เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 045 เรามาทำซ้ำกันอีกครั้ง

มันเป็นธรรามชาติของมนุษย์ ในทุกที่ย่อมไม่ขาดคนที่อิจฉาหรือริษยาความสำเร็จของผู้อื่น มันก็เหมือนกันกับในโลกของการบ่มเพาะนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแห่งนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ได้ให้ความเห็นนี้ขึ้น หลังจากที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของฝูงชน ใครเล่าอยากจะเห็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองของนิกายที่อยู่ในชั้นที่สอง ได้รับเกียรติสามารถเหยียบเท้าบนยอดเขาของบันไดสวรรค์? นอกจากนี้ในบรรดาสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ดูแลลานอักขระอาคมนอกจาก ซีเชิงซินของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกเก้าคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างลดระดับลงมา มันก็จะเป็นความมหัศจรรย์ถ้าไม่ได้ทำให้คนสงสัย

"ใครเป็นคนหลอกลวง? เจิ้งเหวินไช เจ้ากล้ากล่าวหาข้าว่าทำการฉ้อโกง!"

ซูเฉิงซินเป็นผู้ดูแลหอฑูตต่างแดน แม้ว่าเขาจะดูเป็นคนเรื่อยและมักจะหลีกเลี่ยงที่จะโต้แย้งหรือจัดการกับเรื่องต่างๆ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจเสาะหรือคนขี้ขลาดตาขาว และเมื่อได้ยินว่ามีคนแปลกใจและไม่อยากยอมรับว่าหยางเฉินเป็นคนแรกที่ได้ปีนไปจนถึงจุดสูงสุดของยอดเขาบันไดสวรรค์ และอยากจะดึงหยางเฉินลงมาบนพื้น เขาจะยังคงความสุภาพไว้ได้อย่างไร

"ไปสิ! เจ้าสามารถไปหาสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ขอศิษย์จากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า มาดูสิว่าพวกเขาจะสามารถไปถึงด้านบนสุดได้หรือไม่ และให้ข้าดูว่าพวกเขาจะสามารถโกงได้หรือไม่!

แม้ว่างานชุมนุมบันไดสวรรค์ไม่ได้เป็นการชุมนุมเรื่องที่สำคัญ แต่ ซีเชิงซินก็เป็นคนจัดการชุมนุมนี้มาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโกรธ เขาคว้าโอกาสนี้ประณามการโต้แย้งของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเจิ้งเหวินไชออกมาในทันที

"ทำไมพวกเจ้าทั้งหมดยังเงียบ ลืมเอาปากมาหรืออย่างไร?ศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า ไม่ได้โกง พวกเจ้ายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหรือ? เจ้ากล้าที่จะสาบานกับหัวใจปีศาจของเจ้าว่าศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ทำการฉ้อโกง?"

หลังจากที่พูดออกไปด้วยเสียงดังแล้ว ซีเชิงซินได้พุ่งความโกรธของเขาไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนอื่นๆ ที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมพร้อมกับเขา

ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเหล่านี้ต่างรู้สึกละอายใจอยู่ภายในใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่กล้าที่จะเผชิญกับความโกรธของซีเชิงซิน และยิ่งมากกว่านั้น พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกล่าวคำสาบานกับหัวใจปีศาจของพวกเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของซีเชิงซิน ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนต่างรู้สึกอายมากจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

"สหายซีและสหายเต๋าทั้งหลาย พวกท่านย่อมรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วสิ่งนี้มันเป็นการฉ้อโกงหรือไม่?"

เจิ้งเหวินไชยิ้มออกมาในทันที เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดของผู้อื่น การช่วยคนเหล่านี้ที่ระดับพลังบ่มเพาะลดลงและยังทำให้พวกเขาหลบหนีจากการกล่าวคำสาบานต่อหัวใจปีศาจของพวกเขาได้ ตามคำพูดของเจิ้งเหวินไช พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่า พระราชวังหยางบริสุทธิ์มีการฉ้อโกงดังนั้นในตอนท้ายพวกเขาจึงไม่ชัดเจนว่า หยางเฉินได้ทำการโกงหรือไม่

"เจ้า!"

