เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 037 ถูกฆ่าแทน

เมื่อหยางเฉินเสร็จสิ้นวลีประจำตัวของเขา ยันต์เพลิงอัคคีนับหลายร้อยก็ระเบิดออกมาจากพื้นดินรอบๆนักปราชญ์เครายาว การระเบิดยันต์เพลิงอัคคีทั่วๆไปเพียงแค่หนึ่งอันจะไม่สามารถทำอันตรายนักปราชญ์ได้ แต่การระเบิดยันต์เพลิงอัคคีซึ่งได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมจากเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์มันย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไป

เมื่อหยางเฉินได้ฆ่าฝ่ายตรงข้ามคนแรก หยางเฉินก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านี้จะพบซากศพนี้ได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงวางยันต์กระดาษไว้ในที่ต่างๆกันนับหลายร้อยไว้ใต้ดิน และด้วยการควบคุมจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา พวกมันได้ระเบิดขึ้นมา

เมื่อไม่นานมานี้เขาใช้พลังจิตวิญญาณทั้งหมดในร่างกายของเขาและแทบจะไม่สามารถเปิดใช้งานอาคมการป้องกันที่ยอดเยี่ยมของสวนสมุนไพรได้ แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะควบคุมได้เต็มที่ ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดเจ็บ และต้องทนทุกข์ทรมานกับการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง แต่ศัตรูได้คำนวนผิดอย่างมหัน ในขณะที่หยางเฉินกำลังพูดและถูกต้อนให้จนมุมอีกครั้ง หยางเฉินได้กินยาเม็ดลมปราณหนึ่งเม็ดในก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อหยางเฉินกินมันเข้าไปในปาก ทันใดนั้นมันก็ไหลเข้าไปในกระเพาะอาหารของเขาแล้วเขาก็ปลดปล่อยยันต์เพลิงอัคคีซึ่งเขาได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว

นอกเหนือจาก ยันต์เพลิงอัคคีแล้วก็ยังมีอีกยันต์พันชั่งนับสิบ และอีกหลายสิบของยันต์ไม้ยักษ์ ไม้สามาถช่วยให้ไฟโหมแรงมากขึ้น ยันต์เพลิงอัคคีอาจเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน ต้นไม้ขนาดใหญ่หนาที่คนหนึ่งคนสามารถโอบได้รอบพอดีจำนวนหลายสิบต้น ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ากระแทกเข้าหานักปราชญ์หนวดเครายาว

ในช่วงเวลาเพียงแค่กระพริบตา ร่างกายของนักปราชญ์หนวดเครายาวถูกฝังอยู่ภายใต้กองไฟและต้นไม้ใหญ่ จนไม่สามารถมองเห็นเขาได้อีกต่อไป ดาบอำมหิตที่อยู่ในมือของหยางเฉินได้เฉือนออกไปเพียงครั้งเดียวและเสียงคำรามได้ดังออกมาอย่างฉับพลัน

จากภายในต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างจู่ๆก็มีกรงเล็บที่ใหญ่โตและยาวมากได้ปรากฏขึ้น กรงเล็บนี้ได้สร้างแรงกดดันท่ามกลางเปลวไฟที่อยู่รอบๆ และไม่มีแม้แต่เปลวไฟที่สามารถผ่านเข้าไปได้

อย่างไรก็ตามมีเพียงเปลวไฟที่ถูกปิดกั้นไว้เท่านั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่เหล่านั้นได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ภายใต้กรงเล็บขนาดใหญ่และทันทีที่เจ้าของกรงเล็บได้คำรามเสียงดังออกมา หลังจากสักครู่เงาที่เหมือนกับเสือดาวได้บินออกมาจากเปลวไฟและพุ่งตรงไปยังหยางเฉิน

ดาบของหยางเฉินอยู่ที่ตรงหน้าอกของเขาแล้ว เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาตะโกนออกไป พร้อมกับยกดาบอำมหิตขึ้นไปเหนือศีรษะของเขา และด้วยความแรงพอที่จะแยกภูเขา เขาฟันดาบไปทางเสือดาวที่บินตรงมาหาเขา

เกิดประกายไฟจากหินและเหล็กกล้า มนุษย์คนหนึ่งและสัตว์ตัวหนึ่ง ระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นน้อยกว่าสามฉื่อ แรงจากดาบของหยางเฉินที่ฟาดลงไปนั้นรวดเร็วมาก จากการยกดาบสับลงไปเขาไม่ต้องเสียเวลาใดๆ ขอบคมดาบที่สดใสและสวยงามส่องแสงระยิบระยับผ่านท้องฟ้า อย่างรวดเร็วส่วนที่เหลือของดาบไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป

