เมื่อคิดถึงเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ
ทันใดนั้นหยางเฉินก็คิดถึงบางอย่างที่น่าสนุก มันดูเหมือนจะอยู่ในระดับสูงที่มากกว่าระดับเซียนของศาลสวรรค์ผู้ซึ่งได้ทิ้งมันไว้ มันมีชื่อเรียกธรรมดาง่ายๆว่า เคล็ดวิชาลับไม้หยางสวรรค์
เคล็ดวิชาลับไม้หยินสวรรค์ และอื่นๆอีกเช่น เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์ เคล็ดวิชาก่อร่างปีศาจปฐพี
เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ เคล็ดเหล่านี้มันง่ายมากที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวไปด้วยความตื่นเต้น...
แต่ในโลกมนุษย์ มีคัมภีร์ของนิกายมากมายที่ดูน่าเกรงขามอย่างที่มันจะเป็นได้
อย่างเช่น เคล็ดวิชาลับสุดยอดจักรพรรดิ์ทรราชเพลิงศักดิ์สิทธิ์ หรือ เคล็ดวิชาน้ำหยินทานตะวันเช่นเดียวกับเคล็ดวิชาลับห้าเพลิงปราณหลอมกระดูก
หรือแม้แต่คัมภีร์รัศมีเพลิงไร้ขอบเขต พวกเขาสามารถใช้เวลาได้นานตราบเท่าที่พวกเขาจะมีถ้าหากพวกเขาสามารถเปล่งเสียงเพื่อข่มขู่ออกมาได้พวกเขาก็จะทำในการที่ต้องเลือกคัมภีร์เหล่านี้
จากบรรดารายชื่อของเคล็ดวิชาทั้งหมดมันมีอยู่อย่างมากมายมหาศาลจนไม่สามารถที่จะนับได้
เหล่านิกายในโลกมนุษย์นั้นต่างเกลียดชังพวกมัน
เนื่องด้วยพวกเขาไม่สามารถที่จะเลือกได้
ด้วยพวกมันล้วนเป็นเคล็ดวิชาสุดยอดอันมีชื่อเสียงที่ทำให้โลกต้องสั่นสะเทือน
เหล่าเซียนต่างให้ความสำคัญกับส่วนเนื้อหาที่สำคัญ
อย่างง่ายๆก็แค่ลงอักขระไม่กี่ตัวเพื่อบ่งบอกลักษณะของพวกมัน
เขาคาดว่าถ้าเขาไม่ได้รู้ถึงแหล่งที่มาจากท่านศาลอาวุโสสูงสุด พวกมันก็อาจจะมีชื่ออื่นเช่น
จาก ‘เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ’ ก็อาจจะเป็น
‘ยกระดับสมบัติลับ’ มันดูเหมือนว่าเขาได้ฝึกสำเร็จแล้วในเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง
และท่านศาลอาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้แม้แต่ตั้งชื่อ ทักษะโอสถสุภาพชนอาวุโส
มันเป็นชื่อที่หยางเฉินตั้งขึ้นมาเอง
แต่นี่เป็นแค่ความคิดเล่นๆของหยางเฉินเท่านั้น
มันแค่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย สิ่งที่หยางเฉินกำลังคิดในขณะนี้ก็เกี่ยวกับเคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์ว่ามันจะส่งผลต่อยันต์เหล่านั้นอย่างไร
หากพูดอย่างจริงจัง
มันสุดยอดมากสำหรับเคล็ดวิชาที่มากมายที่อยู่ในความคิดของเขาในขณะนี้
และแน่นอนพวกมันต่างเป็นเคล็ดวิชาระดับสูง มีเพียงแต่ เคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง
เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ หรือ ทักษะโอสถสุภาพชนอาวุโส
ที่หยางเฉินได้เรียนรู้มาจากท่านศาลอาวุโสสูงสุด
พวกมันทั้งหมดสามารถบ่มเพาะด้วยปราณตั้งแต่ระดับแรกคือรวบรวมลมปราณจนถึงระดับของท่านศาลอาวุโสสูงสุด
พวกมันสามารถส่งผลกับการบ่มเพาะทุกระดับ สิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมา
หยางเฉินได้ทำเสร็จสิ้นทั้งหมด พวกมันถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างแท้จริง
กระนั้นเคล็ดวิชาของท่านศาลอาวุโสสูงสุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายในคนทั่วๆไปจะสามารถเข้าใจเคล็ดวิชาเหล่านี้เมื่อพวกเขาอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณ
ก่อนหน้านี้ท่านศาลอาวุโสสูงสุดก็เคยคิดว่ากว่าหยางเฉินจะเข้าใจความลึกลับของเคล็ดวิชาเหล่านี้ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ระดับผลิดอก
แต่ทว่าท่านศาลอาวุโสสูงสุดก็ไม่เคยได้รับรู้ว่าหยางเฉินจริงๆแล้วมีประสบการณ์บ่มเพาะในระดับสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
หยางเฉินทำการทวนซ้ำเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติอย่างช้าๆ
และเริ่มไตร่ตรองถึงความลึกลับของมันที่ซ่อนอยู่
เขาใช้เวลาไปสองวันก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติของท่านศาลอาวุโสสูงสุดนั้นมันค่อนข้างอยู่ในระดับที่สูงและมีความลึกซึ้งอย่างยิ่ง
แต่ในท้ายที่สุดหยางเฉินก็ค้นพบก้าวเล็กๆสำหรับจุดเริ่มต้น
อย่างที่รับรู้กันว่ามันต้องการผู้ที่มีประสบการณ์รู้จริงในการที่จะแก้ไขหาทางออก
นี่เป็นเพียงแค่สาระสำคัญของกุญแจที่จะไขไปสู่การบ่มเพาะพลังหรือเป็นเพียงแค่ขั้นตอนวิธีการปฏิบัติเท่านั้น