ซีเชิงซิน ไม่เคยคาดคิดว่าเจิ้งเหวินไชจะพูดออกมาในลักษณะนี้ และทันทีที่เขาเปิดปากออกมา คนก็เริ่มสงสัยว่า ซีเชิงซินได้ร่วมมือกับหยางเฉินเพื่อทำการฉ้อโกง คนเพียงคนเดียวคงไม่สามารถโต้เถียงกับร้อยปากได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีหลักฐานใดๆ หรือไม่ก็ใช้วิธีการเช่นนี้โดยกล่าวอ้างออกมา แต่หากถูกถาม พวกเขาก็อาจปฏิเสธได้โดยบอกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีการใดตรวจสอบ

อันที่จริงในเวลานี้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็ดูแปลกมากในการเลือกศิษย์ของพวกเขา กงซุนหลิงยังคงได้รับการพิจารณาว่ามีพรสวรรค์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกตามเกณฑ์ปกติ แต่หยางเฉินซึ่งเป็นนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองซึ่งแทบจะไม่เข้าใจหลักการของการทำกระดาษยันต์ แต่เขายังคงสามารถใช้อุปกรณ์ยันต์เพื่อฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ฮันเจียนเต๋อแห่งนิกายเทียนเชวียนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการเลือกให้ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองมามีส่วนร่วมในการชุมนุมบันไดสวรรค์นี้มันก็ดูผิดปกติอยู่มาก

"ฮึ! หยางเฉินแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าก่อนที่จะเข้าร่วมนิกายได้ฆ่าคนเป็นอันมาก กลิ่นอายที่ร้ายกาจของเขาก็เข้มข้มมาก เขาไม่มีความเกรงกลัวพื้นที่ที่มีภาพลวงตาใดๆการปีนขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์นี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย"

เมื่อดูว่าสิ่งต่างๆดำเนินไปไกลแค่ไหน ซูเฉิงซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเหตุผลของตัวเองและอธิบายออกไป

"ถ้านี่ถือเป็นการฉ้อโกง ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด!"

ทุกคนต่างมองด้วยความตกใจ ใครจะคาดคิดว่ามันจะเป็นเพราะด้วยเหตผลที่ไม่คาดฝันนี้ ส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนเกือบเลือดพล่านหลังจากได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างสมรู้ร่วมคิดและเหน็ดเหนื่อยเพื่อมุ่งโจมตีจุดอ่อนของหยางเฉิน เพื่อที่จะทรมานเขาโดยใช้พื้นหลังของหยางเฉินในฐานะมือเพชฌฆาต แต่เป้าหมายก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บในตอนท้ายมีบางอย่างเกี่ยวกับลานอักขระอาคมที่ดูแปลกไป ในกรณีที่ลานอักขระอาคมถูกทำให้พังหรือเสียหายไปผู้ที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมจะต้องถูกดูดกลืนหายไป ในทางกลับกันพวกเขาต้องใช้พลังจิตวิญญาณมากมายในการสร้างอุปสรรคกับหยางเฉิน ดังนั้นมันแน่อยู่แล้วว่าการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงก็ยากที่จะจัดการ ระดับการบ่มเพาะลดลงไปหนึ่งระดับ หลังจากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น พวกเขาได้ตระหนักว่าพวกเขาทั้งหมดได้โจมตีตัวเองอย่างแท้จริง

หลังจากเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้พัฒนาอะไรขึ้นมาบ้าง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนนี้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งแปดคนที่ได้ปฏิบัติตามผู้เชี่ยวชาญของนิกายเทียนเชวียน พวกเขารู้สึกเสียใจมากจนลำไส้ของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ต่อผู้ที่ร่ายอาคมมันย่อมไม่มีผลใดๆ พวกเขาพยายามจะโจมตีหยางเฉินอย่างยาวนาน แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังโจมตีพวกเขาเอง พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างมากและพลังบ่มเพาะของพวกเขาได้ถดถอยไปหนึ่งระดับ ด้วยเหตุผลอะไรที่พวกเขาตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้?

"นี่เป็นเพียงข้อโต้เถียงของเจ้า สหายเต๋าซีนั่นคือทั้งหมดของเจ้า พระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อถือได้!"

