หลังจากที่หยางเฉินได้ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการต่างๆเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่เขากำลังจะหยุดพักและสั่งให้เซิ่นต้าเตรียมอาหาร อยู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา
บุคคลหนึ่งกำลังบินพุ่งตรงเข้ามาที่หอล้ำลึก
และการบ่มเพาะของเขาอย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับลมปราณขั้นที่แปดหรือสูงกว่า
ใครก็ตามที่สามารถบินข้ามตำหนักเย่ซิวและมีระดับการบ่มเพาะที่สูงดังกล่าว
ตัวตนของเขาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านี่คงเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว
ในขณะที่เขารีบเร่งบินมาที่นี่มันเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับแจ้งว่าหยางเฉินได้ออกมาจากการเก็บตัวแล้ว
มีกฎระบุไว้ว่าเมื่อใครก็ตามที่กำลังอยู่ในห้องบ่มเพาะหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รบกวนการบ่มเพาะของบุคคลนั้น ดังนั้นตั้งแต่ที่ศิษย์อาวุโสคนใหม่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ของเขา
หยางเฉินก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขา เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลคนใหม่อยากจะแสดงความโกรธของเขา
และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรีบมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
นี้ก็เพื่อพบกับเขาหรือบางทีเขาอาจต้องการใช้หยางเฉินเพื่อเป็นตัวอย่างในการแสดงความแข็งแกร่งของเขา
หยางเฉินพลันนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
และหยิบเอาผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีออกมาจากแหวนแห่งความสำเร็จ เขาทำการผ่าแบ่งออกเป็นสองส่วน
เนื้อด้านในมีสีแดงสดคล้ายกับสีเลือด เขากัดแกนออกและเริ่มเคี้ยวมันเสียงดัง
ในตอนนี้ภาพเงาของชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้า
เขาได้เห็นสิ่งที่หยางเฉินกำลังทำอยู่พอดี
หวังหยวนเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว
โดยการแนะนำจากอาจารย์วิหารรัศมีจันทราหลายคน เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการแจกจ่ายทรัพยากรบ่มเพาะและตัดสินใจว่าผู้เตรียมเป็นศิษย์ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการเป็นศิษย์สายนอกหรือไม่
ผู้ดูแลคนเดิม
ซ่างกวนเฟงประสบความสำเร็จเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานและกลายเป็นศิษย์สายใน
ดังนั้นเขาจึงได้รับเลือกให้มาเป็นผู้ดูแลคนต่อไปของตำหนักเย่ซิว
เมื่อผู้ดูแลคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาถึงทุกคนในตำหนักเย่ซิวได้ออกไปต้อนรับเขา
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้เตรียมเป็นศิษย์สายใน หรือคนรับใช้ทุกคนต่างเข้าไปก็ทักทายเขา
เพียงไม่กี่คนที่เป็นข้อยกเว้นแต่พวกเขาทั้งหมดอยู่เหนือผู้ดูแล
และเมื่อผู้ดูแลเข้ารับตำแหน่งพวกเขาทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการบ่มเพาะปลูก
จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะละเลยไม่ได้ออกมาทักทาย
คนส่วนใหญ่ได้เข้าพบผู้ดูแลคนใหม่หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการบ่มเพาะ
พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ผู้ดูแลหวังหยวนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม
การมาถึงของเขาจนถึง ณ ขณะนี้ บุคคลคนหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเขาเลย
ก็คือหยางเฉิน
เกี่ยวกับหยางเฉิน หวังหยวนรู้สึกปวดหัวมาก ด้วยที่ว่าคราวนี้ ชูเฮิง
ผู้เป็นศิษย์วิหารรัศมีจันทราได้เรียกร้องให้เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยกับหยางเฉินเพื่อทำให้แน่ใจว่าหยางเฉินจะไม่สามารถบ่มเพาะไปถึงขั้นแรกของพลังลมปราณภายในช่วงสามปีนี้
และถูกลดฐานะไปเป็นคนรับใช้
แต่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อนและเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน
ซ่างกวนเฟง
ก็ได้มาพบกับเขาแล้วและบอกกับเขาว่าเขาต้องดูแลและอำนวยความสะดวกหยางเฉินให้ดี
ทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง หวังหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ซ่างกวนเฟง
ให้ความสำคัญกับหยางเฉินอย่างมาก ไม่เพียงแต่หยางเฉินจะอาศัยอยู่ในหอล้ำลึกที่เป็นที่พำนักที่ใหญ่ที่สุดแล้วเขายังมีคนรับใช้ส่วนตัวมากที่สุด
และยังให้อยู่ในสถานะของศิษย์ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม ถ้านี่ไม่ได้ให้ความสำคัญแล้วมันคืออะไร?
