ซีเชิงซินได้สาบานต่อหัวใจปีศาจของเขาท่ามกลางฝูงชน
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจิ้งเหวินไชจะยอมแพ้กลางทาง หลังจากที่กดดันซีเชิงซิน? ดังนั้นเรื่องของหยางเฉินที่จะให้ไต่บันไดสวรรค์อีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าเขาโกงหรือไม่จึงได้เริ่มแพร่กระจายออกไปพร้อมด้วยความวุ่นวายขนานใหญ่
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เจิ้งเหวินไชจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่รู้สึกอิจฉารุ่นน้อง
อีกทั้งเขาก็ไม่อยากจะให้นิกายอื่นๆ ได้รับเกียรติเช่นนี้ ทำไมคนอื่นถึงไม่ถามถึงเรื่องการทุจริตของหยางเฉิน
และมีเพียงแต่เขาที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคัดค้าน? นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้ถามคนที่เดินขึ้นบันไดสรรค์ได้เพียงสามสิบขั้น
แต่กลับต่อต้านอย่างหนักในการที่หยางเฉินสามารถก้าวขึ้นไปบนยอดเขา ไม่ว่าหยางเฉินจะกระทำความผิดหรือไม่ก็ตาม
เจิ้งเหวินไชก็อยากจะตรวจสอบเขาเพราะความอิจฉาของเขา
นี่เป็นคำพูดของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
ที่ต่อต้านชื่อเสียงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทุกคนต่างเข้าใจได้อย่างชัดเจนในเวลานี้
เจิ้งเหวินไชไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้
เพียงแต่เมื่อซีเชิงซินได้พูดถึงคำพูดของหยางเฉินกับเขา เจิ้งเหวินไชก็เริ่มลังเลเมื่อเขามองไปยังสหายเต๋าอีกเก้าคนจากนิกายอื่นๆ
พระราชวังหยางบริสุทธิ์อนุญาตให้หยางเฉิน ปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์อีกครั้งได้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
นั่นหมายความว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่จะต้องเป็นผู้ดูแลและผู้รับผิดชอบลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ก็จะหมดแรงไปบ้าง
สำหรับบางคนก็อาจหมายถึงการถูกกลืนกินอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนมีระดับการบ่มเพาะถดถอยลงไปหนึ่งระดับมาแล้วผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ทุกคนต่างเป็นคนที่เก่ง ใครในหมู่พวกเขาที่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึนในลานอักขระอาคม
ยิ่งใส่พลังของตัวเองลงไปในลานอักขระอาคมมาก
การสะท้อนกลับอย่างรุนแรงก็ควรที่จะมากด้วย? ซีเชิงซินไม่ได้ใส่พลังไปทั้งหมด
แต่เขาได้สาบานกับหัวใจปีศาจของเขาว่าเขาไม่ได้กระทำความผิด แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆต่างได้รับผลเช่นนี้
...สิ่งนี้มันบังคับให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง และผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสองคนได้ทำการถอนตัวในทันที
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจิ้งเหวินไช ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการหาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสองคนจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
นอกเหนือไปจากนั้นเขายังต้องสัญญาว่าพวกเขาทั้งหมดจะได้รับผลตอบแทนที่มากมาย
คนอื่นๆต่างรู้สึกสบายใจและพวกเขาก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อให้หยางเฉินปีนขึ้นบันไดบนสวรรค์อีกครั้ง
เนื่องจากหยางเฉินได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์และทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นการชุมนุมจึงต้องหยุดชะงักและผู้เชี่ยวชาญด้านระดับก่อลำต้นที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่เหล่านี้ต้องอนุญาตให้เหล่าศิษย์ที่ยังไม่ได้ขึ้นไปบนบันไดสวรรค์ได้ในก่อนหน้านี้
ขึ้นบันไดไปทีละคน จนเสร็จสิ้นการชุมนุมในปีนี้และในเวลาเดียวกันเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนนี้
ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญทำการดูและลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสามวันสามคืนและเหล่าศิษย์ทุกคนที่เดิมคาดว่าจะได้ปีนบันไดสวรรค์ให้ทำการปีนเสร็จสิ้น
ต่อจากนั้นก็ถึงเวลาที่หยางเฉินจะทำการปีนขึ้นไปบนบันไดสวรรค์เป็นครั้งที่สอง
เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆในครั้งนี้ เจิ้งเหวินไช ได้ให้ศิษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะเช่นเดียวกับหยางเฉิน
ซึ่งมีระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองทดลองปีนขึ้นไปก่อน หยางเฉิน เพื่อตรวจสอบว่าบันไดสวรรค์มีความแตกต่างกันบ้างไหมสำหรับศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะที่ต่ำกว่าปกติ
ภายใต้การจ้องมองที่ใส่ใจของทุกคน ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
ได้ก้าวไปบนขั้นบันไดแรกของบันไดสวรรค์และร่างของเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงในทันที เขาแทบจะไม่สามารถก้าวเท้าต่อไปในขั้นที่สองเมื่อร่างของเขาหายไป
เขาได้ถูกผลักออกมาจากบันไดสวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ทำหน้าที่ดูแลลานอักขระอาคม
พวกเขาเพิ่งเริ่มต้นเปิดใช้งานลานอักขระอาคมและยังไม่ได้ใส่พลังลงไปมากแต่อย่างใด
ไม่นานหลังจากนั้นหยางเฉินปรากฏที่ด้านล่างของบันไดสวรรค์ รอเจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคนเตรียมตัวให้พร้อม
รอบๆของบันไดสวรรค์ถูกปกคลุมด้วยฝูงชนอีกครั้งและเมื่อเทียบกับครั้งแรก
ฝูงชนดูเหมือนจะหนาแน่นมากขึ้นอย่างน้อยสองถึงสามเท่า ในขณะนี้ทุกคนต่างพากันมาเฝ้าดูเพื่อเป็นพยานในการปีนบันไดสวรรค์ของหยางเฉิน
เมื่อพวกเขาทำการเปิดใช้งานและควบคุมลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์อย่างแท้จริง
เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ค้นพบว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโกงลานอักขระอาคมนี้
พวกเขาสามารถเพิ่มความยากลำบากของบันไดสวรรค์ได้
แต่พวกเขาไม่สามารถอนุญาตให้บุคคลหนึ่งข้ามอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่เจิ้งเหวินไชได้ประณามหยางเฉินว่าเป็นคนหลอกลวงนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ
อย่างไรก็ตามเมื่อคันธนูได้ยิงลูกศรออกไปแล้ว
ก็ไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้ ส่วนใหญ่ทั้งหมดของเจิ้งเหวินไช ตอนนี้มีทางเลือกเหลือเพียงอย่างเดียว
และนั่นก็คือการใช้วิธีการที่มีอยู่ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือไม่ถูกต้องก็ตาม เขาจะไม่อนุญาตให้หยางเฉินปีนขึ้นไปจนถึงด้านบนสุด
ตราบเท่าที่หยางเฉินไม่สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ในเวลานั้นพวกเขาก็จะมีข้ออ้าง
เพราะเหตุใดหยางเฉินถึงไม่สามารถจะทำมันได้อีกครั้ง? ถ้าหยางเฉินสามารถไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้อีกครั้ง เจิ้งเหวินไชจะถือว่าเป็นคนโง่ที่อยู่ในนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่
ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสองคนจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ย่อมจะต้องสนับสนุนเจิ้งเหวินไช
และอีกเจ็ดคน เจิ้งเหวินไชได้ให้สัญญาว่าจะให้ประโยชน์แก่พวกเขาหากพวกเขาช่วยเจิ้งเหวินไชเมื่อถึงเวลา
เพิ่มความยุ่งยากในลานอักขระอาคมบนบันไดสวรรค์ ในขณะนั้นพวกเขาได้หยุดพยายามที่จะตรวจสอบว่าหยางเฉินได้โกงหรือไม่
แต่มุ่งมั่นที่จะรักษาหน้าของพวกเขา
ทันทีที่หยางเฉินก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดขั้นแรกของบันไดสวรรค์ภาพที่อยู่ด้านหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและเขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางอาคมมึนงง
อาคมที่ทำให้มึนงงนั้นแตกต่างจากอาคมภาพลวงตา มันอาจทำให้คนเดินเป็นวงกลมและไม่สามารถที่จะหาทางออกได้
