เมื่อหยางเฉินออกมาจากห้องบ่มเพาะหลังจากเสร็จสิ้นการฝึก
เขาได้ใช้เวลาไปหนึ่งปีและสี่เดือนที่ตำหนักเย่ซิว ซึ่งรวมถึงจำนวนวันเวลาที่เขาเก็บตัวฝึกอยู่ในห้อง
ตลอดเวลาที่หยางเฉินอยู่ในห้องเพื่อฝึก เขาจะออกมาเพียงเพื่อทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ
เช่นการกินและการพักผ่อนและหลังจากนั้นเขาก็จะกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อฝึกบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามในระหว่างการบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับหยินหยางทั้งห้าธาตุ
หยางเฉินก้าวข้ามความยากลำบากที่คาดไม่ถึงในช่วงเวลาที่เขาฝึก เขาได้บ่มเพาะหยินห้าธาตุในช่วงครึ่งเดือนแรก
ขณะที่เขากำลังพยายามที่จะปรับประสานหยินหยางห้าธาตุ ทำให้พวกมันสามารถบ่มเพาะได้พร้อมกัน
เพื่อโคจรพลังลมปราณตามธรรมชาติด้วยทักษะการบ่มเพาะ หยางเฉินต้องใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา
ซึ่งได้รับการขัดเกลาจากเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง เพื่อควบคุมมันและเขาก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จ
ตามที่หยางเฉินได้คาดการณ์ไว้ เมื่อถึงขั้นตอนต่อไปในการบ่มเพาะหยินหยางห้าธาตุ ความยากลำบากจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายเท่า
หากโชคดีทุกสิ่งทุกอย่างอาจยุ่งยากในตอนแรก แต่ถ้าเขาเข้าใจพื้นฐานของทักษะการบ่มเพาะแล้วเส้นทางการบ่มเพาะของเขาก็จะราบรื่นมากขึ้นในอนาคต
การบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาตที่เขาประสบความสำเร็จนั้นไม่เพียงพอที่จะปรับความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นของเคล็ดวิชาลับหยินหยางห้าธาต
หยางเฉินได้ตัดสินใจที่จะตั้งชื่อสิบทักษะการบ่มเพาะของหยินและหยางห้าธาตุ หยางเฉินเรียกชื่อตามความรู้สึกที่ว่ามันเหมาะสม
จริงๆมันก็เป็นเพียงแค่ชื่อ ทั้งสิบทักษะคือ ไม้หนึ่ง ไม้สอง ไฟสาม ไฟสี่ ดินห้า ดินหก
ทองเจ็ด ทองแปด น้ำเก้า และน้ำสิบ เหล่านี้คือพลังจิตวิญญาณทั้งสิบชนิด
ปกติ
กับคนอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกับหยางเฉินที่กำลังบ่มเพาะทักษะธาตุไฟ ซึ่งเขาได้รับจากห้องความสำเร็จในตำหนักเย่ซิว
ในตอนนี้ผู้ดูแลใหญ่ของตำหนักเย่ซิวหวังหยวนให้ความสำคัญกับหยางเฉิน
ไม่เพียงแต่ทรัพยากรในแต่ละเดือนที่มอบให้กับเขาในปริมาณที่เพียงพอและตรงเวลา
แต่ก็ยังมีโอกาสที่ผู้ดูแลได้มาดูแลหอล้ำลึกของหยางเฉินในทุกเดือน เดือนละหลายวัน
ทุกครั้งที่ผู้ดูแลมา เขาก็จะดูแลหยางเฉินและให้คำแนะนำเกี่ยวกับทักษะการบ่มเพาะและความรู้พื้นฐานทุกอย่าง
การดูแลที่เยี่ยมยอดนี้ มันทำให้คนอิจฉาเขา
เมื่อหยางเฉินออกมาจากการฝึก
หวังหยวนกำลังรอเขาอยู่ที่หอล้ำลึก เมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ผ่านมา หยางเฉินบอกว่าจะทำการเก็บตัวเพื่อฝึกด้วยความมั่นใจว่าจะผ่านระดับขั้นแรกได้
แต่เห็นได้ชัดว่าหวังหยวนก็มั่นใจเรื่องนี้อย่างแน่นอนเห็นได้จากที่วันนี้เขามารอเพื่อพบกับหยางเฉิน
หลังจากที่เขาเห็นหยางเฉินดวงตาทั้งสองของเขาเปล่งประกายสว่างขึ้น หลังจากที่ได้ตรวจสอบหยางเฉิน
เขาก็แสดงความยินดีออกมา
