจากนั้นก็ถึงเวลาที่หยางเฉินจะทำการปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์เป็นครั้งที่สอง

เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆในครั้งนี้ เจิ้งเหวินไช ได้ให้ศิษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะเช่นเดียวกับหยางเฉิน ซึ่งมีระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองทดลองปีนขึ้นไปก่อน หยางเฉิน เพื่อตรวจสอบว่าบันไดสวรรค์มีความแตกต่างกันบ้างไหมสำหรับศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะที่ต่ำกว่าปกติ

ภายใต้การจ้องมองที่ใส่ใจของทุกคน ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ ได้ก้าวไปบนขั้นบันไดแรกของบันไดสวรรค์และร่างของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงในทันที เขาแทบจะไม่สามารถก้าวเท้าต่อไปในขั้นที่สองเมื่อร่างของเขาหายไป เขาได้ถูกผลักออกมาจากบันไดสวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ทำหน้าที่ดูแลลานอักขระอาคม พวกเขาเพิ่งเริ่มต้นเปิดใช้งานลานอักขระอาคมและยังไม่ได้ใส่พลังลงไปมากแต่อย่างใด

ไม่นานหลังจากนั้นหยางเฉินปรากฏที่ด้านล่างของบันไดสวรรค์ รอเจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคนเตรียมตัวให้พร้อม รอบๆของบันไดสวรรค์ถูกปกคลุมด้วยฝูงชนอีกครั้งและเมื่อเทียบกับครั้งแรก ฝูงชนดูเหมือนจะหนาแน่นมากขึ้นอย่างน้อยสองถึงสามเท่า ในขณะนี้ทุกคนต่างพากันมาเฝ้าดูเพื่อเป็นพยานในการปีนบันไดสวรรค์ของหยางเฉิน

เมื่อพวกเขาทำการเปิดใช้งานและควบคุมลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์อย่างแท้จริง เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ค้นพบว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโกงลานอักขระอาคมนี้ พวกเขาสามารถเพิ่มความยากลำบากของบันไดสวรรค์ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถอนุญาตให้บุคคลหนึ่งข้ามอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่เจิ้งเหวินไชได้ประณามหยางเฉินว่าเป็นคนหลอกลวงนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ

อย่างไรก็ตามเมื่อคันธนูได้ยิงลูกศรออกไปแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้ ส่วนใหญ่ทั้งหมดของเจิ้งเหวินไช ตอนนี้มีทางเลือกเหลือเพียงอย่างเดียว และนั่นก็คือการใช้วิธีการที่มีอยู่ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือไม่ถูกต้องก็ตาม เขาจะไม่อนุญาตให้หยางเฉินปีนขึ้นไปจนถึงด้านบนสุด ตราบเท่าที่หยางเฉินไม่สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ในเวลานั้นพวกเขาก็จะมีข้ออ้าง เพราะเหตุใดหยางเฉินถึงไม่สามารถจะทำมันได้อีกครั้ง? ถ้าหยางเฉินสามารถไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้อีกครั้ง เจิ้งเหวินไชจะถือว่าเป็นคนโง่ที่อยู่ในนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่

ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสองคนจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ย่อมจะต้องสนับสนุนเจิ้งเหวินไช และอีกเจ็ดคน เจิ้งเหวินไชได้ให้สัญญาว่าจะให้ประโยชน์แก่พวกเขาหากพวกเขาช่วยเจิ้งเหวินไชเมื่อถึงเวลา เพิ่มความยุ่งยากในลานอักขระอาคมบนบันไดสวรรค์ ในขณะนั้นพวกเขาได้หยุดพยายามที่จะตรวจสอบว่าหยางเฉินได้โกงหรือไม่ แต่มุ่งมั่นที่จะรักษาหน้าของพวกเขา