เจิ้งเหวินไช อีกครั้งยิ้มออกมาเล็กน้อย

"ข้าจะดูแลเรื่องนี้ถ้าพระราชวังหยางบริสุทธิ์รู้เส้นทางฉ้อโกงบันไดสวรรค์ใดๆ มันก็เหมาะสมถ้าหากทุกคนได้ร่วมมือกัน เพื่อที่ว่าหลังจากที่การฉ้อโกงได้ถูกเปิดเผยแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถใช้มันเพื่ออวดอ้าง ในเมื่อมันเป็นเรื่องโกหกที่ไม่มีมูลความจริงอีกต่อไป

"เจิ้งเหวินไช เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะพิสูจน์ว่าศิษย์นิกายของข้าเป็นคนหลอกลวงใช่หรือไม่?"

ซูเฉิงซินพูดออกไปอย่างช้าๆและไม่ได้รีบเร่ง ในขณะที่มอง เจิ้งเหวินไช ด้วยความเกลียดชัง ไม่แม้แต่จะใช้คำนำหน้าว่าสหายเต๋าเพื่อพูดกับเขา หากแต่พูดกับเขาโดยเรียกชื่อของเขาโดยตรง

"พระราชวังหยางบริสุทธิ์ถือว่าเป็นนิกายที่มีความยุติธรรม แม้ว่าเจ้าจะได้สร้างศิษย์ที่เสื่อมทรามแบบนี้มาแล้วก็ตาม สหายเต๋าซีก็ไม่ควรที่จะปกป้องกันเขา"

เจิ้งเหวินไช ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แต่คำพูดของเขาถูกยึดติดกับการฆ่าของหยางเฉิน โดยใช้พวกมันเพื่อบังคับซีเชิงซิน

"คำเหล่านี้ เจิ้งเหวินไช เจ้ายังคงสงสัยว่าข้ายังมีส่วนร่วมในการฉ้อโกงใช่หรือไม่?"

ซูเฉิงซินถามเจิ้งเหวินไชออกไปด้วยความโกรธ ในขณะที่พยายามจะเก็บความโกรธของเขาเอาไว้

"ไม่ว่าเจ้าจะโกงหรือไม่ สหายเต๋าซีเจ้าเองควรจะรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ภายในใจของเจ้า!"

เจิ้งเหวินไช ให้คำตอบที่คลุมเครือด้วยรอยยิ้ม

"เจ้า!"

ซูเฉิงซินรู้สึกโกรธมาก แต่เขาก็ยังยิ้มไปที่เจิ้งเหวินไช ในช่วงเวลาต่อมา ในที่สุดเขาก็สามารถบังคับให้สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า "ดี ข้าซีเชิงซิน ขอสาบานกับหัวใจปีศาจของข้า ถ้าข้าได้ทำสิ่งที่เป็นการฉ้อโกงเพื่อช่วยให้หยางเฉินสามารถปีนไปจนถึงจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์ จิตวิญญาณของข้าจะต้องถูกทำลายโดยสายฟ้า และข้าจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพที่ดี

หลังจากที่เขากล่าวคำสาบานครั้งใหญ่กับหัวใจปีศาจของเขา ซีเชิงซิน มองไปที่ เจิ้งเหวินไช และถามออกไปว่า

"เจิ้งเหวินไช เจ้าจะพูดอะไรในตอนนี้?"

"ข้าจะพูดอะไรตอนนี้!"

เจิ้งเหวินไช กล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจว่า

"ไม่กล้า ไม่กล้า ทำไมข้าต้องสบถสาบานคำสาปแห่งหัวใจปีศาจ? ข้ามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า สหายเต๋าซีไม่ได้ฝึกให้ศิษย์หยางเฉินทำการฉ้อโกง แต่หยางเฉิน..."

"ให้หยางเฉินกล่าวคำสาบานเกี่ยวกับหัวใจปีศาจของเขา?"

