เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 029 ยาเม็ดที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นสิ่งที่สำคัญ

อาจารย์แห่งหอโอสถเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีบุคลิกแปลกประหลาดจากคนอื่นในพระราชวังหยางบริสุทธิ์  ตลอดชีวิตของเขา เขาได้ศึกษาค้นคว้าอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุและยาที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งชะลอการบ่มเพาะของตัวเอง ถ้าเขาไม่ได้รับยาอายุวัฒนะจำนวนมาก มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเข้าสู่ระดับก่อลำต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ความก้าวหน้าของเขาที่ได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ

สองสามวันนี้มานี้ จูเฉินเตากำลังค้นคว้าหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาการกลั่นสกัดยาที่ยุ่งยาก เมื่อได้ยินศิษย์รุ่นน้องบางคนกำลังพูดถึงผลรายงานของยาอายุวัฒนะชนิดใหม่ว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะที่ไม่ช่วยในการบ่มเพาะและยังไม่มีผลต่อการบริโภคอีก มันทำให้เขารู้สึกสับสน

เมื่อพยายามเจาะเข้าไปในปัญหาที่ยากลำบากเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขมัน พวกเขาอาจที่จะพยายามมองจากมุมมองที่แตกต่างออกไป บางทีพวกเขาอาจจะได้รับข้อมูลเชิงลึกอย่างฉับพลัน จูเฉินเตาก็มีความเห็นเช่นนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเรียกศิษย์น้องเข้ามาเพื่อจะได้สอบถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับยาเม็ดสวีนฉีนี้

ถ้ามันไร้ประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะแล้วมันมีประโยชน์ในด้านใด? จูเฉินเตารู้สึกสับสน อย่างไรก็เนื่องจากยาอายุวัฒนะนี้ได้ถูกเก็บเอาไว้เพื่อรับการประเมิน และจูเฉินเตาต้องทำการตรวจสอบ เขาจึงจะสามารถรู้ว่ามันเอาไว้ใช้กับอะไร

เมื่อเห็นว่าอาจารย์จากหอโอสถได้มาปรากฏขึ้นที่สาขาย่อยตำหนักเก้าปฐพี ศิษย์น้องทั้งหลายก็รีบนำยาอายุวัฒนะไปให้เขาและอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับยานี้ให้เขารับทราบ เช่นความจริงที่ว่ายานี้ไม่สามารถใช้กับผู้บ่มเพาะ และยาอายุวัฒนะนี้กลั่นสกัดด้วยศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณ

เพียงแค่ถือยาเม็ดอายุวัฒนะไว้สักครู่ จูเฉินเตาก็สามารถตรวจสอบได้ถึงเก้าในสิบส่วนของส่วนผสมยา เขาสามารถระบุสมุนไพรบางอย่างได้จากสีที่ปรากฏอยู่บนผิวของพวกมัน เก้าในสิบของวัตถุดิบในยาเม็ดนี้เป็นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป นั่นอาจกล่าวได้ว่าพวกมันทั้งหมดถูกใช้โดยปุถุชนทั่วๆไป มันไม่ได้ใช้แม้แต่สมุนไพรระดับสูงในการกลั่นสกัด

เขารู้สึกผิดหวัง จูเฉินเตาหันกลับมามองที่ยาเม็ดสวีนฉีอีกครั้ง จู่ๆเขาก็ค้นพบความผิดปกติเล็กน้อย ยาเม็ดนี้ถูกกลั่นสกัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และมันไม่ได้มีกลิ่นยาหลุดรอดออกมาแม้แต่น้อย เพียงแค่คุณลักษณะนี้มันก็ทำให้จูเฉินเตารู้สึกว่าตัวเขาอ่อนด้อย เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับก่อลำต้น ดังนั้นการผลิตเม็ดยาชนิดนี้ด้วยส่วนผสมธรรมดาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แม้กระนั้นเขาก็รู้ว่าศิษย์ที่กลั่นสกัดยานี้อยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเขานี้มันเป็นฝีมือที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก

เพียงแค่มองไปที่ความเชี่ยวชาญในการกลั่นสกัดยา จูเฉินเตา ก็ตกลงใจที่จะทำการตรวจสอบยาเม็ดสวีนฉีอย่างละเอียด เนื่องจากยาสามัญชนิดนี้ไม่สามารถมีอิทธิพลกับเขาได้ แต่จูเฉินเตาก็จับยาขึ้นมาด้วยนิ้วมือและกินมัน เขาเชื่อว่าวิธีที่เร็วที่สุดในการประเมินยาก็คือการใช้ปากของตัวเองเพื่อลิ้มรส

ทันทีที่มันเข้าไปในปากของเขา ยาเม็ดสวีนฉีก็ละลายอย่างรวดเร็วและหายไปราวกับว่ามันเป็นอากาศ เพียงไม่นานมันก็หายไปหมด จูเฉินเตารู้สึกตกตะลึง อย่าบอกข้าว่านี่คือผลของมัน?

สมุนไพรนี้มีชื่อว่ายาม็ดสวีนฉี แน่นอนว่ามันต้องมีจุดประสงค์ จูเฉินเตาคิดเรื่องนี้สักครู่และเห็นได้ชัดว่ามีความคิดบางอย่าง เขาหยิบยาเม็ดสวีนฉีและเอาเข้าปากอีกครั้ง

มันเป็นครั้งหนึ่งที่ยาเม็ดนี้ได้ละลายอย่างรวดเร็วภายในปากของเขา แต่คราวนี้เขาได้ใช้จิตวิญญาณของเขาเพื่อที่จะรับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดเขาก็ค้นพบสิ่งที่แตกต่าง ในทันทีที่ยาเม็ดละลายภายในปากของเขา ลำธารลมปราณที่อ่อนแอได้พยายามที่จะวิ่งเข้าไปในเส้นลมปราณของเขา  แต่มันก็หยุดด้วยพลังจิตวิญญาณของเขาเองและกระจายออกไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย

จูเฉินเตาเริ่มรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เขาคุ้นเคยกับความรู้สึกเมื่อครู่นี้ เมื่อกระแสของลมปราณโจมตีเส้นลมปราณของเขา นี่เป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนที่เขารู้สึกได้ในสมัยที่เขาแทบจะยังไม่เริ่มบ่มเพาะ และพยายามที่จะรับรู้ถึงพลังลมปราณ ใช่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงเรียกสิ่งนี้ว่ายาเม็ดสวีนฉี ยาอายุวัฒนะนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์เพื่อค้นหาการรับรู้ของพลังลมปราณ

ไร้ประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะ? จูเฉินเตาไม่ได้ให้ความสำคัญมันเป็นพิเศษ เขาเป็นอาจารย์แห่งหอโอสถ เมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์ทั่วๆไป เขาต้องเปิดใจให้กว้างและควรพิจารณาถึงประโยชน์ที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์จะได้รับมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าความเข้มแข็งของนิกายจะเป็นอย่างไร มันก็เนื่องมาจากเหล่าศิษย์ทั้งหลาย เริ่มจากเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ระดับต่ำสุด แล้วก็ศิษย์สายนอกและทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งศิษย์สายใน และแม้แต่กับศิษย์สายตรง ความเหลื่อมล้ำในแต่ละชั้นจะเติบโตขึ้นจากชั้นล่างสู่ชั้นที่สูงขึ้นไป อย่างไรก็ตามศิษย์ระดับต่ำสุดคือรากฐานของนิกาย ความสามารถในการเติบโตของนิกายไม่ได้กำหนดโดยบุคคลผู้มีอำนาจมากที่สุดในนิกาย แต่เป็นที่ยอมรับโดยเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ที่อยู่ระดับต่ำสุด

จูเฉินเตาเป็นคนที่มีประสบการณ์ดังนั้นเขาจึงตระหนักดีว่าการพยายามค้นหาความรู้สึกของลมปราณธรรมชาติ ในขณะที่เตรียมเป็นศิษย์ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นทำการบ่มเพาะนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าในเวลานั้นพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากยาเม็ดสวีนฉีนี้ จูเฉินเตามั่นใจว่าเวลาที่เขาจะกลายเป็นศิษย์สายนอกอย่างน้อยก็ลดน้อยลงกึ่งหนึ่ง