หลังจากที่ได้พบกับหยางเฉิน
วันนี้หวังหยวนรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างฉับพลัน ในร่างกายของหยางเฉิน เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังแห่งจิตวิญญาณอันเนื่องมาจากธาตุไฟ
อันเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าหยางเฉินประสบความสำเร็จในการเข้าถึงดินแดนรวบรวมลมปราณ
หยางเฉินเคยต้องใช้ทักษะการบ่มเพาะแบบย้อนกลับห้าธาตุเพื่อระงับพลังจิตวิญญาณของเขา
แต่สุดท้ายหลังจากวันนี้เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดแบบนั้นอีกต่อไป
หลังจากเข้าไปใน
ตำหนักเย่ซิว แม้ว่าเขาจะต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นขณะที่จัดการกับสิ่งกีดขวางต่างๆที่ชูเฮิงได้วางไว้ในเวลาเดียวกัน
แต่หยางเฉินก็ยังคงมีความต้องการที่จะเข้าถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่งเป็นอย่างน้อยในช่วงเวลาสั้นๆหนึ่งปีครึ่ง
ตอนนี้ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าความสามารถความเข้าใจของหยางเฉินอ่อนแอ เช่นเดียวกับเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ที่เข้ามาในตำหนักเย่ซิวพร้อมกับเขา
ไม่มีใครประสบความสำเร็จในการเข้าถึงดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นของหยางเฉิน
แม้ว่าความรู้พื้นฐานของหยางเฉิน
ดูเหมือนจะน้อยกว่าคนอื่นๆ
แต่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาไม่ให้เข้าสู่กลุ่มของเหล่าศิษย์สายนอกของราชวังหยางบริสุทธ์
แม้แต่การต่อต้านของชูเฮิงที่ยังมีอยู่ ก็จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้
หยางเฉินเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของหวังหยวนและได้สาบานต่อใจแห่งปีศาจของเขา
ดังนั้นหวังหยวนไม่รู้สึกกังวลว่าหยางเฉินจะกลับคำสัญญา
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงต้องทนต่อแรงกดดันจากชูเฮิงและปกป้องหยางเฉินในทุกเรื่อง
คราวนี้ก็เหมือนเดิมหวังหยวน
เตรียมแสดงความยินดีกับหหยางเฉินเมื่อเข้าถึงดินแดนรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง เขาตบมือให้สัญญาณคนรับใช้สองคนที่ด้านหลังประตูเข้า
ทั้งสองคนกำลังแบกถาดเดินเข้ามา
หนึ่งในสองคนรับใช้คือผู้ชายและอีกคนเป็นผู้หญิง
ผู้ชายคนนั้นคือเซิ่นต้าและผู้หญิงเป็นคนรับใช้หญิงที่ใช้ยันต์ภาพลวงตา ทั้งสองคนกำลังแบกคนละถาดไว้ในมือ
ถาดหนึ่งมีถุงที่สวยงามวางอยู่ ในขณะที่อีกถาดเต็มไปด้วยหินจิตวิญญาณ
"นี่เป็นของเจ้า หลังจากที่เจ้าได้รับการรับรองจากตำหนักเก้าปฐพี ครูของข้าได้ทำถุงมิติใบนี้ไว้สำหรับเจ้าแล้ว"
หวังหยวนคว้าและโยนถุงมิติไปให้หยางเฉิน
และแนะนำเรื่องนี้อย่างกระตือรือร้น
"เจ้าจะต้องลงตราประทับการรับรู้จิตวิญญาณของเจ้าลงบนมันถึงจะสามารถใช้งานได้"
ในใจของหยางเฉินสงบมาก
แต่สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความแปลกใจ เมื่อได้รับถุงมิติและตามคำแนะนำของหวังหยวนเขาใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาในการทำตราประทับลงไปบนถุงมิติ
ไม่นานหลังจากนั้นเขารู้สึกถึงความแตกต่างบางอย่างและเริ่มตรวจสอบมัน
