ปัง!
หลังจากที่หยางเฉินพูดจบ ยันต์เพลิงอัคคีก็ระเบิดขึ้นที่ด้านหน้า
ยันต์ธาตุไฟนี้มีพลังโจมตีสูงสุดในบรรดายันต์ทั้งหมดที่หยางเฉินทำขึ้นมา และยังเพิ่มพลังอำนาจของมันด้วยเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์
แม้ว่าเสียงมันจะไม่ได้ดังมาก แต่ก็ส่งผลกระทบแผ่ออกเป็นวงกว้างราวสามจ้างจากจุดที่ระเบิด
ทันใดนั้น ในพื้นที่ด้านบริเวณที่ระเบิดมันส่งผลกระทบกับร่างของมนุษย์คนหนึ่ง
ร่างของเขาติดประกายไฟ เนื่องมาจากพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังอันน่ากลัวของยันต์เพลิงอัคคี
และในเวลาเดียวกันเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
ตามมาด้วยภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง ภาพเงาของมนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งเปลวเพลิง
"เป็นไปไม่ได้เจ้าหาข้าพบได้อย่างไร?"
เสียงหวาดกลัวดังออกมาจากมหาสมุทรแห่งเปลวเพลิง มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
อย่างเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากยันต์เพลิงอัคคีของหยางเฉิน
"เพราะภาพลวงตาที่เจ้าสร้างขึ้นมา มันรบกวนความรู้สึกของข้าเพียงเล็กน้อยและไม่ได้มีผลต่อจิตใจของข้า!"
หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นหยางเฉินก็หันกลับมาและเหวี่ยงกำปั้นไปที่ร่างของเงาหนึ่ง
เขาแอบโผล่ออกมาข้างหลังร่างของหยางเฉินหากแต่โดนกำปั้นของหยางเฉินอย่างฉับพลัน ร่างของเขาก็พลิกหงายขึ้นไปในอากาศม้วนไปสักสองสามรอบราวกับกำลังเล่นกายกรรม
ก่อนที่จะล้มลงกระแทกไปกับพื้นแล้วก็เขาก็หายไป ราวกับว่าละลายหายไปกับพื้น
หลังจากการโจมตีที่รุนแรงนี้ ภาพเงาภายในมหาสมุทรแห่งเปลวเพลิงก็หายตัวไปพร้อมด้วยเสียงของเปลวเพลิง
นอกเหนือจากเสียงของการเผาไหม้ของเปลวไฟที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง จากการระเบิดของยันต์เพลิงอัคคี
หยางเฉินก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรออกมาอีก
หยางเฉินไม่ได้มั่นใจมากนักกับการโจมตีที่ผ่านมา กำปั้นของเขาไม่สามารถฆ่าคนอื่นได้
อีกฝ่ายอย่างน้อยก็ยังคงสามารถหลบหนีภายใต้กำปั้นครั้งที่สองของเขา แต่ในตอนนี้หยางเฉินได้รับรู้แล้วว่าความแข็งแกร่งของนักฆ่านั้นมีมากกว่าเซิ่นต้าและคนอื่นๆ
ระดับการบ่มเพาะของเขาน่าจะราวๆระดับรวมรวมลมปราณขั้นหก
"ไม่ออกมา?"
หยางเฉินสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวเขาและก็ถามออกไป
"ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าก็จะไป!"
“ไปไหน?”
เสียงของคนที่ซ่อนตัวอยู่ดังออกมาอีกครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากเสียงที่ดังออกมามันพร่าเลือนค่อนข้างมาก
หยางเฉินจึงไม่สามารถระบุตำแหน่งของเสียงที่ออกมาได้
"ฮื้ม...ทำไมเจ้าไม่ลองเดินออกมาที่ด้านหน้าของข้า?"