ถ้าหากเวลาที่จะไปถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งสามารถลดได้ครึ่งหนึ่งสำหรับผู้เตรียมเป็นศิษย์ จำนวนของคนที่จะสามารถกลายเป็นศิษย์สายนอกก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ถ้ามีศิษย์สายนอกเป็นจำนวนมากนั่นก็หมายความว่าจำนวนศิษย์สายในก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และจำนวนศิษย์ในระดับที่สูงขึ้นไปก็จะมีมากขึ้น นิกายก็จะมีความแข็งแกร่งที่มากขึ้น

หลังจากที่เขาตระหนักถึงจุดนี้ จูเฉินเตาได้นำขวดยาเม็ดสวีนฉีไปหาผู้นำนิกายพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ในฐานะผู้นำนิกาย มุมมองของเขาในเรื่องนี้ย่อมต้องอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น และในเวลาเดียวกันแววตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา

"ศิษย์คนนี้จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างเต็มที่!" ผู้นำแห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ตัดสินใจที่จะมอบรางวัลให้แก่หยางเฉิน

"นอกจากนี้ยาเม็ดสวีนฉีนี้จะต้องเป็นความลับของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้า นอกเหนือจากเราสองคน ศิษย์ของนิกายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์แห่งหอโอสถ ของเจ้า ความลับของยาเม็ดสวีนฉีนี้จะต้องไม่ถูกเปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกโดยง่าย การมียาเม็ดสวีนฉีนี้ข้ามั่นใจอย่างแน่นอนว่าภายในหนึ่งร้อยปี พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของข้าจะสามารถยิ่งใหญ่ได้มากกว่านี้ได้อีกหลายเท่า!" เมื่อพูดออกไปเช่นนั้น แม้แต่เสียงของผู้นำนิกายระดับผลิดอกก็เริ่มสั่นสะท้านออกมาด้วยความยินดี

อย่างไรก็ตาม ศิษย์สายนอกมีเพียงแค่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งอาจจะยังดูไม่ควรค่าที่ผู้นำนิกายจะไปแสดงตัวเอง เพราะฉะนั้นจูเฉินเตาแห่งหอโอสถจึงอาสาไปหาหยางเฉินด้วยตัวเขาเอง

แม้แต่จูเฉินเตาเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้างในการทำภารกิจนี้ หลังจากการสุ่มตรวจตัวอย่างยาเม็ดสวีนฉีด้วยปากของเขาเอง เขารู้ว่ามันเกิดจากอะไร แม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงยา หากได้รับส่วนผสมยาในแบบเดียวกัน เขาก็ยังไม่สามารถกลั่นสกัดยาเม็ดนี้ได้อย่างเทียบเทียม

หากพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ได้เห็นกระบวนการผลิตยาเม็ดสวีนฉี แม้ว่าเขาจะได้เห็นขั้นตอนนี้แล้วก็ตาม แต่เขาก็สามารถผลิตยาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ สิ่งนี้ทำให้จูเฉินเตารู้สึกท้อแท้และตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

ส่วนผสมยาไม่มีผิดพลาด ดังนั้นความล้มเหลวอาจจะอยู่ในปริมาณส่วนผสมของยาที่ใช้และความแม่นยำในเคล็ดวิชาการกลั่นสกัด อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่เคยได้ยินเคล็ดวิชากลั่นสกัดนี้มาก่อน จูเฉินเตารู้สึกอยากพบหยางเฉินเพื่อที่จะได้เห็นเคล็ดวิชาการกลั่นสกัดเม็ดยาด้วยตัวเขาเอง

ด้วยเหตุนี้ ภายในตำหนักเก้าปฐพีต่างงงงัน ปกติพวกเขามักจะได้ยินชื่อเสียงของ อาจารย์จูเฉินเตาแห่งหอโอสถซึ่งอยู่ในระดับก่อลำต้น ผู้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่นี้แห่งพระราชวังหยางบริสุทธิ์ ในตอนนี้จูเฉินเตาได้รีบวิ่งไปยังตำหนักเก้าปฐพีเพื่อขอพบกับหยางเฉิน

การปรากฏตัวของผู้ที่ได้รับการยกย่องเช่นผู้เชียวชาญระดับก่อลำต้นที่ยิ่งใหญ่นี้ ทำให้ทั้งตำหนักเก้าปฐพีเริ่มคึกคัก ราวกับสุนัขและไก่ที่กระโดดและบินได้ ใครจะคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น จะมาถึงตำหนักเก้าปฐพี และอยากพบกับศิษย์สายนอกที่เพิ่งเข้ามาที่ตำหนักเก้าปฐพีเมื่อไม่นานมานี้?