หวังหยวนไม่ได้แทรกแซงหยางเฉินในขณะนี้
เมื่อเขาได้รับถุงมิติของตัวเองเป็นครั้งแรกเขาก็เป็นแบบนี้ และไม่สามารถระงับความสุขของเขาได้ดังนั้นเขาจึงเข้าใจอารมณ์ของ
หยางเฉิน ในขณะนี้หลังจากที่รอจนกระทั่งหยางเฉินสำรวจถุงมิติสักพัก หวังหยวนมอบหินจิตวิญญาณที่อยู่บนถาดที่สองและพูดว่า
"ตั้งแต่ที่ชูเฮิงบอกว่าเจ้ามีสถานะเป็นศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม ดังนั้นเจ้าจะได้รับหินจิตวิญญาณหนึ่งจิน
ทุกเดือน ก่อนหน้านี้เจ้าไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรดังนั้นจึงไม่ได้รับเงินใดๆ
แต่ตอนนี้หินจิตวิญญาณทั้งหมดนับตั้งแต่เวลาที่เจ้าได้เข้าร่วมนิกายจนถึงวันนี้จะมอบให้กับเจ้า"
หยางเฉินยื่นมือไปรับพวกมันและใส่ลงในถุงมิติใบใหม่ของเขา
ทันทีที่หยางเฉินทำทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาไม่ได้สนใจคนรับใช้ทั้งหมด นอกจากหวังหยวนเท่านั้นที่ถามออกมา
"ศิษย์น้องหยางเจ้าวางแผนที่จะไปที่ตำหนักเก้าปฐพีในทันทีหรือว่าเจ้าตั้งใจจะอยู่ในตำหนักเย่ซิวนานกว่านี้?
ในความคิดของข้า ศิษย์ในรุ่นเดียวกับข้าเป็นผู้บ่มเพาะที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์หากเทียบกับที่อื่น"
ตอนนี้หยางเฉินเป็นศิษย์ชั้นนอกอย่างเป็นทางการ
ตามปกติแล้วเขาก็จะต้องไปที่ตำหนักเก้าปฐพี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ศิษย์ชั้นนอกเกือบทุกคนจะฝึกฝนการบ่มเพาะของตนเอง
มีเพียงแต่ชูเฮิงที่ทำหน้าที่เป็นศิษย์สืบทอด ซึ่งเขาจะต้องพยายามใช้ทุกวิธีเพื่อเข้ามาดูแลหยางเฉินที่นั่น
แต่ถ้าเขาอยู่ที่ ตำหนักเย่ซิว เขาจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
แต่ทุกเรื่องย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง
ถ้าเขายังคงอยู่ที่ ตำหนักเย่ซิว เขาจะต้องรอเวลาถึงสามปี ส่วนชูเฮิงใกล้จะหมดเวลาของการเป็นศิษย์สืบทอด
และจะมีใครสักคนมาแทนที่ อย่างมากที่สุดเขาอาจจะเสียเวลาหนึ่งปีครึ่ง
แต่ก็ยังเป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่ต้องเจอกับชูเฮิงและสามารถทำการบ่มเพาะด้วยความสงบ
แม้ว่า
ตำหนักเก้าปฐพีจะมีชูเฮิง เกือบทั้งหมดเป็นศิษย์สายนอกไม่ว่าจะเป็นทักษะการบ่มเพาะการจัดสรรทรัพยากรและหินจิตวิญญาณหรือปฏิสัมพันธ์ระหว่างศิษย์สายนอกด้วยกัน
พวกมันทั้งหมดดีกว่าเมื่อเทียบกับตำหนักเย่ซิว ในขณะที่ตำหนักเย่ซิวนั้นทำการสอนเพื่อเตรียมผู้ที่จะเป็นศิษย์
แม้ว่าเขาจะมีหวังหยวนที่คอยชี้แนะ แต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับคำชี้แนะของศิษย์สายในระดับก่อสร้างรากฐานได้
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับตำหนักเย่ซิวแล้ว
ตำหนักเก้าปฐพี ยังเต็มไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่ว่าจะต้องพบกับชูเฮิง การไปที่ ตำหนักเก้าปฐพีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เพียงเพราะชูเฮิง
หวังหยวนจึงต้องการความคิดเห็นของหยางเฉิน
"พวกเราผู้ฝึกตนต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายอยู่แล้ว ถ้าเพียงเพราะคนคนเดียวอย่างชูเฮิง
หากข้าผูกมัดขาตัวเองไว้ไม่ก้าวต่อไป ข้าก็จะยังคงเป็นคนธรรมดาอยู่ตลอดชีวิตของข้า!"
หยางเฉินเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของหวังหยวน
แต่เขายังคงไม่ยอมรับความตั้งใจที่ดีของหวังหยวน แล้วกล่าวออกไปว่า
"วันนี้ถ้าข้ายอมจำนน ต่อไปในอนาคตข้าก็จะขี้ขลาดกับทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับความเอาใจใส่จากศิษย์พี่หวัง
ดังนั้นข้าคงต้องขอร้องให้ศิษย์พี่หวังเตรียมการที่ข้าจะเข้าไปที่ตำหนักเก้าปฐพีในอีกไม่กี่วันนี้!"
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
เพียงเพราะหยางเฉินมีลักษณะขี้ขลาดแบบนั้น ชีวิตของเขาก็จบลงเหมือนอย่างนั้นในท้ายที่สุด
ในชีวิตนี้เขาจะไม่ทำซ้ำด้วยข้อผิดพลาดเดิม
ประโยคสั้นๆ
เหล่านี้ทำให้หวังหยวนรู้สึกยากที่จะอธิบายออกมาได้ และมันยังก่อให้เกิดความกล้าหาญขึ้นมาภายในตัวเขา
"พูดได้ดี! ศิษย์น้องหยาง ข้าชื่นชมความรู้สึกของเจ้า แต่เจ้ารออีกสักสิบวันและหลังจากผ่านไปสิบวันแล้วข้าจะให้คนนำเจ้าไปที่ตำหนักเก้าปฐพี!"
พื้นฐานของหวังหยวนเป็นคนอ่อนโยนซึ่งคล้ายคลึงกับความรู้สึกของหยางเฉินในชีวิตก่อนหน้านี้
เขาไม่ได้มีความปรารถนาที่จะต่อสู้มากนัก ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นเขาคงไม่ถูกส่งมาให้ทำหน้าที่ดูแลที่ตำหนักเย่ซิว
ด้วยคำที่หยางเฉินกล่าวออกมา
ได้จุดประกายบางอย่างขึ้นภายในใจของหวังหยวน ความรู้สึกเดิมสั่นคลอน ซึ่งทำให้เขาคิดถึงข้อบกพร่องของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
แต่ตอนนี้หวังหยวนรู้สึกว่าพลังแห่งการบ่มเพาะของเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย ปรากฏขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
มันทำให้เขาทั้งตื่นเต้นและคาดหวัง การรู้และเข้าใจในแบบนี้เป็นโอกาสที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกิดขึ้น
เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องของหยางเฉินและสามารถผลักดันเรื่องเหล่านี้ไปได้หลายวัน
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าเขาจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้ทันที
แต่หยางเฉินก็ยังไม่สามารถกลายเป็นศิษย์สายนอกได้ในทันที ทุกนิกายมีกฎและหยางเฉินเข้าใจกฎของพระราชวังหยางบริสุทธ์อย่างชัดเจน
ถ้าผู้เตรียมเป็นศิษย์ได้ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ในการเป็นศิษย์สายนอกอย่างเป็นทางการ
ก็ต้องผ่านกฎระเบียบของนิกาย ถึงจะได้รับการพิจารณาให้เข้านิกาย เป็นศิษย์นิกายอย่างแท้จริง
ศิษย์สายนอกและศิษย์สืบทอดทุกคน มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ
ระหว่างการเป็นศิษย์และกำลังก้าวไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ซุนไห่จิ้งและชูเฮิง
มีความสัมพันธ์แบบนี้กันตั้งแต่แรก แต่หลังจากมองไปที่รากจิตวิญญาณของซุนไห่จิ้งก็มีความมุ่งมั่นที่ว่าในอนาคตเขาจะก้าวเข้าสู่วิหารรัศมีจันทรา