โดยไม่ใส่ใจกับคำพูดที่น่ารังเกียจของอีกฝ่าย หยางเฉินเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยก้าวที่ยาว
ขณะที่หยางเฉินก้าวเดินไป สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเขาได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ในขณะนี้ศัตรูได้รับรู้ว่าหยางเฉินไม่ได้รับผลกระทบจากภาพลวงตาในก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาไว้ในเวทอาคม
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการร่ายอาคมลวงตาที่ไม่เหมือนกับยันต์ลวงตาที่หูหลินเคยใช้
พลังของมันเทียบกับยันต์ที่หูหลินเคยใช้ไม่ได้เลย แต่ด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของ
หยางเฉิน เขายังสามารถหยุดภาพลวงตาที่ส่งผลกระทบต่อเขาโดยตรงได้ ดังนั้นการโจมตีสองครั้งสุดท้ายจึงไม่มีผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย
แต่ศัตรูได้ใช้เวทอาคมเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างร่างของตัวเองออกมาเป็นสองภาพลวงตาก่อนที่จะหลบหนี
ในเวลานี้ ไฟนรกปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของหยางเฉินสภาพแวดล้อมของไฟนรกสว่างไสวเจิดจ้า
ศัตรูกำลังรอโอกาสที่จะฆ่าเขา
เมื่อหันหน้าไปทางทะเลแห่งเปลวเพลิง หยางเฉินหัวเราะเยาะเสียงดังออกมา
ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปก้าวเข้าไปในกองไฟที่วุ่นวาย ท่ามกลางเสียงระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าแผ่กระจายออกไปพร้อมกับคลื่นอากาศที่รุนแรงพุ่งไปทาง
หยางเฉิน มันกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน
การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นการโจมตีบนภาคพื้นดินที่เกิดขึ้นจริง
จากมุมมองของหยางเฉิน เปลวเพลิงสามารถเห็นได้จากทุกหนทุกแห่ง เมื่อแสงสีขาวเปล่งประกายสว่างจ้าอออกมา
พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ ฉับพลันหมอกสีขาวได้ล้อมรอบหยางเฉินเอาไว้
หยางเฉินได้เปิดใช้ ยันต์วารีเยือกแข็งของเขาอย่างฉับพลัน ธาตุน้ำจากยันต์วารีเยือกแข็งได้แผ่ไอเย็นออกมา
มันสามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแช่แข็งเปลวไฟทั้งหมดที่อยู่โดยรอบโดยพลังอำนาจไม่ถูกลดทอนลงแต่อย่างใด
และในที่สุดน้ำค้างแข็งได้แผ่ปกคลุมพื้นดินไปทั่วทุกพื้นที่ที่อยู่โดยรอบ
ภายในคราบน้ำค้างแข็งได้ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาพร้อมด้วยแสงระยิบระยับ
ด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณของหยางเฉิน เขาสามารถรับรู้ถึงร่างนี้ได้ในทันที ภาพของศัตรูจางหายไปในช่วงเวลาถัดจากนั้นอย่างไร้ร่องรอย
แต่มือของหยางเฉินก็ไม่รอช้า เขาคว้าเอายันต์พันชั่งออกมาในทันที เปิดใช้งาน
มันแผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
ยันต์พันชั่งสามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดายด้วยพลังเวทธาตุดิน แต่ยันต์ของหยางเฉินไม่ได้เป็นยันต์ธรรมดาทั่วไป
เดิมทีศัตรูแอบซ่อนตัวอยู่ภายใต้ภาพลวงตาและต้องการที่จะใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ของเขาอย่างรวดเร็ว
ใช้ภาพลวงตาเพื่อซ่อนตัวและโจมตีหยางเฉินในเวลาเดียวกัน แต่หลังจากที่หยางเฉินเปิดใช้ยันต์พันชั่งในพื้นที่ขนาดใหญ่นี้ความเร็วของเขาได้ลดลงในทันที
ในระยะเวลาไม่นานนัก
ศัตรูใช้พลังเวทของตนเองเพื่อปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของยันต์พันชั่ง แต่นี่ก็เพียงพอสำหรับหยางเฉินที่จะสามารถหาตัวเขาพบด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณ
หวือ!
ในที่สุดเขาก็ค้นพบศัตรูจากการเคลื่อนไหว แสงสีเหลืองปรากฏขึ้นภายในบริเวณการรับรู้ทางจิตวิญญาณของหยางเฉิน
มันบินไปยังหยางเฉินอย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งเสียงใดๆแม้แต่น้อย เมื่อมองไปที่มันก็ดูเหมือนจะเป็นแสงสีเหลือง
เพล้ง!
