ในทันใดนั้นซุนไห่จิ้งก็มองเห็นหยางเฉินกำลังเดินเข้ามา สีหน้าของซุนไห่จิ้งบิดเบี้ยว
ราวกับว่ามีคนกำลังเหยียบย่ำอยู่บนใบหน้าของเขา
ข่าวการปรากฏตัวของนักบ่มเพาะอันธพาลที่ซุ่มโจมตีศิษย์สายนอกบนถนนที่เชื่อมระหว่างตำหนักเย่ซิวและตำหนักเก้าปฐพีได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
โดยกลุ่มคนทั้งคนรับใช้จากตำหนักเก้าปฐพีและสี่คนรับใช้จากตำหนักเย่ซิว เป็นที่แน่นอนว่าข่าวนี้ทำให้คนของพระราชวงศ์หยางบริสุทธิ์โกรธและบรรดานักบ่มเพาะที่เป็นอันธพาลในบริเวณรอบกว้างออกไปราวสองพันลี้ของภูเขาเหมยชิงจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
ถึงแม้ว่าซุนไห่จิ้งจะระมัดระวังในการติดต่อกับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกที่เป็นอันธพาล
ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียด เขาและชูเฮิงอาจถูกสงสัยได้ ในเวลานั้นถ้าพวกเขาถูกเปิดเผย
ชูเฮิงจะผลักดันโทษทั้งหมดให้กับซุนไห่จิ้งอย่างแน่นอน
เมื่อซุนไห่จิ้งคิดถึงประเด็นนี้ มันทำให้เขารู้สึกราวกับตกอยู่ในกับดักของตัวเอง
ใครจะคิดได้ว่านักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกไม่สามารถเอาชนะนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งได้? แม้ว่าจะมีคนรับใช้ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ขั้นสามถึงห้าคนอยู่ในฝั่งตรงข้าม
แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับนักบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหกได้ ความแตกต่างของระดับบ่มเพาะมีถึงห้าขั้นนั้นมันมีความแตกต่างเช่นเดียวกันกับน้ำหนักหนึ่งจินกับสามพันห้าร้อยจิน
มันเป็นความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพี
การเดินทางจากขอบของภูเขาไปยังทางเข้าของตำหนักเก้าปฐพี มันใช้เวลาอยู่บ้าง
เช่นเดียวกับลูกศรที่ถูกยิงตามหลังกระต่าย ซุนไห่จิ้งวิ่งไปยังตำหนักเก้าปฐพีเพื่อแจ้งให้ชูเฮิง
ทราบเกี่ยวกับข่าวนี้
"รักษาความสงบ อย่าสร้างปัญหา!"
ชูเฮิงกวาดสายตาไปที่ซุนไห่จิ้งพร้อกับส่งเสียงเย็นชาออกไป
"นักฆ่าคนนั้นตายไปแล้วจึงไม่มีหลักฐานอะไร เจ้าจะต้องกลัวอะไร?"
เมื่อชูเฮิงชี้ให้เห็นถึงจุดนี้ ซุนไห่จิ้งจึงสามารถสงบลง หลังจากที่หยางเฉินมาถึงตำหนักเก้าปฐพี
เขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อมองไปที่ซุนไห่จิ้งสายตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น
แต่ไม่มีใครสามารถเข้าใจพฤติกรรมนี้ได้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ซุนไห่จิ้งผู้ซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับรวบรรวมลมปราณขั้นสามไม่สามารถทำอะไรได้และเพิ่งเข้ารับการเก็บตัวเพื่อทะลุผ่านขั้นที่สี่
ยิ่งไปกว่านั้นตามการประเมินของชูเฮิงคราวนี้มันเป็นไปได้มากว่าเขาจะผ่านมันไปได้
"ใครกล้าที่จะแตะศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์แห่งภูเขาเหมยชิง?"