ดังนั้นเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาเริ่มที่จะประจบประแจงชูเฮิง ในทางกลับกันชูเฮิงก็เริ่มให้ความสนใจกับซุนไห่จิ้งดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองคนกลายเป็นที่ใกล้ชิดมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
แม้ว่าหวังหยวนเขียนคำสั่งให้ส่งข่าวออกไปแล้ว
แต่เขาก็ยังต้องรออีกหลายวันก่อนที่หยางเฉินจะสามารถออกเดินทางได้ หยางเฉินไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไป
เขาใช้เวลานี้เพื่อทำยันต์กระดาษ
หลังจากที่หวังหยวนได้ส่งคำร้องไปแล้ว
เซิ่นต้าก็มาปรากฏตัวที่หน้าหยางเฉินด้วยความเคารพอย่างมาก หลังจากครั้งสุดท้ายที่
เขาพ่ายแพ้ให้กับหยางเฉินจนหมดสติ เซิ่นต้าปฏิบัติกับหยางเฉินอย่างนี้เสมอมา เมื่อหยางเฉินนั่งลงแล้ว
เซิ่นต้าได้หยิบขวดหยกขนาดเล็กมาจากถุงมิติและส่งมอบให้กับหยางเฉินด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างมาก
"นี่คืออะไร?"
หยางเฉินไม่ได้ยื่นมือออกไป
ได้แต่มองดูและถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
"นายน้อยหยาง นี่คือยาเม็ดปราณหยาง สกัดกลั่นมาจากผลไม้หยางล้ำเลิศ"
เซิ่นต้าอธิบายได้อย่างรวดเร็ว
"ตอนนี้มันเป็นของนายน้อยหยางแล้ว ข้ามอบพวกมันกลับไปให้กับนายน้อยหยาง"
สิ้นสุดคำอธิบายทั้งหมดนี้
เซิ่นต้าได้วางขวดหยกบนโต๊ะไว้ข้างหน้าหยางเฉิน
หยางเฉินจ้องไปที่เซิ่นต้าเป็นระยะเวลานานแล้วเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า
"เจ้าควรใช้มัน มันไม่เป็นประโยชน์กับข้า"
เซิ่นต้ารู้สึกกังวลมากและสงสัยว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่ยอมรับมัน
หรือหยางเฉินยังคงสงสัยพวกเขา? หลังจากที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับหยางเฉิน
เซิ่นต้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ แต่เขาเป็นคนฉลาดและรู้ในทันทีว่าหลังจากการต่อสู้
ซ่างกวนเฟงเก็บตัวเพื่อฝึกบ่มเพาะและหลังจากนั้นเพียงสองเดือนเขาก็ประสบความสำเร็จในระดับก่อสร้างรากฐาน
กลายเป็นศิษย์สายในและวันนี้เขาเองได้เห็นหวังหยวนและหยางเฉินพูดถึงบางสิ่งบางอย่างและหลังจากนั้นหวังหยวนก็รีบกลับไปเก็บตัวฝึก
มันก็น่าจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่ไม่มีอะไรที่น่ารังเกียจ
เมื่อคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมของหยางเฉิน
เกี่ยวกับผู้ดูแลทั้งสองคน ทำให้เซิ่นต้าเข้าใจได้ยากว่าพวกเขาจะต้องได้รับประโยชน์มหาศาลจากหยางเฉินถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องเห็นด้วยกับศิษย์สายใน
ชูเฮิง แต่พวกเขากลับตัดสินใจเผชิญกับความโกรธของชูเฮิงเพียงเพื่อช่วยหยางเฉิน? นอกจากนี้แล้ว เซิ่นต้า ยังได้รับรู้ว่าเปลือกของผลไม้หยางล้ำเลิศ
ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ หยางเฉิน มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดด้วยตัวของมันเอง
ถ้าเขาไม่ได้ประจบหยางเฉินในเวลานี้
หลังจากที่หยางเฉินออกจากตำหนักเย่ซิวไปแล้ว เขาก็จะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกเซิ่นต้าและบรรดาคนรับใช้คนอื่นๆ
ที่เคยถูกพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้กล่าวถึงเรื่องนี้และหลังจากนั้นหูหลินที่ได้สกัดกลั่นเปลือกผลไม้เพื่อผลิตยาเม็ดลมปราณหยางนี้
แต่แทนที่พวกเขาจะกินมัน พวกเขาเสนอให้เซิ่นต้านำมันมามอบให้หยางเฉินในวันนี้
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่ได้รับมัน
เซิ่นต้าคุกเข่าลงในทันทีโดยไม่ต้องคิดและกล่าวอย่างนอบน้อมว่า
"นายน้อยหยาง พวกเราตระหนักดีว่านายน้อยหยางมีโอกาสที่ไร้ขอบเขตและในอดีตพวกเราได้ทำให้ท่านไม่พอใจดังนั้นพวกเราจึงขอให้นายน้อยหยางผู้ยิ่งใหญ่ลงโทษเรา!"
"ข้าลืมเรื่องนั้นไปแล้ว"
หยางเฉินหัวเราะ
เขาแทบจะไม่มีเวลาพอที่จะทำการบ่มเพาะ แล้วคนรับใช้ไม่กี่คนจะทำให้ชีวิตเขายากลำบากได้อย่างไร? เขาไม่ใช่คนใจแคบอย่างชูเฮิง
"นายน้อยหยาง พวกเราทั้งสี่คนต้องการที่จะติดตามนายน้อยหยาง!"
เซิ่นต้าไม่ได้ปิดบังอะไรและบอกกับหยางเฉินโดยตรง
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ข้างนอกประตูทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นในทันทีและเดินหน้ามาที่หยางเฉิน
คุกเข่าลงข้างเซิ่นต้า ในแถวทั้งสามคนคือ หูหลิน ติงหยวน และกูฉิน ซึ่งเป็นคนรับใช้ที่พ่ายแพ้ให้กับหยางเฉินในตอนแรก
จริงๆแล้วหยางเฉินไม่คาดหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกี่ยวกับทั้งสี่คนนี้
เขาไม่ได้คิดทำอะไรที่ไม่ดีภายในใจ แม้ว่าทั้งสี่คนนี้ได้กระทำกับเขาภายใต้การเตรียมการของชูเฮิง
หลังจากที่ผ่านบทเรียนของหยางเฉินแล้วพวกเขาก็ทำหน้าที่อย่างจริงใจโดยไม่ผิดพลาด หยางเฉินค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้
ตอนนี้ทั้งสี่คนนี้ต้องการที่จะติดตามหยางเฉิน
เพื่อที่จะสามารถติดตามความก้าหน้าของเขาในอนาคต และตัวเองก็ยังมีโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้า
ทุกคนอยากจะเดินหน้าต่อไปและหยางเฉินไม่เคยที่จะขัดขวางความก้าวหน้าของพวกเขา อย่างน้อยทั้งสี่คนนี้สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับในหมู่คนรับใช้
ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาถือว่าค่อนข้างลึกซึ้ง หยางเฉินก็ไม่สนใจว่าพวกเขาจะติดตามเขาไปหรือไม่
เมื่อเข้าไปในตำหนักเก้าปฐพีเขาก็จะได้รับคนรับใช้เพื่อรับใช้อยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินยังคงคิดอยู่
ทั้งสี่คนก็เหลือบไปมองหน้ากันและกัน และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็หมอบไปกับพื้นแล้วพูดออกมา
"โปรดอนุญาต นายน้อยหยาง!"
