เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 023 ผู้ดูแลคนใหม่ก็ต้องทำการบ่มเพาะ

หลังจากที่หยางเฉินได้ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการต่างๆเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เขากำลังจะหยุดพักและสั่งให้เซิ่นต้าเตรียมอาหาร อยู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา บุคคลหนึ่งกำลังบินพุ่งตรงเข้ามาที่หอล้ำลึก และการบ่มเพาะของเขาอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับลมปราณขั้นที่แปดหรือสูงกว่า

ใครก็ตามที่สามารถบินข้ามตำหนักเย่ซิวและมีระดับการบ่มเพาะที่สูงดังกล่าว ตัวตนของเขาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านี่คงเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว ในขณะที่เขารีบเร่งบินมาที่นี่มันเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับแจ้งว่าหยางเฉินได้ออกมาจากการเก็บตัวแล้ว

มีกฎระบุไว้ว่าเมื่อใครก็ตามที่กำลังอยู่ในห้องบ่มเพาะหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รบกวนการบ่มเพาะของบุคคลนั้น ดังนั้นตั้งแต่ที่ศิษย์อาวุโสคนใหม่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ของเขา หยางเฉินก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขา เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลคนใหม่อยากจะแสดงความโกรธของเขา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรีบมาที่นี่อย่างรวดเร็ว นี้ก็เพื่อพบกับเขาหรือบางทีเขาอาจต้องการใช้หยางเฉินเพื่อเป็นตัวอย่างในการแสดงความแข็งแกร่งของเขา

หยางเฉินพลันนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง และหยิบเอาผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีออกมาจากแหวนแห่งความสำเร็จ  เขาทำการผ่าแบ่งออกเป็นสองส่วน เนื้อด้านในมีสีแดงสดคล้ายกับสีเลือด เขากัดแกนออกและเริ่มเคี้ยวมันเสียงดัง ในตอนนี้ภาพเงาของชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้า เขาได้เห็นสิ่งที่หยางเฉินกำลังทำอยู่พอดี

หวังหยวนเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว โดยการแนะนำจากอาจารย์วิหารรัศมีจันทราหลายคน เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการแจกจ่ายทรัพยากรบ่มเพาะและตัดสินใจว่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการเป็นศิษย์สายนอกหรือไม่ ผู้ดูแลคนเดิม ซ่างกวนเฟงประสบความสำเร็จเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานและกลายเป็นศิษย์สายใน ดังนั้นเขาจึงได้รับเลือกให้มาเป็นผู้ดูแลคนต่อไปของตำหนักเย่ซิว

เมื่อผู้ดูแลคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาถึงทุกคนในตำหนักเย่ซิวได้ออกไปต้อนรับเขา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์สายใน หรือคนรับใช้ทุกคนต่างเข้าไปก็ทักทายเขา เพียงไม่กี่คนที่เป็นข้อยกเว้นแต่พวกเขาทั้งหมดอยู่เหนือผู้ดูแล และเมื่อผู้ดูแลเข้ารับตำแหน่งพวกเขาทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการบ่มเพาะปลูก จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะละเลยไม่ได้ออกมาทักทาย

คนส่วนใหญ่ได้เข้าพบผู้ดูแลคนใหม่หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการบ่มเพาะ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ผู้ดูแลหวังหยวนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การมาถึงของเขาจนถึง ณ ขณะนี้ บุคคลคนหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเขาเลย ก็คือหยางเฉิน

เกี่ยวกับหยางเฉิน หวังหยวนรู้สึกปวดหัวมาก ด้วยที่ว่าคราวนี้ ชูเฮิง ผู้เป็นศิษย์วิหารรัศมีจันทราได้เรียกร้องให้เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยกับหยางเฉินเพื่อทำให้แน่ใจว่าหยางเฉินจะไม่สามารถบ่มเพาะไปถึงขั้นแรกของพลังลมปราณภายในช่วงสามปีนี้ และถูกลดฐานะไปเป็นคนรับใช้ แต่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อนและเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน ซ่างกวนเฟง  ก็ได้มาพบกับเขาแล้วและบอกกับเขาว่าเขาต้องดูแลและอำนวยความสะดวกหยางเฉินให้ดี

ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง หวังหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ซ่างกวนเฟง ให้ความสำคัญกับหยางเฉินอย่างมาก ไม่เพียงแต่หยางเฉินจะอาศัยอยู่ในหอล้ำลึกที่เป็นที่พำนักที่ใหญ่ที่สุดแล้วเขายังมีคนรับใช้ส่วนตัวมากที่สุด และยังให้อยู่ในสถานะของศิษย์ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม ถ้านี่ไม่ได้ให้ความสำคัญแล้วมันคืออะไร?