ร่างของเสือดาวกำลังจะพุ่งเข้าหาหยางเฉิน แต่ราวกับว่ามันสูญเสียความแข็งแกร่งของมันไปอย่างฉับพลัน ร่างกายของมันหยุดชะงักอยู่บนท้องฟ้าและตามมาด้วยเสียงที่แตกหัก มันถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้นต่อหน้าหยางเฉิน รอยตัดเรียบราวกับกระจก

หยางเฉินไม่ได้ตรวจสอบร่างของเสือดาว เขาตรวจสอบเหตุการณ์ทางด้านซ้ายมือ ก่อนที่จะนำยันต์เพลิงอัคคีและยันต์ไม้ยักษ์ออกมานับหลายสิบ และจุดชนวนพวกมันเพื่อปกปิดหลักฐานบริเวณที่ทำการต่อสู้ก่อนที่จะจากไป

บูม! บูม!

ภายใต้เสียงการระเบิดและการกระแทก พลันปรากฏเสียงพูดช้าๆดังออกมา

"ดาบดี! ข้าต้องการมัน!"

หลังจากนั้นนักปราชญ์หนวดเครายาวได้ปรากฏขึ้นนอกเปลวเพลิง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเขาไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อยและยังคงมีลักษณะสง่างามเช่นเดิม

เมื่อหยางเฉินได้ยินเสียงของเขาและเห็นร่างของเขา หยางเฉินสั่นสะท้านราวกับว่าเขารู้สึกตกใจมาก ดาบอำมหิตที่อยู่ในมือของเขาพุ่งไปทางนักปราชญ์ภายใต้การสั่งด้วยจิตวิญญาณของเขา และแน่นอนดาบถูกโยนให้เขามากกว่าที่จะทำร้ายเขา

สีหน้าที่น่าสงสารของหยางเฉิน ตกอยู่ในสายตาของนักปราชญ์ ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อดาบของ หยางเฉินมาถึงมือเขา นักปราชญ์หนวดเครายาวเพียงยื่นมือออกไปจับมันดาบอำมหิตด้วยมือของเขา

เมื่อมือของเขาจับเข้าไปที่ดาบ นักปราชญ์หนวดเครายาว พลันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกประหลาด เกี่ยวกับดาบอำมหิตและก็ตะโกนออกมาอย่างดีใจจนแทบเป็นบ้า

"อาวุธเวท?"

เสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจและพอใจราวกับว่าเขาได้รับสมบัติล้ำค่านับร้อยล้าน

ตั้งแต่เริ่มต้นเขาได้ถูกกระตุ้นจากอาวุธของหยางเฉิน ดาบที่สามารถฆ่าและตัดหัวสามสหายของเขา เขายังสงสัยว่านี่เป็นผลึกยันต์ แต่เมื่อเขาได้เห็นหยางเฉินฆ่าสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณของเขา ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าดาบที่ดุดันในมือ หยางเฉินอย่างน้อยต้องเป็นผลึกยันต์ เมื่อเขาได้ยื่นมือออกไปจับมัน เขาไม่เคยคาดหวังว่าดาบนี้เป็นอาวุธเวทของจริง

เมื่อคิดเกี่ยวกับอาวุธเวท นักปราชญ์หนวดเครายาวก็หัวเราะออกมาอย่างยาวนานจนเบาบางลง เด็กหนุ่มระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งคนหนึ่งไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทราบไปด้วยว่าสิ่งนี้คืออะไร เมื่อเขาค้นพบว่ามันเป็นอาวุธเวท เจตจำนงของกระบี่*พลันปรากฏขึ้นมาจากดาบที่อยู่ในมือของเขาและพยายามที่จะกลืนกินเขา
TL: รูปดั้งเดิมคือกระบี่
"อาวุธเวท!"

