เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 036 ข้าให้โอกาสพูด

ด้านนอกมือสังหารทั้งห้าคนกำลังค้นหาเขาอย่างกระวนกระวายใจ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง มันเป็นไม่ได้ที่จะหายตัวไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคล็ดวิชาซ่อนลมหายใจ แต่เคล็ดวิชาแบบนี้เด็กหนุ่มที่มีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งไม่อาจสามารถที่จะใช้มันได้

หยางเฉินยังอดทนรอโอกาส เขาต้องรออย่างน้อยจนกว่าคนเหล่านี้จะร้อนใจจนทนไม่ไหวและค้นหาเขาด้วยความประมาท ในช่วงเวลานั้นหยางเฉินก็จะกำจัดพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงจำนวนของศัตรู ความแตกต่างระหว่างดินแดนของศัตรูกับหยางเฉินนั้นมากเกินไป ถ้าหยางเฉินปะทะกับพวกเขาซึ่งๆหน้า มันยากที่จะต่อสู้กับพวกเขาได้

เมื่อเร็วๆนี้เขาได้เข้าสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองและได้รับกล่องกระบี่ มันทำให้เขามีความสุขมาก สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดก็คือเขาสามารถจัดการกับอุปกรณ์เวทที่ยากที่สุดที่เป็นของผู้นำวิหารรัศมีจันทราในชีวิตก่อนหน้านี้ ผู้ซึ่งได้ทรยศต่ออาจารย์ของเขา นี่ควรจะสามารถยับยั้งการแผลงฤทธิ์ของผู้นำวิหารรัศมีจันทรา เช่นที่เกิดในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉิน

นอกจากนี้หยางเฉินยังไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณใต้ดินนี้ไป อีกทั้งขวดแก้วใสยังต้องการที่จะดูดซึมซับพลังจิตวิญญาณ ในอย่างหนึ่งมันก็สามารถใช้ปลูกสมุนไพรของสวนสมุนไพรในขวดแก้วใส ซึ่งพวกมันจำเป็นจะต้องใช้พลังจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันการปะทะกันภายในนิกาย ถ้าแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณได้หายไปก่อนที่จะสามารถพบได้ในอนาคต

ที่นี่อยู่บริเวณขอบของภูเขาเหมยชิงซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่อิทธิพลของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อ่อนที่สุด ในขณะที่บริเวณถัดไปข้างหน้าเป็นอาณาเขตของนิกายอื่น ในโลกของการบ่มเพาะนั้นไม่มีข้อพิพาทเพื่อปล้นทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างนิกาย แม้ในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉิน หลังจากที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้รับอาวุธเวท แล้วพวกเขายังคงพูดคุยกับนิกายเพื่อนบ้านและปล่อยแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณใต้ดินให้กับนิกายอื่นได้ใช้ประโยชน์

เนื่องจากในขณะนี้ถ้ำนี้อยู่ในความครอบครองของหยางเฉิน เขาตั้งใจที่จะเก็บทุกสิ่งทั้งหมดภายในถ้ำนี้ไว้สำหรับตัวเอง รวมทั้งแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ มันคงดีกว่าหากเขาจะยึดไว้เป็นของตัวเองมากกว่าจะให้นิกายอื่น ขวดแก้วใสที่ไร้ขีดจำกัดกำลังดูดพลังจิตวิญญาณ โดยปกติแล้วมันสามารถดึงดูดพลังจิตวิญญาณที่ห่างออกไปราวๆหนึ่งลี้ได้ ดังนั้นเพียงวางมันไว้ที่แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

แม้ว่าหยางเฉินจะไม่สามารถปรับแต่งอาวุธเวทได้ในขณะนี้ แต่เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งไปกว่านั้นท่านศาลอาวุโสสูงสุดได้กล่าวไว้ว่าไม่มีข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับการใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์นี้ ในระยะสั้นๆระดับการบ่มเพาะที่มากขึ้น มันก็ยิ่งถูกใช้บ่อยมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งสูงขึ้นก็จะต้องเพิ่มระดับอาวุธเวท ในขณะนี้เขาไม่มีอะไรที่จะทำ ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยกระดับสมบัติที่เขามีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น

