มันเป็นธรรามชาติของมนุษย์ ในทุกที่ย่อมไม่ขาดคนที่อิจฉาหรือริษยาความสำเร็จของผู้อื่น
มันก็เหมือนกันกับในโลกของการบ่มเพาะนี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นแห่งนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ได้ให้ความเห็นนี้ขึ้น
หลังจากที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของฝูงชน ใครเล่าอยากจะเห็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองของนิกายที่อยู่ในชั้นที่สอง
ได้รับเกียรติสามารถเหยียบเท้าบนยอดเขาของบันไดสวรรค์? นอกจากนี้ในบรรดาสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ดูแลลานอักขระอาคมนอกจาก
ซีเชิงซินของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อีกเก้าคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างลดระดับลงมา
มันก็จะเป็นความมหัศจรรย์ถ้าไม่ได้ทำให้คนสงสัย
"ใครเป็นคนหลอกลวง? เจิ้งเหวินไช
เจ้ากล้ากล่าวหาข้าว่าทำการฉ้อโกง!"
ซูเฉิงซินเป็นผู้ดูแลหอฑูตต่างแดน แม้ว่าเขาจะดูเป็นคนเรื่อยและมักจะหลีกเลี่ยงที่จะโต้แย้งหรือจัดการกับเรื่องต่างๆ
แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจเสาะหรือคนขี้ขลาดตาขาว และเมื่อได้ยินว่ามีคนแปลกใจและไม่อยากยอมรับว่าหยางเฉินเป็นคนแรกที่ได้ปีนไปจนถึงจุดสูงสุดของยอดเขาบันไดสวรรค์
และอยากจะดึงหยางเฉินลงมาบนพื้น เขาจะยังคงความสุภาพไว้ได้อย่างไร
"ไปสิ! เจ้าสามารถไปหาสิบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ขอศิษย์จากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ของเจ้า
มาดูสิว่าพวกเขาจะสามารถไปถึงด้านบนสุดได้หรือไม่ และให้ข้าดูว่าพวกเขาจะสามารถโกงได้หรือไม่!”
แม้ว่างานชุมนุมบันไดสวรรค์ไม่ได้เป็นการชุมนุมเรื่องที่สำคัญ แต่ ซีเชิงซินก็เป็นคนจัดการชุมนุมนี้มาหลายปีแล้ว
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโกรธ เขาคว้าโอกาสนี้ประณามการโต้แย้งของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเจิ้งเหวินไชออกมาในทันที
"ทำไมพวกเจ้าทั้งหมดยังเงียบ ลืมเอาปากมาหรืออย่างไร?ศิษย์พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า ไม่ได้โกง พวกเจ้ายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่อีกหรือ?
เจ้ากล้าที่จะสาบานกับหัวใจปีศาจของเจ้าว่าศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ทำการฉ้อโกง?"
หลังจากที่พูดออกไปด้วยเสียงดังแล้ว ซีเชิงซินได้พุ่งความโกรธของเขาไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นคนอื่นๆ
ที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมพร้อมกับเขา
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นเหล่านี้ต่างรู้สึกละอายใจอยู่ภายในใจของพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่กล้าที่จะเผชิญกับความโกรธของซีเชิงซิน และยิ่งมากกว่านั้น
พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกล่าวคำสาบานกับหัวใจปีศาจของพวกเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของซีเชิงซิน
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนต่างรู้สึกอายมากจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
"สหายซีและสหายเต๋าทั้งหลาย พวกท่านย่อมรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วสิ่งนี้มันเป็นการฉ้อโกงหรือไม่?"
เจิ้งเหวินไชยิ้มออกมาในทันที เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่น่าอึดอัดของผู้อื่น
การช่วยคนเหล่านี้ที่ระดับพลังบ่มเพาะลดลงและยังทำให้พวกเขาหลบหนีจากการกล่าวคำสาบานต่อหัวใจปีศาจของพวกเขาได้
ตามคำพูดของเจิ้งเหวินไช พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่า พระราชวังหยางบริสุทธิ์มีการฉ้อโกงดังนั้นในตอนท้ายพวกเขาจึงไม่ชัดเจนว่า
หยางเฉินได้ทำการโกงหรือไม่
"เจ้า!"