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขาตะโกนคำเดิมออกมา แต่ความหมายแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คราวนี้เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ

ถ้าเป็นอาวุธเวทของกระบี่บิน พลังบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปดของเขาอาจจะไม่สามารถสร้างพันธะกับมันได้ในทันที แต่ผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากที่ได้สัมผัสกับมัน ดังนั้นแน่นอนว่ามันต้องเป็นอาวุธเวทที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นสกัด อาวุธเวทชนิดนี้เขาจับมันด้วยมือของเขา แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าอาวุธเวทนี้จะเหี้ยมโหดและไม่มีเหตุผลเช่นนี้

นักปราชญ์ที่มีหนวดเครายาว รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดและอยากจะหนีให้ห่างจากดาบที่อยู่ในมือของเขาอย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาเพียงพอ แรงดึงดูดอย่างรุนแรงของดาบได้เข้าสู่ร่างกายของเขาและเข้าถึงแก่นการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาได้โดยตรง

ชี่!

ร่างกายของนักปราชญ์เป็นเหมือนกับเม่น ภาพลวงตาของเข็มมากมายปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขาและในทันทีที่ร่างของนักปราชญ์ก็เต็มไปด้วยรูและกลายเป็นตะแกรงรั่วขนาดใหญ่ ไม่นานนัก ทั้งร่างกายของเขาจากบนลงล่าง ราวกับว่ามันไม่ได้มีกระดูกใดๆ และล้มลงไปกับพื้นราวกับของเหลว

"ถ้าเจ้ามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ข้าก็จะเห็นด้วยกับเจ้า!"

หยางเฉินค่อยๆเดินไปข้างหน้าและก้มลงไปหยิบดาบอำมหิตที่อยู่บนพื้นและวางไว้ในแหวนแห่งความสำเร็จของเขา เขาสั่นศีรษะไปยังทิศทางของกองโคลนบนพื้นดินพร้อมกับกล่าวว่า

"แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้มีมัน!"

ตั้งแต่ต้น หยางเฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ยันต์กระดาษเพื่อขับไล่ศัตรู ยันต์กระดาษถูกกลั่นสกัดในตอนที่เขาอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง แม้ว่าจะเพิ่มระดับด้วยเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์และใช้ในปริมาณมาก แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำร้ายผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปดได้ การระเบิดของยันต์กระดาษจำนวนมากเป็นเพียงเพื่อให้ครอบคลุมแผนการณ์ในการโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยดาบ

ก่อนหน้านี้ ที่หยางเฉินแสดงอาการตกตะลึงและขว้างดาบออกไปเพื่อโจมตีนักปราชญ์ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ของเขา อาวุธที่จะใช้ฆ่านักฆ่าของเขาคือดาบอำมหิต ในชีวิตก่อนหน้านี้ดาบนี้ได้กลืนกินชีวิตของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ที่ไม่รู้จักทักษะลับในการกลั่นสกัดมัน นักปราชญ์หนวดเครายาวนี้อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปด เพื่อพยายามสร้างพันธะกับดาบ ความตายเป็นผลลัพธ์เดียวที่เป็นไปได้

มันยังเหลือศัตรูอีกคนหนึ่ง แต่หยางเฉินไม่สามารถหาที่อยู่ของเขาได้โดยการใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้เสียงระเบิดของยันต์เพลิงอัคคีนั้นดังมาก แต่ศัตรูก็ยังไม่ปรากฏตัว มันอาจจะสันนิษฐานได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น หยางเฉินไม่ได้มองหาเขาอีกต่อไปและเริ่มเก็บผลพลอยได้จากสงครามของเขาอย่างช้าๆ

นอกเหนือจากนักปราชญ์หนวดเครายาว ไม่มีศัตรูอื่นๆได้สัมผัสกับศพ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู หยางเฉินย่อมไม่สุภาพ ถุงมิติสี่ใบในตอนนี้มันย่อมต้องเป็นสมบัติของหยางเฉิน

สามคนอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นเจ็ด และอีกหนึ่งอยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปด พวกเขาทำการไล่ฆ่าเขา แต่หยางเฉินก็ไม่ได้รู้สึกโกรธพวกเขา เรื่องนี้เป็นความคิดของซุนไห่จิ้งและชูเฮิง มิฉะนั้นซุนไห่จิ้งจะไม่ได้พูดคำเหล่านั้นก่อนที่เขาจะจากมา อย่างไรก็ตามจากพื้นฐานของซุนไห่จิ้ง เขาไม่สามารถว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้