เจิ้งเหวินไช ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย

"เขาเป็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง ใครจะรู้ว่าเขาจะสามารถสร้างรากฐานของเขาได้หรือไม่ เพื่อกล่าวคำสาบานใหญ่กับหัวใจปีศาจของเขา สำหรับเขานี่ก็ยังห่างไกลนัก"

เจิ้งเหวินไช ไม่ต้องการที่จะปล่อยให้หยางเฉินหลุดรอดออกไป

"บางทีเขาอาจจะหาวิธีฉ้อโกง ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไม่กลัวอาคมสะกดใดๆมาก่อน"

หลังจากพูดทุกอย่างออกมา เขาก็แค่ต้องการพิสูจน์ว่าหยางเฉินเป็นคนหลอกลวง

"สหายเต๋าซี เจ้าไม่ควรจะบ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าสหายเต๋าซีไม่ได้ตัดสินใจที่จะทำความสะอาดนิกาย ข้าก็จะต้องทำมันให้เอง"

"เรื่องการทำความสะอาดนิกายนี้ สามารถทำหลังจากที่ศิษย์ของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่สามารถปีนขึ้นไปได้เพียงขั้นที่ห้าสิบของบันไดสวรรค์ ฮึ!"

ซีเชิงซิน ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างเข้าใจได้ชัดว่า ตราบเท่าที่ครั้งต่อไป ถ้ามีศิษย์ของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่สามารถก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าสิบ ซีเชิงซินจะกระโดดออกไปกล่าวโทษว่าพวกเขาก็ทำการฉ้อโกงเช่นเดียวกัน

"สำหรับการอ้างสิทธิ์ของเจ้า สหายเต๋าเจิ้ง  ที่ว่าศิษย์หยางเฉินแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ทำการฉ้อโกง เอาอย่างนี้ดีหรือไม่สหายเต๋าเจิ้งไปรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นมาสิบคนและให้หยางเฉินไต่ขึ้นบันไดสวรรค์อีกครั้ง เจ้าคิดเห็นอย่างไร?"

ซีเชิงซินมีความมั่นใจในหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงทำการท้าทายและยั่วยุออกไปในทันที

"ในเวลานั้นสหายเต๋าเจิ้ง คงจะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ใช่หรือไม่?"

เงื่อนไขนี้ เจิ้งเหวินไชไม่มีความคิดเห็น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพียงต้องการที่จะค้นหาการฉ้อโกงของหยางเฉิน และหลังจากนั้นบังคับให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ทำความสะอาดนิกายของพวกเขา แต่ในเวลานั้นซูเฉิงซินได้สาบานคำสาปหัวใจปีศาจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา

แม้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะเป็นนิกายชั้นสอง แต่ก็ยังคงไม่ยอมให้ใครสักคนมาพ่นเรื่องไร้สาระเพื่อทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้ามีคนถามคนของพวกเขาพวกเขาก็ต้องแสดงหลักฐานออกมา ถ้าพวกเขาไม่มีหลักฐานแล้วแม้ว่าจะเป็นผู้นำนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ เขาก็ยังไม่สามารถทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์เสื่อมเสียชื่อเสียงตามที่เขาปรารถนาได้ บางทีถ้าผู้นำ นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วเขาก็อาจที่จะสามารถขอชีวิตของหยางเฉิน แต่น่าเสียดายที่การชุมนุมบันไดสวรรค์นี้และศิษย์ระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองไม่สมควรที่จะให้ผู้นำนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวเป็นการส่วนตัวและเจิ้งเหวินไช ไม่กล้าฝันถึงสถานการณ์เช่นนี้

ด้วยตำแหน่งของเจิ้งเหวินไชนั้นมันไม่เพียงพอที่จะทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกหลายคนคอยเฝ้าดู ในตอนนี้เขามีเพียงทางเลือกเดียว และนั่นก็คือการหาให้พบว่าหยางเฉินใช้วิธีใดในการโกง มิฉะนั้นเขาจะต้องถูกติดป้ายชื่อของบุคคลที่พูดโดยไม่คิดติดตัวไป นอกจากการขอโทษพระราชวังหยางบริสุทธิ์แล้ว ในอนาคตคำพูดของเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็จะถือเป็นเรื่องตลกของคนอื่น ด้วยสถานะของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ถูกศิษย์ระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองก่อกวน จะยังมีใครที่จะแสดงความเคารพต่อเขาอยู่?