ซีเชิงซิน ไม่เคยคาดคิดว่าเจิ้งเหวินไชจะพูดออกมาในลักษณะนี้ และทันทีที่เขาเปิดปากออกมา
คนก็เริ่มสงสัยว่า ซีเชิงซินได้ร่วมมือกับหยางเฉินเพื่อทำการฉ้อโกง
คนเพียงคนเดียวคงไม่สามารถโต้เถียงกับร้อยปากได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีหลักฐานใดๆ
หรือไม่ก็ใช้วิธีการเช่นนี้โดยกล่าวอ้างออกมา แต่หากถูกถาม พวกเขาก็อาจปฏิเสธได้โดยบอกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีการใดตรวจสอบ
อันที่จริงในเวลานี้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็ดูแปลกมากในการเลือกศิษย์ของพวกเขา
กงซุนหลิงยังคงได้รับการพิจารณาว่ามีพรสวรรค์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกตามเกณฑ์ปกติ แต่หยางเฉินซึ่งเป็นนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองซึ่งแทบจะไม่เข้าใจหลักการของการทำกระดาษยันต์
แต่เขายังคงสามารถใช้อุปกรณ์ยันต์เพื่อฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก ฮันเจียนเต๋อแห่งนิกายเทียนเชวียนได้
ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการเลือกให้ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองมามีส่วนร่วมในการชุมนุมบันไดสวรรค์นี้มันก็ดูผิดปกติอยู่มาก
"ฮึ! หยางเฉินแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าก่อนที่จะเข้าร่วมนิกายได้ฆ่าคนเป็นอันมาก
กลิ่นอายที่ร้ายกาจของเขาก็เข้มข้มมาก เขาไม่มีความเกรงกลัวพื้นที่ที่มีภาพลวงตาใดๆการปีนขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์นี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย"
เมื่อดูว่าสิ่งต่างๆดำเนินไปไกลแค่ไหน ซูเฉิงซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเหตุผลของตัวเองและอธิบายออกไป
"ถ้านี่ถือเป็นการฉ้อโกง ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด!"
ทุกคนต่างมองด้วยความตกใจ ใครจะคาดคิดว่ามันจะเป็นเพราะด้วยเหตผลที่ไม่คาดฝันนี้
ส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนเกือบเลือดพล่านหลังจากได้ยินเช่นนี้
พวกเขาต่างสมรู้ร่วมคิดและเหน็ดเหนื่อยเพื่อมุ่งโจมตีจุดอ่อนของหยางเฉิน เพื่อที่จะทรมานเขาโดยใช้พื้นหลังของหยางเฉินในฐานะมือเพชฌฆาต
แต่เป้าหมายก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บในตอนท้ายมีบางอย่างเกี่ยวกับลานอักขระอาคมที่ดูแปลกไป
ในกรณีที่ลานอักขระอาคมถูกทำให้พังหรือเสียหายไปผู้ที่รับผิดชอบดูแลลานอักขระอาคมจะต้องถูกดูดกลืนหายไป
ในทางกลับกันพวกเขาต้องใช้พลังจิตวิญญาณมากมายในการสร้างอุปสรรคกับหยางเฉิน ดังนั้นมันแน่อยู่แล้วว่าการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงก็ยากที่จะจัดการ
ระดับการบ่มเพาะลดลงไปหนึ่งระดับ หลังจากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น พวกเขาได้ตระหนักว่าพวกเขาทั้งหมดได้โจมตีตัวเองอย่างแท้จริง
หลังจากเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้พัฒนาอะไรขึ้นมาบ้าง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคนนี้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นทั้งแปดคนที่ได้ปฏิบัติตามผู้เชี่ยวชาญของนิกายเทียนเชวียน
พวกเขารู้สึกเสียใจมากจนลำไส้ของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ต่อผู้ที่ร่ายอาคมมันย่อมไม่มีผลใดๆ
พวกเขาพยายามจะโจมตีหยางเฉินอย่างยาวนาน แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังโจมตีพวกเขาเอง พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างมากและพลังบ่มเพาะของพวกเขาได้ถดถอยไปหนึ่งระดับ
ด้วยเหตุผลอะไรที่พวกเขาตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้?
"นี่เป็นเพียงข้อโต้เถียงของเจ้า สหายเต๋าซีนั่นคือทั้งหมดของเจ้า
พระราชวังหยางบริสุทธิ์ ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อถือได้!"