ชูเฮิงผู้ซึ่งเป็นศิษย์สืบทอด ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ดูแลครึ่งหนึ่งของตำหนักเก้าปฐพี ก็ได้ออกมายืนรอด้วยความสุภาพอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ยินว่าจูเฉินเตาต้องการพบหยางเฉิน แม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับก่อสร้างรากฐาน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรู้สึกกระวนกระวายใจ ด้วยเหตุผลอะไรกันที่นักเล่นแร่แปรธาตุระดับก่อลำต้นต้องการที่จะพบกับศิษย์สายนอก?


แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยอยู่ภายในใจ ไม่ใช่เพียงความไม่พอใจที่เห็นได้บนใบหน้าของชูเฮิง เขายังสั่งให้ศิษย์คนหนึ่งไปตามหยางเฉินเพื่อให้มาพบผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น มันจะเป็นเรื่องตลกหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นจะต้องลดตัวลงมาพบกับศิษย์สายนอก?

ในเวลานั้นหยางเฉินกำลังบ่มเพาะอยู่เช่นปกติ ชีวิตของเขาในปัจจุบันนั้นเรียบง่ายและเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง เช่นที่คนอื่นๆได้เห็นเขา ในทุกวัน ในเวลาที่กำหนดเขาจะนั่งสมาธิและฝึกโคจรหมุนเวียนพลังลมปราณของเขา หลังจากนั้นเขาก็จะดำเนินชีวิตอยู่ภายในตำหนักเก้าปฐพี บางครั้งเขาก็จะใช้จ่ายคะแนนสะสม ที่ได้รับมาด้วยความยากลำบากและแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่หอลี้ลับ

ทุกๆวันเขาจะนั่งสมาธิเพื่อฝึกโคจรพลังลมปราณของเขา ในสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน มันดูเหมือนว่าเขาขี้เกียจอย่างสุดขั้ว พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่ขี้เกียจมากเช่นเดียวกับหยางเฉินมาก่อน ประกอบกับมุมมองและความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจของชูเฮิง คนอื่นๆที่ไม่ใช่ คนรับใช้ของหยางเฉินก็ไม่มีใครให้ความสนใจใดๆ กับเขา

แม้แต่ซุนไห่จิ้งที่ได้ออกจากการเก็บตัวฝึกมาเมื่อเร็วๆนี้ ก็ยังไม่ได้มีความเกลียดชังต่อเขาเช่นเมื่อก่อนหน้านี้ ในอีกด้านหนึ่ง ซุนไห่จิ้งผู้ซึ่งที่ได้รับการบ่มเพาะ เพื่อก้าวไปข้างหน้าเขาดูเหมือนจะทำการปลดปล่อยเรื่องของหยางเฉินออกไปจากจิตใจของเขา ในทางกลับกัน การไปวุ่นวายกับคนที่ขี้เกียจเช่นนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกับสถานะของเขา ความเฉื่อยชาของหยางเฉินที่แสดงออกมามากขึ้นทำให้การคุกคามที่มีต่อหยางเฉินก็น้อยลงไปด้วย

แต่ไม่มีใครรู้ว่า แม้หยางเฉินจะบ่มเพาะเพียงวันเดียวในรอบหนึ่งสัปดาห์ แต่ในความเป็นจริงในการหมุนโคจรเพียงรอบเดียวของเขา มันคือการบ่มเพาะหยินหยางทั้งห้าธาตุไปข้างหน้าและย้อนกลับ ในทุกครั้งก่อนที่จะบ่มเพาะเขาก็จะกินผลไม้หยางล้ำเลิศ

แกนผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี บรรจุพลังจิตวิญญาณไว้ในตัว ซึ่งอาจทำให้ผู้คนน้ำลายไหลได้ แม้ว่ามันจะไม่สามารถดูดซึมพลังยานี้ได้อย่างสมบูรณ์ ในสถานการณ์ที่เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุต่างกระตุ้นส่งเสริมกันและกัน การโคจรเพียงรอบเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการบ่มเพาะของหยางเฉิน เพื่อไปถึงดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นสอง

