ด้านนอกมือสังหารทั้งห้าคนกำลังค้นหาเขาอย่างกระวนกระวายใจ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
มันเป็นไม่ได้ที่จะหายตัวไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคล็ดวิชาซ่อนลมหายใจ แต่เคล็ดวิชาแบบนี้เด็กหนุ่มที่มีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งไม่อาจสามารถที่จะใช้มันได้
หยางเฉินยังอดทนรอโอกาส เขาต้องรออย่างน้อยจนกว่าคนเหล่านี้จะร้อนใจจนทนไม่ไหวและค้นหาเขาด้วยความประมาท
ในช่วงเวลานั้นหยางเฉินก็จะกำจัดพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงจำนวนของศัตรู
ความแตกต่างระหว่างดินแดนของศัตรูกับหยางเฉินนั้นมากเกินไป
ถ้าหยางเฉินปะทะกับพวกเขาซึ่งๆหน้า มันยากที่จะต่อสู้กับพวกเขาได้
เมื่อเร็วๆนี้เขาได้เข้าสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสองและได้รับกล่องกระบี่
มันทำให้เขามีความสุขมาก
สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดก็คือเขาสามารถจัดการกับอุปกรณ์เวทที่ยากที่สุดที่เป็นของผู้นำวิหารรัศมีจันทราในชีวิตก่อนหน้านี้
ผู้ซึ่งได้ทรยศต่ออาจารย์ของเขา นี่ควรจะสามารถยับยั้งการแผลงฤทธิ์ของผู้นำวิหารรัศมีจันทรา
เช่นที่เกิดในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉิน
นอกจากนี้หยางเฉินยังไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณใต้ดินนี้ไป
อีกทั้งขวดแก้วใสยังต้องการที่จะดูดซึมซับพลังจิตวิญญาณ ในอย่างหนึ่งมันก็สามารถใช้ปลูกสมุนไพรของสวนสมุนไพรในขวดแก้วใส
ซึ่งพวกมันจำเป็นจะต้องใช้พลังจิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันการปะทะกันภายในนิกาย
ถ้าแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณได้หายไปก่อนที่จะสามารถพบได้ในอนาคต
ที่นี่อยู่บริเวณขอบของภูเขาเหมยชิงซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่อิทธิพลของพระราชวังหยางบริสุทธิ์อ่อนที่สุด
ในขณะที่บริเวณถัดไปข้างหน้าเป็นอาณาเขตของนิกายอื่น ในโลกของการบ่มเพาะนั้นไม่มีข้อพิพาทเพื่อปล้นทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างนิกาย
แม้ในชีวิตก่อนหน้านี้ของหยางเฉิน หลังจากที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ได้รับอาวุธเวท
แล้วพวกเขายังคงพูดคุยกับนิกายเพื่อนบ้านและปล่อยแหล่งกำเนิดพลังจิตวิญญาณใต้ดินให้กับนิกายอื่นได้ใช้ประโยชน์
เนื่องจากในขณะนี้ถ้ำนี้อยู่ในความครอบครองของหยางเฉิน
เขาตั้งใจที่จะเก็บทุกสิ่งทั้งหมดภายในถ้ำนี้ไว้สำหรับตัวเอง
รวมทั้งแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ มันคงดีกว่าหากเขาจะยึดไว้เป็นของตัวเองมากกว่าจะให้นิกายอื่น
ขวดแก้วใสที่ไร้ขีดจำกัดกำลังดูดพลังจิตวิญญาณ
โดยปกติแล้วมันสามารถดึงดูดพลังจิตวิญญาณที่ห่างออกไปราวๆหนึ่งลี้ได้
ดังนั้นเพียงวางมันไว้ที่แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
แม้ว่าหยางเฉินจะไม่สามารถปรับแต่งอาวุธเวทได้ในขณะนี้
แต่เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
ยิ่งไปกว่านั้นท่านศาลอาวุโสสูงสุดได้กล่าวไว้ว่าไม่มีข้อจำกัดใดๆ
เกี่ยวกับการใช้เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์นี้ ในระยะสั้นๆระดับการบ่มเพาะที่มากขึ้น
มันก็ยิ่งถูกใช้บ่อยมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งสูงขึ้นก็จะต้องเพิ่มระดับอาวุธเวท ในขณะนี้เขาไม่มีอะไรที่จะทำ
ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยกระดับสมบัติที่เขามีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น
มีเวลาเหลืออีกประมาณครึ่งปี ก่อนจะถึงเวลากลางเดือนเจ็ดที่ตกลงกันไว้
ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเวลา ไม่ต้องรีบเดินทางเนื่องจากมีเวลาเหลือเฟือ
อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุถูกโคจรหนึ่งรอบมันก็จะเพียงพอ
สำหรับเวลาที่เหลือ นอกเหนือจากเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งก็มีเพียงเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์
หนึ่งเดือนต่อมา ในขณะที่หยางเฉินซ่อนตัวอยู่ภายในลานอักขระลวงตาของบรรพบุรุษอย่างปลอดภัย
และกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและสมบัติ ที่บริเวณด้านนอกของลานอักขระอาคมภาพลวงตา
มือสังหารทั้งห้าคนต่างรู้สึกหงุดหงิด
"พวกเราค้นหาจนทั่วแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มนี่ ดังนั้นเขาต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ!"