เจิ้งเหวินไช อีกครั้งยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ข้าจะดูแลเรื่องนี้ถ้าพระราชวังหยางบริสุทธิ์รู้เส้นทางฉ้อโกงบันไดสวรรค์ใดๆ
มันก็เหมาะสมถ้าหากทุกคนได้ร่วมมือกัน เพื่อที่ว่าหลังจากที่การฉ้อโกงได้ถูกเปิดเผยแล้ว
พวกเขาก็ไม่สามารถใช้มันเพื่ออวดอ้าง
ในเมื่อมันเป็นเรื่องโกหกที่ไม่มีมูลความจริงอีกต่อไป”
"เจิ้งเหวินไช เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะพิสูจน์ว่าศิษย์นิกายของข้าเป็นคนหลอกลวงใช่หรือไม่?"
ซูเฉิงซินพูดออกไปอย่างช้าๆและไม่ได้รีบเร่ง ในขณะที่มอง เจิ้งเหวินไช
ด้วยความเกลียดชัง ไม่แม้แต่จะใช้คำนำหน้าว่าสหายเต๋าเพื่อพูดกับเขา หากแต่พูดกับเขาโดยเรียกชื่อของเขาโดยตรง
"พระราชวังหยางบริสุทธิ์ถือว่าเป็นนิกายที่มีความยุติธรรม แม้ว่าเจ้าจะได้สร้างศิษย์ที่เสื่อมทรามแบบนี้มาแล้วก็ตาม
สหายเต๋าซีก็ไม่ควรที่จะปกป้องกันเขา"
เจิ้งเหวินไช ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
แต่คำพูดของเขาถูกยึดติดกับการฆ่าของหยางเฉิน โดยใช้พวกมันเพื่อบังคับซีเชิงซิน
"คำเหล่านี้ เจิ้งเหวินไช เจ้ายังคงสงสัยว่าข้ายังมีส่วนร่วมในการฉ้อโกงใช่หรือไม่?"
ซูเฉิงซินถามเจิ้งเหวินไชออกไปด้วยความโกรธ ในขณะที่พยายามจะเก็บความโกรธของเขาเอาไว้
"ไม่ว่าเจ้าจะโกงหรือไม่ สหายเต๋าซีเจ้าเองควรจะรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ภายในใจของเจ้า!"
เจิ้งเหวินไช ให้คำตอบที่คลุมเครือด้วยรอยยิ้ม
"เจ้า!"
ซูเฉิงซินรู้สึกโกรธมาก แต่เขาก็ยังยิ้มไปที่เจิ้งเหวินไช ในช่วงเวลาต่อมา
ในที่สุดเขาก็สามารถบังคับให้สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า
"ดี ข้าซีเชิงซิน ขอสาบานกับหัวใจปีศาจของข้า ถ้าข้าได้ทำสิ่งที่เป็นการฉ้อโกงเพื่อช่วยให้หยางเฉินสามารถปีนไปจนถึงจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์
จิตวิญญาณของข้าจะต้องถูกทำลายโดยสายฟ้า และข้าจะต้องตายโดยไม่มีที่ฝังศพที่ดี”
หลังจากที่เขากล่าวคำสาบานครั้งใหญ่กับหัวใจปีศาจของเขา ซีเชิงซิน มองไปที่
เจิ้งเหวินไช และถามออกไปว่า
"เจิ้งเหวินไช เจ้าจะพูดอะไรในตอนนี้?"
"ข้าจะพูดอะไรตอนนี้!"
เจิ้งเหวินไช กล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจว่า
"ไม่กล้า ไม่กล้า ทำไมข้าต้องสบถสาบานคำสาปแห่งหัวใจปีศาจ? ข้ามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า สหายเต๋าซีไม่ได้ฝึกให้ศิษย์หยางเฉินทำการฉ้อโกง
แต่หยางเฉิน..."
"ให้หยางเฉินกล่าวคำสาบานเกี่ยวกับหัวใจปีศาจของเขา?"