มีเวลาเหลืออีกประมาณครึ่งปี ก่อนจะถึงเวลากลางเดือนเจ็ดที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเวลา ไม่ต้องรีบเดินทางเนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุถูกโคจรหนึ่งรอบมันก็จะเพียงพอ สำหรับเวลาที่เหลือ นอกเหนือจากเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งก็มีเพียงเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์

หนึ่งเดือนต่อมา ในขณะที่หยางเฉินซ่อนตัวอยู่ภายในลานอักขระลวงตาของบรรพบุรุษอย่างปลอดภัย และกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและสมบัติ ที่บริเวณด้านนอกของลานอักขระอาคมภาพลวงตา มือสังหารทั้งห้าคนต่างรู้สึกหงุดหงิด

"พวกเราค้นหาจนทั่วแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มนี่ ดังนั้นเขาต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ!"

ชายที่มีลักษณะเป็นนักปราชญ์หนวดเครายาว ได้ใช้นกกระดาษนำจดหมายเพื่อส่งไปให้กับสหายของเขาที่อยู่ห่างไกลเพื่อยืนยันว่าหยางเฉินไม่เคยปรากฏตัวในที่อื่นๆ

"มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!"

"เราไม่สามารถหาร่องรอยของเขาพบ เราจะทำอย่างไรต่อไป?"

เนื่องจากชายในเสื้อคลุมสีดำได้ล้มเหลวในการหาเบาะแสของนกกระดาษ ที่เขาบ่นออกมาด้วยความไม่สบายใจ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังคำสั่งของนักปราชญ์หนวดเครายาวเป็นอย่างดี แต่ในตอนนี้นักปราชญ์ได้พูดออกมาเช่นเดียวกับเขาพร้อมเผยมุมมองของตัวเองออกมาในทันที

"เราควรขอความช่วยเหลือจากคนที่มาจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์และขอให้เขาคิดหาหนทางช่วยพวกเรา"

ในที่สุดเขานักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวก็ไม่ได้แสดงความยับยั้งชั่งใจใดๆอีกต่อไป เขาได้กล่าวออกมาว่า

"เราไม่สามารถหาเขาพบ แต่อาจเป็นไปได้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะสามารถหาศิษย์ของตัวเองพบ? นิกายต่างๆเมื่อจัดสรรถุงมิติใบหนึ่งให้กับศิษย์มันย่อมต้องมีร่องรอยอักขระอาคม? เราควรจะขอให้เขาตามหาศิษย์ของตัวเองและแจ้งให้เราทราบ!"

"ถ้าเขาตัดสินใจที่จะยกเลิกสัญญากับพวกเราหรือกดราคามากขึ้น พวกเราจะทำอย่างไร?"

คนที่สวมเสื้อคลุมสีดำถามออกไปในทันที

"ถ้าเขายังมีความกังวลในเรื่องราคา สำหรับศิษย์อายุน้อยที่มีระดับเพียงแค่รวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง เว้นเสียแต่ว่าใครบางคนได้ให้ความช่วยเหลือเขา มอบสิ่งของที่สามารถปกป้องชีวิตเขาได้ แต่เขาสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของเราได้อย่างไร? ในเมื่อเขาให้ข้อมูลเท็จแก่เราแล้ว แล้วเขาจะยังกล้าที่จะโต้แย้งเรื่องราคากับเรา?”

นักปราชญ์เครายาวเผยสีหน้าที่น่ารังเกียจออกมา

"ถ้าเขากล้าที่จะทำเช่นนั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุด เราก็จะแยกตัวออกมาและเปิดเผยแผนการณ์ของเขา เขาต้องการที่จะฆ่าศิษย์นิกายเดียวกัน เขาย่อมต้องกลัวมากกว่าเรา!"

คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาหลังจากเสร็จสิ้นการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางส่วนของพวกเขาออกเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาลูกค้าของพวกเขาในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ส่วนที่เหลือยังคงค้นหาในบริเวณรอบๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาหยางเฉินพบ แต่พวกเขาก็ไม่อนุญาตให้หยางเฉินหลบหนีไปได้

ขวดแก้วใสไม่มีปัญหาในการดูดซับพลังจิตวิญญาณจากแหล่งกำเนิดใต้ดินและท้ายที่สุดพวกมันก็ดูดพลังจิตวิญญาณจนหมดสิ้น ภายในขวดแก้วใส ร่องรอยของของเหลวสีน้ำเงินได้กลายเป็นรอยที่มีความหนามากกว่าเดิมถึงสี่หรือห้าเท่า พลังจิตวิญญาณนี้มีมากพอสำหรับสมุนไพรที่อยู่ในสวนสมุนไพรเป็นเวลานับร้อยปีหรือมากกว่า