แต่หวังหยวนได้ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสถานะของศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามที่ได้รับมานั้นมาจากชูเฮิง
ก็เพื่อประโยชน์ของชูเฮิงเอง หวังหยวนยังได้รับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่หยางเฉินเอาชนะชูเฮิง
ดังนั้นเขาต้องการแก้แค้น แต่เกรงว่าผู้คนจะพูดถึงตัวเขาในทางที่ไม่ดี
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการใช้กลวิธีแบบนี้
แต่เนื่องจากเขารู้ว่าหยางเฉินได้รับคำแนะนำจาก ซ่างกวนเฟง
และเคยใช้กลอุบาย ‘ทดสอบอาจารย์’
เพื่อเอาชนะอุปสรรคของชูเฮิงได้
หวังหยวนได้ตระหนักว่าอุปสรรคเหล่านั้นของชูเฮิงแทบจะทำอะไรหยางเฉินไม่ได้เลย
ตามที่เขาเข้าใจ ถ้าหยางเฉินไม่โง่เขาน่าจะกลายเป็นศิษย์สายนอก
อย่างไรก็ตาม
วิธีที่เขาจะดูแลหยางเฉินก็ขึ้นอยู่กับว่าหยางเฉินปฏิบัติต่อเขาอย่างไร
ถ้าหยางเฉินเป็นคนฉลาดและรอบคอบในขณะที่เผชิญหน้ากับเขา ทุกอย่างก็จะดี
แต่ถ้าหยางเฉินพูดจาหยิ่งจองหอง
มันก็จะไม่แปลกใจถ้าหวังหยวนจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย
ผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่แปดเช่นเขา จัดการกับผู้เตรียมเป็นศิษย์ที่ยังไม่ได้ถึงแม้แต่ขั้นแรก
แม้ว่าหยางเฉิน จะได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้านับหมื่นองค์ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็จะยังไม่เพียงพอที่จะช่วยเขาได้
เมื่อเขาได้รับข่าวว่าหยางเฉินออกมาจากการเก็บตัว
หวังหยวนก็เร่งรีบพุ่งตรงมาที่นี่เพื่อที่จะไห้เห็นภาพที่เกือบจะทำให้ดวงวิญญาณของเขาแตกสลาย
หยางเฉินถืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับผลไม้หยางล้ำเลิศ เขาหยิบมันออกมาชิ้นหนึ่งก่อนจะเคี้ยว
น้ำของผลไม้หยดลงมา
หวังหยวนไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ๆ
เขาก็สามารถรู้สึกถึงพลังจิตวิญญาณที่น่ากลัวที่สะสมอยู่ในเปลือกที่หยางเฉินขว้างทิ้ง
"นี่...นี่มัน..."
หวังหยวนวิ่งไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวที่ยาวเพื่อตรงไปเก็บเปลือกซึ่งถูกโยนออกมาโดยหยางเฉินที่อยู่ข้างหน้าเขา
เขาสังเกตเปลือกบนมืออย่างละเอียด
และตัดสินว่านี่เป็นผลไม้หยางล้ำเลิศและไม่เพียงแค่อยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้น
แต่มันได้มีการพัฒนาจนโตอย่างเต็มที่อายุครบพันปีแล้ว
ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี!
ไม่คาดคิดว่าหยางเฉินกำลังปฏิบัติกับมันเหมือนไม่มีค่าอะไร ดึงมันออกจากกันด้วยมือของเขาและโยนมันเข้าไปในปาก
ในขณะนี้หัวใจของหวังหยวนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากยิ่งกว่าเขาถูกฟันโดยใครสักคน
มันเป็นการสิ้นเปลืองที่ใครจะกินผลไม้หยางล้ำเลิศโดยไม่ผ่านการปรับแต่ง
หรือแม้แต่จะลอกเปลือกออกและโยนเปลือกทิ้ง? ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี
ถ้าสกัดกลั่นเป็นยาเม็ดก่อรากฐานโดยตรง
มันสามารถส่งเสริมคนให้เข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานและยังสามารถแก้ไขทุกอย่างทั้งที่ใช่ปัญหาและไม่ใช่ปัญหา!