อย่างไรก็ตามหยางเฉิน ไม่ได้รู้สึกพอใจกับพลังจิตวิญญาณ ที่เพิ่มขึ้นมา เขาใช้เคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับเพื่อให้ทั้งห้าธาตุปราบซึ่งกันและกัน เพื่อให้พลังจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ถูกยับยั้งซึ่งกันและกัน และทิ้งไว้แต่เพียงพลังที่บริสุทธิ์ไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นพลังที่หลงเหลือหลังจากที่บ่มเพาะเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับมันทำให้ระดับการบ่มเพาะของหยางเฉินกลับมาสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งตามเดิม

เมื่อผ่านกระบวนการของเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตุทั้งไปหน้าและถอยกลับ พลังจิตวิญญาณในร่างกายของหยางเฉิน ได้ถูกทำให้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง หยางเฉินรู้ว่าการกลั่นสกัดแบบนี้เป็นการดีที่สุดเมื่อเขาได้ไปถึงจุดสุดยอดของระดับรวบรวมลมปราณและพยายามที่จะทะลุสู่ระดับก่อสร้างรากฐานเขาก็ไม่ต้องชำระพลังจิตวิญญาณภายในร่างกายของเขา

คนนับไม่ถ้วนเมื่อมาถึงจุดคอขวดที่จุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณ พวกเขาจะใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อเพิ่มพลังเวทของพวกเขาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเร่งให้ไปสู่จุดสูงสุดของดินแดนรวบรวมลมปราณ คุณภาพพลังเวทที่เพิ่มขึ้นมันนั้นอยู่ห่างไกลจากคำว่าพอ แต่หยางเฉินจะไม่มีปัญหาแบบนี้ด้วยทักษะการบ่มเพาะของเขา

เนื่องจากหยางเฉินกำลังแสดงพลังแห่งธาตุไฟ โดยธรรมชาติเขาจะมุ่งเน้นที่คุณภาพของพลังจิตวิญญาณของธาตุไฟ หลังจากที่ได้ย่อยสลายพลังจากผลไม้หยางล้ำเลิศแล้ว หยางเฉินสามารถเพิ่มพลังจิตวิญญาณของธาตุไฟและสะท้อนมันไปข้างนอกได้ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังลมปราณธาตุไฟที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา

ในทุกๆวันของการบ่มเพาะโคจรเพียงรอบเดียวอย่างสมบูรณ์ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับหยางเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะผลไม้หยางล้ำเลิศ พลังจิตวิญญาณที่เขาบ่มเพาะในระหว่างการฝึกจะมีเพียงเล็กน้อยจนสามารถมองข้ามได้ง่าย หยางเฉินไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาในการทำงานหนักเช่นนี้ คนอื่นอาจดูเหมือนว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ

"การบ่มเพาะโดยไม่มีความเข้าใจและเพียรพยายามบ่มเพาะแต่อย่างเดียว มันไม่ได้เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง"

เซิ่นต้าและคนรับใช้คนอื่นๆต่างรู้สึกสงสัย ก่อนที่จะเข้ามาที่ตำหนักเก้าปฐพี หยางเฉินไม่ได้เป็นคนแบบนี้ เพราะเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปหลังจากที่มาที่นี่ หยางเฉินดูเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา หยางเฉินได้อธิบายว่า "ถ้าเพียงแค่การพยายามที่จะบ่มเพาะสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จได้แล้ว ทำไมนิกายยังคงสนับสนุนให้ศิษย์ออกเดินทางไปข้างนอก กลั่นสกัดยาอมตะ ปรับแต่งเครื่องมือและแม้กระทั่งทำงานที่แปลกใหม่เพื่อแลกกับคะแนนสะสมของนิกาย และยังอนุญาตให้ศิษย์พักผ่อนหลังจากทำการบ่มเพาะ?"