ทันทีที่หยางเฉินก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดขั้นแรกของบันไดสวรรค์ภาพที่อยู่ด้านหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและเขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางอาคมมึนงง อาคมที่ทำให้มึนงงนั้นแตกต่างจากอาคมภาพลวงตา มันอาจทำให้คนเดินเป็นวงกลมและไม่สามารถที่จะหาทางออกได้ คนที่สร้างอาคมนี้คือผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ยอดเยี่ยมมาก สำหรับพวกเขาที่เปิดใช้อาคมมึนงงในบันไดขั้นแรกนี้ มันทำให้หยางเฉินได้หน้าอย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคน รวมทั้ง เจิ้งเหวินไช กำลังทำผิดเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญทั้งเก้าคนในก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าพวกเขาสามารถที่จะจำกัดหยางเฉินให้อยู่ภายในลานอักขระอาคมนี้ได้

บางทีถ้าหากเป็นคนอื่นๆ อาคมมึนงงนี้ก็อาจทำให้คนอื่นๆรู้สึกสับสนได้และเพียงพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นบ้า แต่สำหรับหยางเฉิน ผู้ซึ่งเคยเป็นถึงสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม แม้ว่าอาคมนี้จะถูกเปิดใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในโลกจิตวิญญาณแทนผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น มันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำอะไรหยางเฉินได้

อย่างง่ายดาย หยางเฉินไม่ได้หยุดชะงักเขายังคงเดินตรงไปตามเส้นทางที่ถูกต้องของอาคมมึนงงและออกมาได้ อาคมถัดมากลายเป็นลานอาคมแห่งการฆ่า

มีลานอักขระอาคมบางชนิดที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสามารถที่จะจัดการหรือจัดวางตามที่ตนเองคิดได้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถวางอาคมใดๆไว้ภายในบันไดสวรรค์เพื่อเป็นกับดักหยางเฉิน หากหยางเฉินไม่สามารถทะลวงผ่านลานอักขระอาคม หรือถูกสังหารในขณะที่อยู่ในลานอาคมแห่งการฆ่า มันก็จะเป็นเหตุผลทำให้เขาถูกผลักออกจากบันไดสวรรค์ได้ในทันที ในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นได้ทำการจัดวางอาคมต่างๆในลานอักขระอาคมบันไดสวรรค์เพื่อเป็นพื้นฐานอาคมบนบันไดสวรรค์

หยางเฉินจะต้องเผชิญหน้ากับลานอักขระอาคมทั้งหมดที่จัดวางไว้บนบันไดสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเพียงแค่อาคมภาพลวงตา นี่คือสิ่งที่พวกมันยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ไม่ว่าพวกเขาจะวางอาคมในรูปแบบไหน พวกมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการมองของ หยางเฉินไปได้

วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับหยางเฉินก็คือว่า เขาเพียงแค่ย้ายออกไปจากลานอักขระอาคมด้วยความเข้มแข็ง โดยไม่คำนึงถึงภาพลวงตา และถ้าเคลื่อนที่เร็วขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ ทั้งเขาและผู้ดูแลลานอักขระอาคมที่เกี่ยวข้องก็จะปลอดภัยมากที่สุด แต่หยางเฉินย่อมไม่ต้องการให้เจิ้งเหวินไช และคนอื่นๆสามารถที่จะถอนตัวออกไปอย่างง่ายดาย

หยางเฉิน ใช้วิธีการที่ซับซ้อนที่สุดในการทำลายอาคม นั่นก็คือการใช้การบ่มเพาะของเขาเองเพื่อที่จะทำลายอาคมอย่างรุนแรง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้ค้นพบว่าไม่ว่าพวกเขาจะสร้างอาคมในรูปแบบใด หยางเฉินมักจะใช้วิธีการที่รุนแรงที่สุดในการทำลายอาคมและทะลวงออกมาได้ พวกเขาได้จัดเตรียมลานอักขระแห่งการฆ่าด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงการโจมตีหรือทำร้ายหยางเฉิน มันไม่สามารถที่จะขัดขวางหยางเฉินได้ โชคดีที่มันเป็นเพียงแค่อาคมที่เตรียมการโดยคนเพียงคนเดียว และการทำลายมันก่อให้เกิดความผันผวนเล็กน้อยในจิตวิญญาณของพวกเขา แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแต่อย่างใด