เจิ้งเหวินไช ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
"เขาเป็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสอง ใครจะรู้ว่าเขาจะสามารถสร้างรากฐานของเขาได้หรือไม่
เพื่อกล่าวคำสาบานใหญ่กับหัวใจปีศาจของเขา สำหรับเขานี่ก็ยังห่างไกลนัก"
เจิ้งเหวินไช ไม่ต้องการที่จะปล่อยให้หยางเฉินหลุดรอดออกไป
"บางทีเขาอาจจะหาวิธีฉ้อโกง ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไม่กลัวอาคมสะกดใดๆมาก่อน"
หลังจากพูดทุกอย่างออกมา เขาก็แค่ต้องการพิสูจน์ว่าหยางเฉินเป็นคนหลอกลวง
"สหายเต๋าซี เจ้าไม่ควรจะบ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าสหายเต๋าซีไม่ได้ตัดสินใจที่จะทำความสะอาดนิกาย
ข้าก็จะต้องทำมันให้เอง"
"เรื่องการทำความสะอาดนิกายนี้ สามารถทำหลังจากที่ศิษย์ของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่สามารถปีนขึ้นไปได้เพียงขั้นที่ห้าสิบของบันไดสวรรค์
ฮึ!"
ซีเชิงซิน ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างเข้าใจได้ชัดว่า
ตราบเท่าที่ครั้งต่อไป ถ้ามีศิษย์ของนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่สามารถก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าสิบ
ซีเชิงซินจะกระโดดออกไปกล่าวโทษว่าพวกเขาก็ทำการฉ้อโกงเช่นเดียวกัน
"สำหรับการอ้างสิทธิ์ของเจ้า สหายเต๋าเจิ้ง ที่ว่าศิษย์หยางเฉินแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้ทำการฉ้อโกง
เอาอย่างนี้ดีหรือไม่สหายเต๋าเจิ้งไปรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นมาสิบคนและให้หยางเฉินไต่ขึ้นบันไดสวรรค์อีกครั้ง
เจ้าคิดเห็นอย่างไร?"
ซีเชิงซินมีความมั่นใจในหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงทำการท้าทายและยั่วยุออกไปในทันที
"ในเวลานั้นสหายเต๋าเจิ้ง
คงจะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกอย่างโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ใช่หรือไม่?"
เงื่อนไขนี้ เจิ้งเหวินไชไม่มีความคิดเห็น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพียงต้องการที่จะค้นหาการฉ้อโกงของหยางเฉิน
และหลังจากนั้นบังคับให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ทำความสะอาดนิกายของพวกเขา
แต่ในเวลานั้นซูเฉิงซินได้สาบานคำสาปหัวใจปีศาจว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา
แม้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะเป็นนิกายชั้นสอง
แต่ก็ยังคงไม่ยอมให้ใครสักคนมาพ่นเรื่องไร้สาระเพื่อทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้ามีคนถามคนของพวกเขาพวกเขาก็ต้องแสดงหลักฐานออกมา
ถ้าพวกเขาไม่มีหลักฐานแล้วแม้ว่าจะเป็นผู้นำนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ เขาก็ยังไม่สามารถทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์เสื่อมเสียชื่อเสียงตามที่เขาปรารถนาได้
บางทีถ้าผู้นำ นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วเขาก็อาจที่จะสามารถขอชีวิตของหยางเฉิน
แต่น่าเสียดายที่การชุมนุมบันไดสวรรค์นี้และศิษย์ระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองไม่สมควรที่จะให้ผู้นำนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวเป็นการส่วนตัวและเจิ้งเหวินไช
ไม่กล้าฝันถึงสถานการณ์เช่นนี้
ด้วยตำแหน่งของเจิ้งเหวินไชนั้นมันไม่เพียงพอที่จะทำให้พระราชวังหยางบริสุทธิ์ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกหลายคนคอยเฝ้าดู
ในตอนนี้เขามีเพียงทางเลือกเดียว
และนั่นก็คือการหาให้พบว่าหยางเฉินใช้วิธีใดในการโกง
มิฉะนั้นเขาจะต้องถูกติดป้ายชื่อของบุคคลที่พูดโดยไม่คิดติดตัวไป นอกจากการขอโทษพระราชวังหยางบริสุทธิ์แล้ว
ในอนาคตคำพูดของเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นก็จะถือเป็นเรื่องตลกของคนอื่น
ด้วยสถานะของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นที่ถูกศิษย์ระดับบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสองก่อกวน
จะยังมีใครที่จะแสดงความเคารพต่อเขาอยู่?