หลังจากที่เก็บขวดแก้วใสด้วยความพอใจ หยางเฉินเดินไปที่ปากถ้ำด้วยความรู้สึกยินดี เขากำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอย่างระมัดระวัง เขากระโดดออกมาจากปากอุโมงค์ไปยังผนังภูเขาและนั่งลง จากนั้นเขาก็โยนก้อนหินลงปิดประตูทางเข้าถ้ำอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครมองเห็นร่องรอยของปากถ้ำเขาเชื่อว่าหลังจากนี้อีกสิบปี เมื่อใครบางคนสามารถเข้ามาในลานอักขระอาคมได้ เขาก็จะพบเพียงพื้นดินว่างเปล่าและไม่สามารถที่จะค้นพบหลุมฝังศพของบรรพบุรุษได้

อีกอย่างหยางเฉินเชื่อว่าบรรพบุรุษก็ไม่อยากให้คนรุ่นหลังมารบกวนการหลับอันเป็นนิรันดร์โดยไม่หยุดหย่อน ตามธรรมชาติหยางเฉินไม่กลัวว่าจะมีคนค้นพบ เนื่องจากเขาได้รับมรดกของบรรพบุรุษมาแล้ว

หลังจากตรวจสอบดูครั้งสุดท้ายและแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ออกจากลานอักขระอาคม พร้อมด้วยดาบที่ดูดุดันอยู่ในมือของเขา

โชคดีที่หยางเฉินที่เดินห่างออกมาจากลานอักขระอาคมภาพลวงตาไม่มากนัก เขาค้นพบว่าในบริเวณที่ไม่ไกลจากเขา ปรากฏมือสังหารที่ประมาท เขาไม่ใส่ใจจะแผ่การรับรู้จิตวิญญาณของเขาเพื่อค้นหาหยางเฉิน เมื่อเขารู้สึกถึงตัวตนของหยางเฉิน ก็เมื่อตอนที่หยางเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเชื่อสายตาของเขา ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปที่หยางเฉินด้ายท่าทีที่ดูโง่เขลาจนทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เป็นโอกาสที่ดีมาก หยางเฉินแผ่เจตจำนงแห่งการฆ่าออกมาจากร่างของเขาและพุ่งเข้าไปใกล้ร่างของมือสังหาร ในเวลาเดียวกันร่างกายของหยางเฉินก็พุ่งเข้าไปหาศัตรูราวกับลูกธนูตวัดดาบที่อยู่ในมือของเขาอย่างรุนแรง เพื่อที่จะตัดศีรษะของมือสังหาร

แม้ว่าดาบปีศาจจะเป็นอุปกรณ์เวทของหยางเฉิน แต่ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถที่จะทำกระบี่บินเพื่อฆ่ามือสังหารได้อาวุธเวททั้งหมดสามารถทำได้ดีเท่าที่เจ้าของสามารถใช้มันได้เท่านั้น หากเพียงแค่พูดถึงความคมของอาวุทเวท มันก็สามารถบั่นหัวคนด้วยความแข็งแกร่งระดับก่อสร้างรากฐานหรือต่ำกว่า

ทันทีที่เขาถูกเจตจำนงแห่งการฆ่าของหยางเฉินพุ่งกระแทก มันทำให้ศัตรูรู้สึกงงวย หมดหวังในทันที ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวลาก็ตาม แต่ก็เพียงพอสำหรับหยางเฉินที่จะจัดการกับเขาและบั่นหัวด้วยดาบของเขา

ฉับ!