ลานอักขระอาคมซึ่งถูกจัดวางไว้อย่างพิถีพิถันโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ถูกทำลายได้ง่ายๆโดยฝั่งตรงข้ามราวกับว่าพวกมันทำมาจากดิน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อเหล่านี้รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก โดยไม่คำนึงผลที่จะตามมาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้เปิดใช้งานอาคมที่เยี่ยมยอดของพวกเขา แต่ทว่ามันก็ยังคงไม่สามารถที่จะหยุดหยางเฉินไว้ได้แม้แต่น้อย

หยางเฉินรู้สึกสำราญใจเป็นอย่างมาก เจิ้งเหวินไชและคนอื่นๆได้เปิดใช้งานอาคมห้าธาตุเพื่อจัดการกับหยางเฉิน ไม่ว่าจะเป็นธาตุเดี่ยว หรือธาตุคู่ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขารวมถึงหยินและหยางของธาตุอีกด้วย สำหรับหยางเฉินแล้ว อาคมห้าธาตุก็เป็นเหมือนยาชูกำลังทำให้เขามีกำลังเพิ่มขึ้น ภายใต้การประสานงานของเคล็ดวิชาลับหยินและหยางห้าธาตุ ไม่ว่ารูปแบบของอาคมจะเป็นแบบใด มันไม่สำคัญ เขาสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย

หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ด้านนอกของลานอักขระอาคม บางทีเขาอาจจะตายเพราะขาดพลังจิตวิญญาณหรือบาดเจ็บสาหัส แต่ภายในพื้นที่ของภาพลวงตา เขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บใดๆ แม้หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ได้สร้างอาคมขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่หยางเฉิน ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เขายังคงก้าวขึ้นบันไดต่อไปจนถึงขั้นที่สามสิบ

เมื่อไม่อาจที่จะเอาชนะหยางเฉินได้ง่ายๆ และต้องรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้  เจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนอื่นๆทั้งหมดต่างคิดเห็นเป็นเช่นนี้และร่วมมือกันสร้างลานอักขระอาคมมันแตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นความเร็วของหยางเฉินก็เริ่มชะลอตัวลง

ทันทีที่ความกดดันเพิ่มขึ้น สองเท้าของหยางเฉินได้รับรู้ถึงความผิดปกติอย่างฉับพลันเนื่องจากลานอักขระอาคมจัดวางโดยโดยคนสิบคน มันได้ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มกำลังและไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับอาคมที่เปิดใช้โดยคนคนเดียว เขาไม่สามารถพึ่งพาเคล็ดวิชาลับหยินและหยางห้าธาตุในการแก้ไขปัญหานี้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หยางเฉินได้ใช้วิธีอื่นเพื่อทำลายอาคม เขาใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับฝ่ายอื่นๆ หยางเฉินจัดวางอักขระอาคมของตนเข้าชน เพื่อดูว่าใครจะสามารถทำลายอาคมของอีกฝ่ายได้ก่อนกัน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าลานอักขระอาคมถูกจับคู่กันอย่างสม่ำเสมอ หยางเฉินไม่รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณของเขาและการรับรู้ทางจิตของเขาถูกทำลายลงไปแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

ภายในพื้นที่ภาพลวงตา สำหรับหยางเฉินการวางอาคมเพียง แต่ต้องมีจินตนาการเท่านั้น นั่นคือทั้งหมด แต่ในขณะที่หยางเฉินเริ่มจัดวางอาคมของเขาเพื่อทำลายอาคมของอีกฝ่าย หนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นพยายามที่จะวางกับดักหยางเฉินภายในลานอักขระอาคม ทั้งสองฝ่ายได้ทดสอบว่าใครจะสามารถทำลายอาคมที่จัดเตรียมไว้ได้ก่อนกัน