เจิ้งเหวินไชรู้สึกเสียใจเมื่อเชื่อคำพูดของหลี่ฉิงเฉิน เพราะเขาไม่สามารถหาหลักฐานใดๆเพื่อระบุว่าหยางเฉินเป็นคนหลอกลวง
นอกจากนี้เขายังเกลียดชังบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ระดับก่อลำต้นทั้งเก้าคน ไม่ว่าหยางเฉินจะฉ้อโกงหรือไม่พวกเขาจะต้องตระหนักดี
แต่พวกเขาต่างมีท่าทางมีพิรุธและดูน่าสงสัย มันยากที่จะทำให้เขาตัดสินใจว่าหยางเฉินได้ทำหรือไม่
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่สามารถหยุดกลางทางได้ และสามารถบังคับตัวเองให้ไปรวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นอีกเก้าคน
และเริ่มต้นเปิดใช้งานลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ซีเชิงซินได้เห็นหยางเฉินที่เพิ่งลงมาจากจุดสูงสุดของบันไดสวรรค์และเพิ่งไปพบกับกงซุนหลิง
เพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้ฝ่าฟันในพื้นที่ที่เป็นภาพลวงตา เมื่อได้ยินคำพูดของ
ซีเชิงซิน เขายิ้มออกมาในทันที
"นี่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆใช่หรือไม่?"
หยางเฉินถามออกไป ท่ามกลางความรู้สึกยินดีผสมด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่เพียงแค่ปีนขึ้นไปบนยอดเขาเท่านั้น แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นและแน่วแน่และนอกจากนั้นเขายังสามารถทะลวงผ่านดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นสาม
การขึ้นบันไดสวรรค์อีกครั้ง จะไม่ได้หมายความว่าพลังจิตวิญญาณของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง? บางทีเจตจำนงของแท่นประหารเซียนก็จะหลอมรวมกันได้มากขึ้น
ถ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหลายนิกาย ศิษย์คนหนึ่งของแต่ละนิกายสามารถปีนขึ้นไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หยางเฉินก็จะสามารถเข้าสู่จุดสูงสุดได้อีกสักสองสามรอบ ในขณะนี้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้ตกมาอยู่บนตักของหยางเฉิน
ดังนั้น หยางเฉินจึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
คราวนี้ซีเชิงซินดูเหมือนจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างในร่างกายของหยางเฉินและรู้สึกตกใจก่อนที่เขาจะถามออกไปว่า
"เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจกับการทะลวงผ่านคอขวดของเจ้า?"
ทันทีสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
"ในร่างกายของเจ้ามีพลังจิตวิญญาณของธาตุทั้งห้า? วิธีนี้มันไม่บริสุทธิ์ มันไม่ได้เป็นเพื่อการกลับด้านของรากและกิ่ง?"
กงซุนหลิง ได้ถามคำถามที่คล้ายกันมาก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าหยางเฉินได้การทะลวงผ่านคอขวดของดินแดนขึ้นในเวลานั้น
เธอไม่ได้ถามเรื่องนี้อีกต่อไป แต่ในตอนนี้เมื่อได้เห็นว่า ซีเชิงซิน ได้ถามคำถามเดียวกัน
กงซุนหลิงยังกล่าวว่า
"ศิษย์น้องหยาง เจ้าไม่ควรใช้เส้นทางที่ไม่ถูกต้อง!"
ไม่ว่าความรู้สึกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ทั้งสองคนต่างก็ห่วงใยหยางเฉินอย่างแท้จริง
เขารู้เรื่องนี้อยู่เสมอและไม่ได้ปิดบังอะไรและตอบคำถามของซีเชิงซินว่า
"ผู้อาวุโส ศิษย์คนนี้เพียงต้องการรู้ว่า พลังของจิตวิญญาณของทั้งห้าธาตุเป็นอย่างไร
มันก็เท่านั้น"
"มุ่งเน้นการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณธาตุไฟของเจ้า เจ้าสามารถทำการบ่มเพาะจิตวิญญาณธาตุอื่นได้อย่างไร?"