เสียงจากแสงสีเหลืองที่พุ่งปะทะไปยังตัวของหยางเฉินดังขึ้นโครงร่างของเสื้อเกราะเปล่งประกายออกมาจางๆ
มันปรากฏอยู่บนร่างของหยางเฉิน แสงสีเหลืองไม่สามารถเจาะเสื้อเกราะได้ มันสะท้อนกลับไปโดยไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้
"ยันต์เปลือกหอย?"
ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ กัดฟันถามออกไปว่า
"เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง ทำไมเจ้าถึงมียันต์มากมาย?"
เขาคิดว่าศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งพร้อมกับคนรับใช้ห้าคนที่มีระดับการบ่มเพาะที่ขั้นสามจะไม่มีทางหลบหนีตราบเท่าที่พวกเขาเข้าไปในเวทอาคมของเขา
ในตอนนี้บรรดาคนใช้ทั้งหมดถูกขังอยู่ในเวทอาคม แต่หยางเฉิน คนที่เขาเชื่อว่าเป็นคนที่สามารถกำจัดทิ้งได้ง่ายที่สุด
หากแต่ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบากและแม้แต่ยันต์ก็ดูจะไร้ประโยชน์
แสงสีเหลืองที่อยู่ในมือของเขาเป็นกระบี่อักขระระดับสูงที่เขาซื้อมาด้วยวิธีการประมูลโดยบังเอิญ
ความเร็วในการโจมตีของมันเร็วมาก แม้พลังโจมตีก็ไม่ดีเท่าไหร่แต่นี่เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่เขามีไว้สำหรับการกำจัดใครบางคน
แต่มันกลับล้มเหลวด้วยการเปิดใช้งานยันต์เปลือกหอยของหยางเฉิน
ยันต์เปลือกหอยประเภทไหนกันที่ยากที่จะจัดการ? กระบี่อักขระนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ที่อยู่ในจุดสุดยอดของดินแดนรวบรวมลมปราณ
แต่มันกลับพ่ายแพ้ยันต์เปลือกหอยที่หยางเฉินทำขึ้นมา ศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเป็นความลึกลับที่ใหญ่ที่สุดภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นี้
นักฆ่ารู้สึกประหลาดใจในเวลาเดียวกันก็เริ่มกลัวหยางเฉิน คนที่มียันต์เปลือกหอยที่น่ากลัวดังกล่าวเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ หยางเฉินอาจจะได้รับความโปรดปรานจากผู้ยิ่งใหญ่บางคน ถ้าเขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมากเขาจะไม่ยอมรับหินจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อยนี้
แม้ว่ายันต์เปลือกหอยนี้เป็นเรื่องยากที่จะรับมือได้ แต่มันก็ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของหยางเฉิน
และหลังจากที่พลังเวทหมดลง ยันต์เปลือกหอยนี้ก็จะไร้ค่า แต่ยันต์ประดิษฐ์ประเภทอาวุธนั้นก็แตกต่างออกไป
เมื่อใช้มันเขาสามารถถ่ายเทพลังเวทของตัวเองลงไป ดังนั้นนักฆ่าจึงเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าเขาสามารถถ่ายเทพลังเวทของตัวเองลงไปในอาวุธได้จนกว่ายันต์เปลือกหอยของหยางเฉินจะหมดพลังเวท
นักฆ่ามีแผนการที่ดี แต่เขาไม่คาดคิดว่าหยางเฉินสามารถรับรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเขาจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณ
หลังจากที่โต้กลับกระบี่อักขระแล้ว หยางเฉินหยิบยันต์ห้าดาบทองคำออกมา
เขายกมือขึ้น ห้ารังสีสีทองบินออกไปราวกับกระบี่ พุ่งไปยังตำแหน่งของนักฆ่า
นักฆ่าไม่ได้คาดคิดว่าหยางเฉินจะมีการโจมตีแบบนี้อยู่ด้วย มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เขารู้ว่าเขาต้องหลบเลี่ยงมัน การโจมตีด้วยยันต์ห้าดาบทองคำมีลักษณะคล้ายกับกระบี่
