อาจารย์แห่งหอโอสถเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีบุคลิกแปลกประหลาดจากคนอื่นในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ตลอดชีวิตของเขา เขาได้ศึกษาค้นคว้าอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุและยาที่แตกต่างกัน
แม้กระทั่งชะลอการบ่มเพาะของตัวเอง ถ้าเขาไม่ได้รับยาอายุวัฒนะจำนวนมาก
มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเข้าสู่ระดับก่อลำต้น
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ความก้าวหน้าของเขาที่ได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ
สองสามวันนี้มานี้ จูเฉินเตากำลังค้นคว้าหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาการกลั่นสกัดยาที่ยุ่งยาก
เมื่อได้ยินศิษย์รุ่นน้องบางคนกำลังพูดถึงผลรายงานของยาอายุวัฒนะชนิดใหม่ว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะที่ไม่ช่วยในการบ่มเพาะและยังไม่มีผลต่อการบริโภคอีก
มันทำให้เขารู้สึกสับสน
เมื่อพยายามเจาะเข้าไปในปัญหาที่ยากลำบากเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขมัน
พวกเขาอาจที่จะพยายามมองจากมุมมองที่แตกต่างออกไป บางทีพวกเขาอาจจะได้รับข้อมูลเชิงลึกอย่างฉับพลัน
จูเฉินเตาก็มีความเห็นเช่นนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเรียกศิษย์น้องเข้ามาเพื่อจะได้สอบถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับยาเม็ดสวีนฉีนี้
ถ้ามันไร้ประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะแล้วมันมีประโยชน์ในด้านใด? จูเฉินเตารู้สึกสับสน อย่างไรก็เนื่องจากยาอายุวัฒนะนี้ได้ถูกเก็บเอาไว้เพื่อรับการประเมิน
และจูเฉินเตาต้องทำการตรวจสอบ เขาจึงจะสามารถรู้ว่ามันเอาไว้ใช้กับอะไร
เมื่อเห็นว่าอาจารย์จากหอโอสถได้มาปรากฏขึ้นที่สาขาย่อยตำหนักเก้าปฐพี
ศิษย์น้องทั้งหลายก็รีบนำยาอายุวัฒนะไปให้เขาและอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับยานี้ให้เขารับทราบ
เช่นความจริงที่ว่ายานี้ไม่สามารถใช้กับผู้บ่มเพาะ และยาอายุวัฒนะนี้กลั่นสกัดด้วยศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณ
เพียงแค่ถือยาเม็ดอายุวัฒนะไว้สักครู่
จูเฉินเตาก็สามารถตรวจสอบได้ถึงเก้าในสิบส่วนของส่วนผสมยา
เขาสามารถระบุสมุนไพรบางอย่างได้จากสีที่ปรากฏอยู่บนผิวของพวกมัน
เก้าในสิบของวัตถุดิบในยาเม็ดนี้เป็นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป นั่นอาจกล่าวได้ว่าพวกมันทั้งหมดถูกใช้โดยปุถุชนทั่วๆไป
มันไม่ได้ใช้แม้แต่สมุนไพรระดับสูงในการกลั่นสกัด
เขารู้สึกผิดหวัง จูเฉินเตาหันกลับมามองที่ยาเม็ดสวีนฉีอีกครั้ง จู่ๆเขาก็ค้นพบความผิดปกติเล็กน้อย
ยาเม็ดนี้ถูกกลั่นสกัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และมันไม่ได้มีกลิ่นยาหลุดรอดออกมาแม้แต่น้อย
เพียงแค่คุณลักษณะนี้มันก็ทำให้จูเฉินเตารู้สึกว่าตัวเขาอ่อนด้อย
เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับก่อลำต้น
ดังนั้นการผลิตเม็ดยาชนิดนี้ด้วยส่วนผสมธรรมดาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
แม้กระนั้นเขาก็รู้ว่าศิษย์ที่กลั่นสกัดยานี้อยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
ซึ่งสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเขานี้มันเป็นฝีมือที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก
เพียงแค่มองไปที่ความเชี่ยวชาญในการกลั่นสกัดยา จูเฉินเตา ก็ตกลงใจที่จะทำการตรวจสอบยาเม็ดสวีนฉีอย่างละเอียด
เนื่องจากยาสามัญชนิดนี้ไม่สามารถมีอิทธิพลกับเขาได้ แต่จูเฉินเตาก็จับยาขึ้นมาด้วยนิ้วมือและกินมัน
เขาเชื่อว่าวิธีที่เร็วที่สุดในการประเมินยาก็คือการใช้ปากของตัวเองเพื่อลิ้มรส
ทันทีที่มันเข้าไปในปากของเขา
ยาเม็ดสวีนฉีก็ละลายอย่างรวดเร็วและหายไปราวกับว่ามันเป็นอากาศ
เพียงไม่นานมันก็หายไปหมด จูเฉินเตารู้สึกตกตะลึง อย่าบอกข้าว่านี่คือผลของมัน?