ชายที่มีลักษณะเป็นนักปราชญ์หนวดเครายาว ได้ใช้นกกระดาษนำจดหมายเพื่อส่งไปให้กับสหายของเขาที่อยู่ห่างไกลเพื่อยืนยันว่าหยางเฉินไม่เคยปรากฏตัวในที่อื่นๆ
"มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!"
"เราไม่สามารถหาร่องรอยของเขาพบ เราจะทำอย่างไรต่อไป?"
เนื่องจากชายในเสื้อคลุมสีดำได้ล้มเหลวในการหาเบาะแสของนกกระดาษ ที่เขาบ่นออกมาด้วยความไม่สบายใจ
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใด ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังคำสั่งของนักปราชญ์หนวดเครายาวเป็นอย่างดี
แต่ในตอนนี้นักปราชญ์ได้พูดออกมาเช่นเดียวกับเขาพร้อมเผยมุมมองของตัวเองออกมาในทันที
"เราควรขอความช่วยเหลือจากคนที่มาจากพระราชวังหยางบริสุทธิ์และขอให้เขาคิดหาหนทางช่วยพวกเรา"
ในที่สุดเขานักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวก็ไม่ได้แสดงความยับยั้งชั่งใจใดๆอีกต่อไป
เขาได้กล่าวออกมาว่า
"เราไม่สามารถหาเขาพบ แต่อาจเป็นไปได้ว่าพระราชวังหยางบริสุทธิ์จะสามารถหาศิษย์ของตัวเองพบ? นิกายต่างๆเมื่อจัดสรรถุงมิติใบหนึ่งให้กับศิษย์มันย่อมต้องมีร่องรอยอักขระอาคม?
เราควรจะขอให้เขาตามหาศิษย์ของตัวเองและแจ้งให้เราทราบ!"
"ถ้าเขาตัดสินใจที่จะยกเลิกสัญญากับพวกเราหรือกดราคามากขึ้น พวกเราจะทำอย่างไร?"
คนที่สวมเสื้อคลุมสีดำถามออกไปในทันที
"ถ้าเขายังมีความกังวลในเรื่องราคา สำหรับศิษย์อายุน้อยที่มีระดับเพียงแค่รวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
เว้นเสียแต่ว่าใครบางคนได้ให้ความช่วยเหลือเขา มอบสิ่งของที่สามารถปกป้องชีวิตเขาได้
แต่เขาสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของเราได้อย่างไร? ในเมื่อเขาให้ข้อมูลเท็จแก่เราแล้ว แล้วเขาจะยังกล้าที่จะโต้แย้งเรื่องราคากับเรา?”
นักปราชญ์เครายาวเผยสีหน้าที่น่ารังเกียจออกมา
"ถ้าเขากล้าที่จะทำเช่นนั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุด เราก็จะแยกตัวออกมาและเปิดเผยแผนการณ์ของเขา
เขาต้องการที่จะฆ่าศิษย์นิกายเดียวกัน เขาย่อมต้องกลัวมากกว่าเรา!"
คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาหลังจากเสร็จสิ้นการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้
บางส่วนของพวกเขาออกเดินทางอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาลูกค้าของพวกเขาในพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ส่วนที่เหลือยังคงค้นหาในบริเวณรอบๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาหยางเฉินพบ แต่พวกเขาก็ไม่อนุญาตให้หยางเฉินหลบหนีไปได้
ขวดแก้วใสไม่มีปัญหาในการดูดซับพลังจิตวิญญาณจากแหล่งกำเนิดใต้ดินและท้ายที่สุดพวกมันก็ดูดพลังจิตวิญญาณจนหมดสิ้น
ภายในขวดแก้วใส ร่องรอยของของเหลวสีน้ำเงินได้กลายเป็นรอยที่มีความหนามากกว่าเดิมถึงสี่หรือห้าเท่า
พลังจิตวิญญาณนี้มีมากพอสำหรับสมุนไพรที่อยู่ในสวนสมุนไพรเป็นเวลานับร้อยปีหรือมากกว่า
หลังจากที่เก็บขวดแก้วใสด้วยความพอใจ
หยางเฉินเดินไปที่ปากถ้ำด้วยความรู้สึกยินดี เขากำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอย่างระมัดระวัง
เขากระโดดออกมาจากปากอุโมงค์ไปยังผนังภูเขาและนั่งลง
จากนั้นเขาก็โยนก้อนหินลงปิดประตูทางเข้าถ้ำอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครมองเห็นร่องรอยของปากถ้ำเขาเชื่อว่าหลังจากนี้อีกสิบปี
เมื่อใครบางคนสามารถเข้ามาในลานอักขระอาคมได้ เขาก็จะพบเพียงพื้นดินว่างเปล่าและไม่สามารถที่จะค้นพบหลุมฝังศพของบรรพบุรุษได้
อีกอย่างหยางเฉินเชื่อว่าบรรพบุรุษก็ไม่อยากให้คนรุ่นหลังมารบกวนการหลับอันเป็นนิรันดร์โดยไม่หยุดหย่อน
ตามธรรมชาติหยางเฉินไม่กลัวว่าจะมีคนค้นพบ เนื่องจากเขาได้รับมรดกของบรรพบุรุษมาแล้ว
หลังจากตรวจสอบดูครั้งสุดท้ายและแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็ออกจากลานอักขระอาคม
พร้อมด้วยดาบที่ดูดุดันอยู่ในมือของเขา
โชคดีที่หยางเฉินที่เดินห่างออกมาจากลานอักขระอาคมภาพลวงตาไม่มากนัก เขาค้นพบว่าในบริเวณที่ไม่ไกลจากเขา
ปรากฏมือสังหารที่ประมาท เขาไม่ใส่ใจจะแผ่การรับรู้จิตวิญญาณของเขาเพื่อค้นหาหยางเฉิน
เมื่อเขารู้สึกถึงตัวตนของหยางเฉิน ก็เมื่อตอนที่หยางเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเชื่อสายตาของเขา ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปที่หยางเฉินด้ายท่าทีที่ดูโง่เขลาจนทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เป็นโอกาสที่ดีมาก หยางเฉินแผ่เจตจำนงแห่งการฆ่าออกมาจากร่างของเขาและพุ่งเข้าไปใกล้ร่างของมือสังหาร
ในเวลาเดียวกันร่างกายของหยางเฉินก็พุ่งเข้าไปหาศัตรูราวกับลูกธนูตวัดดาบที่อยู่ในมือของเขาอย่างรุนแรง
เพื่อที่จะตัดศีรษะของมือสังหาร
แม้ว่าดาบปีศาจจะเป็นอุปกรณ์เวทของหยางเฉิน แต่ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถที่จะทำกระบี่บินเพื่อฆ่ามือสังหารได้อาวุธเวททั้งหมดสามารถทำได้ดีเท่าที่เจ้าของสามารถใช้มันได้เท่านั้น
หากเพียงแค่พูดถึงความคมของอาวุทเวท มันก็สามารถบั่นหัวคนด้วยความแข็งแกร่งระดับก่อสร้างรากฐานหรือต่ำกว่า
ทันทีที่เขาถูกเจตจำนงแห่งการฆ่าของหยางเฉินพุ่งกระแทก มันทำให้ศัตรูรู้สึกงงวย
หมดหวังในทันที ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวลาก็ตาม แต่ก็เพียงพอสำหรับหยางเฉินที่จะจัดการกับเขาและบั่นหัวด้วยดาบของเขา
ฉับ!
หัวของมือสังหารปลิวสูงขึ้นไปในกลางอากาศ เลือดไหลพุ่งออกมาจากรอยตัดทีคอ
ศพไร้หัวยังคงทำท่าทางไม่กี่ท่าด้วยมือและเท้าของเขา พร้อมกับเลือดที่ไหลพุ่งออกมาจากคอ
ก่อนที่จะได้ยินเสียงของหัวที่ตกลงมากระทบกับพื้น
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมา หรือแม้แต่ความเกลียดชังในตอนนี้ หากเจ้าต้องการตำหนิใครสักคน
เจ้าสามารถตำหนิความโลภของเจ้าเองที่ต้องการที่จะทำภารกิจฆ่าข้า!"