เจิ้งเหวินไช และอีกเก้าคนของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ได้รับโทษจากการปะทะกันในครั้งนี้ แม้ว่าหยางเฉินจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมในชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะดีหรือแย่อย่างไรเขาก็ยังเป็นถึง สุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม ที่ได้ขึ้นสู่โลกจิตวิญญาณและจากนั้นไปสู่โลกแห่งอมตะผู้ซึ่งเคยเรียนรู้เรื่องนี้มามากมายหลายเรื่อง แม้ว่าเขาจะสุ่มหยิบเอาอาคมออกมา ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็จะพบว่ามันยากที่จะเข้าใจได้ อย่าได้คิดไปถึงการทำลายมัน มันย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

หยางเฉินแตกต่างออกไป เมื่อเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญกับแรงกดดันรวมของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบ การทำลายอาคมเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการยกนิ้วขึ้น บ่อยครั้งเมื่อเขาเดินออกจากภายในลานอักขระอาคมที่ถูกทำลาย บุคคลอื่นจะยังคงอยู่ในลานอักขระอาคมของเขา พวกเขาจะต้องหาทางออกด้วยปัญญาของพวกเขา

ซู่!

หลังจากที่เขาทำลายอาคม หยางเฉินก็จะรู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่คุ้นเคย พวกมันกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาในขณะที่ลานอักขระอาคมที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนร่วมมือกันได้ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณทั้งหมดของมันเข้าไปในร่างของเขาหลังจากที่เขาทำลายลานอักขระอาคม

บนสถานที่ที่ใช้ควบคุมลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ติดกับดักหยางเฉินในลานอักขระอาคม เขาถ่มแก่นโลหิตออกมาเพื่อใช้บังคับลานอักขระอาคม เมื่อลานอักขระอาคมได้รับพลังที่มากมันทำให้เขาในตอนนี้กำลังทนทุกข์ทรมานจากการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงในทันที พลังของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนก็เพียงพอที่จะทำร้ายเขา

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหยางเฉินยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ลานอักขระอาคมของบันไดบนสวรรค์ก็ต้องดำเนินต่อไป และผลที่ตามมาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนที่สองได้เข้าสู่ลานอักขระอาคมของหยางเฉิน เมื่อหยางเฉินสามารถทะลวงผ่านลานอักขระอาคมได้อีกครั้งและดูดซับพลังจิตวิญญาณขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนที่สองกระอักเลือดออกมาและได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

คนที่ยืนอยู่ข้างนอกรอบๆบันไดสวรรค์ ย่อมไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ แต่เจิ้งเหวินไชรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและเร็วๆนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคนต่างกระอักเลือดออกมาอย่างรวดเร็วทีละคน ทีละคน แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดการทำงานของบันไดสวรรค์ได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเก้าคนในก่อนหน้านี้ ในขณะที่หยางเฉินก้าวขึ้นบันไดไปเพียงขั้นที่สามสิบเท่านั้น ยังเหลืออีกเจ็ดสิบขั้นก่อนจะถึงยอดเขา

ถ้าใครสามารถมองไปที่ศูนย์กลางของบันไดสวรรค์ได้ เขาจะค้นพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ในทุกครั้งที่หยางเฉินปีนขึ้นไปบนขั้นบันไดสวรรค์ในแต่ละก้าว ในเวลาเดียวกันบริเวณที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ทำการดูแลลานอักขระอาคมจะมีคนหนึ่งที่จะต้องถ่มแก่นโลหิตออกมาหนึ่งครั้ง เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง มันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อหยางเฉินก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดขั้นที่หกสิบ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแต่ละคนได้ถ่มแก่นโลหิตออกมาคนละสามครั้งและต่างได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ในตอนนี้พวกเขาสามารถใช้อาคมได้เท่านั้น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหยุดอาคมได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ได้เริ่มขึ้น มันจะหยุดก็ต่อเมื่อบุคคลที่อยู่ภายในลานอักขระอาคมถูกถอนออกไปหรือลานอักขระอาคมแตกหัก ในกรณีอื่นๆไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนจึงเจ็บปวดอย่างมากและสาปแช่งอยู่ตลอดเวลา

ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินได้ใช้อาคมเพียงชนิดเดียวเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน คนละสามครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวในผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่จะเฉลียวใจหรือสามารถเข้าใจในอาคมนี้ได้ สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้ใช้รูปแบบอาคมต่างๆถึงหกสิบชนิด แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรหยางเฉินได้ และหยางเฉินใช้อาคมแบบแปลกๆเพียงชนิดเดียว ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ถึงสามสิบครั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบคนต่างสาปแช่งหยางเฉินอยู่ตลอดเวลา

"ใช้อาวุธเวท!"