สมุนไพรนี้มีชื่อว่ายาม็ดสวีนฉี แน่นอนว่ามันต้องมีจุดประสงค์
จูเฉินเตาคิดเรื่องนี้สักครู่และเห็นได้ชัดว่ามีความคิดบางอย่าง
เขาหยิบยาเม็ดสวีนฉีและเอาเข้าปากอีกครั้ง
มันเป็นครั้งหนึ่งที่ยาเม็ดนี้ได้ละลายอย่างรวดเร็วภายในปากของเขา แต่คราวนี้เขาได้ใช้จิตวิญญาณของเขาเพื่อที่จะรับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดเขาก็ค้นพบสิ่งที่แตกต่าง ในทันทีที่ยาเม็ดละลายภายในปากของเขา
ลำธารลมปราณที่อ่อนแอได้พยายามที่จะวิ่งเข้าไปในเส้นลมปราณของเขา
แต่มันก็หยุดด้วยพลังจิตวิญญาณของเขาเองและกระจายออกไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย
จูเฉินเตาเริ่มรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง
เขาคุ้นเคยกับความรู้สึกเมื่อครู่นี้ เมื่อกระแสของลมปราณโจมตีเส้นลมปราณของเขา
นี่เป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนที่เขารู้สึกได้ในสมัยที่เขาแทบจะยังไม่เริ่มบ่มเพาะ
และพยายามที่จะรับรู้ถึงพลังลมปราณ ใช่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงเรียกสิ่งนี้ว่ายาเม็ดสวีนฉี
ยาอายุวัฒนะนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์เพื่อค้นหาการรับรู้ของพลังลมปราณ
ไร้ประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะ? จูเฉินเตาไม่ได้ให้ความสำคัญมันเป็นพิเศษ
เขาเป็นอาจารย์แห่งหอโอสถ เมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์ทั่วๆไป
เขาต้องเปิดใจให้กว้างและควรพิจารณาถึงประโยชน์ที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์จะได้รับมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าความเข้มแข็งของนิกายจะเป็นอย่างไร
มันก็เนื่องมาจากเหล่าศิษย์ทั้งหลาย เริ่มจากเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ระดับต่ำสุด แล้วก็ศิษย์สายนอกและทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งศิษย์สายใน
และแม้แต่กับศิษย์สายตรง ความเหลื่อมล้ำในแต่ละชั้นจะเติบโตขึ้นจากชั้นล่างสู่ชั้นที่สูงขึ้นไป
อย่างไรก็ตามศิษย์ระดับต่ำสุดคือรากฐานของนิกาย
ความสามารถในการเติบโตของนิกายไม่ได้กำหนดโดยบุคคลผู้มีอำนาจมากที่สุดในนิกาย
แต่เป็นที่ยอมรับโดยเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ที่อยู่ระดับต่ำสุด
จูเฉินเตาเป็นคนที่มีประสบการณ์ดังนั้นเขาจึงตระหนักดีว่าการพยายามค้นหาความรู้สึกของลมปราณธรรมชาติ
ในขณะที่เตรียมเป็นศิษย์ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นทำการบ่มเพาะนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ถ้าในเวลานั้นพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากยาเม็ดสวีนฉีนี้
จูเฉินเตามั่นใจว่าเวลาที่เขาจะกลายเป็นศิษย์สายนอกอย่างน้อยก็ลดน้อยลงกึ่งหนึ่ง
ถ้าหากเวลาที่จะไปถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งสามารถลดได้ครึ่งหนึ่งสำหรับผู้เตรียมเป็นศิษย์
จำนวนของคนที่จะสามารถกลายเป็นศิษย์สายนอกก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ถ้ามีศิษย์สายนอกเป็นจำนวนมากนั่นก็หมายความว่าจำนวนศิษย์สายในก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
และจำนวนศิษย์ในระดับที่สูงขึ้นไปก็จะมีมากขึ้น
นิกายก็จะมีความแข็งแกร่งที่มากขึ้น
หลังจากที่เขาตระหนักถึงจุดนี้ จูเฉินเตาได้นำขวดยาเม็ดสวีนฉีไปหาผู้นำนิกายพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ในฐานะผู้นำนิกาย มุมมองของเขาในเรื่องนี้ย่อมต้องอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น
และในเวลาเดียวกันแววตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา
"ศิษย์คนนี้จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างเต็มที่!"