เจิ้งเหวินไชรู้สึกเสียใจเมื่อเชื่อคำพูดของหลี่ฉิงเฉิน เพราะเขาไม่สามารถหาหลักฐานใดๆเพื่อระบุว่าหยางเฉินเป็นคนหลอกลวง นอกจากนี้เขายังเกลียดชังบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคน ไม่ว่าหยางเฉินจะฉ้อโกงหรือไม่พวกเขาจะต้องตระหนักดี แต่พวกเขาต่างมีท่าทางมีพิรุธและดูน่าสงสัย มันยากที่จะทำให้เขาตัดสินใจว่าหยางเฉินได้ทำหรือไม่ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถหยุดกลางทางได้ และสามารถบังคับตัวเองให้ไปรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคน และเริ่มต้นเปิดใช้งานลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ซีเชิงซินได้เห็นหยางเฉินที่เพิ่งลงมาจากจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์และเพิ่งไปพบกับกงซุนหลิง เพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้ฝ่าฟันในพื้นที่ที่เป็นภาพลวงตา เมื่อได้ยินคำพูดของ ซีเชิงซิน เขายิ้มออกมาในทันที

"นี่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆใช่หรือไม่?"

หยางเฉินถามออกไป ท่ามกลางความรู้สึกยินดีผสมด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เพียงแค่ปีนขึ้นไปบนยอดเขาเท่านั้น แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นและแน่วแน่และนอกจากนั้นเขายังสามารถทะลวงผ่านดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นสาม การขึ้นบันไดสวรรค์อีกครั้ง จะไม่ได้หมายความว่าพลังจิตวิญญาณของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง? บางทีเจตจำนงของแท่นประหารเซียนก็จะหลอมรวมกันได้มากขึ้น ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหลายนิกาย ศิษย์คนหนึ่งของแต่ละนิกายสามารถปีนขึ้นไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หยางเฉินก็จะสามารถเข้าสู่จุดสูงสุดได้อีกสักสองสามรอบ ในขณะนี้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้ตกมาอยู่บนตักของหยางเฉิน ดังนั้น หยางเฉินจึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

คราวนี้ซีเชิงซินดูเหมือนจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างในร่างกายของหยางเฉินและรู้สึกตกใจก่อนที่เขาจะถามออกไปว่า

"เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจกับการทะลวงผ่านคอขวดของเจ้า?"

ทันทีสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป

"ในร่างกายของเจ้ามีพลังจิตวิญญาณของธาตุทั้งห้า? วิธีนี้มันไม่บริสุทธิ์ มันไม่ได้เป็นเพื่อการกลับด้านของรากและกิ่ง?"

กงซุนหลิง ได้ถามคำถามที่คล้ายกันมาก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าหยางเฉินได้การทะลวงผ่านคอขวดของดินแดนขึ้นในเวลานั้น เธอไม่ได้ถามเรื่องนี้อีกต่อไป แต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็นว่า ซีเชิงซิน ได้ถามคำถามเดียวกัน กงซุนหลิงยังกล่าวว่า

"ศิษย์น้องหยาง เจ้าไม่ควรใช้เส้นทางที่ไม่ถูกต้อง!"

ไม่ว่าความรู้สึกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนต่างก็ห่วงใยหยางเฉินอย่างแท้จริง เขารู้เรื่องนี้อยู่เสมอและไม่ได้ปิดบังอะไรและตอบคำถามของซีเชิงซินว่า

"ผู้อาวุโส ศิษย์คนนี้เพียงต้องการรู้ว่า พลังของจิตวิญญาณของทั้งห้าธาตุเป็นอย่างไร มันก็เท่านั้น"

"มุ่งเน้นการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณธาตุไฟของเจ้า เจ้าสามารถทำการบ่มเพาะจิตวิญญาณธาตุอื่นได้อย่างไร?"

ซีเชิงซินรู้สึกไม่พอใจหยางเฉินจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ เขาสามารถก้าวขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์ได้ด้วยความยากลำบาก หากคนที่มีพรสวรรค์คนนี้ กำลังทำลายตัวเขาเอง มันก็น่าเสียดาย

หยางเฉินไม่ได้เอ่ยตอบออกมา แต่เขาเหยียดมือทั้งสองข้างออกไป ข้างหนึ่งสูงและอีกข้างหนึ่งอยู่ต่ำ ไม่นานหลังจากนั้นมือที่เขาเหยียดขึ้นไปด้านบนปรากฏมีของเหลวสีแดงไหลออกมาราวกับน้ำตกลงมาที่อีกมือหนึ่งที่รออยู่ด้านล่าง

