เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 018 อธิบายกฎ

คำอธิบายจากซ่างกวนเฟิงทำให้หยางเฉินเข้าใจในสุด ว่าทำไมชูเฮิงได้เอ่ยอ้างยกสถานะของเขาอย่างสูงส่ง ในขณะที่แรกเริ่มเดิมทีเขาก็เต็มไปด้วยความคิดที่มีความมุ่งร้าย

ตั้งแต่หยางเฉินได้รับสถานะเป็นศิษย์สายนอกระดับรวบรวมลมปราณขั้นปลายแล้ว ผู้รับผิดชอบการให้คำชี้แนะศิษย์ใหม่ในตำหนักเย่ซิว จะไม่ให้คำแนะนำใดๆกับหยางเฉิน ด้วยเหตุผลเพราะเขาเองก็อยู่ในระดับรวบรวมลมปราณขั้นปลาย ถ้ายังต้องการเรียนรู้วิชาเบื้องต้นระดับกลางที่ไร้ชื่อเหล่านี้ มันจะเป็นเพียงการสร้างความขบขันให้กับตัวเอง?

ถ้าหยางเฉินเป็นคนธรรมดาสามัญในชีวิตก่อนหน้านี้ นี่จะเป็นการจบเรื่องราวชีวิตของเขา ถ้าหากไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ในเรื่องการอ่านและเขียน เขาก็จะไม่มีความรู้ในตัวอักษรแล้วก็ยากที่จะทำความเข้าใจในหนังสือหายากอันเกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะพลังทั้งหลาย และแน่นอนว่าเขาก็จะไม่ได้รู้ถึงลำดับสวรรค์ทั้งห้าของคู่หยินและหยาง หากต้องการบ่มเพาะพลังเพื่อเป็นอมตะ? โดยลำพังสามปี หรือแม้กระทั่งใช้เวลาสามสิบปี เขาก็จะยังคงเป็นคนธรรมดาและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ชูเฮิงมีเป้าหมายชัดเจน ถ้าหยางเฉินยังไม่ออกจากตำหนักเย่ซิว เขาก็จะไม่สามารถก้าวเดินไปบนเส้นทางของการบ่มเพาะเพื่อความเป็นอมตะ ด้วยวิธีการนี้ เขาไม่เพียงแต่มอบหมายเรื่องนี้ให้คนอื่นทำ แต่ทั้งสถานะของซุนไห่จิ้งในอีกไม่กี่ปีก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เขาจะสามารถกดขี่ข่มเหงหยางเฉินได้อย่างง่ายดาย

ถึงแม้ว่าในเวลานั้นเขาจะไม่ต้องการชีวิตหยางเฉิน หยางเฉินอาจถูกลดชั้นไปเป็นคนรับใช้ เมื่อเกิดขึ้นเขาอาจจะคิดหลายหลายวิธีการที่จะคืนความอัปยศอดสูและความเสื่อมเสียของเขาแก่หยางเฉิน ตามคำโบราณลูกผู้ชายจะแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย มันใช้เวลามากในการบ่มเพาะเพื่อความเป็นอมตะ จึงยังมีเวลาที่จะทำให้หยางเฉินต้องชดใช้ในตลอดชีวิตของเขา

หยางเฉินตระหนักว่าผู้ดูแลตำหนักเย่ซิว ซ่างกวนเฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับรวบรวมลมปราณขั้นปลาย ตั้งแต่เขาแก่ตัวลงมันก็เป็นการยากมากๆสำหรับเขาที่จะก้าวเข้าสู่ดินแดนถัดไป ดังนั้นอาจถือได้ว่าความรับผิดชอบของเขาอาจเป็นได้แค่ผู้ดูแลที่นี่เท่านั้น หากกล่าวถึงผู้ดูแล เขาคือเจ้าของตำหนัก รับผิดชอบในการให้คำชี้แนะแก่ศิษย์เข้าใหม่ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์ แต่ชูเฮิงเป็นศิษย์ภายในระดับก่อสร้างรากฐาน ซ่านกวนเฟิงจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา

ขณะที่หยางเฉินได้รำลึกถึงเมื่อตอนที่เขาย่างเข้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ในชีวิตก่อนหน้านี้ ชูเฮิงได้กลายเป็นศิษย์ที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงขจรกระจายไปไกล ใครจะไปคาดคิดว่า คนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมกับพระราชวังหยางบริสุทธิ์ จะกล้าสร้างความขุ่นเคืองให้กับศิษย์สายในที่มีชื่อเสียง

แม้ว่าชูเฮิงจะมีชื่อเสียงเป็นพันหรือหมื่นเท่า หรือมากไปกว่านี้มันก็ยังคงไม่พอ หยางเฉินไม่ได้ต้องการความรู้พื้นฐานเบื้องต้นเหล่านี้หรือแม้กระทั้งความรู้ขั้นสูงเขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน เหตุผลที่ว่าทำไมเขายืนหยัดในการเข้าร่วมพระราชวังหยางบริสุทธิ์ก็เพียงเพื่อที่จะได้เคารพอาจารย์ของเขาอีกครั้ง และตอบสนองสิ่งที่เขาได้ยึดถือไว้อย่างยาวนาน

หลังซ่างกวนเฟิงกล่าวทั้งหมดนี้จบ สีหน้าของหยางเฉินไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขายืนขึ้นและแสดงความขอบคุณต่อซ่านกวนเฟิงอีกครั้ง จากนั้นเขาเดินออกไปด้านข้างของห้องโถง ขณะที่ผ่าน เขาชี้นิ้วไปทางคนรับใช้ที่มีอายุสูงสุดราวๆสี่สิบปีที่มีสุขภาพดี แล้วเขาก็เดินจากไปในทันที สายตาของซ่านกวนเฟิงติดตามหยางเฉินจนเขาเดินไปไกล ในใจเขาแอบรู้สึกพอใจ แต่เขาเพียงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจยาวและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

หลังจากเดินตามหลังคนรับใช้ไปตามทางเดินยาวและเลี้ยวไปประมาณเจ็ดถึงแปดครั้ง หยางเฉินก็มาถึงที่บ้านพักของเขา ภายในที่พักมีสองหญิงและหนึ่งชายรวมสามคนได้รออยู่แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นหยางเฉิน พวกเขากล่าวต้อนรับด้วยความเคารพ

"ชื่อของข้าคือ หยางเฉิน เจ้าสามารถจะเรียกข้าว่าอย่างไรก็ได้"

หยางเฉินไม่ชอบพิธีการของพวกเขา คนรับใช้เหล่านี้ทั้งหมดเป็นศิษย์ที่ถูกคัดออกก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้ดูสูงวัย ทุกคนก็เป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะ แต่มันเป็นเพียงในดินแดนล่าง และไม่สามารถจะเป็นศิษย์แท้จริง ไม่มีอะไรมากกว่านี้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถมั่นใจคือพวกเขาทั้งหมดมีวิธีการหยุดยั้งความแก่ชราของตนเอง มันจึงดูเหมือนว่าอายุแท้จริงนั้นห่างไกลจากสิ่งที่ปรากฏ

คนรับใช้ทั้งสี่ไม่กล้าที่จะไม่ใส่ใจ พวกเขากล่าวต้อนรับพร้อมกับเรียกเขาว่านายน้อยหยางอีกครั้ง นี่เป็นชื่อเรียกที่หยางเฉินเห็นชอบด้วย เขาไม่ได้ปรับเปลี่ยนแม้แต่น้อยในอีกครึ่งปีในตำหนักส่วนตัวของเขา เขาก็ยังคงพอใจกับคำเรียกขานนี้

หลังจากที่นั่งลงและรับประทานอาหารแล้ว หยางเฉินเอนตัวลงนอนในห้องนอนของเขา ซึ่งเมื่อเทียบกับห้องนอนที่หรูหราในคฤหาสน์ของครอบครัวของเขาแล้ว มันก็ยังค่อนข้างฟุ่มเฟือยกว่ามาก เขาหลับตาลงแต่การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาได้ครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยของเขาโดยที่ไม่มีใครรับรู้

เหล่าคนรับใช้ยังไม่ได้หลับนอน ในห้องขนาดเล็กด้านนอก คนรับใช้ที่เป็นผู้นำได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในห้องโถง และคนรับใช้อื่นๆต่างหัวเราะอย่างมีความสุข