หัวของมือสังหารปลิวสูงขึ้นไปในกลางอากาศ เลือดไหลพุ่งออกมาจากรอยตัดทีคอ ศพไร้หัวยังคงทำท่าทางไม่กี่ท่าด้วยมือและเท้าของเขา พร้อมกับเลือดที่ไหลพุ่งออกมาจากคอ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของหัวที่ตกลงมากระทบกับพื้น

"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมา หรือแม้แต่ความเกลียดชังในตอนนี้ หากเจ้าต้องการตำหนิใครสักคน เจ้าสามารถตำหนิความโลภของเจ้าเองที่ต้องการที่จะทำภารกิจฆ่าข้า!"
หยางเฉินพาดดาบไปบนบ่าของเขา และกล่าววออกมาในขณะที่มองไปที่ซากศพ ไม่นานหลังจากนั้นเขาเงยหน้าและเหลือบมองไปในทิศทางหนึ่ง ก่อนที่จะหยางเฉินจะกระโดดไปในทางทิศทางของลานอักขระอาคมภาพลวงตา

นักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวแผ่การรับรู้ของเขาออกไปราวๆยี่สิบลี้ดังนั้นเมื่อมือสังหารคนนี้ได้พบกับชะตากรรมของเขา นักปราญ์จึงสามารถตรวจพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ในทันทีทันใดร่างของเขาได้หายไปจากที่เดิมและปรากฏตัวอีกครั้งห่างออกมาจากจุดเดิมนับหลายร้อยจ้าง ไม่กี่อึดใจเขาได้ปรากฏตัวที่ด้านข้างของศพที่เป็นสหายเขา

นักปราชญ์ได้พุ่งเข้ามาที่บริเวณนี้อย่างรวดเร็ว แต่สหายอีกคนหนึ่งของเขานั้นเร็วกว่า เมื่อหยางเฉินพูดจบหลังจากที่ตัดหัวนักฆ่า หยางเฉินก็หันหลังหลังกลับพร้อมกับรีบกระโดดเข้าไปในลานอักขระอาคมภาพลวงตาภายในไม่กี่อึดใจ ร่างของเขาหายไประหว่างก้อนหินและทันทีหลังจากนั้น พลันปรากฏชายอีกคนขึ้น เขามองเห็นหยางเฉินที่กำลังหายตัวไป

อย่างไรก็ตาม เขาเห็นหยางเฉินเพียงแวบเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะระบุตำแหน่งที่ซ่อนของหยางเฉิน ที่บริเวณทางเข้าของลานอักขระอาคมภาพลวงตาห่างออกมาราวๆสามจ้าง มือสังหารทั้งห้าคนเคยทำการค้นหาในบริเวณนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยใช้การรับรู้ทางจิตเพื่อตรวจสอบ แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไร แต่ในขณะนี้ร่องรอยที่หยางเฉินได้ทิ้งไว้เพื่อหลบหนีพวกเขากำลังจะจางหายไป นักฆ่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่จุดนั้น เมื่อนักปราชญ์วัยกลางคนปรากฏตัว เขามองไปที่คู่หูของเขาที่ส่งสัญญาณมือและหลังจากนั้นหายไปในทันที

ไม่เพียงแต่ระดับการบ่มเพาะของนักปราชญ์หนวดเครายาวจะมากที่สุด แต่เขามีความรอบคอบมาก เขาเข้าใจสัญญาณที่คู่หูของเขาสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ให้สัญญาณแล้ว คู่หูได้เห็นร่องรอยของหยางเฉินและตามเข้าไปเพื่อไล่ล่าและฆ่าหยางเฉิน

ความกังวลมากสุดของนักฆ่าในขณะนี้คือการหาร่องรอยของหยางเฉิน ตราบเท่าที่เขาสามารถหาหยางเฉินพบ เขาไม่ได้ห่วงในเรื่องการกำจัดหยางเฉิน เขาเป็นนักฆ่าที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด มีประสบการณ์ที่เพียงพอที่จะสามารถกำจัดศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งได้ มันย่อมถูกต้อง?

หลังจากที่คูหูของเขาได้เข้าไปภายในลานอักขระอาคมภาพลวงตาเพื่อไล่ตามหยางเฉิน สีหน้าของนักปราชญ์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ภายใต้เท้าของเขาคือศพของสหายของเขา เขาจะประมาทได้อย่างไร? เนื่องจากพวกเขาหายไปเมื่อเข้าไป แน่นอนมันจะต้องเป็นเวทอาคม ถ้าหยางเฉินสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระในลานอักขระอาคมภาพลวงตา และนอกจากนี้ยังสามารถซ่อนตัวเองจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณจากทั้งห้าคนและสามารถกำจัดสหายของเขาได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับคู่หูของเขาที่เข้าไปข้างในลานอักขระอย่างเร่งรีบ?