น้ำตกแห่งนี้มีรูปแบบของน้ำตกที่แท้จริง แต่มีย่อขนาดมาสักร้อยเท่า คลื่นของน้ำตกเมื่อน้ำตกลงมา แม้แต่น้ำที่กระเซ็นออกมา มันดูราวกับน้ำตกของจริง

อย่างไรก็ตามเมื่อ ซีเชิงซิน และ กงซุนหลิง มองดูมัน สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ ฝังรากลึกลงไปในพื้นดิน ไม่สามารถเอ่ยคำใดๆออกมาด้วยความมึนงงและตกตะลึง ภายในมือของหยางเฉินเป็นน้ำอย่างแน่นอน แต่สีและอุณหภูมิของน้ำตก มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าน้ำตกที่พวกเขากำลังมองดูอยู่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์จากเปลวไฟ และด้วยการควบคุมของเปลวไฟราวกับว่ามันเป็นน้ำ มันเป็นเคล็ดอีกแบบหนึ่งของไฟ ที่ทำให้แม้แต่ซีเชิงซินก็ไม่สามารถที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นได้ นับประสาอะไรกับกงซุนหลิง

การแสดงออกของพวกเขาทั้งสองคนเกือบจะเหมือนกัน โดยไม่มีความแตกต่าง พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดครึ่งคำออกมาได้ พวกเขาจ้องมองอย่างตั้งใจจดจ่ออยู่กับน้ำตกที่อยู่ในมือของหยางเฉิน ซึ่งพวกมันถูกกลิ้งวนกลับไปมาเรื่อยๆ หลังจากนั้นภายใต้การจ้องมองของพวกเขาน้ำตกกลายเป็นทะเลทรายสีส้มกับเนินทรายขนาดใหญ่ ทั้งหมดของเม็ดเล็กๆต่างเคลื่อนไหวเนื่องจากสายลม ที่ว่างเปล่าและรกร้างแม้แต่อุณหภูมิทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นทะเลทรายอย่างแท้จริง

ไม่นานหลังจากนั้นหยางเฉินพลิกมือและภาพจำลองต่างๆได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย และในหูของพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงของหยางเฉินดังออกมาว่า

"ขออภัย ในขณะนี้ข้าสามารถทำได้เพียงแค่นี้และในขณะนี้ก็ไม่สามารถเลียนแบบลักษณะโลหะและไม้ได้"

เนื่องจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก หยางเฉินสามารถเลียนแบบคุณสมบัติทั้งโลหะและไม้ได้ แต่เขาก็ซ่อนพวกมันไว้ภายใต้หน้าตาของคนที่ดูเงอะงะ ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อว่าคนสองคนนี้จะทำร้ายเขา แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้พวกเขาทำให้คนอื่นตระหนักถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ของเขาในตอนนี้

มองไปที่ภาพจำลองที่มีการควบคุมไฟราวกับน้ำ ควบคุมไฟราวกับเป็นแผ่นดิน ซีเชิงซินซึ่ง เป็นคนที่มีความรู้ เขาสามารถกำหนดระดับของการควบคุมไฟของหยางเฉิน ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากออกมาด้วยความชื่นชมและเริ่มสรรเสริญหยางเฉิน

"ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมจูเฉินเตาจึงชื่นชมเจ้าให้กับข้าฟัง ทักษะไฟของเจ้านั้นคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ข้าเคยคิดว่าเขาต้องการที่จะฝึกคนรุ่นใหม่ อย่างคาดไม่ถึง ผู้ชายคนนี้ยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่"

สำหรับ กงซุนหลิง เธอกำลังมองเขาด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอเปี่ยมล้นด้วยคำชื่นชม การแสดงออกของความประหลาดใจยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธออย่างไม่สามารถปกปิดได้ เมื่อเธอมองไปที่หยางเฉิน ราวกับว่ามีชั้นบางๆชั้นหนึ่งที่ปกปิดลักษณะเฉพาะตัวของเขา

ตอนนี้หยางเฉินไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทั้งสองคนรู้ดีว่าหยางเฉินต้องการบรรลุโดยการบ่มเพาะจิตวิญญาณของธาตุ ซีเชิงซินตบเบาๆบนไหล่ของหยางเฉินและให้กำลังใจเขา

"เห็นได้ชัดว่าเจ้าจะทำให้อนาคตของเราดีขึ้น! โปรดจำไว้ว่าใช้พลังจิตวิญญาณของธาตุที่แตกต่างกันไว้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น อย่าโยนตัวเองลงลึกจนเกินไป เพื่อไม่ให้ละเลยรากและหยุดชะงักที่จะเจริญเติบโต ตามความสามารถในการควบคุมไฟของเจ้า เจ้าสามารถที่จะก่อสร้างรากฐานของเจ้าได้ นอกจากนี้เมื่ออยู่ในระดับผลิดอก เจ้าก็จะเป็นหนึ่งในการควบคุมไฟ ทำให้ดีที่สุด!"