"เราไม่ต้องการรับใช้เจ้านายประเภทนี้ หลังจากนี้ไม่กี่ปีเขาก็จะเหมือนหนึ่งในพวกเรา"

คนรับใช้ชายอีกคนหัวเราะ คำพูดที่ออกมานั้นติดอยู่ในใจของทุกๆคน ถึงแม้ว่าคนรับใช้อื่นๆจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ

เมื่อหยางเฉินได้ยินสิ่งนี้ ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้น หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกสนใจคนเหล่านี้ เขาเอนตัวลงบนเตียงคล้ายกับนอนหลับ และเริ่มที่จะบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้งของเขา

สมกับที่เป็นเคล็ดวิชาการบ่มเพาะของท่านศาลอาวุโสสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมการรับรู้จิตวิญญาณ แม้ว่าเขากำลังเอนตัวนอน เขาก็ยังสามารถที่จะโคจรมันไปได้ในทุกที่เหมือนก่อนหน้า ด้วยวิธีนี้หยางเฉินจะสามารถฝึกเคล็ดวิชาของเขาในทุกที่ทุกเวลา ถึงแม้เคล็ดวิชาหายใจอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในการบ่มเพาะอมตะ แต่เพื่อทำการฝึกมันจำเป็นต้องนั่งเข้าฌานเพื่อฝึกฝน

การพักผ่อนในคืนแรกได้ผ่านไปอย่างไร้กังวล หยางเฉินตื่นเช้าในวันถัดไป จากนั้นที่ด้านหนึ่งขณะที่หยางเฉินกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้าแสนอร่อย อีกด้านคนรับใช้กำลังอธิบายข้อกำหนดในตำหนัก

ชื่อของข้ารับใช้คือ เซิ่นต้า แต่เดิมร่างของเขายังครอบครองรากจิตวิญญาณ แต่โชคของเขาไม่ดี เขาเข้าถึงระดับรวบรวมลมปราณหลังจากที่เลยช่วงเวลาสามปีไปอีกสองเดือน

แน่นอนว่าเขาได้ถูกลดระดับลงไปเป็นคนรับใช้แล้วในตอนนั้น ในตอนนี้มันผ่านมาสิบปีแล้ว ภายในเวลาสิบปีนอกเหนือจากทำหน้าที่ของคนรับใช้ เขายังไม่หยุดที่จะบ่มเพาะ โดยหวังว่าจะตัดผ่านไปยังดินแดนก่อสร้างรากฐาน และกลายเป็นศิษย์สายใน

กฎในพระราชวังหยางบริสุทธิ์ไม่ได้ยืดหยุ่นไปทั้งหมด แต่หากว่ามีผู้หนึ่งประสบความสำเร็จในการเข้าถึงดินแดนก่อสร้างรากฐาน เขาคนนั้นก็สามารถเข้าสู่ชั้นในของนิกายได้ ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เซิ่นต้าแต่คนรับใช้ทั้งหมดในตำหนักมีความคิดคล้ายกัน นอกเหนือจากการรับใช้ศิษย์ใหม่เหล่านี้พวกเขาจะยังฝึกบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็ง ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งในอนาคตพวกเขาจะสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อสร้างรากฐาน และเข้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวของเซิ่นต้าเอง เมื่อฟังดูก็เป็นตรรกะที่สมบรูณ์แบบ หยางเฉินเข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ แต่ยังคงรอเซิ่นต้ากล่าวจนจบคำอธิบายของเขา หลังจากนั้นเขาสั่งเซิ่นต้าโดยการโบกมือให้เขาไปอยู่ด้านข้าง

เขาเดินเข้าไปในศาลาที่มีกลุ่มศิษย์หลายคนกำลังเรียนรู้การอ่าน ภายในมีคนหนึ่งที่มีลักษณะดูเหมือนจะเป็นอาจารย์สอนของกลุ่มรุ่นเยาว์ เขามองมาที่หยางเฉินแล้วมองต่อไปที่เซิ่นต้าแล้วรีบลุกขึ้นพร้อมทำการต้อนรับหยางเฉิน

"ศิษย์พี่หยาง ท่านให้เกียรติกับเราที่มาปรากฏตัวที่นี่ จะเป็นอย่างไรถ้าจะให้คำชี้แนะบางอย่างกันรุ่นเยาว์เหล่านี้? ข้าขอเชิญศิษย์หยางไปนั่งเพื่อเป็นเกียรติ"

ศิษย์ที่กำลังเรียนรู้การอ่านยืนขึ้นทั้งหมด พวกเขาเดินไปหาหยางเฉินและโค้งคำนับให้กับเขา

"คำนับศิษย์พี่หยาง!"