หยางเฉินก็ยังคงเหมือนเดิม เขาใช้มือทั้งสองแยกผลไม้ออกมา กินมันเข้าไป น้ำผลไม้ยังคงหยดออกมาจากมุมปากของเขา ในขณะนี้หวังหยวนเกลียดหยางเฉินเป็นอย่างมากเขาต้องการที่จะเตะคนป่าชาวดอยที่ไม่รู้จักของที่มีคุณค่า
และดูว่าเขาจะกลิ้งไปไกลได้แค่ไหน หวังหยวนจับเปลือกผลไม้สองชิ้นและถามหยางเฉินอย่างไม่พอใจ
"เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร?"
"ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันอร่อยมากเลยนะ...อ่า!"
หยางเฉินตอบกลับ สีหน้าดูเหมือนจะผิดหวังที่ผลไม้หมดแล้ว
เขาแลบลิ้นของเขาเพื่อเลียริมฝีปากของเขาราวกับพยายามที่จะได้รับรสหวานของเยื่อหวานของผลไม้หยางล้ำเลิศ
"เจ้าไม่ได้...?"
หวังหยวนเกือบจะคำรามออกไป
"อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่แตกต่างกัน?"
"ข้าไม่ได้เรียนอะไรเพราะไม่มีใครสอนข้า!"
หยางเฉินตอบกลับด้วยสีหน้าซื่อๆให้กับหวังหยวน
ใช้น้ำเสียงแบบที่อาจทำให้คนโกรธได้จริงๆ เขากล่าวออกไปด้วยความสบายใจว่า
"ถ้าข้าไปถามคนอื่นเขาก็ไม่สามารถบอกข้าได้...แล้ว...เจ้าเป็นใคร?"
หวังหยวนจำได้เพียงว่าเขาตั้งใจจะมาที่นี่และในเวลาเดียวกันเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหยางเฉิน
ในใจเขาก็แอบไม่พอใจต่อชูเฮิง ที่สร้างอุปสรรคต่อต้านหยางเฉิน
ถ้าไม่ใช่เพราะชูเฮิงกีดกั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่แตกต่างกันของหยางเฉิน
หยางเฉินก็คงจะไม่ทำลายสมุนไพรอันมีค่านี้เยี่ยงนี้? ถ้าเขาสามารถใช้ยาเม็ดนี้กับตัวเองได้แล้วเขาก็สามารถกลายเป็นศิษย์สายในได้อย่างง่ายดาย!
"ข้าคือหวังหยวนผู้ดูแลคนใหม่ของตำหนักเย่ซิว"
หวังหยวนเก็บงำความโกรธของเขาและบอกตัวตนของเขาให้กับหยางเฉิน แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยพูดก็ตาม
หยางเฉินก็ควรที่จะรู้จักเขา
ในอนาคตนี้หวังหยวนก็จะกลายเป็นศิษย์สายในและเขาก็จะไต่อันดับขึ้นเพื่อจะกลายเป็นวิหารรัศมีจันทราหมายเลขสอง
"ผู้ดูแลคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง
ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับการมาของท่าน ข้าล่วงเกินท่านขออภัย!"
หยางเฉินรีบป้องมือและยอมรับผิด แล้วจึงออกคำสั่ง
"น้ำชา!"
เมื่อเซิ่นต้าได้นำน้ำชามา หยางเฉินได้โยนเปลือกไปทางเขาและพูดว่า
"เซิ่นต้า เก็บเปลือกนี่ไปทิ้ง
อย่าให้มันเกะกะลูกตาผู้ดูแลหวังหยวน!"
เซิ่นต้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นการแสดงออกอย่างไม่เต็มใจของหวังหยวน
ก่อนที่จะเก็บเปลือกผลไม้สองชิ้นออกมา
เมื่อเซิ่นต้าวางมันลงบนถาดและยกมันไปไว้ข้างใน หยางเฉินเผยรอยยิ้มออกมาและพูดว่า
"ข้าพบผลไม้นี้อยู่บนท้องถนนเมื่อข้ามาร่วมนิกาย
มันไม่มีอะไรพิเศษ มันก็แค่มีรสชาติอร่อย
ถ้าผู้ดูแลหวังต้องการกินผลไม้เหล่านี้บ้าง ก็เพียงอนุญาตให้ข้าออกไปข้างนอกข้าจะได้ไปเก็บผลไม้ที่อร่อยเหล่านี้สำหรับผู้ดูแลหวัง"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกตาของหวังหยวนเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
ว่าจะมีผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีอีกในที่นั่น?