หลังจากได้รับข่าวการว่าหยางเฉินผู้เป็นศิษย์สายนอกคนใหม่ถูกซุ่มโจมตี
ทุกคนที่อยู่ในระดับสูงของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ต่างรู้สึกโกรธแม้ว่าบรรพบุรุษระดับผลิดอกจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อลำต้นหลายคนต่างเริ่มที่จะส่งเสียงไม่พอใจออกมา
ถ้าศิษย์ของนิกายใดๆ ถูกโจมตีโดยคนนอก ในเขตปกครองของตนเอง มันเป็นการตบหน้านิกายอย่างแรงตั้งแต่บนลงล่าง
มันทำให้ทุกคนรู้สึกโกรธ ศิษย์วิหารพิทักษ์กฏทั้งหมดภายใต้การนำของอาจารย์ระดับก่อลำต้นได้ออกไปนอกพระราชวังหยางบริสุทธิ์เพื่อดำเนินการตรวจสอบทุกคนภายในวงกว้าง
รอบๆภูเขาเหมยชิงสองพันลี้ นักบ่มเพาะอันธพาลทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ ต่างทำราวกับว่าพวกเขากำลังไว้ทุกข์ให้กับมารดาของพวกเขาที่เสียชีวิต
ทุกวันพวกเขามีอาการวิตกกังวลและมีสีหน้าที่เจ็บปวด ภายใต้ความโกรธของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
"นักฆ่าคนนั้นใช้เวทอาคม?"
ตูเชี่ยนผู้ซึ่งคุ้นเคยกับหยางเฉิน ได้นำหยางเฉินไปที่วิหารพิทักษ์กฏ เพื่อพูดคุยและหาข้อมูลเบื้องต้น
ก่อนที่จะออกไปจับคนบงการ ในขณะที่หยางเฉินนั่งอยู่ที่ด้านหน้าตูเชี่ยน สี่คนรับใช้ของเขาพร้อมกับคนรับใช้ที่นำทางได้ยืนอยู่ด้านข้าง
มีถุงมิติวางอยู่ด้านหน้าตูเชี่ยนและเขากำลังทำการตรวจสอบพวกมันทีละชิ้น
ถุงมิติใบนี้บรรจุสิ่งของทั้งหมดของนักฆ่า นอกเหนือจากหินผลึกจำนวนมาก
มันยังรวมถึงป้ายหยกทั้งหมดที่ถูกนำออกไปโดยหยางเฉิน ตลอดจนวัสดุทั้งหมดที่ถูกแบ่งกันระหว่าง
เซิ่นต้ากับคนรับใช้คนอื่นๆ เนื่องจากตูเชี่ยนกำลังสืบสวนเรื่องนี้ เขาจึงขอสิ่งเหล่านี้มาตรวจสอบเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับนักฆ่า
ที่ด้านหนึ่งของตูเชี่ยน ชูเฮงศิษย์สืบทอดกำลังนั่งอยู่ การตรวจสอบนี้เป็นความรับผิดชอบของตูเชี่ยน
ชูเฮิงมาเพียงเพื่อเยี่ยมชมและเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตลอดเวลาเขามองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าที่คลุมเครือ
"การใช้อาคมลวงตาและยันต์อาวุธถึงแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นแปด
หากประสบปัญหานี้ พวกเขาก็ยังต้องรู้สึกสับสน น้องชายเจ้ารอดพ้นมันมาได้อย่างไร?"
สำหรับพระราชวังหยางบริสุทธิ์การค้นหาตัวตนของนักบ่มเพาะอันธพาลบนภูเขานั้นอยู่ภายใต้การควบคุม
และเป็นไปอย่างง่ายดาย ในขณะนี้ตูเชี่ยนได้เบาะแสของของบุคคลนั้นแล้ว
ในเวลาเดียวกันจากสิ่งที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง เขายังได้ค้นพบว่าการบ่มเพาะของเขาน่ากลัวแค่ไหน
แต่สิ่งนี้ทำให้ตูเชี่ยนไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่แน่นอนได้ คนรับใช้สี่คนมีระดับการบ่มเพาะรวบรวมลมปราณขั้นสาม
และอีกคนอยู่ที่ขั้นสี่ แต่หยางเฉินซึ่งเป็นผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะน้อยที่สุดเพียงขั้นหนึ่ง
และเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มันน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
"ข้าเป็นเพชฌฆาต ดังนั้นวิญญาณอาฆาตแค้นจำนวนมากมายล้นออกมาจากร่างกายของข้า
มันแทบจะไม่ค่อยมีอะไรที่สามารถทำให้จิตใจของข้าสั่นไหวได้"
หยางเฉินยิ้มออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
"หากไม่ใช่เจตจำนงแห่งการฆ่าที่แผ่ออกมาจากร่างกายของข้า บางทีข้าคงไม่สามารถหนีออกมาได้!"