ด้วยรอยยิ้มขมขื่น หยางเฉินโบกมือให้พวกเขาแยกย้ายและดำเนินกิจกรรมของพวกเขาต่อไป เขาทำได้เพียงหันไปรอบๆและจากไป หยางเฉินกลับจากการแวะดูในหลายๆพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของศิษย์ที่กำลังฝึกปรุงยา หรือกำลังเรียนรู้สภาพทางกายภาพของดวงดาว ไม่ว่าสิ่งใดที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายกำลังศึกษาอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นหยางเฉิน ทั้งหมดรวมทั้งครูผู้สอนต่างหยุดสิ่งที่ทำและยืนขึ้นเพื่อคำนับและตะโกน 'ศิษย์พี่หยาง' แต่ไม่มีใครเชิญหยางเฉินเพื่อเยี่ยมชมและเข้าห้องเรียน คนเหล่านี้ทั้งหมดต่างปฏิบัติตามมารยาทที่เหมาะสม เพื่อจะไม่ทำให้หยางเฉินโกรธเคือง

หลังจากช่วงเช้าทั้งหมดได้ถูกใช้ไปในลักษณะนี้ หยางเฉินก็กลับไปที่พักของเขาพร้อมกับเซิ่นต้า และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านก่อนที่จะออกคำสั่ง

"เซิ่นต้า นำอาหารกลางวันมาให้ข้าในตอนนี้!"

"นายน้อยหยาง อาหารกลางวันอยู่ในครัว ท่านสามารถไปหยิบได้เอง!"

เซิ่นต้าหัวเราะประชดในขณะที่เขาตอบออกไปอย่างขอไปที และเดินจากมา

เมื่อมองไปที่ประสบการณ์อันขมขื่นของหยางเฉินในตำหนักเย่ซิวเมื่อช่วงเช้านี้ เซิ่นต้าเข้าใจทันทีถึงสถานะของหยางเฉิน เขายังคาดการณ์จุดจบของหยางเฉิน ดังนั้นเขาจะไม่ถือหยางเฉินเป็นเป็นนายน้อยอีกต่อไป

"เซิ่นต้า เจ้าคิดว่าด้วยการชี้นำของชูเฮิง ข้าจะไม่อาจโงหัวของข้าในตำหนักเย่ซิวแห่งนี้ได้ใช่ไหม?"

หยางเฉินดูเหมือนจะไม่แปลกใจในพฤติกรรมของเซิ่นต้า เขายังแสดงพฤติกรรมที่ดูเหมือนขี้เกียจเช่นเดิมโดยการยกขาวางบนที่พักแขนของเก้าอี้ที่สร้างขึ้นมาอย่างบรรจง และถามขึ้นมาอย่างไม่แยแส

"นายน้อยหยาง!"

เซิ่นต้าหันกลับไปมองหยางเฉินและเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนยิ้มออกมา

เมื่อพิจารณากฏแล้ว ข้าจะยังคงเรียกเจ้าว่านายน้อย เมื่อสิบห้าปีก่อน ในตอนที่ข้ามีอายุเท่ากับเจ้าในตอนนี้ ข้าเคยมีความเชื่อว่าหากข้าได้ครอบครองรากแห่งจิตวิญญาณและด้วยพรสวรรค์ของข้าที่มีนั้นจะทำให้ข้าพิเศษกว่าผู้อื่น แต่ในตอนนี้หากเจ้ามองมาที่ข้า ข้ายังเป็นได้เพียงแค่คนรับใช้และไม่มีสิ่งใดนอกเหนือกว่านั้น แต่ข้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าในอีกสามปีข้างหน้าตัวเจ้านั้นก็จะเป็นเช่นเดียวกับข้าในตอนนี้ และข้าจะอยู่ในฐานะที่เหนือกว่าเจ้า

"เจ้ามั่นใจแน่แล้วหรือเกี่ยวกับเรื่องนี้"

หยางเฉินเอ่ยปากถาม เขายังแสดงพฤติกรรมเกียจคร้านเช่นเดิม

"หากไม่มีผู้ใดคอยช่วยชี้แนะ เจ้าจะมั่นใจได้เช่นไรว่าจะผ่านมันไปได้?"