ผู้นำแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ตัดสินใจที่จะมอบรางวัลให้แก่หยางเฉิน
"นอกจากนี้ยาเม็ดสวีนฉีนี้จะต้องเป็นความลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า
นอกเหนือจากเราสองคน ศิษย์ของนิกายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์แห่งหอโอสถ ของเจ้า ความลับของยาเม็ดสวีนฉีนี้จะต้องไม่ถูกเปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกโดยง่าย
การมียาเม็ดสวีนฉีนี้ข้ามั่นใจอย่างแน่นอนว่าภายในหนึ่งร้อยปี
พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าจะสามารถยิ่งใหญ่ได้มากกว่านี้ได้อีกหลายเท่า!"
เมื่อพูดออกไปเช่นนั้น แม้แต่เสียงของผู้นำนิกายระดับผลิดอกก็เริ่มสั่นสะท้านออกมาด้วยความยินดี
อย่างไรก็ตาม ศิษย์สายนอกมีเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งอาจจะยังดูไม่ควรค่าที่ผู้นำนิกายจะไปแสดงตัวเอง
เพราะฉะนั้นจูเฉินเตาแห่งหอโอสถจึงอาสาไปหาหยางเฉินด้วยตัวเขาเอง
แม้แต่จูเฉินเตาเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้างในการทำภารกิจนี้
หลังจากการสุ่มตรวจตัวอย่างยาเม็ดสวีนฉีด้วยปากของเขาเอง เขารู้ว่ามันเกิดจากอะไร แม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงยา
หากได้รับส่วนผสมยาในแบบเดียวกัน เขาก็ยังไม่สามารถกลั่นสกัดยาเม็ดนี้ได้อย่างเทียบเทียม
หากพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ได้เห็นกระบวนการผลิตยาเม็ดสวีนฉี
แม้ว่าเขาจะได้เห็นขั้นตอนนี้แล้วก็ตาม
แต่เขาก็สามารถผลิตยาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้
สิ่งนี้ทำให้จูเฉินเตารู้สึกท้อแท้และตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
ส่วนผสมยาไม่มีผิดพลาด
ดังนั้นความล้มเหลวอาจจะอยู่ในปริมาณส่วนผสมของยาที่ใช้และความแม่นยำในเคล็ดวิชาการกลั่นสกัด
อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่เคยได้ยินเคล็ดวิชากลั่นสกัดนี้มาก่อน
จูเฉินเตารู้สึกอยากพบหยางเฉินเพื่อที่จะได้เห็นเคล็ดวิชาการกลั่นสกัดเม็ดยาด้วยตัวเขาเอง
ด้วยเหตุนี้ ภายในตำหนักเก้าปฐพีต่างงงงัน ปกติพวกเขามักจะได้ยินชื่อเสียงของ
อาจารย์จูเฉินเตาแห่งหอโอสถซึ่งอยู่ในระดับก่อลำต้น ผู้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่นี้แห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ในตอนนี้จูเฉินเตาได้รีบวิ่งไปยังตำหนักเก้าปฐพีเพื่อขอพบกับหยางเฉิน
การปรากฏตัวของผู้ที่ได้รับการยกย่องเช่นผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้นที่ยิ่งใหญ่นี้
ทำให้ทั้งตำหนักเก้าปฐพีเริ่มคึกคัก ราวกับสุนัขและไก่ที่กระโดดและบินได้
ใครจะคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น จะมาถึงตำหนักเก้าปฐพี
และอยากพบกับศิษย์สายนอกที่เพิ่งเข้ามาที่ตำหนักเก้าปฐพีเมื่อไม่นานมานี้?