สถานการณ์นี้ยังไม่จบ! ในชีวิตก่อนหน้านี้หยางเฉินได้รับความเดือดร้อนจากการโจมตีแบบนี้ แต่เขาจะไม่ยอมในครั้งนี้การไล่ล่าครั้งล่าสุดเพื่อฆ่าเขา ทำให้เขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของสุนัขจรจัดที่เขารู้สึกตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขา ถ้าไม่ได้มีกฎที่ว่าศิษย์นิกายเดียวกันไม่สามารถฆ่ากันได้ หยางเฉินก็จะดูแลซุนไห่จิ้งที่ตำหนักเก้าปฐพี และคนอื่นๆก็คงไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา แม้จะดูเหมือนว่าหลังจากที่เขากลับมาในวันที่มีการแข่งขันทักษะการต่อสู้ของนิกาย เขาจะต้องกำจัดซุนไห่จิ้ง และระบายความโกรธที่ฝังแน่นอยู่ในใจออกไป

ตลอดเวลา เขาไม่ได้โต้กลับเมื่อพวกเขาไล่ล่าที่จะฆ่าเขา ในชีวิตนี้หยางเฉินไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้มุมมองดังกล่าวเพื่อเชิญชวนศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่เจ็ดและแปด แม้แต่หินจิตวิญญาณก็ไม่เพียงพอ หากมีการนำเสนอผลึกยันต์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของพวกเขา มันก็มีโอกาสที่จะจ้างพวกเขา

ในขณะนี้หยางเฉินกำลังค้นคว้าหาผลึกดังกล่าวในถุงมิติของนักฆ่าเหล่านี้ บางทีเขาอาจจะพบร่องรอยทักษะการสร้างของชูเฮิงในสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหาอะไรพบ แต่ หยางเฉินก็ยังต้องการกระจายข่าว ชูเฮิงไม่สามารถจัดการกับ หยางเฉินได้โดยตรง เนื่องจากเขาเป็นศิษย์สืบทอด นี่เป็นความลับที่รู้กันดีในตำหนักเย่ซิวและตำหนักเก้าปฐพี แต่ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงเหล่านี้อาจทำให้ ชูเฮิงประสบปัญหาได้ในบางครั้ง

ถ้าเขาว่าจ้างมือสังหารด้วยตัวเขาเอง? หยางเฉินก็ไม่ต้องการ เขาได้ข้ามมาไกล แม้แต่จักรพรรดิหยกก็ได้กลายเป็นวิญญาณภายใต้คมดาบของเขา ดังนั้นไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร หยางเฉินต้องการที่จะใช้คมดาบของเขาจัดการ เช่นเดียวกับที่เขาได้กำจัดเหล่านักฆ่าเมื่อไม่นานมานี้

หยางเฉินได้โยนซากศพสองสามซากศพเข้าไปในลานอักขระอาคมภาพลวงตาและในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาจะไม่ต้องกังวลกับการถูกค้นพบ ถ้าหากมันสอดคล้องกับในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ซากศพเหล่านี้จะถูกค้นพบได้หลังจากนี้อีกสิบปี

ภายในลานอักขระอาคมภาพลวงตา หยางเฉินใช้เวลาเกือบสิบวันในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับเมื่อเปิดใช้งานอาคมป้องกันสวนสมุนไพรในขณะที่มันพยายามจะกลืนกินเขา แต่เขาโชคดีที่คราวนี้ขวดแก้วใสดูดซับพลังจิตวิญญาณได้มากพอสมควรสิ่งนี้ช่วยให้พลังจิตวิญญาณของ หยางเฉินลดทอนจากความเสียหายที่ควรจะร้ายแรง

อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกเนื่องจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของหยางเฉินใกล้เคียงกับระดับก่อสร้างรากฐาน แล้วยังกระตุ้นให้กองทัพกระบี่บินทำลายการรับรู้ทางจิตวิญญาณ โชคดีที่หยางเฉินได้สร้างพันธะลงตราประทับสวนสมุนไพรไว้แล้ว ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกกลืนกินแต่ก็ไม่ถึงกับเสียชีวิต เขาเพียงแต่สูญเสียการรับรู้ทางจิตวิญญาณไปบางส่วนเท่านั้น เคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่เหมือนใคร ภายในสองสามวันพวกมันสามารถฟื้นฟูการรับรู้จิตวิญญาณของหยางเฉินที่เสียไปให้กลับคืนมาทั้งหมด

เมื่อเขาโผล่ออกมาอีกครั้ง เขาได้ออกเดินทางไปที่หอพันปีในตลาดเมืองที่ภูเขาเหมยชิง เดิมทีที่นี่เป็นร้านค้าที่ดำเนินการโดยพระราชวังหยางบริสุทธิ์ หยางเฉินเดินเข้าไปโดยไม่ส่งสัญญาณใดๆล่วงหน้า แต่เมื่อทุกคนเห็นว่าเขามีถุงมิติที่มีตราของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เหน็บที่เอวของเขา ไม่มีใครหยุดเขาและอนุญาตให้เขาเข้าขึ้นไปที่ห้องโถงชั้นบนได้โดยตรง

ปัง!