หยางเฉินพาดดาบไปบนบ่าของเขา และกล่าววออกมาในขณะที่มองไปที่ซากศพ ไม่นานหลังจากนั้นเขาเงยหน้าและเหลือบมองไปในทิศทางหนึ่ง
ก่อนที่จะหยางเฉินจะกระโดดไปในทางทิศทางของลานอักขระอาคมภาพลวงตา
นักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาวแผ่การรับรู้ของเขาออกไปราวๆยี่สิบลี้ดังนั้นเมื่อมือสังหารคนนี้ได้พบกับชะตากรรมของเขา
นักปราญ์จึงสามารถตรวจพบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ในทันทีทันใดร่างของเขาได้หายไปจากที่เดิมและปรากฏตัวอีกครั้งห่างออกมาจากจุดเดิมนับหลายร้อยจ้าง
ไม่กี่อึดใจเขาได้ปรากฏตัวที่ด้านข้างของศพที่เป็นสหายเขา
นักปราชญ์ได้พุ่งเข้ามาที่บริเวณนี้อย่างรวดเร็ว แต่สหายอีกคนหนึ่งของเขานั้นเร็วกว่า
เมื่อหยางเฉินพูดจบหลังจากที่ตัดหัวนักฆ่า หยางเฉินก็หันหลังหลังกลับพร้อมกับรีบกระโดดเข้าไปในลานอักขระอาคมภาพลวงตาภายในไม่กี่อึดใจ
ร่างของเขาหายไประหว่างก้อนหินและทันทีหลังจากนั้น พลันปรากฏชายอีกคนขึ้น
เขามองเห็นหยางเฉินที่กำลังหายตัวไป
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นหยางเฉินเพียงแวบเดียว แต่มันก็เพียงพอที่จะระบุตำแหน่งที่ซ่อนของหยางเฉิน
ที่บริเวณทางเข้าของลานอักขระอาคมภาพลวงตาห่างออกมาราวๆสามจ้าง มือสังหารทั้งห้าคนเคยทำการค้นหาในบริเวณนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยใช้การรับรู้ทางจิตเพื่อตรวจสอบ
แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไร แต่ในขณะนี้ร่องรอยที่หยางเฉินได้ทิ้งไว้เพื่อหลบหนีพวกเขากำลังจะจางหายไป
นักฆ่าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่จุดนั้น เมื่อนักปราชญ์วัยกลางคนปรากฏตัว เขามองไปที่คู่หูของเขาที่ส่งสัญญาณมือและหลังจากนั้นหายไปในทันที
ไม่เพียงแต่ระดับการบ่มเพาะของนักปราชญ์หนวดเครายาวจะมากที่สุด แต่เขามีความรอบคอบมาก
เขาเข้าใจสัญญาณที่คู่หูของเขาสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ให้สัญญาณแล้ว
คู่หูได้เห็นร่องรอยของหยางเฉินและตามเข้าไปเพื่อไล่ล่าและฆ่าหยางเฉิน
ความกังวลมากสุดของนักฆ่าในขณะนี้คือการหาร่องรอยของหยางเฉิน ตราบเท่าที่เขาสามารถหาหยางเฉินพบ
เขาไม่ได้ห่วงในเรื่องการกำจัดหยางเฉิน เขาเป็นนักฆ่าที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด
มีประสบการณ์ที่เพียงพอที่จะสามารถกำจัดศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งได้
มันย่อมถูกต้อง?
หลังจากที่คูหูของเขาได้เข้าไปภายในลานอักขระอาคมภาพลวงตาเพื่อไล่ตามหยางเฉิน
สีหน้าของนักปราชญ์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ภายใต้เท้าของเขาคือศพของสหายของเขา
เขาจะประมาทได้อย่างไร? เนื่องจากพวกเขาหายไปเมื่อเข้าไป
แน่นอนมันจะต้องเป็นเวทอาคม ถ้าหยางเฉินสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้อย่างอิสระในลานอักขระอาคมภาพลวงตา
และนอกจากนี้ยังสามารถซ่อนตัวเองจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณจากทั้งห้าคนและสามารถกำจัดสหายของเขาได้
อะไรจะเกิดขึ้นกับคู่หูของเขาที่เข้าไปข้างในลานอักขระอย่างเร่งรีบ?