ชูเฮิงผู้ซึ่งเป็นศิษย์สืบทอด
ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ดูแลครึ่งหนึ่งของตำหนักเก้าปฐพี ก็ได้ออกมายืนรอด้วยความสุภาพอยู่ใกล้ๆ
เมื่อได้ยินว่าจูเฉินเตาต้องการพบหยางเฉิน
แม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับก่อสร้างรากฐาน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากรู้สึกกระวนกระวายใจ ด้วยเหตุผลอะไรกันที่นักเล่นแร่แปรธาตุระดับก่อลำต้นต้องการที่จะพบกับศิษย์สายนอก?
แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยอยู่ภายในใจ ไม่ใช่เพียงความไม่พอใจที่เห็นได้บนใบหน้าของชูเฮิง
เขายังสั่งให้ศิษย์คนหนึ่งไปตามหยางเฉินเพื่อให้มาพบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
มันจะเป็นเรื่องตลกหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจะต้องลดตัวลงมาพบกับศิษย์สายนอก?
ในเวลานั้นหยางเฉินกำลังบ่มเพาะอยู่เช่นปกติ
ชีวิตของเขาในปัจจุบันนั้นเรียบง่ายและเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง
เช่นที่คนอื่นๆได้เห็นเขา ในทุกวัน
ในเวลาที่กำหนดเขาจะนั่งสมาธิและฝึกโคจรหมุนเวียนพลังลมปราณของเขา หลังจากนั้นเขาก็จะดำเนินชีวิตอยู่ภายในตำหนักเก้าปฐพี
บางครั้งเขาก็จะใช้จ่ายคะแนนสะสม ที่ได้รับมาด้วยความยากลำบากและแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่หอลี้ลับ
ทุกๆวันเขาจะนั่งสมาธิเพื่อฝึกโคจรพลังลมปราณของเขา
ในสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน มันดูเหมือนว่าเขาขี้เกียจอย่างสุดขั้ว
พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่ขี้เกียจมากเช่นเดียวกับหยางเฉินมาก่อน ประกอบกับมุมมองและความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจของชูเฮิง
คนอื่นๆที่ไม่ใช่ คนรับใช้ของหยางเฉินก็ไม่มีใครให้ความสนใจใดๆ กับเขา
แม้แต่ซุนไห่จิ้งที่ได้ออกจากการเก็บตัวฝึกมาเมื่อเร็วๆนี้
ก็ยังไม่ได้มีความเกลียดชังต่อเขาเช่นเมื่อก่อนหน้านี้ ในอีกด้านหนึ่ง ซุนไห่จิ้งผู้ซึ่งที่ได้รับการบ่มเพาะ
เพื่อก้าวไปข้างหน้าเขาดูเหมือนจะทำการปลดปล่อยเรื่องของหยางเฉินออกไปจากจิตใจของเขา
ในทางกลับกัน การไปวุ่นวายกับคนที่ขี้เกียจเช่นนี้
ก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกับสถานะของเขา
ความเฉื่อยชาของหยางเฉินที่แสดงออกมามากขึ้นทำให้การคุกคามที่มีต่อหยางเฉินก็น้อยลงไปด้วย
แต่ไม่มีใครรู้ว่า แม้หยางเฉินจะบ่มเพาะเพียงวันเดียวในรอบหนึ่งสัปดาห์
แต่ในความเป็นจริงในการหมุนโคจรเพียงรอบเดียวของเขา มันคือการบ่มเพาะหยินหยางทั้งห้าธาตุไปข้างหน้าและย้อนกลับ
ในทุกครั้งก่อนที่จะบ่มเพาะเขาก็จะกินผลไม้หยางล้ำเลิศ
แกนผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี บรรจุพลังจิตวิญญาณไว้ในตัว
ซึ่งอาจทำให้ผู้คนน้ำลายไหลได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถดูดซึมพลังยานี้ได้อย่างสมบูรณ์
ในสถานการณ์ที่เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุต่างกระตุ้นส่งเสริมกันและกัน การโคจรเพียงรอบเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการบ่มเพาะของหยางเฉิน
เพื่อไปถึงดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นสอง
อย่างไรก็ตามหยางเฉิน ไม่ได้รู้สึกพอใจกับพลังจิตวิญญาณ ที่เพิ่มขึ้นมา