หยางเฉินโยนห่อผ้าฝ้ายไปบนโต๊ะ สีหน้าที่ดูเย็นชาดุดน้ำค้างแข็งทำให้หยางเฉินดูดุร้ายและโหดเหี้ยม เขาจงใจปลดปล่อยเจตนาจำนงแห่งการฆ่าออกไปบางส่วน มันทำให้ หยางเฉินดูเหมือนว่าเขาอยากจะโจมตีใครสักคน ถ้าเขาไม่ได้เป็นศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ อาจจะมีใครบางคนโยนเขาออกไปแล้ว

"ศิษย์น้องหยางนี่คืออะไร?"

เจ้าของร้านกล่าวออกมาโดยไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง เขามีรูปร่างอ้วน ในขณะนี้เขาได้ปรากฏตัวต่อหน้าหยางเฉิน เพราะเขาเป็นผู้ดูแลร้าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของร้านจะต้องออกมาต้อนรับเขา เจ้าของร้านนี้เป็นผู้บ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก เขาเคยเป็นคนรับใช้และหลังจากที่ระดับบ่มเพาะของเขาเข้าถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นห้า เขาก็เลือกที่จะออกมาเพื่อดูแลธุรกิจของนิกาย เขาให้ความเคารพต่อศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ที่พากันออกมาฝึกข้างนอกนิกาย หยางเฉินมาที่นี่ในครั้งก่อน ดังนั้นมันแน่อยู่แล้วว่าเจ้าของร้านจะรู้จักเขา

หยางเฉินได้เปิดห่อผ้าออกมา มันได้เผยให้เห็นหัวที่ถูกตัด จำนวนสามหัวและอีกครึ่งหัว พร้อมด้วยอุปกรณ์ยันต์ที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก เหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีสามหัวและอีกครึ่งหัวเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นที่โดนดาบสับ หยางเฉินหาเจอเพียงครึ่งหัว แต่นี้ก็อาจเพียงพอที่จะสามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของเขาได้

"สิ่งเหล่านี้ถูกค้นพบในร่างกายของพวกเขา พวกมันดูคล้ายคลึงกับทักษะการสร้างของพระราชวังหยางบริสุทธิ์"

หยางเฉินหัวเราะออกไปอย่างเฝื่อนๆ

"เมื่อไหร่กันที่คนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์เริ่มทำข้อตกลงกับคนนอกเพื่อฆ่าเหล่าศิษย์ของนิกาย?"

เจ้าของร้านรู้สึกตกใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อ หยางเฉินมาที่ตำหนักเก้าปฐพีเขาถูกโจมตีโดยนักฆ่า เรื่องนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะอิสระที่อยู่รอบๆภูเขาเหมยชิงเกือบทั้งหมดถูกสอบปากคำ มันเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และในวันนี้หยางเฉินถูกโจมตีโดยมือสังหารอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้แม้แต่ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน สำหรับเจ้าของร้านสิ่งนี้มันราวกับสายฟ้าฟาดลงมาจากฟากฟ้า

เมื่อเห็นหัวของคนเหล่านี้ เจ้าของร้านจำพวกเขาได้ในทันที พวกเขาเป็นเพียงนักบ่มเพาะอิสระรายย่อยที่โด่งดังพอสมควร พวกเขาตั้งกลุ่มและมักเดินทางเข้ามาในตลาดเมือง อย่างไรก็ตามผู้บ่มเพาะอิสระเหล่านี้มีระดับการบ่มเพาะที่ดี ในขณะที่หยางเฉินเป็นเพียงศิษย์ที่มีระดับการรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะฆ่ามือสังหารเหล่านี้ มันทำให้เจ้าของร้านตกตะลึงมากยิ่งขึ้น มันทำให้เขารู้สึกชื่นชมหยางเฉินอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

"คนเหล่านี้ยังมีสหายอีกคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปตามหาที่อยู่ของเขาบางทีเจ้าอาจจะหาผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ได้"