ถ้าเขาถูกโจมตีมันจะไม่ใช่เรื่องเล็ก นักฆ่าเคยประสบกับการโจมตีของหยางเฉินมาแล้วหลายครั้งและได้ค้นพบว่ายันต์ที่อยู่ในมือของหยางเฉินนั้นรุนแรงและน่ากลัวเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะตั้งรับมันและรีบพยายามหาทางหลบเลี่ยง
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของห้าดาบทองคำของหยางเฉินมีการประสานกันเป็นอย่างดี
พวกมันปิดช่องทางหนีไม่ว่าจะเป็นทางด้านซ้าย ด้านขวา และยังมีกำแพงภูเขาอยู่ข้างหลัง
เขาติดอยู่ตรงกลาง นักฆ่าสามารถเดินไปข้างหน้าเพื่อไปหา หยางเฉินได้ทางเดียวเท่านั้น
นักฆ่าไม่เคยนึกถึงเหตุผลที่ว่าทำไมหยางเฉินถึงเปิดใช้งานยันต์ห้าดาบทองคำออกมาในตอนนี้
ในขณะนี้หยางเฉินกำลังรออยู่ เพื่อที่เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากแรงเคลื่อนที่ของนักฆ่า
เขาก้าวไปข้างหน้าและปลดปล่อยเจตจำนงแห่งการฆ่าออกมา ให้พุ่งปะทะไปยังนักฆ่าที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา
แม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่า แต่เจตจำนงแห่งการฆ่าของหยางเฉิน ที่พุ่งมาปะทะนักฆ่า
มันทำให้เขาชะงัก จิตวิญญาณของเขาแทบหลุดออกไปจากร่าง
ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งความตายที่มาจากขุมนรกชั้นที่สิบแปด ในช่วงเวลานี้แม้แต่แขนขาของเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่เขาต้องการ
ในตอนนี้แม้ว่าหยางเฉินจะเดินตรงไปหานักฆ่าและใช้ทักษะง่ายๆ มันก็เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้แล้ว
ขณะที่วิ่งไปข้างหน้าหยางเฉินคว้าดาบเพชฌฆาตออกจากแหวนแห่งความสำเร็จและหลังจากที่ใกล้นักฆ่า
เขาก็สะบัดมือไปที่ศีรษะของนักฆ่า
ริ้วของดาบเพชฌฆาตข้ามผ่านคอนักฆ่าโดยปราศจากแรงต้านทานใดๆ แม้ว่านักฆ่าจะอยู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่หก
และแม้ว่าเขาจะยังมีการปกป้องร่างกายของเขาด้วยพลังเวท จากการที่หยางเฉินได้สร้างยันต์ห้าดาบทองคำไว้บนมีด
พวกมันได้กลายเป็นยันต์อาวุธ มาตรการป้องกันเหล่านี้กลายเป็นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ชี่!
เลือดจางพ่นออกมาจากรอยตัดศีรษะ หยางเฉินได้ย้ายไปอยู่ทางด้านข้างแล้วดังนั้นจึงไม่มีหยดเลือดแม้แต่หยดเดียวที่จะเปือนตัวเขา
เขาถอนมีดและเคลื่อนที่ออกมา ทั้งหมดมันเกิดขึ้นภายในพริบตาและนักฆ่าที่เคยยืนตระหง่าน
ร่างกายและศีรษะของเขาได้แยกออกจากกัน
ถึงแม้ว่านักฆ่าจะตายไปแล้ว แต่เวทอาคมยังไม่หายไปไหน หยางเฉินก็ยังคงยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขา หยางเฉินกวาดตามองไปรอบๆอย่างรอบคอบ
หลังจากที่พบตำแหน่งของยันต์ลวงตา เขาก็เดินไปที่มันและเริ่มจัดการกับยันต์
แม้ว่ายันต์ลวงตานี้จะทำงานได้ผลดี แต่ในสายตาของหยางเฉินมันไม่ได้ดีมากนัก
ด้วยสายตาของสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม เขาสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าจุดศูนย์กลางของเวทอาคมอยู่ที่ไหน
ครั้งนี้เขาใช้เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับ พร้อมกับให้ธาตุทั้งห้าควบคุมถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