หยางเฉินพูดลวกๆออกมา แต่เซิ่นต้าและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีแบบนั้น
เซิ่นต้าผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะมากที่สุดในหมู่พวกเขา เป็นคนแรกที่พูดออกไป เมื่อระลึกถึงความทรงจำของเขา
"อันที่จริงกลิ่นอายแห่งความตายมันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แต่พวกเราไม่ได้คิดว่ามันมาจากนายน้อยหยาง"
คนรับใช้คนอื่นๆ ยังยืนยันสิ่งที่หยางเฉินได้กล่าวไว้ เนื่องจาก หยางเฉิน
ไม่ได้รับอิทธิพลจากภาพลวงตาดังนั้นการกำจัดบุคคลที่อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบซากศพฆาตกร ที่ถูกตัดศีรษะด้วยใบมีดอย่างเห็นได้ชัด
"น้องชาย ข้าแปลกใจที่เจ้ามีทักษะแบบนี้อยู่? ใช้ได้ดีทีเดียว!"
ดวงตาของตูเชี่ยนเปล่งประกายขึ้น ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเมื่ออยู่ในพื้นที่ของภาพลวงตาเนื่องจากเจตจำนงแห่งการฆ่าที่รุนแรง
ยิ่งเขานึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ตาของเขาก็เปล่งประกายออกมามากเท่านั้น เขาไม่เคยคิดถึงวิธีการดังกล่าวมาก่อน
"ฮื้ม เพียงแค่ฆ่าคนจำนวนมาก มันสามารถควบแน่นเจตจำนงแห่งการฆ่า
เจ้าไม่กังวลการลงโทษของสวรรค์?"
ชูเฮิงรู้สึกลำเอียง ในตอนนี้เขาก็ตั้งใจจะสังหารหยางเฉิน มากกว่าที่จะสรรเสริญหยางเฉิน
ชูเฮิงจึงกล่าวออกไป
"ข้าเป็นศิษย์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่ใช่นักฆ่าเช่นเจ้า!"
"สหายศิษย์ชู!"
สีหน้าของตูเชี่ยนเปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างใจเย็นว่า
"จากคำพูดของเจ้า ศิษย์จากวิหารพิทักษ์กฏก็เป็นวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมด
นี่เป็นสิ่งที่เจ้าคิดใช่หรือไม่? ความคิดเห็นเช่นนี้มันเป็นของเจ้าหรือของวิหารรัศมีจันทรา?"
แม้ว่าชูเฮิงจะมีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะกล่าวหาวิหารพิทักษ์กฏของนิกายของเขาเอง
เมื่อสักครู่เขาเพิ่งพูดคำรุนแรงเพื่อกำราบหยางเฉิน แต่โดยไม่คาดคิด พวกมันกลับวกไปทางตูเชี่ยน
"ศิษย์พี่ตู!"
สีหน้าของชูเฮิงพลันซีดเผือด ถ้าคนของวิหารพิทักษ์กฏรับรู้เกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้
อาจคาดเดาได้ว่าชีวิตของเขาจะไม่พบกับจุดจบที่ดี ดังนั้นเขาจึงรีบแก้ตัวออกไป
"ข้าพูดกับหยางเฉิน เขายังไม่ได้บ่มเพาะแต่กลับฆ่าคนมากมาย ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายข้าเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะของเขา
ข้าไม่ได้หมายถึงวิหารพิทักษ์กฏ"
"ตราบเท่าที่เขาไม่ได้คิดริเริ่มที่จะฆ่า ทำไมมันถึงสำคัญถ้าเขาเคยฆ่าคนจำนวนมาก?"
ตูเชี่ยนกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง เพื่อสื่อความหมายออกไปว่า
ไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และยังเตือนมิให้ชูเฮิงพูดอะไรที่มากเกินไป
"ร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตา"
ตูเชี่ยนคิดซ้ำอีกครั้งเมื่อจู่ๆเขาก็เกิดความคิดที่บ้าคลั่งภายในใจของเขา
'ถ้าเขาเป็นศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบันไดสวรรค์ได้ มันจะทำให้นิกายอื่นๆ บ้าคลั่งได้หรือไม่?’
เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นภายในใจของเขา ตูเชี่ยนไม่ได้ปรามมันอีกต่อไป
เขาได้จินตนาการถึงการแสดงออกที่น่าประหลาดใจและตกตะลึงของอาจารย์ใหญ่ซูเปย
เขารู้สึกพอใจกับตัวเองจนต้องหัวเราะออกมา
ชูเฮิงขมวดคิ้วเมื่อเห็นตูเชี่ยนหัวเราะต่อหน้าเขา
เขาต้องการที่จะหยุดตูเชี่ยน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเงียบเฉย
แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะเท่ากัน แต่ในขณะนี้
ตูเชี่ยนกำลังตรวจสอบเรื่องของการซุ่มโจมตีหยางเฉิน ถ้าเขาบังคับ
ตูเชี่ยนให้ไปทางเขา นั่นอาจจะไม่เป็นสิ่งที่ดีนัก
"ศิษย์น้องชู เนื่องจากหยางเฉินเป็นศิษย์สายนอกอย่างเป็นทางการ
เจ้าไม่ควรที่สนใจในเรื่องก่อนหน้านี้"
ตูเชี่ยนพูดออกมา
"ในเมื่อน้องชาย
หยางเฉินจะทำการบ่มเพาะในตำหนักเก้าปฐพีต่อไปในอนาคต เขาจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากเจ้ามากยิ่งขึ้น"
คำขอของตูเชี่ยนเป็นเรื่องที่มากเกินไปเพราะชูเฮิงเป็นศิษย์สืบทอด
ในขณะที่หยางเฉิน เป็นศิษย์สายนอกดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการสอนหยางเฉิน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถต่อต้านหยางเฉินได้ ดังนั้นเขาก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับความพ่ายแพ้
หลังจากที่เขาได้ตอบรับตูเชี่ยนแล้ว
สีหน้าของชูเฮิงก็เปลี่ยนไปในทันที เขาหันหน้าไปทางหยางเฉินก่อนจะส่งเสียงเย็นชาออกไป
"หยางเฉิน เกี่ยวกับการเตรียมตัวเป็นศิษย์ในก่อนหน้านี้
เนื่องจากเจ้าสามารถเอาชนะศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสามได้
ดังนั้นเจ้าจะยังคงได้รับการปฏิบัติเหมือนศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสาม
เจ้าต้องไม่เดินไปรอบๆในตำหนักเก้าปฐพีแสวงหาคนเพื่อทำการทดสอบพวกเขา
ถ้าเจ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจ ให้มาหาข้า"
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ร่างของชูเฮิงหันไปทางหยางเฉิน
โดยไม่ใส่ใจกับคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังหยางเฉิน เขากล่าวอย่างไม่สุภาพว่า"
"ข้าสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมแก่เจ้า
เพื่อที่เจ้าจะสามารถก้าวผ่านไปได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
หลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้ว โดยไม่คำนึงถึงความคิดใดๆของหยางเฉิน
เขาก็หัวเราะออกมาและเดินออกไปข้างนอก ร่างของเขาหายไปในทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้
เมื่อเซิ่นต้าและอีกสามคนได้ยินคำพูดสุดท้ายของชูเฮิง มันทำให้พวกเขารู้สึกกังวลใจมาก
ถ้าหยางเฉินไม่สามารถได้รับคำแนะนำจากศิษย์สืบทอดได้
นั่นหมายความว่าปัญหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะจะไม่สามารถแก้ไขได้
และอย่างน้อยที่สุดความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็จะช้ามากขึ้น
หยางเฉินยิ้มกับคำพูดของชูเฮิง
เขาต้องการที่จะตบหน้าที่แสดงอาการโอ้อวดของชูเฮิง เขาเป็นถึงสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