เซิ่นต้ายิ้มอย่างเย้ยหยัน

"เจ้าได้รับผลประโยชน์ก็เนื่องมาจาก ศิษย์พี่ซุนไม่ทันได้ระวังตัวเมื่อเจ้าได้โจมตีเขาจนเอาชนะเขามาได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่สามารถเดินเข้ามาในตำหนักเย่ซิ่วได้ง่ายๆเช่นนี้ จริงหรือไม่? นี่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับเด็กเหลือขออย่างเจ้าเมื่ออยู่ในตำหนักหลังนี้เจ้าจะต้องถูกใช้เยี่ยงเดรัจฉานและนี่คือทั้งหมดที่เจ้าจะได้รับ หลังจากนี้อีกสามปีเจ้าจะกลายเป็นลิ่วล้อของข้า แล้วเจ้ายังจะกล้าให้ข้ารับใช้เจ้าอยู่อีกเช่นนั้นหรือ?"

"คนรับใช้อื่นๆก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้าใช่หรือไม่?"

หยางเฉินไม่ได้เอ่ยถามถึงชื่อของคนรับใช้ชายหญิงคนอื่นๆเมื่อวานนี้เขาจึงเรียกด้วยคำอื่นแทน

"ถูกต้องแล้ว นายน้อยหยาง!"

มีคนรับใช้สามคนที่ไม่เห็นหน้าค่าตามาก่อน เดินออกมาจากห้องเล็กแล้วเข้ามายืนยังด้านข้างเซิ่นต้า คนรับใช้ชายผู้หนึ่งยิ้มตอบรับ

"พวกเราจะเรียกเจ้าว่า นายน้อยหยางตามกฎพื้นฐานของตำหนักแห่งนี้"

"อย่างไรก็ตามนายน้อยหยาง เจ้าก็คงจะต้องดูแลชีวิตประจำวันด้วยตัวเอง"

และในทันทีหนึ่งในหญิงรับใช้ได้กล่าวว่า

"ถ้าเจ้ายิ่งปรับตัวได้เร็วเท่าไหร่ นั่นยิ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเจ้า"

"แน่นอนว่า นายน้อยหยางสามารถให้พวกเรากินดื่มทรัพยากรเหล่านี้ การปฏิเสธจะเป็นการดูหมิ่นพวกเรา พวกเราจะเพลิดเพลินกับความสุขเหล่านี้ในนามของนายน้อยหยาง"

คนรับใช้หญิงกล่าวเป็นคนสุดท้าย รอยยิ้มของการแสดงออกบนใบหน้าของเธอแผ่กระจายมากยิ่งขึ้นประดุจดอกไม้ที่เริ่มเบ่งบาน

"ผู้ดูแลซ่างกวนได้สั่งให้พวกเราจัดสิ่งของเตรียมไว้ให้นายน้อยหยาง ทุกอย่างเหมือนศิษย์ระดับรวมรวมลมปราณขั้นปลาย และโชคดีที่พวกเราเพิ่งเข้าสู่ช่วงข้อต่อของระดับรวมรวมลมปราณขั้นปลาย บางทีสิ่งเหล่านี้อาจสามารถช่วยเราตัดผ่านไปขั้นสูงสุดได้"

พวกเขาทั้งสี่กล่าวเป็นเสียงเดียว เป็นไปได้ว่าพวกเขาได้หารือกันมาแล้วในเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาโลภอยากได้ในสิ่งของที่เป็นของหยางเฉิน แต่ยังอยากจะให้หยางเฉินดูแลตัวเอง ต้องขอบคุณสวรรค์ที่คนเหล่านี้ยังคงมีความตระหนักถึงความรับผิดชอบของพวกเขาอยู่บ้าง และไม่ได้พยายามที่ทำให้หยางเฉินไปรับใช้พวกเขา