เขาใช้เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับเพื่อให้ทั้งห้าธาตุปราบซึ่งกันและกัน
เพื่อให้พลังจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ถูกยับยั้งซึ่งกันและกัน
และทิ้งไว้แต่เพียงพลังที่บริสุทธิ์ไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นพลังที่หลงเหลือหลังจากที่บ่มเพาะเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับมันทำให้ระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินกลับมาสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งตามเดิม
เมื่อผ่านกระบวนการของเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุทั้งไปหน้าและถอยกลับ
พลังจิตวิญญาณในร่างกายของหยางเฉิน ได้ถูกทำให้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง
หยางเฉินรู้ว่าการกลั่นสกัดแบบนี้เป็นการดีที่สุดเมื่อเขาได้ไปถึงจุดสุดยอดของระดับรวบรวมลมปราณและพยายามที่จะทะลุสู่ระดับก่อสร้างรากฐานเขาก็ไม่ต้องชำระพลังจิตวิญญาณภายในร่างกายของเขา
คนนับไม่ถ้วนเมื่อมาถึงจุดคอขวดที่จุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณ
พวกเขาจะใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อเพิ่มพลังเวทของพวกเขาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเร่งให้ไปสู่จุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณ
คุณภาพพลังเวทที่เพิ่มขึ้นมันนั้นอยู่ห่างไกลจากคำว่าพอ
แต่หยางเฉินจะไม่มีปัญหาแบบนี้ด้วยทักษะการบ่มเพาะของเขา
เนื่องจากหยางเฉินกำลังแสดงพลังแห่งธาตุไฟ
โดยธรรมชาติเขาจะมุ่งเน้นที่คุณภาพของพลังจิตวิญญาณของธาตุไฟ
หลังจากที่ได้ย่อยสลายพลังจากผลไม้หยางล้ำเลิศแล้ว
หยางเฉินสามารถเพิ่มพลังจิตวิญญาณของธาตุไฟและสะท้อนมันไปข้างนอกได้
เพื่อให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังลมปราณธาตุไฟที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา
ในทุกๆวันของการบ่มเพาะโคจรเพียงรอบเดียวอย่างสมบูรณ์
มันก็เพียงพอแล้วสำหรับหยางเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะผลไม้หยางล้ำเลิศ
พลังจิตวิญญาณที่เขาบ่มเพาะในระหว่างการฝึกจะมีเพียงเล็กน้อยจนสามารถมองข้ามได้ง่าย
หยางเฉินไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาในการทำงานหนักเช่นนี้
คนอื่นอาจดูเหมือนว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ
"การบ่มเพาะโดยไม่มีความเข้าใจและเพียรพยายามบ่มเพาะแต่อย่างเดียว
มันไม่ได้เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง"
เซิ่นต้าและคนรับใช้คนอื่นๆต่างรู้สึกสงสัย
ก่อนที่จะเข้ามาที่ตำหนักเก้าปฐพี หยางเฉินไม่ได้เป็นคนแบบนี้ เพราะเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปหลังจากที่มาที่นี่
หยางเฉินดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา หยางเฉินได้อธิบายว่า
"ถ้าเพียงแค่การพยายามที่จะบ่มเพาะสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จได้แล้ว
ทำไมนิกายยังคงสนับสนุนให้ศิษย์ออกเดินทางไปข้างนอก กลั่นสกัดยาอมตะ ปรับแต่งเครื่องมือและแม้กระทั่งทำงานที่แปลกใหม่เพื่อแลกกับคะแนนสะสมของนิกาย
และยังอนุญาตให้ศิษย์พักผ่อนหลังจากทำการบ่มเพาะ?"