แล้วทำไมเขาจะต้องได้รับคำแนะนำจากศิษย์สืบทอด? ถึงแม้ว่าในเวลานี้เขาจำเป็นที่จะต้องอดทนต่อสิ่งต่างๆเหล่านี้
แต่การได้เห็นการแสดงที่น่าตลกของชูเฮิง มันทำให้เขาต้องส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังได้เสียงถอนหายใจนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดกลับคิดว่า
เป็นเพราะหยางเฉินไม่สามารถรับคำสอนใดๆจากชูเฮิงได้
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงมีความเชื่อมั่นอย่างมากในตัวหยางเฉิน เนื่องจากหยางเฉินสามารถนำทางทั้ง
ซ่างกวนเฟงและหวังหยวนได้ ดังนั้นหยางเฉินอาจสามารถเข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานได้อย่างแน่นอน
แต่จะต้องใช้เวลามากขึ้นนั่นคือความจริงทั้งหมด
นอกจากนี้เขายังได้รับผลไม้หยางล้ำเลิศ จึงเห็นได้ชัดว่าอุปสรรคนี้ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ไม่ว่าจะอย่างไร ในตอนนี้หยางเฉินได้เข้าสู่ตำหนักเก้าปฐพี
และเข้าสู่กลุ่มของศิษย์สายนอกของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ อีกครั้ง ระยะห่างระหว่างเขากับอาจารย์ของเขาก็สั้นขึ้น
เมื่อเขาเข้าถึงระดับก่อสร้างรากฐานแล้ว เขาก็จะได้เคารพต่ออาจารย์ของเขา
หอลี้ลับของตำหนักเก้าปฐพีเป็นสถานที่ที่มีทักษะการบ่มเพาะทั้งหมดสำหรับระดับก่อสร้างรากฐานหรือต่ำกว่า
และจัดเก็บสูตรยาและเครื่องมือปรุงยาประเภทต่างๆ
แม้แต่ประสบการณ์ที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนในรุ่นก่อนๆก็ถูกเก็บไว้ที่นี่
ตราบเท่าที่บุคคลนั้นเป็นคนของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นศิษย์สายนอกหรือคนรับใช้ ทุกคนสามารถเข้าถึงหอลี้ลับได้
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่สามารถเข้าไปในหอลี้ลับได้เมื่อต้องการหรืออยู่ในนั้นได้นาน มันจะขึ้นอยู่กับคะแนนสะสมของนิกาย คะแนนสะสมที่บุคคลหนึ่งมี
เขาสามารถใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆในนิกาย ไม่เพียงแต่เวลาที่จะอยู่ในหอลี้ลับแต่ยังรวมถึงเวลาที่จะแสวงหาคำแนะนำจากศิษย์สืบทอด
ก็ยังต้องใช้คะแนนสะสมนี้
แน่นอนว่าในแต่ละเดือนศิษย์ทางการจะได้รับเงินค่าเลี้ยงดูเป็นรายเดือนในรูปของหินผลึก
แต่คนรับใช้จะไม่ได้รับเงินเดือนแบบนี้ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับคะแนนสะสม ทุกคนจะต้องรับงานที่น่าเบื่อจากนิกายและหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วพวกเขาก็จะได้รับพวกคะแนนสะสม
นิกายต้องการสิ่งต่างๆมากมายเพื่อพัฒนา การกลั่นสกัดยาต้องใช้วัสดุหลากหลายประเภท
สิ่งเหล่านี้รวมถึงหินผลึก สามารถแลกเป็นคะแนนสะสม ถ้าคะแนนสะสมไม่เพียงพอ
พวกเขาก็จะต้องหามา พวกเขาอาจจะสามารถขอใช้แรงงานหนักในนิกาย เช่นการดูแลสวนสมุนไพรที่กำลังเจริญการเติบโตทั้งหมด
ให้ความช่วยเหลือในการกลั่นสกัดยาหรือกรองวัสดุประเภทต่างๆเพื่อให้มีความบริสุทธิ์และอื่นๆ
เนื่องจากหยางเฉินเป็นคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเขาจึงยังไม่มีคะแนนสะสม แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา
ขณะที่เขาได้เข้าร่วมตำหนักเก้าปฐพี