หยางเฉินชี้ให้เห็นจุดสำคัญแล้วรีบลุกขึ้น ก่อนที่จะเดินจากไปเขากล่าวออกไปว่า

"ข้ายังยุ่งกับภารกิจของข้า ดังนั้นข้าคงต้องรบกวนพี่ชายให้จัดการกับเรื่องนี้ มันน่าแปลกใจที่ในช่วงเวลาที่ศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ออกไปข้างนอกเพื่อฝึกฝน ข้ายังไม่ได้ข้ามภูเขาเหมยชิง แต่กลับถูกไล่ล่าโดยผู้ที่มีเจตนาที่จะฆ่าข้า!"

หยางเฉินยังไม่ได้ออกจากหอพันปี ข่าวถูกส่งกลับไปยังพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ในทันทีระดับสูงกลายเป็นโกรธอีกครั้ง ทุกคนในวิหารพิทักษ์กฏต่างต้องออกไปอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นการสืบสวน พลิกท้องฟ้าและแผ่นดินรอบๆภูเขาเหมยชิง

เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับการสืบสวนในเรื่องนี้ มันทำให้ซุ่นไห่จิ้งตื่นตระหนกและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถระงับความกลัวไว้ในใจได้ เขาไปไปพบชูเฮิงเพื่อขอคำแนะนำอีกครั้ง
"อาจารย์เราควรทำอย่างไรดี? ถ้าการตรวจสอบของวิหารพิทักษ์กฏมุ่งมาที่เรา พวกเราก็จะถูกกำจัด! "

เสียงของซุ่นไห่จิ้งเริ่มจะสั่นเครือ เขาเกือบจะมีน้ำตาไหลออกมาในขณะที่พูดคำเหล่านี้ พยายามที่จะฆ่าเหล่าศิษย์ของนิกายเดียวกันนี้ถือเป็นความผิดทางอาญา ในกรณีที่พวกเขาถูกค้นพบผลที่ตามมา มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

"ทำไม...เจ้าสูญเสียหัวของเจ้าแล้วหรืออย่างไร?"

ชูเฮิงรู้สึกกลัวมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้มันปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขา ก่อนอื่นเขาใช้รูปแบบอักขระเพื่อปิดผนึกรอบๆ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า

"ผู้ฝึกอิสระอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังไม่ได้ให้ทักษะอาคมที่จะหาถุงมิติของหยางเฉินไปหรอกหรือ?"

"ข้าจัดการไปแล้ว อาจารย์!"

สิ่งที่ ซุนไห่จิ้งเกรงกลัวคือการลงโทษที่รุนแรงที่เขาจะได้รับถ้าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ถูกค้นพบ เขาจะตายโดยไม่มีสถานที่ฝังศพ

"ไม่ต้องกังวล ข้าได้ทิ้งรูปแบบการติดตามไว้ในคัมภีร์ทักษะอาคมนี้"

ชูเฮิงลุกขึ้นยืนอย่างใจเย็น จัดเสื้อผ้าของเขาขณะที่เขากล่าวออกไปว่า

"เขาจะไม่มีชีวิตรอดจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้! เจ้าต้องกลับมาอยู่ในเวลา ถ้าคนอื่นถามเจ้า เจ้าเพียงแค่บอกว่าเจ้าไม่ทราบอะไรเลย"

"รับทราบ อาจารย์!"

เมื่อซุนไห่จิ้งได้ยินแผนการณ์ของชูเฮิง เขารู้สึกโล่งใจมากและกลับมาที่พักของตัวเองและปิดประตูฝึกซ้อมในทันทีโดยไม่ใส่ใจกับเรื่องภายนอก

เมื่อซุนไห่จิ้งเดินออกไปไกล ชูเฮิงเดินออกมาและเริ่มแช่งในทิศทางที่ซุนไห่จิ้งเดินลับหายไป

เจ้ามันไร้ประโยชน์! ไม่สามารถแม้แต่จะดูแลเรื่องเล็กน้อย ยังคงต้องให้ข้าดูแลมัน ฮึ่ม! หากฆ่าเจ้า มันก็จะไม่มีร่องรอยระบุมาที่ข้า ข้าต้องฆ่าเจ้าเพื่อปิดปากเจ้าให้เงียบอย่างถาวร!"


หลังจากจบการสาปแช่ง ร่างของเขาก็หายไปในทันที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น