ซีเชิงซินรู้สึกไม่พอใจหยางเฉินจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้
เขาสามารถก้าวขึ้นไปบนยอดเขาบันไดสวรรค์ได้ด้วยความยากลำบาก หากคนที่มีพรสวรรค์คนนี้
กำลังทำลายตัวเขาเอง มันก็น่าเสียดาย
หยางเฉินไม่ได้เอ่ยตอบออกมา แต่เขาเหยียดมือทั้งสองข้างออกไป
ข้างหนึ่งสูงและอีกข้างหนึ่งอยู่ต่ำ ไม่นานหลังจากนั้นมือที่เขาเหยียดขึ้นไปด้านบนปรากฏมีของเหลวสีแดงไหลออกมาราวกับน้ำตกลงมาที่อีกมือหนึ่งที่รออยู่ด้านล่าง
น้ำตกแห่งนี้มีรูปแบบของน้ำตกที่แท้จริง แต่มีย่อขนาดมาสักร้อยเท่า คลื่นของน้ำตกเมื่อน้ำตกลงมา
แม้แต่น้ำที่กระเซ็นออกมา มันดูราวกับน้ำตกของจริง
อย่างไรก็ตามเมื่อ ซีเชิงซิน และ กงซุนหลิง มองดูมัน
สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ ฝังรากลึกลงไปในพื้นดิน
ไม่สามารถเอ่ยคำใดๆออกมาด้วยความมึนงงและตกตะลึง ภายในมือของหยางเฉินเป็นน้ำอย่างแน่นอน
แต่สีและอุณหภูมิของน้ำตก มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าน้ำตกที่พวกเขากำลังมองดูอยู่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์จากเปลวไฟ
และด้วยการควบคุมของเปลวไฟราวกับว่ามันเป็นน้ำ มันเป็นเคล็ดอีกแบบหนึ่งของไฟ ที่ทำให้แม้แต่ซีเชิงซินก็ไม่สามารถที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นได้
นับประสาอะไรกับกงซุนหลิง
การแสดงออกของพวกเขาทั้งสองคนเกือบจะเหมือนกัน โดยไม่มีความแตกต่าง พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดครึ่งคำออกมาได้
พวกเขาจ้องมองอย่างตั้งใจจดจ่ออยู่กับน้ำตกที่อยู่ในมือของหยางเฉิน ซึ่งพวกมันถูกกลิ้งวนกลับไปมาเรื่อยๆ
หลังจากนั้นภายใต้การจ้องมองของพวกเขาน้ำตกกลายเป็นทะเลทรายสีส้มกับเนินทรายขนาดใหญ่
ทั้งหมดของเม็ดเล็กๆต่างเคลื่อนไหวเนื่องจากสายลม ที่ว่างเปล่าและรกร้างแม้แต่อุณหภูมิทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นทะเลทรายอย่างแท้จริง
ไม่นานหลังจากนั้นหยางเฉินพลิกมือและภาพจำลองต่างๆได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในหูของพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงของหยางเฉินดังออกมาว่า
"ขออภัย ในขณะนี้ข้าสามารถทำได้เพียงแค่นี้และในขณะนี้ก็ไม่สามารถเลียนแบบลักษณะโลหะและไม้ได้"
เนื่องจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก หยางเฉินสามารถเลียนแบบคุณสมบัติทั้งโลหะและไม้ได้
แต่เขาก็ซ่อนพวกมันไว้ภายใต้หน้าตาของคนที่ดูเงอะงะ ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อว่าคนสองคนนี้จะทำร้ายเขา
แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้พวกเขาทำให้คนอื่นตระหนักถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ของเขาในตอนนี้
มองไปที่ภาพจำลองที่มีการควบคุมไฟราวกับน้ำ ควบคุมไฟราวกับเป็นแผ่นดิน
ซีเชิงซินซึ่ง เป็นคนที่มีความรู้ เขาสามารถกำหนดระดับของการควบคุมไฟของหยางเฉิน ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากออกมาด้วยความชื่นชมและเริ่มสรรเสริญหยางเฉิน
"ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมจูเฉินเตาจึงชื่นชมเจ้าให้กับข้าฟัง
ทักษะไฟของเจ้านั้นคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ข้าเคยคิดว่าเขาต้องการที่จะฝึกคนรุ่นใหม่ อย่างคาดไม่ถึง
ผู้ชายคนนี้ยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่"
สำหรับ กงซุนหลิง เธอกำลังมองเขาด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอเปี่ยมล้นด้วยคำชื่นชม
การแสดงออกของความประหลาดใจยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธออย่างไม่สามารถปกปิดได้ เมื่อเธอมองไปที่หยางเฉิน
ราวกับว่ามีชั้นบางๆชั้นหนึ่งที่ปกปิดลักษณะเฉพาะตัวของเขา
ตอนนี้หยางเฉินไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ทั้งสองคนรู้ดีว่าหยางเฉินต้องการบรรลุโดยการบ่มเพาะจิตวิญญาณของธาตุ
ซีเชิงซินตบเบาๆบนไหล่ของหยางเฉินและให้กำลังใจเขา
"เห็นได้ชัดว่าเจ้าจะทำให้อนาคตของเราดีขึ้น!