"แม้ว่าทั้งชูเฮิงและซ่างกวนเฟิง แกล้งที่จะรักษากฎ แต่ในความเป็นจริงชูเฮิงอยากจัดการกับข้าที่เป็นสามัญชนธรรมดาโดยใช้ช่องโหว่ในกฎนี้"

หยางเฉิน กล่าวอย่างเกียจคร้านออกมาก

"หรือว่าเจ้าร้ายกาจกว่าซ่างกวนเฟิงหรือชูเฮิง? พวกเจ้าทั้งหมดถึงกล้าที่จะทำเช่นนี้ พวกเจ้าไม่กลัวที่จะแหกกฎใดๆใช่หรือไม่?"

ฟังคำเหล่านี้ สีหน้าของคนรับใช้ทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่หยางเฉินยังไม่หยุดพูด

"แม้แต่ทั้งชูเฮิงและซ่านกวนเฟิงยังไม่กล้าแสดงตัวเพื่อที่จะจัดการกับข้า แต่พวกเจ้าที่อยู่ต่ำยิ่งกว่าพวกเขายังกล้าที่จะทำ เพียงเพราะพวกเจ้าทั้งหมดหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะ หรือว่าข้างในสมองของพวกเจ้าทั้งหมดมีแต่ขี้เลื่อย?"

หยางเฉินยังไม่ได้ขยับ แต่เขาทำให้เซิ่นต้าและคนรับใช้อื่นๆทั้งสามคนเหงื่อตกโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ หยางเฉินยิ้มเยาะในใจและกล่าวต่อไปว่า

"เจ้าต้องการให้ข้ารายงานการสนทนาในตอนนี้แก่ซ่างกวนเฟิง และให้เขาตัดสินใจเกี่ยวกับข้อโต้แย้งนี้หรือไม่?"

"นายน้อยหยาง ท่านกำลังล้อเล่นแน่ๆ"

เซิ่นต้าไม่สนใจสิ่งที่ตัวเขาเองได้กล่าวในก่อนหน้านี้ และกล่าวว่า

"พวกเรากำลังพูดเรื่องไร้สาระเท่านั้น และยังไม่ได้ขอให้ท่านทำอะไรเช่นนั้นจริงๆ แค่คำพูดขำขันยังไม่นับเป็นความผิดตามกฎ"

"ตามกฎอย่างนั้นหรือ?"

หยางเฉินเค่นเสียง เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นคำราม

"ตามกฎ แม้อาหารกลางวันของข้ากำลังอยู่ในปากของข้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อข้าบอกให้เจ้านำมันมาให้ข้า เจ้าจะต้องนำมันมาให้ข้า ถ้าหากว่าอาหารมันเพียงแค่แตะขอบปากข้า แต่เมื่อข้าสั่ง เจ้าก็ต้องนำมันมาให้ข้าอีกครั้ง! แต่นี่เจ้ากำลังพูดถึงกฎกับข้าใช่หรือไม่?"

คนรับใช้ระดับรวบรวมลมปราณขั้นปลายทั้งสี่ไม่กล้าที่จะขยับต่อหน้าหยางเฉินผู้ที่เพิ่งเข้าสู่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาต่างนิ่งเงียบด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาทั้งสี่ซีดราวกับศพเหมือนมีบางคนได้ดูดพลังชีวิตของพวกเขาออกไป

"แต่ข้าชอบมากที่เจ้าพูดเรื่องนี้กับข้า บอกความจริงมาทั้งหมด"

เห็นท่าทางของคนรับใช้ทั้งสี่ หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ

"อย่างน้อย เมื่อเทียบกับคนที่มีคำพูดหวานหูที่หวังผลในวันข้างหน้าและผู้ที่ไม่จริงใจที่ต่อหน้าสนับสนุนทำให้ข้ากลายเป็นศิษย์ระดับรวมรวมลมปราณขั้นปลาย แต่ในความเป็นจริงกลับบังคับให้คนอื่นไม่ให้ความช่วยเหลือเพื่อทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น"