ราวกับจะยืนยันความคิดของนักปราชญ์ ความคิดของเขากลับกายเป็นจริงเพราะศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือด
ปราศจากร่าง ได้ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว มันจะถูกโยนออกมาซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่จ้าง
เสียงของศีรษะหล่นกระทบกับพื้นก่อนที่มันจะกลิ้งไปสองสามรอบ ดวงตาทั้งสองข้างของเขายังเบิกกว้าง
แสดงออกถึงอาการตกใจแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้รูม่านตาของนักปราชญ์หนวดเครายาวหร่ลง
มันทำให้เขารู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย ใครจะจินตนาการได้ว่านักฆ่าระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ดขั้นแปด
เพื่อตามฆ่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
ทั้งสองคนได้ถูกฆ่าตายโดยไม่ได้คาดคิด ภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ พร้อมด้วยการป้องกันจากอาคมภาพลวงตา
มันทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
คู่หูคนที่สองที่ถูกสังหาร เขาสวมเสื้อคลุมพระอาทิตย์สามดวงอยู่บนร่างของเขา
ซึ่งมันสร้างโดยผ่านการปรับแต่งจากผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน ถึงแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับอุปกรณ์เวท
แต่มันก็ยังคงเป็นชุดที่มีการป้องกันระดับก่อสร้างฐานราก แต่ในตอนนี้มันไม่สามารถทนต่อการโจมตีของคนอื่นได้
ภายในระยะเวลาสั้นๆ อาวุธชนิดใดที่หยางเฉินใช้อยู่?
หรือจะเป็นกระบี่บิน? นั่นเป็นไปไม่ได้เลย!
ถ้าผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งสามารถใช้กระบี่บินได้ ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงในโลกนี้ควรจะตีหัวตัวเอง
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐานก็ตาม เขาสามารถเป็นเจ้าของกระบี่บินได้หรือไม่?
โดยปกติแล้วกระบี่บินไม่ได้เป็นอุปกรณ์ยันต์ ดังนั้นนอกจากเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นของนิกายที่ยิ่งใหญ่ที่อาจารย์ของพวกเขามอบกระบี่บินให้กับพวกเขา
แล้วมันจะเป็นได้อย่างไรที่ศิษย์ธรรมดาทั่วๆไปจะได้รับกระบี่บินโดยปราศจากการต่อต้านของสวรรค์?
แน่นอนว่าหยางเฉินมีอาวุธที่มีพลังโจมตี มันอาจเป็นอุปกรณ์ยันต์หรือผลึกยันต์
หลังจากที่หายจากอการตกใจ นี่คือสิ่งที่นักปราชญ์ครุ่นคิด เมื่อเขาฆ่าหยางเฉินแล้วเขาสามารถครอบครองผลึกยันต์ได้
ทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้นักปราชญ์หนวดเครายาว ก็ได้ตั้งความคาดหวังบางอย่างในขณะที่เขายังรอที่จะฆ่าหยางเฉิน
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดและมุ่งตรงไปข้างหน้าของเขา
ในตอนนี้นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้มาถึงบริเวณเกิดเหตุ เขาอยู่ค่อนข้างไกลดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลามากขึ้นเพียงเพื่อจะเจอกับศพหัวขาดและสองหัวของสหายของเขากองอยู่บนพื้น
เช่นเดียวกับนักปราชญ์เครายาว ที่ยืนอยู่ห่างจากซากศพเขามองไปที่นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำ
เดิมทีเขาคิดที่จะพูดอะไรออกไป แต่เขาเพียงแต่เปิดปากหากแต่ไม่ได้พูดอะไร
"เจ้าหนูออกมาให้ข้าตัดร่างของเจ้าออกเป็นหมื่นๆชิ้น!"