ภายใต้อิทธิพลของหยางเฉิน เซิ่นต้า หูหลินและคนอื่นๆ ทำการบ่มเพาะโคจรถึงเก้ารอบภายในหนึ่งวัน นี่คือขีดจำกัดของพวกเขา ในช่วงเวลาที่เหลือนอกเหนือจากการดูแลหยางเฉิน พวกเขาก็รับทำภารกิจภายในตำหนักเก้าปฐพีเพื่อแลกกับคะแนนสะสมของนิกาย หยางเฉินและคนรับใช้ของเขาได้กลายเป็นสิ่งที่ผิดปกติแตกต่างไปจากคนอื่นภายในตำหนักเก้าปฐพี

ตั้งแต่จูเฉินเตาต้องการที่จะพบหยางเฉิน ศิษย์คนหนึ่งได้ถูกส่งไปเพื่อขอให้หยางเฉินเข้ามาพบกับเขา มันก็เกิดขึ้นที่ในขณะที่หยางเฉินเพิ่งจะออกไปเดินเล่น ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคนที่เรียกหาเขา เขาจึงรีบวิ่งไปหา ในระหว่างทางหยางเฉินสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติ ความรู้สึกที่ของความสง่างามต่อหน้าราชันภายใต้สวรรค์ที่ยากจะเปิดเผยออกมา

การค้นพบความสง่างามที่ยิ่งใหญ่นี้ มันกระตุ้นความรู้สึกของหยางเฉินให้เกิดขึ้น แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆออกมา เมื่อเขาเดินตามศิษย์ที่มาตามเขา ผู้ซึ่งกำลังเดินถึงหอโอสถ

จูเฉินเตาไม่ได้กลั้นลมหายใจของตัวเอง ดังนั้นมันจึงถูกปลดปล่อยออกมาตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามความยิ่งใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้น ทำให้ผู้คนที่ปรากฏในบริเวณใกล้เคียงต่างโค้งคำนับ ศิษย์ที่กำลังรออยู่ทุกคนหายใจเข้าลึกๆ แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองจูเฉินเตา หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

"หยางเฉิน เจ้ายังไม่ได้แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสอีกหรือ?"

ในระยะทางไกลได้ยินเสียงตะโกนของชูเฮิงดังออกมา

หยางเฉินไม่กล้าที่เพิกเฉย เขาทำความเคารพต่อหน้าจูเฉินเตา ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดอะไรออกมา จูเฉินเตาได้มาถึงที่ด้านหน้าเขาในทันที และแตะที่ไหล่ของหยางเฉิน จูเฉินเตาถามเสียงดังออกไปว่า

"เจ้าคือหยางเฉิน? ยาเม็ดนี้ถูกกลั่นสกัดโดยเจ้าใช่หรือไม่?"

"ใช่ เป็นข้าเอง ผู้อาวุโส!"

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา หยางเฉินรู้ดีว่าจูเฉินเตาเป็นคนที่กระตือรือร้นในการกลั่นสกัดยา เขาได้กลั่นสกัดยาเม็ดสวีนฉี เพื่อยกระดับความสำคัญของเขาในหอโอสถ ตอนแรกเขาได้วางแผนที่จะกลั่นสกัดยาอายุวัฒนะที่มีคุณภาพระดับสูง เพื่อให้ จูเฉินเตาได้สังเกตเห็นเขา แต่เขาไม่คาดคิดว่า จูเฉินเตาจะมาหาเขาในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้

"กลั่นสกัดมันต่อหน้าข้า!"

โดยไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม จูเฉินเตาสั่งไปที่หยางเฉินโดยตรง เพื่อให้เริ่มต้นกลั่นสกัดยาต่อหน้าเขา เมื่อทุกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเรื่องนี้ ทุกคนต่างรู้สึกมึนงง ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นได้แสดงให้เห็นถึงความอดทนอันน้อยนิดของเขา มันแทบจะทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ที่นี่?”
หยางเฉินรู้สึกตกใจหลังจากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ

"ผู้อาวุโส สถานที่นี้มีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ซึ่งมันไม่เหมาะสำหรับการทำสมาธิ เพื่อทำการกลั่นสกัดยาอมตะ เราควรเปลี่ยนสถานที่!"


ขณะที่พูดเขาชำเลืองตามองไปที่ชูเฮิงที่อยู่ทางหางตาของเขา มันชัดเจนเป็นอย่างมากว่า 'ผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่' นั้นเขาหมายถึงชูเฮิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น