ไม่นานนักเขาก็เริ่มหลุดพ้นจากอำนาจของพลังเวทอาคมของยันต์ลวงตา
เคล็ดวิชาหยินหยางห้าธาตุย้อนกลับ ห้าธาตุหยางและห้าธาตุหยินเป็นเหมือนกับก้อนหินขนาดยักษ์สองก้อน
พลังจิตวิญญาณกำลังบดขยี้พลังเวทอาคมที่สะกดอยู่ทีละเล็กทีละน้อย แม้ว่าหยางเฉินจะมีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ขั้นหนึ่ง
แต่ด้วยความพยายามบางอย่าง เขาสามารถหลบหนีพลังเวทอาคมของการสะกดได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเวทอาคมได้สูญหายไป พลังการสะกดก็ไม่มีผลกระทบใดๆ
ภาพรอบๆตัวเขาได้เปลี่ยนไปมันกลับคืนสู่สภาพปกติอีกครั้ง คนรับใช้ที่นำทางปรากฏตัวพร้อมกับ
เซิ่นต้า กูฉิน หูหลินและติงหยวน ทุกคนต่างยืนอยู่ในที่เดียวกันพร้อมกับท่าทางที่กำลังตกตะลึง
หากแต่ตื่นตัวพร้อมที่จะต่อสู้
ทุกคนก็เห็นภาพเงาของหยางเฉิน และซากศพที่ไม่มีศีรษะทั้งห้าคนรู้สึกตกใจกลัว
เซิ่นต้าและคนอื่นๆอีกสามคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่คนรับใช้ที่นำทางหันไปมองหยางเฉิน
ราวกับกำลังเห็นสัตว์ประหลาด สถานการณ์ที่ปรากฏต่อหน้าของพวกเขาอธิบายทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
โดยที่พวกเขาสามารถมองเห็นว่าใครบางคนได้ส่งนักฆ่ามาเพื่อฆ่าหยางเฉินและพวกเขา
แต่นักฆ่าคนนั้นตายไปแล้วภายใต้เงื้อมมือของหยางเฉิน และในขณะเดียวกันหยางเฉินยังสามารถคลายเวทอาคมสะกด
ถุงมิติของนักฆ่ายังคงอยู่บนเอวของเขา หยางเฉินจ้องไปที่ห้าคน
ก่อนที่จะคว้าเอาถุงมิติขึ้นมาและแก้มัดปากถุงอย่างช้าๆ หลังจากเปิดถุงออกมา
ภายในมีป้ายหยกและหินจิตวิญญาณหลายก้อน เขาโยนถุงมิติไปที่หูหลิน คนรับใช้ที่ยืนใกล้กับเขามากที่สุด
หูหลินรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับถุงมิติและยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนัก
แต่หยางเฉินยังถือป้ายใบหยกหลายอันและทำการตรวจสอบมันด้วยพลังจิตของเขา หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วเขาก็ส่งพวกมันไปที่หูหลิน
"นี่เป็นทักษะและความรู้เกี่ยวกับเวทอาคมที่นักฆ่าได้ใช้
มันสามารถช่วยเจ้าได้เล็กน้อย รับมันไปซะ! ภายในถุงมิติ มีข้อมูลเกี่ยวกับอาคมที่รู้จักกันดี
บางส่วนเจ้าสามารถศึกษาและใช้มันได้ พวกเจ้าทั้งสี่สามารถแบ่งกันได้"
คนรับใช้ที่นำทางตกตะลึงอีกครั้งและเต็มไปด้วยความอิจฉาเมื่อมองไปที่หยางเฉินที่ยิ้มและโยนถุงมิติของนักฆ่าให้กับคนรับใช้ของตัวเอง
ราวกับว่ามันไม่มีค่าอะไร หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคลื่นแห่งความอิจฉาที่มากมาย
ลักษณะของนักฆ่า คนรับใช้มองเห็นสัญลักษณ์บนร่างของนักฆ่าไม่ชัดนัก เขาเป็นนักบ่มเพาะที่เป็นคนพาลจากละแวกภูเขาเหมยชิง
เขายังมีการติดต่อกับผู้คนจากพระราชวังหยางบริสุทธ์อยู่เนืองๆ ด้วยระดับการบ่มเพาะระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก
นี่เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งคนรับใช้ได้ตระหนัก ถึง เขามียันต์อาวุธคุณภาพสูงเมื่อสักสองสามปีที่ผ่านมา