นักปราชญ์หนวดเครายาวๆ กำลังรออยู่อย่างสงบครู่หนึ่ง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในที่สุดเขาจึงเปิดการโจมตีออกไป ในขณะเดียวกันรังสีแสงสีทองที่แผ่ออกจากมือทั้งสองข้างของเขา
พวกมันพุ่งเข้าไปในลานอักขระอาคมที่หยางเฉินหายเข้าไป
นั่นเป็นลานอักขระอาคมที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับการโจมตีโดยศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณ
รังสีแสงสีทองเริ่มเปล่งประกายสว่างขึ้นและเมื่อโจมตีเข้าไป พวกมันทั้งหมดได้สลายตัวไปเหมือนวัวที่ปั้นจากดินไหลลงสู่ทะเลโดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ใดๆ
นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าไปใกล้ๆลานอักขระอาคม เพื่อติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง
เขาเป็นคนที่ชาญฉลาดมาก เพื่อให้ห่างออกมาจากความแข็งแกร่งของศัตรู ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งจะไม่มีความสามารถในการบินได้
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมองไปที่สองหัวที่อยู่บนพื้นดิน เห็นได้ชัดว่าศัตรูได้ปิดฉากพวกเขา
ก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มทำการใดๆ หากกล่าวออกมาในคำอื่นๆ
ตราบเท่าที่เขายังอยู่บนท้องฟ้าเขาก็ยังปลอดภัย
นักปราชญ์หนวดเครายาวได้เห็นสิ่งที่นักฆ่าในเสื้อคลุมสีดำกำลังทำอยู่ และสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเขาคิดอย่างไร
ต่อมาร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศตรงตำแหน่งเดิมที่เขาเคยยืนอยู่ หากแต่ลอยอยู่กลางอากาศ
สูงจากพื้นดินมาพอประมาณ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ด้านข้างของลานอักขระอาคมภาพลวงตา แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
พวกเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จ้องมองไปยังที่แห่งนั้นอย่างมั่นคงราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ยันต์ที่มีพลังมากที่สุดไว้ในมือของพวกเขา ดังนั้นในทันทีที่หยางเฉินพลันปรากฏเสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาในทันที
ทันใดนั้น มีบางสิ่งปรากฏออกมาที่ขอบบริเวณของลานอักขระอาคมภาพลวงตา
มันคือหยางเฉิน นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมรู้สึกมีความสุขและกำลังจะเปิดการโจมตีหยางเฉิน
แต่ทันใดนั้น จู่ๆสภาพแวดล้อมที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาได้เปลี่ยนเป็นด้านในของห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีหลังคาโดมทรงกลม
นักฆ่าที่สวมเสื้อคลุมสีดำกำลังเขวและมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาสามารถรับรู้ได้ในทันทีเขาตกอยู่ในอาคมภาพลวงตา
โดยไม่คาดคิดว่าหยางเฉินจะยังมีทักษะในอาคมสะกดแบบนี้ แต่เขารู้สึกว่านอกเหนือจากอาคมภาพลวงตา
หยางเฉินไม่ได้มีอาคมการฆ่าที่มีประสิทธิภาพ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่ระมัดระวัง
ได้ยินเสียงอื้ออึงเหนือศีรษะของเขา แต่ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนองต่อเสียงนั้นได้ปรากฏประบี่บินสี่สิบเก้าเล่มที่ตัดร่างทั้งร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อได้เห็นความรุนแรงของอาคมสะกดที่ใช้ป้องกันสวนสมุนไพร มันทำให้หยางเฉินรู้สึกสงสารเขา
นักปราชญ์หนวดเครายาวอยู่ห่างไกลจากเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าถึงหยางเฉินที่มีอาคมสะกด
นักปราชญ์หนวดเครายาวสามารถมองเห็นภาพของหยางเฉิน ได้อย่างชัดเจน และต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงอู้อี้ หลังจากนั้นเนื้อหนังก็ตกลงมาจากฟากฟ้า
สีหน้าของเขากลายเป็นขาวซีดด้วยความกลัวและกำลังจะหนี
แต่เมื่อเขาเห็นหยางเฉินยืนนิ่งฝังรากลึกอยู่กับที่ นักปราชญ์เริ่มเข้าใจสถานการณ์นี้ในทันที
แน่นอนว่าหยางเฉินใช้ลานอักขระอาคมลับ เพื่อฆ่านักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด
ดังนั้นเขาจะต้องจ่ายพลังออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อการนี้ ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นี้
เลือดได้ไหลออกมาจากมุมปากของหยางเฉิน นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะฆ่าหยางเฉิน
"เจ้ายังมีอะไรที่จะพูดอีกหรือไม่?"
นักปราชญ์เครายาวหัวเราะออกมาพร้อมด้วยเจตนามุ่งร้าย
"ข้าจะให้โอกาสเจ้าพูด!"
"จริงๆ?"
หยางเฉินก็กระตุกมุมปากของเขาขึ้น เผยรอยยิ้มโดยไม่สนใจกับคราบเลือดที่มุมปากของเขา
"ดังนั้นข้าก็จะพูด!"
"เจ้า! พูด! ข้าจะฟัง! "
นักปราชญ์หนวดเครายาวเดินเข้ามาหาหยางเฉินพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นในอดีตที่ผ่านมาหรือความเกลียดชังในตอนนี้..."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น