คนที่สร้างอาคมนี้คือผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ยอดเยี่ยมมาก สำหรับพวกเขาที่เปิดใช้อาคมมึนงงในบันไดขั้นแรกนี้
มันทำให้หยางเฉินได้หน้าอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคน รวมทั้ง เจิ้งเหวินไช
กำลังทำผิดเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญทั้งเก้าคนในก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าพวกเขาสามารถที่จะจำกัดหยางเฉินให้อยู่ภายในลานอักขระอาคมนี้ได้
บางทีถ้าหากเป็นคนอื่นๆ อาคมมึนงงนี้ก็อาจทำให้คนอื่นๆรู้สึกสับสนได้และเพียงพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นบ้า
แต่สำหรับหยางเฉิน ผู้ซึ่งเคยเป็นถึงสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม แม้ว่าอาคมนี้จะถูกเปิดใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในโลกจิตวิญญาณแทนผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
มันก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำอะไรหยางเฉินได้
อย่างง่ายดาย หยางเฉินไม่ได้หยุดชะงักเขายังคงเดินตรงไปตามเส้นทางที่ถูกต้องของอาคมมึนงงและออกมาได้
อาคมถัดมากลายเป็นลานอาคมแห่งการฆ่า
มีลานอักขระอาคมบางชนิดที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นสามารถที่จะจัดการหรือจัดวางตามที่ตนเองคิดได้
ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถวางอาคมใดๆไว้ภายในบันไดสวรรค์เพื่อเป็นกับดักหยางเฉิน หากหยางเฉินไม่สามารถทะลวงผ่านลานอักขระอาคม
หรือถูกสังหารในขณะที่อยู่ในลานอาคมแห่งการฆ่า มันก็จะเป็นเหตุผลทำให้เขาถูกผลักออกจากบันไดสวรรค์ได้ในทันที
ในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นได้ทำการจัดวางอาคมต่างๆในลานอักขระอาคมบันไดสวรรค์เพื่อเป็นพื้นฐานอาคมบนบันไดสวรรค์
หยางเฉินจะต้องเผชิญหน้ากับลานอักขระอาคมทั้งหมดที่จัดวางไว้บนบันไดสวรรค์ที่เป็นพื้นฐานที่มีอยู่
อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นเพียงแค่อาคมภาพลวงตา นี่คือสิ่งที่พวกมันยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้
ไม่ว่าพวกเขาจะวางอาคมในรูปแบบไหน พวกมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการมองของ
หยางเฉินไปได้
วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับหยางเฉินก็คือว่า เขาเพียงแค่ย้ายออกไปจากลานอักขระอาคมด้วยความเข้มแข็ง
โดยไม่คำนึงถึงภาพลวงตา และถ้าเคลื่อนที่เร็วขึ้นไปบนบันไดสวรรค์
ทั้งเขาและผู้ดูแลลานอักขระอาคมที่เกี่ยวข้องก็จะปลอดภัยมากที่สุด แต่หยางเฉินย่อมไม่ต้องการให้เจิ้งเหวินไช
และคนอื่นๆสามารถที่จะถอนตัวออกไปอย่างง่ายดาย
หยางเฉิน ใช้วิธีการที่ซับซ้อนที่สุดในการทำลายอาคม นั่นก็คือการใช้การบ่มเพาะของเขาเองเพื่อที่จะทำลายอาคมอย่างรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้ค้นพบว่าไม่ว่าพวกเขาจะสร้างอาคมในรูปแบบใด
หยางเฉินมักจะใช้วิธีการที่รุนแรงที่สุดในการทำลายอาคมและทะลวงออกมาได้
พวกเขาได้จัดเตรียมลานอักขระแห่งการฆ่าด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงการโจมตีหรือทำร้ายหยางเฉิน
มันไม่สามารถที่จะขัดขวางหยางเฉินได้ โชคดีที่มันเป็นเพียงแค่อาคมที่เตรียมการโดยคนเพียงคนเดียว
และการทำลายมันก่อให้เกิดความผันผวนเล็กน้อยในจิตวิญญาณของพวกเขา แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแต่อย่างใด
ลานอักขระอาคมซึ่งถูกจัดวางไว้อย่างพิถีพิถันโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ถูกทำลายได้ง่ายๆโดยฝั่งตรงข้ามราวกับว่าพวกมันทำมาจากดิน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อเหล่านี้รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
โดยไม่คำนึงผลที่จะตามมาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้เปิดใช้งานอาคมที่เยี่ยมยอดของพวกเขา
แต่ทว่ามันก็ยังคงไม่สามารถที่จะหยุดหยางเฉินไว้ได้แม้แต่น้อย