แต่หวังหยวนได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสถานะของศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามที่ได้รับมานั้นมาจากชูเฮิง ก็เพื่อประโยชน์ของชูเฮิงเอง หวังหยวนยังได้รับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่หยางเฉินเอาชนะชูเฮิง ดังนั้นเขาต้องการแก้แค้น แต่เกรงว่าผู้คนจะพูดถึงตัวเขาในทางที่ไม่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการใช้กลวิธีแบบนี้

แต่เนื่องจากเขารู้ว่าหยางเฉินได้รับคำแนะนำจาก ซ่างกวนเฟง และเคยใช้กลอุบาย ทดสอบอาจารย์เพื่อเอาชนะอุปสรรคของชูเฮิงได้ หวังหยวนได้ตระหนักว่าอุปสรรคเหล่านั้นของชูเฮิงแทบจะทำอะไรหยางเฉินไม่ได้เลย ตามที่เขาเข้าใจ ถ้าหยางเฉินไม่โง่เขาน่าจะกลายเป็นศิษย์สายนอก

อย่างไรก็ตาม วิธีที่เขาจะดูแลหยางเฉินก็ขึ้นอยู่กับว่าหยางเฉินปฏิบัติต่อเขาอย่างไร ถ้าหยางเฉินเป็นคนฉลาดและรอบคอบในขณะที่เผชิญหน้ากับเขา ทุกอย่างก็จะดี แต่ถ้าหยางเฉินพูดจาหยิ่งจองหอง มันก็จะไม่แปลกใจถ้าหวังหยวนจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่แปดเช่นเขา จัดการกับผู้เตรียมเป็นศิษย์ที่ยังไม่ได้ถึงแม้แต่ขั้นแรก แม้ว่าหยางเฉิน จะได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้านับหมื่นองค์ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็จะยังไม่เพียงพอที่จะช่วยเขาได้

เมื่อเขาได้รับข่าวว่าหยางเฉินออกมาจากการเก็บตัว หวังหยวนก็เร่งรีบพุ่งตรงมาที่นี่เพื่อที่จะไห้เห็นภาพที่เกือบจะทำให้ดวงวิญญาณของเขาแตกสลาย

หยางเฉินถืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับผลไม้หยางล้ำเลิศ เขาหยิบมันออกมาชิ้นหนึ่งก่อนจะเคี้ยว น้ำของผลไม้หยดลงมา  หวังหยวนไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ๆ เขาก็สามารถรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณที่น่ากลัวที่สะสมอยู่ในเปลือกที่หยางเฉินขว้างทิ้ง

"นี่...นี่มัน..."

หวังหยวนวิ่งไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวที่ยาวเพื่อตรงไปเก็บเปลือกซึ่งถูกโยนออกมาโดยหยางเฉินที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาสังเกตเปลือกบนมืออย่างละเอียด และตัดสินว่านี่เป็นผลไม้หยางล้ำเลิศและไม่เพียงแค่อยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้น แต่มันได้มีการพัฒนาจนโตอย่างเต็มที่อายุครบพันปีแล้ว

ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี! ไม่คาดคิดว่าหยางเฉินกำลังปฏิบัติกับมันเหมือนไม่มีค่าอะไร ดึงมันออกจากกันด้วยมือของเขาและโยนมันเข้าไปในปาก ในขณะนี้หัวใจของหวังหยวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากยิ่งกว่าเขาถูกฟันโดยใครสักคน มันเป็นการสิ้นเปลืองที่ใครจะกินผลไม้หยางล้ำเลิศโดยไม่ผ่านการปรับแต่ง หรือแม้แต่จะลอกเปลือกออกและโยนเปลือกทิ้ง? ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ถ้าสกัดกลั่นเป็นยาเม็ดก่อรากฐานโดยตรง มันสามารถส่งเสริมคนให้เข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานและยังสามารถแก้ไขทุกอย่างทั้งที่ใช่ปัญหาและไม่ใช่ปัญหา!