น้ำฟังเสียงของหยางเฉิน ไม่เพียงแต่มีผลไม้หยางล้ำเลิศพัน
แต่ดูเหมือนว่าหยางเฉินจะกินพวกมันมาตลอด คราวนี้หวังหยวนก็เข้าใจเหตุผลที่ว่าทำไมความแข็งแกร่งของหยางเฉินจึงทะลุลูกศิษย์ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สาม
อ่า! การกินเนื้อของผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ใครจะรู้ว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ของมันอย่างไรบ้าง?
แม้ว่าเซิ่นต้าจะเป็นเพียงแค่คนรับใช้
แต่เขาก็ยังมีความรู้ทั่วไปที่ดีมาก เมื่อเขาได้ยินคำสั่งของหยางเฉิน
เขาเชื่อว่ามันเป็นเปลือกธรรมดา
แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าของผู้ดูแลที่ดูแตกต่างออกไป เขาคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น
มองเปลือกทั้งสองชิ้นอย่างใกล้ชิด ลักษณะของสมุนไพรที่แตกต่างกันได้ผ่านเข้าไปในความคิดของเขาอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าสิ่งนี้เป็นอะไร
แม้ว่าเขาจะไม่กล้าที่จะมั่นใจนัก แต่เมื่อเขามองไปที่สีหน้าและอาการของหวังหยวน
ความสงสัยที่เล็กน้อยได้เลือนหายไป
เมื่อเทียบกับการปรากฏตัวของผู้ดูแลหวังหยวนการแสดงออกของเซิ่นต้าดูเหมือนจะ
ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
เปลือกนี้เป็นผลไม้หยางล้ำเลิศและผลไม้นี้ถูกปลอกเปลือกขณะที่มันสุกพอดี เซิ่นต้า
ลุกขึ้นยืนถือถาด เขายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิม สายตาทั้งคู่ยังคงมองไปที่เปลือกโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนแม้แต่นิดเดียว
เปลือกผลไม้หยางล้ำเลิศนี้มีคุณสมบัติบัติยาสามในสิบของเนื้อในผลไม้หยางล้ำเลิศ
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถผลิตเป็นยาเม็ดก่อรากฐานได้ แต่คุณสมบัติยาที่เหลือก็ยังดีเกินกว่าจะผลิตยาเม็ดลมปราณหยางที่มีประสิทธิภาพ
เพียงไม่กี่เม็ดนี้
บางทีเขาอาจจะสามารถผ่านคอขวดระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่สามและก้าวสู่ขั้นที่สี่
เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ? เมื่อได้ยินความคิดเห็นของหยางเฉินมันก็เห็นได้ชัด
แต่อย่างไรก็ตามเซิ่นต้าไม่กล้าที่จะเชื่อ เขาครุ่นคิดอยู่ภายในใจจนกระทั่งได้ยินเสียงของหยางเฉินอีกครั้ง
ผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี ยังมีอีก! เซิ่นต้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขายังคงยืนอยู่กับที่ด้วยความมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน ในขณะเดียวกันหวังหยวนก็ตกตะลึง
เขาไม่ทราบว่าจะพูดอะไรออกไปอีก สำหรับความตั้งใจเดิมของเขาที่มาที่นี่
ไม่ว่าจะเป็น ความคิดใดๆที่จะต่อต้าน หรือสิ่งใดที่พี่ชายชูเฮิงพิจารณาและต้องการ
เขาได้ขังมันเอาไว้และโยนมันไปไกล
ข้อตกลงที่เป็นจริงและเที่ยงตรงสำหรับผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีจะหาสิ่งนี้ได้จากที่ใด?
แม้ว่าหวังหยวนอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่แปด
แต่เขาก็ยังคงต้องลุกขึ้นยืนและสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง
ก่อนที่จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาเงยหน้ามองไปที่หยางเฉินและถามว่า
"คำพูดที่เจ้าพูดมา
เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?"
ทั้งความยินดีและความหวาดระแวงแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อมั่นกับสิ่งที่ได้ยิน
"นี่เป็นเพียงผลไม้ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
การไปเก็บมันมากขึ้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่"
หยางเฉินหัวเราะอยู่ในใจของเขา แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไปโดยไม่มีสะดุด
"หากผู้ดูแลหวังต้องการพวกมัน
ข้าก็จะถามท่านอีกครั้งว่าข้าได้รับอนุญาตให้ออกเดินทางได้หรือไม่
ถ้าข้าไม่มีความมั่นใจข้าคงไม่กล้าที่จะสัญญาต่อผู้ดูแลหวังว่าจะได้ผลไม้เหล่านี้"
หลังจากที่หยางเฉินเสร็จสิ้นการพูด
ราวกับว่าเขากลัวว่าหวังหยวนจะไม่ไว้ใจเขา เขาก็ยกมือขึ้นเพื่อทำการสาบาน
"หลังจากที่ข้าสาบานด้วยใจแห่งปีศาจ
ผู้ดูแลคงจะไม่สงสัยข้าอีกต่อไป?"
เมื่อได้ยินหยางเฉินสาบานต่อใจแห่งปีศาจออกมาอย่างไม่คาดฝัน
หวังหยวนก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ
สิ่งที่นักบ่มเพาะทุกคนกลัวมากที่สุดคือใจที่ผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสาบานแบบนี้
ในกรณีที่เขาทำพิธีสาบานด้วยใจแห่งปีศาจ จะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ
ปีศาจในหัวใจของเขาจะเติบโตขึ้นภายในตัวเขา
และจิตวิญญาณของเขาจะไม่มีที่ให้ไปอีกต่อไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้บ่มเพาะธรรมดามักไม่กล้าสาบานว่าจะสาบานด้วยหัวใจแห่งปีศาจของพวกเขา
ในความเห็นของหยางเฉิน มูลค่าของผลไม้หยางล้ำเลิศเป็นเรื่องที่หาตัวจับยาก
ถ้าในทางกลับกันหากหวังหยวนผู้นี้สามารถแสดงความใส่ใจเช่นเดียวกับซ่างกวนเฟงได้มากแล้ว
หยางเฉินก็จะสามารถใช้ชีวิตในตำหนักเย่ซิวได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้หยางเฉินไม่รังเกียจที่จะให้ผลไม้แก่เขาสักลูก บางทีสำหรับคนอื่นๆมันก็มีค่ามาก
แต่กับหยางเฉินเนื่องจากว่าเขามีมันมากกว่าหลายพันลูก และเห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นผลไม้แสนอร่อยและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
"ดี!
ถ้าศิษย์น้องหยางมีปัญหาใน ตำหนักเย่ซิวนี้เพียงแค่มาหาข้า!”
หวังหยวนทาบมือของเขาไปที่หน้าอกเพื่อสาบาน
"ตราบเท่าที่คำขอของเจ้าไม่มากเกินไป
ข้า หวังหยวน จะไม่ปฏิเสธ"
"ผู้ดูแลหวัง
ข้าขอถามอะไรบางอย่างได้หรือไม่? ผลไม้นี้เขาเอามันไปทำอะไร?"
หยางเฉินยิ้มและถามออกไปอย่างเจ้าเล่ห์
ถ้าหยางเฉินไม่ได้สาบานด้วยใจแห่งปีศาจ หวังหยวนก็ยังคงสามารถหาทางเก็บผลไม้หยางล้ำเลิศให้เป็นความลับได้
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เนื่องจากคนรับใช้ เซิ่นต้ายังอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเริ่มอธิบาย
"นี่คือผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตยาเม็ดก่อรากฐาน
ถ้าข้าหวังหยวนนี้มีผลไม้หยางล้ำเลิศพันปี
ข้าก็จะสามารถก้าวไปถึงระดับก่อสร้างรากฐานได้ภายในสิบปีข้างหน้า
ข้ายังคงต้องขอบคุณเจ้ามากศิษย์น้องหยางในความเอื้อเฟื้อของเจ้า!"
"ท่านก็ใจดีมาก!"