หยางเฉินรู้สึกสำราญใจเป็นอย่างมาก เจิ้งเหวินไชและคนอื่นๆได้เปิดใช้งานอาคมห้าธาตุเพื่อจัดการกับหยางเฉิน
ไม่ว่าจะเป็นธาตุเดี่ยว หรือธาตุคู่ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขารวมถึงหยินและหยางของธาตุอีกด้วย
สำหรับหยางเฉินแล้ว อาคมห้าธาตุก็เป็นเหมือนยาชูกำลังทำให้เขามีกำลังเพิ่มขึ้น
ภายใต้การประสานงานของเคล็ดวิชาลับหยินและหยางห้าธาตุ ไม่ว่ารูปแบบของอาคมจะเป็นแบบใด
มันไม่สำคัญ เขาสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ด้านนอกของลานอักขระอาคม บางทีเขาอาจจะตายเพราะขาดพลังจิตวิญญาณหรือบาดเจ็บสาหัส
แต่ภายในพื้นที่ของภาพลวงตา เขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บใดๆ แม้หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ได้สร้างอาคมขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่หยางเฉิน ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เขายังคงก้าวขึ้นบันไดต่อไปจนถึงขั้นที่สามสิบ
เมื่อไม่อาจที่จะเอาชนะหยางเฉินได้ง่ายๆ และต้องรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้
เจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนอื่นๆทั้งหมดต่างคิดเห็นเป็นเช่นนี้และร่วมมือกันสร้างลานอักขระอาคมมันแตกต่างไปจากเดิม
ดังนั้นความเร็วของหยางเฉินก็เริ่มชะลอตัวลง
ทันทีที่ความกดดันเพิ่มขึ้น สองเท้าของหยางเฉินได้รับรู้ถึงความผิดปกติอย่างฉับพลันเนื่องจากลานอักขระอาคมจัดวางโดยโดยคนสิบคน
มันได้ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มกำลังและไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับอาคมที่เปิดใช้โดยคนคนเดียว
เขาไม่สามารถพึ่งพาเคล็ดวิชาลับหยินและหยางห้าธาตุในการแก้ไขปัญหานี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หยางเฉินได้ใช้วิธีอื่นเพื่อทำลายอาคม เขาใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับฝ่ายอื่นๆ
หยางเฉินจัดวางอักขระอาคมของตนเข้าชน เพื่อดูว่าใครจะสามารถทำลายอาคมของอีกฝ่ายได้ก่อนกัน
ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าลานอักขระอาคมถูกจับคู่กันอย่างสม่ำเสมอ หยางเฉินไม่รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณของเขาและการรับรู้ทางจิตของเขาถูกทำลายลงไปแต่อย่างใด
แต่ในทางตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ภายในพื้นที่ภาพลวงตา สำหรับหยางเฉินการวางอาคมเพียง
แต่ต้องมีจินตนาการเท่านั้น นั่นคือทั้งหมด
แต่ในขณะที่หยางเฉินเริ่มจัดวางอาคมของเขาเพื่อทำลายอาคมของอีกฝ่าย หนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นพยายามที่จะวางกับดักหยางเฉินภายในลานอักขระอาคม
ทั้งสองฝ่ายได้ทดสอบว่าใครจะสามารถทำลายอาคมที่จัดเตรียมไว้ได้ก่อนกัน
เจิ้งเหวินไช และอีกเก้าคนของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ได้รับโทษจากการปะทะกันในครั้งนี้
แม้ว่าหยางเฉินจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมในชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะดีหรือแย่อย่างไรเขาก็ยังเป็นถึง
สุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม ที่ได้ขึ้นสู่โลกจิตวิญญาณและจากนั้นไปสู่โลกแห่งอมตะผู้ซึ่งเคยเรียนรู้เรื่องนี้มามากมายหลายเรื่อง
แม้ว่าเขาจะสุ่มหยิบเอาอาคมออกมา ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็จะพบว่ามันยากที่จะเข้าใจได้
อย่าได้คิดไปถึงการทำลายมัน มันย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หยางเฉินแตกต่างออกไป เมื่อเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญกับแรงกดดันรวมของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบ
การทำลายอาคมเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการยกนิ้วขึ้น บ่อยครั้งเมื่อเขาเดินออกจากภายในลานอักขระอาคมที่ถูกทำลาย
บุคคลอื่นจะยังคงอยู่ในลานอักขระอาคมของเขา พวกเขาจะต้องหาทางออกด้วยปัญญาของพวกเขา
ซู่!