หลังจากครู่หนึ่งเมื่อทั้งสี่คนได้ขอร้องพร้อมกับคุกเข่าออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขาได้ยินเสียงอนุญาตของหยางเฉิน
"ตกลง! ลุกขึ้น!"
พวกเขาค้นพบว่าขวดหยกที่มียาเม็ดลมปราณหยาง
ที่พวกเขามอบให้หยางเฉินยังวางอยู่บนโต๊ะต่อหน้าพวกเขา
"นายน้อยหยาง สิ่งนี้เป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ธรรมชาติ
เซิ่นต้าและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะขอแบบนี้พวกเขาต้องการเพียงแค่หยางเฉินให้คำแนะนำสองสามข้อเมื่อโอกาสมาถึงแล้วนั่นก็เพียงพอแล้ว
"คนไหนที่สกัดกลั่นยาเม็ดนี้? หูหลิน?"
หยางเฉินถามขณะที่เขาเหลือบมองหูหลินรีบพยักหน้า
หยางเฉินหัวเราะเอามือออกไปหยิบขวดหยกและเอายาออกมา
หลังจากได้ตรวจสอบอย่างละเอียดสักครู่แล้ว เปลวไฟเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือนิ้วมือของเขาและห่อรอบยาที่อยู่ในมือของเขา
มันเป็นเพียงยาเม็ดลมปราณหยางไม่มีอะไรมาก
ไม่จำเป็นต้องให้หยางเฉินใช้ ทักษะโอสถสุภาพชนอาวุโส และทักษะสุดยอดคัมภีร์ยาเม็ด แม้ว่าเปลวไฟของหยางเฉินจะมีขนาดเล็กหลังจากนั้นสักครู่ยาตัวนั้นก็เริ่มไหม้และแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ
ไม่นานหลังจากนั้นในขวดยามียาเม็ดมากกว่าสิบเม็ด
หยางเฉินหยิบมันออกมาทั้งหมดแล้วก็ทำให้พวกมันให้สมบูรณ์มากขึ้น แล้วใส่มันลงไปในขวดหยกและวางไว้ที่ต่อหน้าทั้งสี่คนอีกครั้ง
"ยาเม็ดลมปราณหยางมันมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ถูกสกัดกลั่น
ข้าเพียงแค่กรองเอาสิ่งสกปรกไม่กี่อย่างออกให้"
เมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนยังลังเลที่จะรับพวกมัน
หยางเฉินหัวเราะพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
"สิ่งนี้จริงๆแล้วไม่มีประโยชน์สำหรับข้า พวกเจ้าสามารถใช้พวกมัน!"
ทั้งสี่คนนั้นมองหน้ากันก่อนที่เซิ่นต้าจะยื่นมือออกมาหยิบขวดหยกมาราวกับว่าเขาได้รับสมบัติล้ำค่า
หลังจากที่หูหลินได้เห็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยกย่องและนับถือที่มีต่อหยางเฉิน
คนที่สามารถสกัดกลั่นยาและแยกยาเม็ดได้ด้วยมือเปล่า แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ยาเม็ดลมปราณหยาง
อนาคตของเขานั้นยากที่จะสามารวัดได้
"เซิ่นต้าพื้นฐานการบ่มเพาะของเจ้าก็ไม่ได้เลวร้าย ในตอนเย็นใช้เพียงสองเม็ดยาลมปราณหยางและกลืนพวกมันโดยตรง
มันอาจจะมีการระเบิดอย่างฉับพลันของพลังที่เจ้าจะสามารถผ่านข้ามคอขวดของระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามได้”
หยางเฉินแนะนำเซิ่นต้า
"นั่งเข้าฌานสัมผัสถึงพลังแห่งการบ่มเพาะและถ้าเจ้าอมตัวยาไว้ในปากของเจ้าเป็นเวลากึ่งหนึ่งของการฝึก
เจ้าจะมีโอกาสอย่างน้อยเจ็ดในสิบที่จะประสบความสำเร็จ!"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น