หยางเฉินก็ยังคงเหมือนเดิม เขาใช้มือทั้งสองแยกผลไม้ออกมา กินมันเข้าไป  น้ำผลไม้ยังคงหยดออกมาจากมุมปากของเขา ในขณะนี้หวังหยวนเกลียดหยางเฉินเป็นอย่างมากเขาต้องการที่จะเตะคนป่าชาวดอยที่ไม่รู้จักของที่มีคุณค่า และดูว่าเขาจะกลิ้งไปไกลได้แค่ไหน หวังหยวนจับเปลือกผลไม้สองชิ้นและถามหยางเฉินอย่างไม่พอใจ

"เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร?"

"ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันอร่อยมากเลยนะ...อ่า!"

หยางเฉินตอบกลับ สีหน้าดูเหมือนจะผิดหวังที่ผลไม้หมดแล้ว เขาแลบลิ้นของเขาเพื่อเลียริมฝีปากของเขาราวกับพยายามที่จะได้รับรสหวานของเยื่อหวานของผลไม้หยางล้ำเลิศ

"เจ้าไม่ได้...?"

หวังหยวนเกือบจะคำรามออกไป

"อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่แตกต่างกัน?"

"ข้าไม่ได้เรียนอะไรเพราะไม่มีใครสอนข้า!"

หยางเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าซื่อๆให้กับหวังหยวน ใช้น้ำเสียงแบบที่อาจทำให้คนโกรธได้จริงๆ เขากล่าวออกไปด้วยความสบายใจว่า

"ถ้าข้าไปถามคนอื่นเขาก็ไม่สามารถบอกข้าได้...แล้ว...เจ้าเป็นใคร?"

หวังหยวนจำได้เพียงว่าเขาตั้งใจจะมาที่นี่และในเวลาเดียวกันเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ในใจเขาก็แอบไม่พอใจต่อชูเฮิง ที่สร้างอุปสรรคต่อต้านหยางเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะชูเฮิงกีดกั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่แตกต่างกันของหยางเฉิน หยางเฉินก็คงจะไม่ทำลายสมุนไพรอันมีค่านี้เยี่ยงนี้? ถ้าเขาสามารถใช้ยาเม็ดนี้กับตัวเองได้แล้วเขาก็สามารถกลายเป็นศิษย์สายในได้อย่างง่ายดาย!

"ข้าคือหวังหยวนผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว"

หวังหยวนเก็บงำความโกรธของเขาและบอกตัวตนของเขาให้กับหยางเฉิน แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยพูดก็ตาม หยางเฉินก็ควรที่จะรู้จักเขา ในอนาคตนี้หวังหยวนก็จะกลายเป็นศิษย์สายในและเขาก็จะไต่อันดับขึ้นเพื่อจะกลายเป็นวิหารรัศมีจันทราหมายเลขสอง

"ผู้ดูแลคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับการมาของท่าน ข้าล่วงเกินท่านขออภัย!"

หยางเฉินรีบป้องมือและยอมรับผิด แล้วจึงออกคำสั่ง

"น้ำชา!"
เมื่อเซิ่นต้าได้นำน้ำชามา หยางเฉินได้โยนเปลือกไปทางเขาและพูดว่า

"เซิ่นต้า เก็บเปลือกนี่ไปทิ้ง อย่าให้มันเกะกะลูกตาผู้ดูแลหวังหยวน!"

เซิ่นต้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นการแสดงออกอย่างไม่เต็มใจของหวังหยวน ก่อนที่จะเก็บเปลือกผลไม้สองชิ้นออกมา เมื่อเซิ่นต้าวางมันลงบนถาดและยกมันไปไว้ข้างใน หยางเฉินเผยรอยยิ้มออกมาและพูดว่า

"ข้าพบผลไม้นี้อยู่บนท้องถนนเมื่อข้ามาร่วมนิกาย มันไม่มีอะไรพิเศษ มันก็แค่มีรสชาติอร่อย ถ้าผู้ดูแลหวังต้องการกินผลไม้เหล่านี้บ้าง ก็เพียงอนุญาตให้ข้าออกไปข้างนอกข้าจะได้ไปเก็บผลไม้ที่อร่อยเหล่านี้สำหรับผู้ดูแลหวัง"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกตาของหวังหยวนเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ว่าจะมีผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีอีกในที่นั่น?