หลังจากที่เขาทำลายอาคม หยางเฉินก็จะรู้สึกได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่คุ้นเคย
พวกมันกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาในขณะที่ลานอักขระอาคมที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนร่วมมือกันได้ปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณทั้งหมดของมันเข้าไปในร่างของเขาหลังจากที่เขาทำลายลานอักขระอาคม
บนสถานที่ที่ใช้ควบคุมลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ติดกับดักหยางเฉินในลานอักขระอาคม
เขาถ่มแก่นโลหิตออกมาเพื่อใช้บังคับลานอักขระอาคม เมื่อลานอักขระอาคมได้รับพลังที่มากมันทำให้เขาในตอนนี้กำลังทนทุกข์ทรมานจากการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงในทันที
พลังของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนก็เพียงพอที่จะทำร้ายเขา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหยางเฉินยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ลานอักขระอาคมของบันไดบนสวรรค์ก็ต้องดำเนินต่อไป
และผลที่ตามมาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนที่สองได้เข้าสู่ลานอักขระอาคมของหยางเฉิน
เมื่อหยางเฉินสามารถทะลวงผ่านลานอักขระอาคมได้อีกครั้งและดูดซับพลังจิตวิญญาณขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนที่สองกระอักเลือดออกมาและได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
คนที่ยืนอยู่ข้างนอกรอบๆบันไดสวรรค์ ย่อมไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์
แต่เจิ้งเหวินไชรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและเร็วๆนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคนต่างกระอักเลือดออกมาอย่างรวดเร็วทีละคน
ทีละคน แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดการทำงานของบันไดสวรรค์ได้ ดังนั้นในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเก้าคนในก่อนหน้านี้
ในขณะที่หยางเฉินก้าวขึ้นบันไดไปเพียงขั้นที่สามสิบเท่านั้น ยังเหลืออีกเจ็ดสิบขั้นก่อนจะถึงยอดเขา
ถ้าใครสามารถมองไปที่ศูนย์กลางของบันไดสวรรค์ได้ เขาจะค้นพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ในทุกครั้งที่หยางเฉินปีนขึ้นไปบนขั้นบันไดสวรรค์ในแต่ละก้าว ในเวลาเดียวกันบริเวณที่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ทำการดูแลลานอักขระอาคมจะมีคนหนึ่งที่จะต้องถ่มแก่นโลหิตออกมาหนึ่งครั้ง
เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง มันน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อหยางเฉินก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดขั้นที่หกสิบ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแต่ละคนได้ถ่มแก่นโลหิตออกมาคนละสามครั้งและต่างได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
ในตอนนี้พวกเขาสามารถใช้อาคมได้เท่านั้น เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหยุดอาคมได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ได้เริ่มขึ้น มันจะหยุดก็ต่อเมื่อบุคคลที่อยู่ภายในลานอักขระอาคมถูกถอนออกไปหรือลานอักขระอาคมแตกหัก
ในกรณีอื่นๆไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนจึงเจ็บปวดอย่างมากและสาปแช่งอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินได้ใช้อาคมเพียงชนิดเดียวเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน
คนละสามครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวในผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่จะเฉลียวใจหรือสามารถเข้าใจในอาคมนี้ได้
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนได้ใช้รูปแบบอาคมต่างๆถึงหกสิบชนิด
แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรหยางเฉินได้ และหยางเฉินใช้อาคมแบบแปลกๆเพียงชนิดเดียว
ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ถึงสามสิบครั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบคนต่างสาปแช่งหยางเฉินอยู่ตลอดเวลา
"ใช้อาวุธเวท!"