"ขอบคุณอาวุโสมากสำหรับคำชี้แนะของท่าน!"

หยางเฉินโค้งคำนับและขอบคุณ คำแนะนำที่ได้รับไม่มีค่าอะไรกับเขา แม้ว่าพวกมันจะไร้ประโยชน์แต่ความจริงใจเหล่านี้ล้วนน่าชื่นชม

"หยางเฉินเจ้ามีความมั่นใจว่าเจ้าจะสามารถปีนบันไดสวรรค์ได้อีกหรือไม่?"

ซีเชิงซิน ต้องการคำยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง ถ้าหยางเฉินไม่มั่นใจก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา

"ไม่มีปัญหา"

หยางเฉินพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ การกุศลเช่นนี้เขาก็พร้อมที่จะยอมรับมันหลายๆครั้ง แต่หยางเฉินไม่สามารถรู้ว่ามันก็อาจมีสิงที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นเขาค่อนข้างลังเลและถามออกมา

แต่...

"แต่อะไร?"

ซูเฉิงซินรีบถามออกไป

"อาวุโส ถ้าในที่สุดแล้วลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์เกิดข้อผิดพลาดแตกหัก ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง"

หยางเฉินค่อนข้างกังวล เขาจึงเอ่ยคำถามออกไป

"ถ้าในเวลานั้นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นมีปัญหาอีกครั้ง ศิษย์เกรงว่าเขาจะต้องรับผิดชอบ"

การสะท้อนกลับอย่างรุนแรงของลานอักขระอาคมจะถูกกำหนดโดยพลังของมัน ยิ่งใส่พลังเข้าไปในลานอักขระอาคมมากเท่าไหร่ เมื่อเกิดความผิดพลาดของการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงของลานอักขระอาคมก็ยิ่งมากเท่านั้นซึ่งมันยากที่จะจัดการได้ หยางเฉินต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะเริ่มไต่บันได ถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นในเวลานั้นเขาจะได้รับการตรวจสอบอีกครั้งซึ่งจะทำให้หยางเฉิน รู้สึกระคายเคือง

"ฮ่าฮ่าฮ่า!"

ซีเชิงซิน รู้สึกยินดีกับคำพูดของ หยางเฉิน


"ดี ข้าจะไปถามพวกเขา ถ้าพวกเขาได้รับบาดเจ็บมันก็เป็นความผิดของตัวพวกเขาเองและพวกเขาไม่มีสิทธิมาโทษเรา!"

11 ความคิดเห็น:

  1. ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
    สาธุ!😂

    ตอบลบ
  2. เดี๋ยวโดนพี่หยางอีกรอบ

    ตอบลบ
  3. มันสนุกนะ สนุก แต่เนื้อเรื่องมันเนิบนาบมาก อย่างที่ท่านผู้แปลเคยบ่นเลย ช้ามาก ๆ กว่าจะผ่านไปได้

    แต่ก็ขอ ขอบคุณท่านผู้แปลมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ8 สิงหาคม 2560 เวลา 08:47

    ขอบคุณ ครับที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าแปลมาให้พวกเราอ่าน

    ตอบลบ
  5. จะให้ขึ้นอีกรอบเหรอ ฮ่าๆ เก็บเวลได้อีก

    ตอบลบ
  6. ชอบมาก เฝ้ารอตอนต่อไป

    ตอบลบ
  7. อยากเห็นคนเจ็บตัว ได้เจ็บกันถ้วนหน้าแน่
    แปลเต็มตอน ลง2วันก็ดีนะ

    ตอบลบ
  8. หอกนั้นคืนสนอง

    ปล.รอบนี้โหดกว่าเดิม

    ตอบลบ