น้ำฟังเสียงของหยางเฉิน ไม่เพียงแต่มีผลไม้หยางล้ำเลิศพัน แต่ดูเหมือนว่าหยางเฉินจะกินพวกมันมาตลอด คราวนี้หวังหยวนก็เข้าใจเหตุผลที่ว่าทำไมความแข็งแกร่งของหยางเฉินจึงทะลุลูกศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม อ่า! การกินเนื้อของผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ใครจะรู้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ของมันอย่างไรบ้าง?

แม้ว่าเซิ่นต้าจะเป็นเพียงแค่คนรับใช้ แต่เขาก็ยังมีความรู้ทั่วไปที่ดีมาก เมื่อเขาได้ยินคำสั่งของหยางเฉิน เขาเชื่อว่ามันเป็นเปลือกธรรมดา แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าของผู้ดูแลที่ดูแตกต่างออกไป เขาคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น มองเปลือกทั้งสองชิ้นอย่างใกล้ชิด ลักษณะของสมุนไพรที่แตกต่างกันได้ผ่านเข้าไปในความคิดของเขาอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าสิ่งนี้เป็นอะไร แม้ว่าเขาจะไม่กล้าที่จะมั่นใจนัก แต่เมื่อเขามองไปที่สีหน้าและอาการของหวังหยวน ความสงสัยที่เล็กน้อยได้เลือนหายไป

เมื่อเทียบกับการปรากฏตัวของผู้ดูแลหวังหยวนการแสดงออกของเซิ่นต้าดูเหมือนจะ
ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เปลือกนี้เป็นผลไม้หยางล้ำเลิศและผลไม้นี้ถูกปลอกเปลือกขณะที่มันสุกพอดี เซิ่นต้า ลุกขึ้นยืนถือถาด เขายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตาทั้งคู่ยังคงมองไปที่เปลือกโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนแม้แต่นิดเดียว

เปลือกผลไม้หยางล้ำเลิศนี้มีคุณสมบัติบัติยาสามในสิบของเนื้อในผลไม้หยางล้ำเลิศ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถผลิตเป็นยาเม็ดก่อรากฐานได้ แต่คุณสมบัติยาที่เหลือก็ยังดีเกินกว่าจะผลิตยาเม็ดลมปราณหยางที่มีประสิทธิภาพ เพียงไม่กี่เม็ดนี้ บางทีเขาอาจจะสามารถผ่านคอขวดระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามและก้าวสู่ขั้นที่สี่

เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ? เมื่อได้ยินความคิดเห็นของหยางเฉินมันก็เห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตามเซิ่นต้าไม่กล้าที่จะเชื่อ เขาครุ่นคิดอยู่ภายในใจจนกระทั่งได้ยินเสียงของหยางเฉินอีกครั้ง

ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ยังมีอีก! เซิ่นต้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขายังคงยืนอยู่กับที่ด้วยความมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ในขณะเดียวกันหวังหยวนก็ตกตะลึง เขาไม่ทราบว่าจะพูดอะไรออกไปอีก สำหรับความตั้งใจเดิมของเขาที่มาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น ความคิดใดๆที่จะต่อต้าน หรือสิ่งใดที่พี่ชายชูเฮิงพิจารณาและต้องการ เขาได้ขังมันเอาไว้และโยนมันไปไกล ข้อตกลงที่เป็นจริงและเที่ยงตรงสำหรับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีจะหาสิ่งนี้ได้จากที่ใด?

แม้ว่าหวังหยวนอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่แปด  แต่เขาก็ยังคงต้องลุกขึ้นยืนและสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง ก่อนที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาเงยหน้ามองไปที่หยางเฉินและถามว่า

"คำพูดที่เจ้าพูดมา เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?"

ทั้งความยินดีและความหวาดระแวงแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อมั่นกับสิ่งที่ได้ยิน

"นี่เป็นเพียงผลไม้ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น การไปเก็บมันมากขึ้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่"

หยางเฉินหัวเราะอยู่ในใจของเขา แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไปโดยไม่มีสะดุด

"หากผู้ดูแลหวังต้องการพวกมัน ข้าก็จะถามท่านอีกครั้งว่าข้าได้รับอนุญาตให้ออกเดินทางได้หรือไม่ ถ้าข้าไม่มีความมั่นใจข้าคงไม่กล้าที่จะสัญญาต่อผู้ดูแลหวังว่าจะได้ผลไม้เหล่านี้"

หลังจากที่หยางเฉินเสร็จสิ้นการพูด ราวกับว่าเขากลัวว่าหวังหยวนจะไม่ไว้ใจเขา เขาก็ยกมือขึ้นเพื่อทำการสาบาน

"หลังจากที่ข้าสาบานด้วยใจแห่งปีศาจ ผู้ดูแลคงจะไม่สงสัยข้าอีกต่อไป?"

เมื่อได้ยินหยางเฉินสาบานต่อใจแห่งปีศาจออกมาอย่างไม่คาดฝัน หวังหยวนก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ สิ่งที่นักบ่มเพาะทุกคนกลัวมากที่สุดคือใจที่ผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสาบานแบบนี้ ในกรณีที่เขาทำพิธีสาบานด้วยใจแห่งปีศาจ จะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ ปีศาจในหัวใจของเขาจะเติบโตขึ้นภายในตัวเขา และจิตวิญญาณของเขาจะไม่มีที่ให้ไปอีกต่อไป นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้บ่มเพาะธรรมดามักไม่กล้าสาบานว่าจะสาบานด้วยหัวใจแห่งปีศาจของพวกเขา

ในความเห็นของหยางเฉิน มูลค่าของผลไม้หยางล้ำเลิศเป็นเรื่องที่หาตัวจับยาก ถ้าในทางกลับกันหากหวังหยวนผู้นี้สามารถแสดงความใส่ใจเช่นเดียวกับซ่างกวนเฟงได้มากแล้ว หยางเฉินก็จะสามารถใช้ชีวิตในตำหนักเย่ซิวได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้หยางเฉินไม่รังเกียจที่จะให้ผลไม้แก่เขาสักลูก บางทีสำหรับคนอื่นๆมันก็มีค่ามาก แต่กับหยางเฉินเนื่องจากว่าเขามีมันมากกว่าหลายพันลูก และเห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นผลไม้แสนอร่อยและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

"ดี! ถ้าศิษย์น้องหยางมีปัญหาใน ตำหนักเย่ซิวนี้เพียงแค่มาหาข้า!

หวังหยวนทาบมือของเขาไปที่หน้าอกเพื่อสาบาน

"ตราบเท่าที่คำขอของเจ้าไม่มากเกินไป ข้า หวังหยวน จะไม่ปฏิเสธ"

"ผู้ดูแลหวัง ข้าขอถามอะไรบางอย่างได้หรือไม่? ผลไม้นี้เขาเอามันไปทำอะไร?"

หยางเฉินยิ้มและถามออกไปอย่างเจ้าเล่ห์

ถ้าหยางเฉินไม่ได้สาบานด้วยใจแห่งปีศาจ หวังหยวนก็ยังคงสามารถหาทางเก็บผลไม้หยางล้ำเลิศให้เป็นความลับได้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เนื่องจากคนรับใช้ เซิ่นต้ายังอยู่ที่นี่  ดังนั้นเขาจึงเริ่มอธิบาย

"นี่คือผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตยาเม็ดก่อรากฐาน ถ้าข้าหวังหยวนนี้มีผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ข้าก็จะสามารถก้าวไปถึงระดับก่อสร้างรากฐานได้ภายในสิบปีข้างหน้า ข้ายังคงต้องขอบคุณเจ้ามากศิษย์น้องหยางในความเอื้อเฟื้อของเจ้า!"

"ท่านก็ใจดีมาก!"

หยางเฉินตอบกลับด้วยความสุภาพ หากแต่ในใจเขาก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุ ตราบเท่าที่หวังหยวนยังคงดูแลตำหนักเย่ซิว ก็จะไม่มีใครมารบกวนเขาได้ นอกจากนี้ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ว่าหยางเฉินได้รับคำชี้แนะจาก ซ่างกวนเฟงและหวังหยวน แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆก็จะไม่เกิดความสงสัย นอกจากนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำประหนึ่งว่าผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีเป็นเพียงแค่ผลไม้ที่มีไว้กินเพื่อประทังความหิว