เจิ้งเหวินไช ได้นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและใช้การรับรู้ทางจิตสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆอีกเก้าคน
ในเวลาเดียวกันภายในใจของเขา เขาคิดถึงอาวุธเวทระดับตำนานเพื่อทำการโจมตีหยางเฉินภายในลานอักขระอาคม
เมื่อเห็นอาวุธเวทสิบชนิดที่แตกต่างกันบินอยู่บนท้องฟ้า
หยางเฉินเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเจิ้งเหวินไชและผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคนในทันที
อย่างไรก็ตามเจิ้งเหวินไชเคยได้ยินว่ามีอาวุธเวทในตำนานแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นแม้แต่รูปลักษณ์ที่จินตนาการก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับความจริง
ถ้าเป็นศิษย์อื่นๆที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธเวทนี้ พวกเขาจะถูกผลักออกจากบันไดสวรรค์ในทันที
แต่โชคร้ายในที่เป็นหยางเฉิน เมื่อตอนที่หยางเฉินอยู่บนศาลสวรรค์เขาได้เห็นอาวุธเวทระดับตำนานของแท้มาแล้ว
เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้นที่ไม่เคยได้เห็นของจริง
แล้วมันจะสามารถเอามาเปรียบเทียบกับอาวุธเวทที่ผ่านการจินตนาการโดยหยางเฉิน ผู้ซึ่งได้สัมผัสตัวตนและจิตวิญญาณของอาวุธเวทในระดับตำนานมาแล้วได้อย่างไร?
โดยไม่มีปัญหาใดๆ ด้วยการสะบัดแขนของหยางเฉิน อาวุธเวทระดับตำนานได้พุ่งตรงไปทางอาวุธเวทที่คิดขึ้นมาโดย
เจิ้งเหวินไช และทำลายพวกมัน การรับรู้ทางจิตของเจิ้งเหวินไชถูกกระแทกและถูกเรียกคืนกลับไปในทันที
ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย หยางเฉินได้ทำลายอาวุธเวทของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคน
ทีละคน ทีละคน และอีกครั้งได้ก้าวขึ้นบันไดไปอีกสิบขั้น
การกระแทกการรับรู้ทางจิตมันทำให้เจิ้งเหวินไชตระหนักได้ว่าเขาได้ทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป
การคิดถึงสิงใดและหลังจากที่ได้จินตนาการสิ่งนั้น
ทั้งหมดของอาวุธเวทที่แท้จริงและจินตนาการนั้นมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาตระหนักว่าอาวุธเวทของหยางเฉินนั้นยากที่จะต่อกรด้วยอาวุธเวทของเขา
เขาก็รีบแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญอีกเก้าคนซึ่งเคยใช้อาวุธเวทจากการจินตนาการจากที่พวกเขาเคยเห็นเพื่อโจมตีภายในพื้นที่ลวงตา
เวลานี้ สิ่งที่เจิ้งเหวินไชเดิมพันก็คือการที่เขาสามารถควบคุมอาวุธเวทของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
และเมื่อเทียบกับอาวุธเวทระดับตำนานมันก็ยากที่จะจัดการเป็นอย่างน้อยสองถึงสามเท่า
เขาได้แสดงพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกเพื่อขัดขวางหยางเฉิน
ทันใดนั้น ความกดดันก็เพิ่มเป็นสองเท่า เท้าของหยางเฉิน หยุดเคลื่อนไหวเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนที่ร่วมมือกันใช้อาวุธเวทกับหยางเฉิน
หยางเฉินไม่มีทางเลือกอื่น ทันใดนั้นภายในพื้นที่ภาพลวงตาเขาได้เปิดใช้งานวิหารของสวนสมุนไพร
ในขณะนั้นการรับรู้ทางจิตของหยางเฉิน อยู่ในระดับสูงสุดของระดับก่อสร้างรากฐาน