ราวกับจะยืนยันความคิดของนักปราชญ์ ความคิดของเขากลับกายเป็นจริงเพราะศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือด ปราศจากร่าง ได้ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว มันจะถูกโยนออกมาซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่จ้าง เสียงของศีรษะหล่นกระทบกับพื้นก่อนที่มันจะกลิ้งไปสองสามรอบ ดวงตาทั้งสองข้างของเขายังเบิกกว้าง แสดงออกถึงอาการตกใจแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้รูม่านตาของนักปราชญ์หนวดเครายาวหร่ลง มันทำให้เขารู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย ใครจะจินตนาการได้ว่านักฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดขั้นแปด  เพื่อตามฆ่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง ทั้งสองคนได้ถูกฆ่าตายโดยไม่ได้คาดคิด ภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ พร้อมด้วยการป้องกันจากอาคมภาพลวงตา มันทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก

คู่หูคนที่สองที่ถูกสังหาร เขาสวมเสื้อคลุมพระอาทิตย์สามดวงอยู่บนร่างของเขา ซึ่งมันสร้างโดยผ่านการปรับแต่งจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน ถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับอุปกรณ์เวท แต่มันก็ยังคงเป็นชุดที่มีการป้องกันระดับก่อสร้างฐานราก แต่ในตอนนี้มันไม่สามารถทนต่อการโจมตีของคนอื่นได้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ อาวุธชนิดใดที่หยางเฉินใช้อยู่?

หรือจะเป็นกระบี่บิน? นั่นเป็นไปไม่ได้เลย! ถ้าผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งสามารถใช้กระบี่บินได้ ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงในโลกนี้ควรจะตีหัวตัวเอง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐานก็ตาม เขาสามารถเป็นเจ้าของกระบี่บินได้หรือไม่? โดยปกติแล้วกระบี่บินไม่ได้เป็นอุปกรณ์ยันต์ ดังนั้นนอกจากเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นของนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่อาจารย์ของพวกเขามอบกระบี่บินให้กับพวกเขา แล้วมันจะเป็นได้อย่างไรที่ศิษย์ธรรมดาทั่วๆไปจะได้รับกระบี่บินโดยปราศจากการต่อต้านของสวรรค์?

แน่นอนว่าหยางเฉินมีอาวุธที่มีพลังโจมตี มันอาจเป็นอุปกรณ์ยันต์หรือผลึกยันต์ หลังจากที่หายจากอการตกใจ นี่คือสิ่งที่นักปราชญ์ครุ่นคิด เมื่อเขาฆ่าหยางเฉินแล้วเขาสามารถครอบครองผลึกยันต์ได้ ทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้นักปราชญ์หนวดเครายาว ก็ได้ตั้งความคาดหวังบางอย่างในขณะที่เขายังรอที่จะฆ่าหยางเฉิน โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดและมุ่งตรงไปข้างหน้าของเขา

ในตอนนี้นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้มาถึงบริเวณเกิดเหตุ  เขาอยู่ค่อนข้างไกลดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลามากขึ้นเพียงเพื่อจะเจอกับศพหัวขาดและสองหัวของสหายของเขากองอยู่บนพื้น เช่นเดียวกับนักปราชญ์เครายาว ที่ยืนอยู่ห่างจากซากศพเขามองไปที่นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำ เดิมทีเขาคิดที่จะพูดอะไรออกไป แต่เขาเพียงแต่เปิดปากหากแต่ไม่ได้พูดอะไร

"เจ้าหนูออกมาให้ข้าตัดร่างของเจ้าออกเป็นหมื่นๆชิ้น!"

นักปราชญ์หนวดเครายาวๆ กำลังรออยู่อย่างสงบครู่หนึ่ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดเขาจึงเปิดการโจมตีออกไป ในขณะเดียวกันรังสีแสงสีทองที่แผ่ออกจากมือทั้งสองข้างของเขา พวกมันพุ่งเข้าไปในลานอักขระอาคมที่หยางเฉินหายเข้าไป

นั่นเป็นลานอักขระอาคมที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับการโจมตีโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ รังสีแสงสีทองเริ่มเปล่งประกายสว่างขึ้นและเมื่อโจมตีเข้าไป พวกมันทั้งหมดได้สลายตัวไปเหมือนวัวที่ปั้นจากดินไหลลงสู่ทะเลโดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ใดๆ

นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าไปใกล้ๆลานอักขระอาคม เพื่อติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง เขาเป็นคนที่ชาญฉลาดมาก เพื่อให้ห่างออกมาจากความแข็งแกร่งของศัตรู ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งจะไม่มีความสามารถในการบินได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมองไปที่สองหัวที่อยู่บนพื้นดิน เห็นได้ชัดว่าศัตรูได้ปิดฉากพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มทำการใดๆ หากกล่าวออกมาในคำอื่นๆ ตราบเท่าที่เขายังอยู่บนท้องฟ้าเขาก็ยังปลอดภัย

นักปราชญ์หนวดเครายาวได้เห็นสิ่งที่นักฆ่าในเสื้อคลุมสีดำกำลังทำอยู่ และสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเขาคิดอย่างไร ต่อมาร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศตรงตำแหน่งเดิมที่เขาเคยยืนอยู่ หากแต่ลอยอยู่กลางอากาศ สูงจากพื้นดินมาพอประมาณ

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ด้านข้างของลานอักขระอาคมภาพลวงตา แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย พวกเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จ้องมองไปยังที่แห่งนั้นอย่างมั่นคงราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ยันต์ที่มีพลังมากที่สุดไว้ในมือของพวกเขา ดังนั้นในทันทีที่หยางเฉินพลันปรากฏเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาในทันที

ทันใดนั้น มีบางสิ่งปรากฏออกมาที่ขอบบริเวณของลานอักขระอาคมภาพลวงตา มันคือหยางเฉิน นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมรู้สึกมีความสุขและกำลังจะเปิดการโจมตีหยางเฉิน แต่ทันใดนั้น จู่ๆสภาพแวดล้อมที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาได้เปลี่ยนเป็นด้านในของห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีหลังคาโดมทรงกลม

นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำกำลังเขวและมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาสามารถรับรู้ได้ในทันทีเขาตกอยู่ในอาคมภาพลวงตา โดยไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะยังมีทักษะในอาคมสะกดแบบนี้ แต่เขารู้สึกว่านอกเหนือจากอาคมภาพลวงตา หยางเฉินไม่ได้มีอาคมการฆ่าที่มีประสิทธิภาพ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่ระมัดระวัง ได้ยินเสียงอื้ออึงเหนือศีรษะของเขา แต่ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนองต่อเสียงนั้นได้ปรากฏประบี่บินสี่สิบเก้าเล่มที่ตัดร่างทั้งร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อได้เห็นความรุนแรงของอาคมสะกดที่ใช้ป้องกันสวนสมุนไพร มันทำให้หยางเฉินรู้สึกสงสารเขา นักปราชญ์หนวดเครายาวอยู่ห่างไกลจากเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงหยางเฉินที่มีอาคมสะกด

นักปราชญ์หนวดเครายาวสามารถมองเห็นภาพของหยางเฉิน ได้อย่างชัดเจน และต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงอู้อี้ หลังจากนั้นเนื้อหนังก็ตกลงมาจากฟากฟ้า สีหน้าของเขากลายเป็นขาวซีดด้วยความกลัวและกำลังจะหนี แต่เมื่อเขาเห็นหยางเฉินยืนนิ่งฝังรากลึกอยู่กับที่ นักปราชญ์เริ่มเข้าใจสถานการณ์นี้ในทันที แน่นอนว่าหยางเฉินใช้ลานอักขระอาคมลับ เพื่อฆ่านักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด ดังนั้นเขาจะต้องจ่ายพลังออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อการนี้ ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นี้ เลือดได้ไหลออกมาจากมุมปากของหยางเฉิน นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะฆ่าหยางเฉิน

"เจ้ายังมีอะไรที่จะพูดอีกหรือไม่?"

นักปราชญ์เครายาวหัวเราะออกมาพร้อมด้วยเจตนามุ่งร้าย

"ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูด!"

"จริงๆ?"

หยางเฉินก็กระตุกมุมปากของเขาขึ้น เผยรอยยิ้มโดยไม่สนใจกับคราบเลือดที่มุมปากของเขา

"ดังนั้นข้าก็จะพูด!"

"เจ้า! พูด! ข้าจะฟัง! "

นักปราชญ์หนวดเครายาวเดินเข้ามาหาหยางเฉินพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย


"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมาหรือความเกลียดชังในตอนนี้..."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น