เจิ้งเหวินไช ได้นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและใช้การรับรู้ทางจิตสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆอีกเก้าคน ในเวลาเดียวกันภายในใจของเขา เขาคิดถึงอาวุธเวทระดับตำนานเพื่อทำการโจมตีหยางเฉินภายในลานอักขระอาคม

เมื่อเห็นอาวุธเวทสิบชนิดที่แตกต่างกันบินอยู่บนท้องฟ้า หยางเฉินเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคนในทันที อย่างไรก็ตามเจิ้งเหวินไชเคยได้ยินว่ามีอาวุธเวทในตำนานแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นแม้แต่รูปลักษณ์ที่จินตนาการก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริง ถ้าเป็นศิษย์อื่นๆที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธเวทนี้ พวกเขาจะถูกผลักออกจากบันไดสวรรค์ในทันที แต่โชคร้ายในที่เป็นหยางเฉิน เมื่อตอนที่หยางเฉินอยู่บนศาลสวรรค์เขาได้เห็นอาวุธเวทระดับตำนานของแท้มาแล้ว

เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้นที่ไม่เคยได้เห็นของจริง แล้วมันจะสามารถเอามาเปรียบเทียบกับอาวุธเวทที่ผ่านการจินตนาการโดยหยางเฉิน ผู้ซึ่งได้สัมผัสตัวตนและจิตวิญญาณของอาวุธเวทในระดับตำนานมาแล้วได้อย่างไร?

โดยไม่มีปัญหาใดๆ ด้วยการสะบัดแขนของหยางเฉิน อาวุธเวทระดับตำนานได้พุ่งตรงไปทางอาวุธเวทที่คิดขึ้นมาโดย เจิ้งเหวินไช และทำลายพวกมัน การรับรู้ทางจิตของเจิ้งเหวินไชถูกกระแทกและถูกเรียกคืนกลับไปในทันที

ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย หยางเฉินได้ทำลายอาวุธเวทของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคน ทีละคน ทีละคน และอีกครั้งได้ก้าวขึ้นบันไดไปอีกสิบขั้น

การกระแทกการรับรู้ทางจิตมันทำให้เจิ้งเหวินไชตระหนักได้ว่าเขาได้ทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป  การคิดถึงสิงใดและหลังจากที่ได้จินตนาการสิ่งนั้น ทั้งหมดของอาวุธเวทที่แท้จริงและจินตนาการนั้นมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาตระหนักว่าอาวุธเวทของหยางเฉินนั้นยากที่จะต่อกรด้วยอาวุธเวทของเขา เขาก็รีบแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญอีกเก้าคนซึ่งเคยใช้อาวุธเวทจากการจินตนาการจากที่พวกเขาเคยเห็นเพื่อโจมตีภายในพื้นที่ลวงตา

เวลานี้ สิ่งที่เจิ้งเหวินไชเดิมพันก็คือการที่เขาสามารถควบคุมอาวุธเวทของตัวเองได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเทียบกับอาวุธเวทระดับตำนานมันก็ยากที่จะจัดการเป็นอย่างน้อยสองถึงสามเท่า เขาได้แสดงพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกเพื่อขัดขวางหยางเฉิน

ทันใดนั้น ความกดดันก็เพิ่มเป็นสองเท่า เท้าของหยางเฉิน หยุดเคลื่อนไหวเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนที่ร่วมมือกันใช้อาวุธเวทกับหยางเฉิน หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่น ทันใดนั้นภายในพื้นที่ภาพลวงตาเขาได้เปิดใช้งานวิหารของสวนสมุนไพร