แสดงว่าเขาสามารถเดินไปได้ทุกที่ในอาณาเขตของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ เช่นเดียวกับที่เขาเคยอาศัยอยู่ในตำหนักเย่ซิว สภาพแวดล้อมของที่นี่
ยังมีเมืองเล็กๆอยู่หนึ่งหรือสองเมือง อะไรก็ตามตราบเท่าที่มันไม่มีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิม
ระดับก่อสร้างรากฐานหรือต่ำกว่านั้นสามารถแลกเปลี่ยนได้ในเมือง
หยางเฉินได้รับหินผลึกหนักหนึ่งจินจากตำหนักเย่ซิวซึ่งสามารถแลกเป็นคะแนนสะสมจำนวนสิบคะแนนได้
มันมากพอที่จะเข้าไปในหอลี้ลับได้ครึ่งชั่วยาม
ภายในหอลี้ลับ ทุกอย่างจะจารึกลงในป้ายหยกไม่ใช่คัมภีร์เหมือนในตำหนักเย่ซิว
ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้หรือศิษย์สายนอกทุกคนที่เป็นผู้บ่มเพาะและมีการรับรู้ทางจิตวิญญาณ
พวกเขาสามารถใช้มันเพื่ออ่านป้ายหยกเหล่านั้นได้ ไม่เพียง
แต่ใช้ป้ายหยกเพื่อความสะดวกแต่พวกเขายังสามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก
อย่างน้อยสองหรือสามเท่าของคัมภีร์
หลังจากเข้าสู่หอลี้ลับแล้ว
หยางเฉินได้แยกการรับรู้จิตวิญญาณของเขาออกไปและเริ่มมองหาสิ่งที่เขาต้องการ
คราวนี้เขากำลังหาป้ายหยก ‘พื้นฐานการเล่นแร่แปรธาตุ’ ป้ายหยกนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานที่สุดของการผสมยา
และสูตรพื้นฐานสองอย่าง หยางเฉินกำลังมองหาสิ่งนั้น
หลังจากได้รับป้ายหยกนี้แล้ว หยางเฉินสามารถเปิดเผยการเรียนการกลั่นสกัดยาได้อย่างเปิดเผย
และการปรับแต่งยาขั้นพื้นฐานที่สุด จากนั้นเขาก็จะสามารถแลกกับคะแนนสะสมของนิกาย
ถ้าหยางเฉินมีคะแนนสะสมจำนวนมาก พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนกับทักษะการบ่มเพาะได้ทุกชนิด
และเป็นเหตุผลที่พวกมันช่วยเพิ่มการบ่มเพาะของเขา
หยางเฉินไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องระมัดระวัง ทุกนิกายถือว่าทักษะการบ่มเพาะนี้เป็นมรดกที่สืบทอดต่อๆกันมา
ก่อนที่จะพบอาจารย์ของเขาถ้าหากหยางเฉินถูกมองว่าเป็นสายลับหรือบุคคลที่มีความคิดที่เป็นอันตราย
ซึ่งต้องได้รับการดูแล เขาก็จะต้องออกจากเส้นทางการบ่มเพาะตามปกติ เพื่ออาจารย์ของเขา
เขาจะต้องอดทนกับทุกอย่าง
หลังจากมองไปรอบๆราวสองเค่อแล้ว หยางเฉินก็พบสิ่งที่เขากำลังมองหาอยู่
ไม่นานหลังจากนั้นภายในหอลี้ลับ หยางเฉินส่งเสียงร้องดังออกมาด้วยความตื่นเต้น
ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ดูแลหอลี้ลับ ผู้ซึ่งเป็นศิษย์สายใน
เขาถูกตำหนิอย่างรุนแรงและขับออกจากหอลี้ลับ แต่ทุกคนได้รับรู้ว่าหยางเฉินหยิบเอาป้ายหยก
‘พื้นฐานการเล่นแร่แปรธาตุ’ ไปด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ของเขา และเมื่อเขากลับมาที่ห้อง
เขาก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
จากนี้ไปเขาสามารถทำทุกอย่างได้อย่างเปิดเผยและไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนด้วยความกลัวที่จะเปิดเผยความสามารถของเขา
แม้ว่ามันจะเกินขอบเขตของเขาไปบ้าง แต่ในสายตาของนิกาย
เขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถในการบ่มเพาะมาก
ทุกคนในสาขาที่เขาเลือกจะต้องมีความสุขที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น