เห็นหยางเฉินเปลี่ยนน้ำเสียงของเขาอีกครั้ง คนรับใช้ทั้งสี่ค่อนข้างประหลาดใจ และรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ หลังจากมองหน้ากันไม่กี่ครั้ง พวกเขาสามารถที่จะมองหน้าหยางเฉินได้อีกครั้ง

"ข้ายังชอบความเปิดเผยของเจ้า"

หยางเฉินกล่าวโดยไม่ให้คนรับใช้รู้ถึงความคิดของเขา แต่อย่างไรก็ดีหยางเฉินเข้าใจความคิดของพวกเขา

"ตอนนี้ข้าจะให้โอกาส โอกาสที่จะเอาชนะความด้อยโอกาสที่เจ้าพูดถึง"

"โอกาส?"

เซิ่นต้าถามเสียงดังในทันที ถ้าหยางเฉินรายงานซ่านกวนเฟิงเรื่องการสนทนาพวกเขาทั้งสี่จะได้รับผลกระทบ กฎนิกายคือกฎนิกายและใช้กับคนรับใช้เหล่านี้ ตั้งแต่หยางเฉินให้โอกาสกับพวกเขา เซิ่นต้าจะไม่พลาดมัน

"เจ้าทั้งสี่ต้องชนะข้าในการต่อสู้!"

หยางเฉินลุกขึ้นและแสดงสัญญาณให้คนรับใช้ทั้งสี่ตามเขา ในขณะที่เขาเดินตรงไปที่ลานเล็กๆในที่พักของพวกเขา

"ว่าแต่เจ้าจะต่อสู้คนเดียว หรือร่วมมือกัน ตราบเท่าที่เจ้าสามารถเอาชนะข้า ข้าจะทำเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้น และเจ้าทั้งหมดจะไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับมัน สำหรับบรรดาทรัพยากรทั้งหลายซึ่งจะถูกส่งมาให้ข้า มันจะเป็นของเจ้าโดยไม่มีข้อยกเว้น"

"ท่านพูดจริงใช่ไหม?"
เซิ่นต้ามองด้วยความยินดี เขารีบถาม ถ้าหยางเฉินไม่ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมา ถ้าหากว่าซ่างกวนเฟิงรับรู้ถึงมัน เขาอาจยังไม่ได้ลงโทษความผิดของพวกเขา มากไปกว่านั้นยังจะช่วยให้ศิษย์พี่ซุนระบายความโกรธของเขา และแน่นอนว่าอาจารย์อาชูจะยินดีเป็นอย่างมาก

"แน่นอน!"

ใบหน้าหยางเฉินเผยสีหน้ายิ้มแย้ม

"มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะได้จากการโกหกพวกเจ้าที่เป็นคนรับใช้?"

มองที่สีหน้าที่จริงจังของหยางเฉิน มันไม่ปรากฏอาการหลอกลวงใดๆ เซิ่นต้าหันไปเหลือบมองที่คนรับใช้อื่นๆและก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งสี่

"คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดของเจ้าเอง แม้ว่าผู้ดูแลซ่างกวนจะรับรู้ถึงเรื่องนี้ เขาก็คงไม่สามารถตำหนิเราสำหรับการทำลายกฎใดๆ ใช่หรือไม่ ผู้ดูแล?"

"แน่นอน!"

ซ่านกวนเฟิงปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดที่ด้านหน้าของทางเข้าที่พักของหยางเฉิน โดยไม่ทราบว่ามาเมื่อไหร่ เขาหัวเราะเบาๆออกมา

"เพียงชั่วครู่ที่ผ่านมา ข้าได้ยินคำพูดของนายน้อยหยาง เมื่อมันเป็นความต้องการของนายน้อยหยาง เพื่อทำการท้าทาย มันจึงไม่ถือว่าเป็นการทำลายกฎแต่อย่างใดๆ"

รอยยิ้มที่น่ากลัวแผ่กระจายไปทั่วหน้าของเซิ่นต้าเป็นที่เรียบร้อย เขากำลังจะเคลื่อนไหวเมื่อซ่านกวนเฟิงกล่าวแทรก


"เซิ่นต้า นายน้อยหยางได้บอกว่าให้พวกเจ้าทุกคนเข้าไปพร้อมกัน เจ้าทั้งหมดก็ควรทำตามที่นายน้อยหยางชี้แนะ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น