โปรดจำไว้ว่าใช้พลังจิตวิญญาณของธาตุที่แตกต่างกันไว้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น อย่าโยนตัวเองลงลึกจนเกินไป
เพื่อไม่ให้ละเลยรากและหยุดชะงักที่จะเจริญเติบโต ตามความสามารถในการควบคุมไฟของเจ้า
เจ้าสามารถที่จะก่อสร้างรากฐานของเจ้าได้ นอกจากนี้เมื่ออยู่ในระดับผลิดอก เจ้าก็จะเป็นหนึ่งในการควบคุมไฟ
ทำให้ดีที่สุด!"
"ขอบคุณอาวุโสมากสำหรับคำชี้แนะของท่าน!"
หยางเฉินโค้งคำนับและขอบคุณ คำแนะนำที่ได้รับไม่มีค่าอะไรกับเขา
แม้ว่าพวกมันจะไร้ประโยชน์แต่ความจริงใจเหล่านี้ล้วนน่าชื่นชม
"หยางเฉินเจ้ามีความมั่นใจว่าเจ้าจะสามารถปีนบันไดสวรรค์ได้อีกหรือไม่?"
ซีเชิงซิน ต้องการคำยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง ถ้าหยางเฉินไม่มั่นใจก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
"ไม่มีปัญหา"
หยางเฉินพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ การกุศลเช่นนี้เขาก็พร้อมที่จะยอมรับมันหลายๆครั้ง
แต่หยางเฉินไม่สามารถรู้ว่ามันก็อาจมีสิงที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นเขาค่อนข้างลังเลและถามออกมา
“แต่...”
"แต่อะไร?"
ซูเฉิงซินรีบถามออกไป
"อาวุโส ถ้าในที่สุดแล้วลานอักขระอาคมของบันไดสวรรค์เกิดข้อผิดพลาดแตกหัก
ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง"
หยางเฉินค่อนข้างกังวล เขาจึงเอ่ยคำถามออกไป
"ถ้าในเวลานั้นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นมีปัญหาอีกครั้ง ศิษย์เกรงว่าเขาจะต้องรับผิดชอบ"
การสะท้อนกลับอย่างรุนแรงของลานอักขระอาคมจะถูกกำหนดโดยพลังของมัน ยิ่งใส่พลังเข้าไปในลานอักขระอาคมมากเท่าไหร่
เมื่อเกิดความผิดพลาดของการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงของลานอักขระอาคมก็ยิ่งมากเท่านั้นซึ่งมันยากที่จะจัดการได้
หยางเฉินต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะเริ่มไต่บันได ถ้าเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นในเวลานั้นเขาจะได้รับการตรวจสอบอีกครั้งซึ่งจะทำให้หยางเฉิน
รู้สึกระคายเคือง
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
ซีเชิงซิน รู้สึกยินดีกับคำพูดของ หยางเฉิน
"ดี ข้าจะไปถามพวกเขา ถ้าพวกเขาได้รับบาดเจ็บมันก็เป็นความผิดของตัวพวกเขาเองและพวกเขาไม่มีสิทธิมาโทษเรา!"
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
ตอบลบสาธุ!😂
ขอบคุณครับ
ตอบลบเดี๋ยวโดนพี่หยางอีกรอบ
ตอบลบมันสนุกนะ สนุก แต่เนื้อเรื่องมันเนิบนาบมาก อย่างที่ท่านผู้แปลเคยบ่นเลย ช้ามาก ๆ กว่าจะผ่านไปได้
ตอบลบแต่ก็ขอ ขอบคุณท่านผู้แปลมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณ ครับที่กรุณาสละเวลาอันมีค่าแปลมาให้พวกเราอ่าน
ตอบลบจะให้ขึ้นอีกรอบเหรอ ฮ่าๆ เก็บเวลได้อีก
ตอบลบชอบมาก เฝ้ารอตอนต่อไป
ตอบลบอยากเห็นคนเจ็บตัว ได้เจ็บกันถ้วนหน้าแน่
ตอบลบแปลเต็มตอน ลง2วันก็ดีนะ
ขอบคุณ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบหอกนั้นคืนสนอง
ตอบลบปล.รอบนี้โหดกว่าเดิม