ภายใต้อิทธิพลของหยางเฉิน เซิ่นต้า หูหลินและคนอื่นๆ
ทำการบ่มเพาะโคจรถึงเก้ารอบภายในหนึ่งวัน นี่คือขีดจำกัดของพวกเขา
ในช่วงเวลาที่เหลือนอกเหนือจากการดูแลหยางเฉิน พวกเขาก็รับทำภารกิจภายในตำหนักเก้าปฐพีเพื่อแลกกับคะแนนสะสมของนิกาย
หยางเฉินและคนรับใช้ของเขาได้กลายเป็นสิ่งที่ผิดปกติแตกต่างไปจากคนอื่นภายในตำหนักเก้าปฐพี
ตั้งแต่จูเฉินเตาต้องการที่จะพบหยางเฉิน
ศิษย์คนหนึ่งได้ถูกส่งไปเพื่อขอให้หยางเฉินเข้ามาพบกับเขา
มันก็เกิดขึ้นที่ในขณะที่หยางเฉินเพิ่งจะออกไปเดินเล่น ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคนที่เรียกหาเขา
เขาจึงรีบวิ่งไปหา ในระหว่างทางหยางเฉินสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติ ความรู้สึกที่ของความสง่างามต่อหน้าราชันภายใต้สวรรค์ที่ยากจะเปิดเผยออกมา
การค้นพบความสง่างามที่ยิ่งใหญ่นี้
มันกระตุ้นความรู้สึกของหยางเฉินให้เกิดขึ้น
แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆออกมา เมื่อเขาเดินตามศิษย์ที่มาตามเขา ผู้ซึ่งกำลังเดินถึงหอโอสถ
จูเฉินเตาไม่ได้กลั้นลมหายใจของตัวเอง ดังนั้นมันจึงถูกปลดปล่อยออกมาตามธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามความยิ่งใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น
ทำให้ผู้คนที่ปรากฏในบริเวณใกล้เคียงต่างโค้งคำนับ
ศิษย์ที่กำลังรออยู่ทุกคนหายใจเข้าลึกๆ
แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองจูเฉินเตา
หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
"หยางเฉิน
เจ้ายังไม่ได้แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสอีกหรือ?"
ในระยะทางไกลได้ยินเสียงตะโกนของชูเฮิงดังออกมา
หยางเฉินไม่กล้าที่เพิกเฉย เขาทำความเคารพต่อหน้าจูเฉินเตา
ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดอะไรออกมา จูเฉินเตาได้มาถึงที่ด้านหน้าเขาในทันที
และแตะที่ไหล่ของหยางเฉิน จูเฉินเตาถามเสียงดังออกไปว่า
"เจ้าคือหยางเฉิน?
ยาเม็ดนี้ถูกกลั่นสกัดโดยเจ้าใช่หรือไม่?"
"ใช่
เป็นข้าเอง ผู้อาวุโส!"
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา หยางเฉินรู้ดีว่าจูเฉินเตาเป็นคนที่กระตือรือร้นในการกลั่นสกัดยา
เขาได้กลั่นสกัดยาเม็ดสวีนฉี เพื่อยกระดับความสำคัญของเขาในหอโอสถ
ตอนแรกเขาได้วางแผนที่จะกลั่นสกัดยาอายุวัฒนะที่มีคุณภาพระดับสูง เพื่อให้
จูเฉินเตาได้สังเกตเห็นเขา แต่เขาไม่คาดคิดว่า จูเฉินเตาจะมาหาเขาในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้
"กลั่นสกัดมันต่อหน้าข้า!"
โดยไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม จูเฉินเตาสั่งไปที่หยางเฉินโดยตรง
เพื่อให้เริ่มต้นกลั่นสกัดยาต่อหน้าเขา เมื่อทุกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเรื่องนี้
ทุกคนต่างรู้สึกมึนงง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นได้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอันน้อยนิดของเขา
มันแทบจะทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ที่นี่?”
หยางเฉินรู้สึกตกใจหลังจากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ
"ผู้อาวุโส
สถานที่นี้มีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ซึ่งมันไม่เหมาะสำหรับการทำสมาธิ
เพื่อทำการกลั่นสกัดยาอมตะ เราควรเปลี่ยนสถานที่!"
ขณะที่พูดเขาชำเลืองตามองไปที่ชูเฮิงที่อยู่ทางหางตาของเขา มันชัดเจนเป็นอย่างมากว่า
'ผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่' นั้นเขาหมายถึงชูเฮิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น