ซึ่งนักฆ่าก็ไม่ได้เปิดเผยต่อผู้อื่นอย่างง่ายดาย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาสังเกตเห็นว่ายันต์อาวุธควรจะอยู่ในถุงมิติที่หยางเฉินได้ให้คนรับใช้ไปอย่างไม่ใส่ใจ
ข้าวของของผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก แบ่งกันในหมู่คนรับใช้
ความเอื้ออาทรนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
ในขณะที่เขากำลังรู้สึกอิจฉาเหล่าคนรับใช้ของหยางเฉิน หยางเฉินเดินไปหาเขาและยื่นหินจิตวิญญาณบางส่วนจากในถุงมิติให้กับเขา
"นี่เป็นของกำนัลเล็กๆน้อยๆสำหรับการทำงานหนักของเจ้า"
คนรับใช้รีบหยิบมัน เขารู้สึกหวาดกลัวและกังวลใจ ตามมาด้วยความรู้สึกงงงวย
เขามีความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับศิษย์สายนอกที่มีระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง
ราวกับว่ามีความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อหยางเฉินด้วยใจ เป็นไปได้ไหมเพราะเขาฆ่านักฆ่าคนระดับรวบรวมลมปราณขั้นหก? หรือเป็นเพราะว่าเขามีน้ำใจกับคนรับใช้ของเขา?
เวลานี้พวกเขาหยุดเดินทางมานานเกือบสองชั่วยาม ในตอนนี้สีของท้องฟ้าเริ่มสว่างสดใส
ทุกคนรีบจัดการกับซากศพของนักฆ่า และหลังจากพักผ่อนสักพักแล้วพวกเขาก็รีบเดินทางต่อไป
ด้านบนสุดบริเวณประตูตำหนักเก้าปฐพี ซุนไห่จิ้งกำลังมองไปยังเส้นทางที่เชื่อมระหว่างภูเขาซึ่งอยู่ติดกับตำหนักเย่ซิวกับตำหนักเก้าปฐพี
จากการคำนวนเวลาอย่างคร่าวๆหยางเฉินควรจะมาถึงที่นี่ในตอนนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครแม้แต่คนเดียวปรากฏตัวให้เห็นบนท้องถนน
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ก็ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวที่ท้องถนน ซุนไห่จิ้งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีอยู่ในใจ
เวลาได้ผ่านไปนานแล้วและหยางเฉินยังมาไม่ถึง แน่นอนว่าเขาได้รับการดูแลแล้ว หินจิตวิญญาณจำนวนสิบก้อนที่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างสำหรับกำจัดสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญช่างเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าจริงๆ
แม้ว่าภายในใจของเขาจะมีความสุข แต่ภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาก็ดูมีความห่วงใยอยู่บนใบหน้าของเขา
พร้อมกับที่พึมพำกับตัวเองว่า
"ทำไมเขาถึงยังไม่มา? ทำไมยังมาไม่ถึง?"
บางครั้งเมื่อมีคนเดินผ่านไปและได้ยินเสียงพึมพำของเขา พวกเขาก็จะได้เชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นห่วงลูกศิษย์คนใหม่และกำลังร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปนาน ซุนไห่จิ้งยิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งอยู่ภายในใจของเขา
หลายๆคนได้เห็นการแสดงออกที่ดูกังวลและห่วงใยอย่างลึกซึ้งที่เขามีต่อศิษย์ใหม่ เมื่อเขาคิดว่ามันเพียงพอแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อลงไปที่ขอบถนนบริเวณใกล้ๆตีนเขา
ทันใดนั้นร่างๆหนึ่งได้ปรากฏ นั่นคือคนที่เขามิอาจลืม แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว
หรือแม้แต่กระดูกของเขาจะกลายเป็นฝุ่นผง มันคือหยางเฉิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น