หวังหยวนให้คำแนะนำหยางเฉินก่อนที่จะกล่าวอำลาแล้วรีบจากไป แม้ว่าเขาจะรีบพุ่งมาที่นี่ด้วยความโกรธ แต่ในที่สุดเมื่อเขาจากไปเขาก็จากไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม หยางเฉินเพิ่งใช้ผลไม้หยางล้ำลึกเพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างง่ายดายสำหรับตัวเอง จากการพบกันในครั้งแรกเพื่อที่จะแสดงความแข็งแกร่งกลับกลายเป็นการพบปะที่เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ

แผนการของชูเฮิงไม่มีความสำคัญใดๆ หรืออย่างน้อยก็ภายในตำหนักเย่ซิวที่พวกมันไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้  ผู้ดูแลคนนี้ตกเป็นเบี้ยของหยางเฉินและคนอื่นๆก็ไม่กล้าพูดหยาบคายกับหยางเฉิน โดยไม่ต้องไปใส่ใจกับคำแนะนำของชูเฮิง ในตอนนี้หยางเฉินอยู่เหนือทุกคนในตำหนักเย่ซิวและสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้

มันก็แค่หยางเฉินไม่มีเวลาที่จะเสียไปกับเรื่องที่ไร้สาระเหล่านี้ ยิ่งเขาก้าวเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานได้เร็วมากเท่าไหร่เขาก็จะได้เข้าไปเคารพอาจารย์ของเขาเร็วขึ้น และหาแผนการณ์ที่ดีเพื่อจัดการกับเรื่องต่างๆของเธอ แล้วเขาจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?

เซิ่นต้าได้รับโชคอย่างมหาศาล หลังจากที่เขาได้รับเปลือกผลไม้หยางล้ำเลิศสองชิ้น เขาก็พบใครบางคนในหมู่คนรับใช้ซึ่งสามารถผสมยาเม็ดพื้นฐานและยาเม็ดหยางปราณ ที่ระดับต่ำมาก แต่เขาก็ยังคงสกัดกลั่นมันออกมาได้บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถผูกขาดทั้งเปลือกได้เพียงคนเดียว แต่มันก็ยังเป็นกำไรมหาศาล อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาทั้งสองอาจฝันถึงขั้นที่สี่ เมื่อรู้ว่าผลประโยชน์เหล่านี้ได้มาจากหยางเฉินและยังเห็นพฤติกรรมของหวังหยวนที่มีต่อหยางเฉิน เขาและคนรับใช้อื่นๆเริ่มให้ความสำคัญกับหยางเฉินมากขึ้นและอย่างเชื่อฟังเพื่อตอบสนองความต้องการของหยางเฉินอย่างสมบูรณ์

หลังจากจัดการข้อขัดแย้งกับผู้ดูแลหวัง หยางเฉินได้เก็บตัวเข้าฝึกบ่มเพาะอีกครั้ง เนื่องจากเขามีประสบการณ์และเข้าถึงก่อสร้างรากฐานของหยางห้าธาตุแล้ว เพื่อฝึกไปพร้อมๆ กันกับหยินทั้งห้าธาตุมันทำให้เขาใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียว แต่เขามักจะล้มเหลวในขณะที่เข้าถึงจุดสำคัญของการฝึกทั้งหยินและหยางห้าธาตุพร้อมกัน ดังนั้นแม้ว่าหยางเฉินจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากแต่เขาก็ยังประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากความบังเอิญ

หลังจากพยายามไม่กี่ครั้ง หยางเฉินเข้าใจว่าหากต้องการจะวิ่ง เขาก็จะต้องเรียนรู้วิธีเดินเสียก่อน หลังจากนั้นเขาพยายามที่จะค้นหาประสบการณ์และหาทาง เพื่อให้ห้าธาตุหยินและหยางสามารถทำงานพร้อมกันได้เพิ่มมากขึ้นและนานขึ้น ในเวลาเดียวกันที่ทำการฝึก ความเสถียรของการบ่มเพาะของเขาก็มีมากขึ้น ในที่สุดหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่เขาได้เข้ามาอยู่ในตำหนักเย่ซิวได้ผ่านไป เขาสามารถเข้าถึงความลับหยินและหยางของธาตุทั้งห้าได้สำเร็จ


ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าหยางเฉินสามารถเข้าถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่หนึ่งและสามารถกลายเป็นศิษย์สายนอกที่แท้จริงของพระราชวังหยางบริสุทธ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น