ถ้าเขาเพียงทำการทะลวงผ่านดินแดนเขาก็สามารถเข้าสู่ระดับก่อลำต้นได้ ดังนั้นเขาสามารถเปิดใช้งานค่ายกลเจ็ดก้าวสิ้นชีพภายในอาคมภาพลวงตานี้ได้
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อลานอักขระอาคมได้ถูกรวมเข้าด้วยกัน ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนย่อมสามารถรับรู้เหตุการณ์ได้ในทันที
เมื่อร่างของเขาก้าวออกไป ขบวนทัพของกระบี่ทั้งสี่สิบเก้าเล่ม ในแนวนอนเจ็ดเล่ม
แนวตั้งเจ็ดเล่ม ได้บินโจมตีราวกับภูตปีศาจในทันที
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกจะสามารถดูแลลานอักขระอาคมด้วยพลัง
ดังนั้นสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นถูกตัดออกเป็นชิ้นๆภายในลานอักขระอาคมนี้
รวมถึงเจิ้งเหวินไช และผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเริ่มกระอักเลือดออกมาโดยไม่หยุด
ในเวลาเดียวกันอาวุธเวทและร่างกายของพวกเขาถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
การรับรู้ทางจิตของพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พวกเขาต่างตกตะลึง ในตอนนี้กลายเป็นไม่สามารถที่จะดำเนินการใดๆได้
และพวกเขาต่างพากันหมดสติ
การสร้างลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์ได้สูญเสียการควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งหมดสิบคนไปอย่างกะทันหัน
แต่มันก็ยังไม่หยุดการทำงาน มันยังคงดึงพลังจิตวิญญาณออกจากร่างกายของพวกเขาตามความต้องการของลานอักขระอาคมและเริ่มโจมตีหยางเฉินตามปกติ
ในตอนนี้ยังเหลือบันไดอีกยี่สิบขั้น ถือว่าเป็นบันไดสวรรค์เพื่อหาเส้นทางแห่งใจ
มันไม่เป็นปัญหาใดๆสำหรับหยางเฉิน เขาสามารถปีนไปถึงจุดสูงสุดของบันไดบนสวรรค์ได้อีกครั้ง
ปัง!
เสียงดังกึกก้องแผ่กระจายไปทั่วฝูงชนอีกครั้ง หยางเฉินสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ถึงสองครั้ง
ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ออกมาในตอนนี้ ทุกคนมีความสามารถในการบอกได้ว่าอะไรคือถูกอะไรคือผิด
หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้แล้วผู้ชมที่อยู่รอบๆต่างได้เห็นความมหัศจรรย์ของใครบางคนที่สามารถขึ้นไปถึงยอดบันไดสวรรค์
พวกเขาต่างระเบิดเสียงแสดงความยินดีออกมาอย่างกึกก้อง
หยางเฉินได้หยุดที่จุดสูงสุดอีกครั้ง ราวกับว่าเขาได้รับความเข้าใจอีกครั้ง
แต่ก็ไม่มีใครแปลกใจสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งสิบคนที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
จึงมีบางคนรีบรุดเข้าไปตรวจสอบในทันที
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจากนิกายต่างๆที่รีบเร่งเข้าไปตรวจสอบ
มันทำให้พวกเขาอ้าปากออกมาด้วยความตกใจ
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบคนประเภทนี้มีเยอะกลัวเสียหน้า
ตอบลบขอบคุณท่านผู้แปลค่ะ
ตอบลบตบหัวมันเลยพวกไม่ยอมรับความจริง ขอบคุณท่านผู้แปลที่แปลมาให้อ่าน
ตอบลบสมน้ำหน้ามัน จัดให้หนักๆ บาเรียร์มิลเลอร์ฟอร์ท
ตอบลบสมน้ำหน้า
ตอบลบสงสัยจะหม่องเท่ง
ตอบลบไม่ตายก็สาหัส พลังฝึกตนลดไปเกิน1ขั้นแน่ๆ
ตอบลบตายเรียบเลยมั้ยคะนั่น อิอิอิ ขอบคุณท่านผู้แปลมากค่ะ สนุก ๆ
ตอบลบทำตัวเองแท้ๆ
ตอบลบ