หยางเฉินตอบกลับด้วยความสุภาพ
หากแต่ในใจเขาก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุ ตราบเท่าที่หวังหยวนยังคงดูแลตำหนักเย่ซิว
ก็จะไม่มีใครมารบกวนเขาได้
นอกจากนี้ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ว่าหยางเฉินได้รับคำชี้แนะจาก ซ่างกวนเฟงและหวังหยวน
แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆก็จะไม่เกิดความสงสัย นอกจากนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำประหนึ่งว่าผลไม้หยางล้ำเลิศพันปีเป็นเพียงแค่ผลไม้ที่มีไว้กินเพื่อประทังความหิว
หวังหยวนให้คำแนะนำหยางเฉินก่อนที่จะกล่าวอำลาแล้วรีบจากไป
แม้ว่าเขาจะรีบพุ่งมาที่นี่ด้วยความโกรธ
แต่ในที่สุดเมื่อเขาจากไปเขาก็จากไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
หยางเฉินเพิ่งใช้ผลไม้หยางล้ำลึกเพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างง่ายดายสำหรับตัวเอง จากการพบกันในครั้งแรกเพื่อที่จะแสดงความแข็งแกร่งกลับกลายเป็นการพบปะที่เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ
แผนการของชูเฮิงไม่มีความสำคัญใดๆ
หรืออย่างน้อยก็ภายในตำหนักเย่ซิวที่พวกมันไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้ ผู้ดูแลคนนี้ตกเป็นเบี้ยของหยางเฉินและคนอื่นๆก็ไม่กล้าพูดหยาบคายกับหยางเฉิน
โดยไม่ต้องไปใส่ใจกับคำแนะนำของชูเฮิง
ในตอนนี้หยางเฉินอยู่เหนือทุกคนในตำหนักเย่ซิวและสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้
มันก็แค่หยางเฉินไม่มีเวลาที่จะเสียไปกับเรื่องที่ไร้สาระเหล่านี้
ยิ่งเขาก้าวเข้าสู่ระดับก่อสร้างรากฐานได้เร็วมากเท่าไหร่เขาก็จะได้เข้าไปเคารพอาจารย์ของเขาเร็วขึ้น
และหาแผนการณ์ที่ดีเพื่อจัดการกับเรื่องต่างๆของเธอ แล้วเขาจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?
เซิ่นต้าได้รับโชคอย่างมหาศาล หลังจากที่เขาได้รับเปลือกผลไม้หยางล้ำเลิศสองชิ้น
เขาก็พบใครบางคนในหมู่คนรับใช้ซึ่งสามารถผสมยาเม็ดพื้นฐานและยาเม็ดหยางปราณ ที่ระดับต่ำมาก
แต่เขาก็ยังคงสกัดกลั่นมันออกมาได้บ้าง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถผูกขาดทั้งเปลือกได้เพียงคนเดียว แต่มันก็ยังเป็นกำไรมหาศาล
อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาทั้งสองอาจฝันถึงขั้นที่สี่ เมื่อรู้ว่าผลประโยชน์เหล่านี้ได้มาจากหยางเฉินและยังเห็นพฤติกรรมของหวังหยวนที่มีต่อหยางเฉิน
เขาและคนรับใช้อื่นๆเริ่มให้ความสำคัญกับหยางเฉินมากขึ้นและอย่างเชื่อฟังเพื่อตอบสนองความต้องการของหยางเฉินอย่างสมบูรณ์
หลังจากจัดการข้อขัดแย้งกับผู้ดูแลหวัง หยางเฉินได้เก็บตัวเข้าฝึกบ่มเพาะอีกครั้ง
เนื่องจากเขามีประสบการณ์และเข้าถึงก่อสร้างรากฐานของหยางห้าธาตุแล้ว
เพื่อฝึกไปพร้อมๆ กันกับหยินทั้งห้าธาตุมันทำให้เขาใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียว
แต่เขามักจะล้มเหลวในขณะที่เข้าถึงจุดสำคัญของการฝึกทั้งหยินและหยางห้าธาตุพร้อมกัน
ดังนั้นแม้ว่าหยางเฉินจะมีพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากแต่เขาก็ยังประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากความบังเอิญ
หลังจากพยายามไม่กี่ครั้ง หยางเฉินเข้าใจว่าหากต้องการจะวิ่ง
เขาก็จะต้องเรียนรู้วิธีเดินเสียก่อน หลังจากนั้นเขาพยายามที่จะค้นหาประสบการณ์และหาทาง
เพื่อให้ห้าธาตุหยินและหยางสามารถทำงานพร้อมกันได้เพิ่มมากขึ้นและนานขึ้น
ในเวลาเดียวกันที่ทำการฝึก ความเสถียรของการบ่มเพาะของเขาก็มีมากขึ้น
ในที่สุดหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่เขาได้เข้ามาอยู่ในตำหนักเย่ซิวได้ผ่านไป
เขาสามารถเข้าถึงความลับหยินและหยางของธาตุทั้งห้าได้สำเร็จ
ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าหยางเฉินสามารถเข้าถึงระดับรวบรวมลมปราณขั้นที่หนึ่งและสามารถกลายเป็นศิษย์สายนอกที่แท้จริงของพระราชวังหยางบริสุทธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น