ในขณะนั้นการรับรู้ทางจิตของหยางเฉิน อยู่ในระดับสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐาน ถ้าเขาเพียงทำการทะลวงผ่านดินแดนเขาก็สามารถเข้าสู่ระดับก่อลำต้นได้ ดังนั้นเขาสามารถเปิดใช้งานค่ายกลเจ็ดก้าวสิ้นชีพภายในอาคมภาพลวงตานี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อลานอักขระอาคมได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนย่อมสามารถรับรู้เหตุการณ์ได้ในทันที เมื่อร่างของเขาก้าวออกไป ขบวนทัพของกระบี่ทั้งสี่สิบเก้าเล่ม ในแนวนอนเจ็ดเล่ม แนวตั้งเจ็ดเล่ม ได้บินโจมตีราวกับภูตปีศาจในทันที

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกจะสามารถดูแลลานอักขระอาคมด้วยพลัง ดังนั้นสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นถูกตัดออกเป็นชิ้นๆภายในลานอักขระอาคมนี้

รวมถึงเจิ้งเหวินไช และผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเริ่มกระอักเลือดออกมาโดยไม่หยุด ในเวลาเดียวกันอาวุธเวทและร่างกายของพวกเขาถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย การรับรู้ทางจิตของพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พวกเขาต่างตกตะลึง ในตอนนี้กลายเป็นไม่สามารถที่จะดำเนินการใดๆได้ และพวกเขาต่างพากันหมดสติ

การสร้างลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ได้สูญเสียการควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคนไปอย่างกะทันหัน แต่มันก็ยังไม่หยุดการทำงาน มันยังคงดึงพลังจิตวิญญาณออกจากร่างกายของพวกเขาตามความต้องการของลานอักขระอาคมและเริ่มโจมตีหยางเฉินตามปกติ

ในตอนนี้ยังเหลือบันไดอีกยี่สิบขั้น ถือว่าเป็นบันไดสวรรค์เพื่อหาเส้นทางแห่งใจ มันไม่เป็นปัญหาใดๆสำหรับหยางเฉิน เขาสามารถปีนไปถึงจุดสูงสุดของบันไดบนสวรรค์ได้อีกครั้ง

ปัง!

เสียงดังกึกก้องแผ่กระจายไปทั่วฝูงชนอีกครั้ง หยางเฉินสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ถึงสองครั้ง ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ออกมาในตอนนี้ ทุกคนมีความสามารถในการบอกได้ว่าอะไรคือถูกอะไรคือผิด หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้แล้วผู้ชมที่อยู่รอบๆต่างได้เห็นความมหัศจรรย์ของใครบางคนที่สามารถขึ้นไปถึงยอดบันไดสวรรค์ พวกเขาต่างระเบิดเสียงแสดงความยินดีออกมาอย่างกึกก้อง

หยางเฉินได้หยุดที่จุดสูงสุดอีกครั้ง ราวกับว่าเขาได้รับความเข้าใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครแปลกใจสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จึงมีบางคนรีบรุดเข้าไปตรวจสอบในทันที


ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจากนิกายต่างๆที่รีบเร่งเข้าไปตรวจสอบ มันทำให้พวกเขาอ้าปากออกมาด้วยความตกใจ


10 ความคิดเห็น:

  1. คนประเภทนี้มีเยอะกลัวเสียหน้า

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณท่านผู้แปลค่ะ

    ตอบลบ
  3. ตบหัวมันเลยพวกไม่ยอมรับความจริง ขอบคุณท่านผู้แปลที่แปลมาให้อ่าน

    ตอบลบ
  4. สมน้ำหน้ามัน จัดให้หนักๆ บาเรียร์มิลเลอร์ฟอร์ท

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ11 สิงหาคม 2560 เวลา 14:29

    สมน้ำหน้า

    ตอบลบ
  6. สงสัยจะหม่องเท่ง

    ตอบลบ
  7. ไม่ตายก็สาหัส พลังฝึกตนลดไปเกิน1ขั้นแน่ๆ

    ตอบลบ
  8. ตายเรียบเลยมั้ยคะนั่น อิอิอิ ขอบคุณท่านผู้แปลมากค่ะ สนุก ๆ

    ตอบลบ