แน่นอนเพียงแค่นี้มันย่อมไม่เพียงพอ เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติมันเต็มไปด้วยทักษะนับหลายร้อยทักษะที่สามารถสร้างหรือหลอมรวมเข้าด้วยกันในหลากหลายรูปแบบวิธี
เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของพื้นฐานที่มี ในเวลานั้น
ท่านศาลอาวุโสสูงสุดได้ให้เคล็ดช่วยจำ เพื่อให้เข้าใจว่าลักษณะของพื้นฐานใดเหมาะกับเคล็ดวิชาใด
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หยางเฉินจะทบทวนประสบการณ์ของเขาอยู่เป็นประจำ
ถ้าเขาพูดว่าเขาจะทำมัน เขาก็จะทำมัน
ระดับการบ่มเพาะของเขาอาจจะเป็นระดับแรก
แต่ทว่าด้วยอานุภาคห้าธาตุที่สมบูรณ์ของเขา และก็ด้วยพวกยันต์ต่างๆที่เขาได้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเขาเอง
ประสบการณ์ที่เขามีมันอำนวยความสะดวกให้กับเขา
นอกเหนือจากนั้นด้วยระดับอุปกรณ์ที่ต่ำสุดและประสบการณ์บ่มเพาะของหยางเฉิน
เขาสามารถรู้ในบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ต้องทดลองให้เสียเวลา
ฉับพลันมือของเขากำเนิดเปลวไฟสีแดงบางๆเส้นหนึ่งมันครอบคลุมยันต์ลูกบอลเพลิง
ยันต์ลูกบอลเพลิงส่องแสงออกมาเพียงเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่งแล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากนั้น
ดูเหมือนว่า มันไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยของยันต์ลูกบอลเพลิงปกติ
เขาหยุดมันไว้ที่มือของเขา หยางเฉินสามารถรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างของยันต์ลูกบอลเพลิงมีการเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าจะเล็กน้อยแต่มันก็มีการเปลี่ยนแปลง
ฟิ้ว… ลูกบอลเพลิงที่ถูกปรับแต่งจู่ๆก็ถูกจุดประกายขึ้นมา
ก่อนที่มันจะพุ่งออกไปด้วยกำลังมหาศาลมันได้ทำลายหินที่อยู่บริเวณรอบๆให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในขณะเดียวกันน้ันมือของหยางเฉินอีกข้างหนึ่งก็ยิงลูกบอลเพลิงที่มีขนาดย่อมกว่าออกไป
เมื่อมันปะทะเข้ากับก้อนหินก็เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของพลังในการทำลาย
ด้วยประสบการณ์ของเขา หยางเฉินสามารถเห็นได้จากการชำเลืองมองที่พลังของยันต์ที่ได้ผ่านเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติมันมีปริมาณมากขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าส่วนของปกติ
นี่มันยังเป็นเพียงในขณะที่หยางเฉินอยู่ในขั้นแรกของการบ่มเพาะ
มันจะเพิ่มขึ้นได้อีกมากเมื่อการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงพลังของยันต์
ในฐานะที่เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ หยางเฉินรู้ดีกว่าใครๆว่าอะไรคือส่วนที่สำคัญของยันต์ระดับต่ำดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน เขาก็อดที่จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองไม่ได้ ชื่นชมต่อความสามารถของเคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้ถอนหายใจออกมาเขายังนึกได้ว่านี่เป็น
เคล็ดวิชาของท่านศาลอาวุโสสูงสุด มันได้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากที่คาดหวัง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เขาก็เลิกที่จะประหลาดใจ
ด้วยประสบกับความสำเร็จเช่นนี้ หยางเฉินเมินเฉยไม่สนใจทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา
เขาใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะทอลองใช้เคล็ดวิชาลับจักรวาลสมบัติกับยันต์ทั้งหมดที่เขามี
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อไม่มีอะไรดีขึ้นไปจากเดิม
เขาก็เริ่มตั้งเป้าหมายของการเดินทางอย่างเร่งรีบเพื่อตรงไปยังภูเขาเซียงหยางที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้
รอบๆบริเวณภูเขาเซียงหยางมีความเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพลังจิตวิญญาณที่มีในบริเวณนี้ดูแล้วไม่ค่อยไปในทางเดียวกับทิวทัศน์ที่เขามองเห็น
ก่อนหน้านี้ในบริเวณรอบๆนี้ไม่มีผู้ฝึกบ่มเพาะที่นี่ นอกเหนือไปจากทิวทัศน์ที่สวยงาม
มันก็ยังมีป่าดึกดําบรรพ์ที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขานี้ มันยากที่จะเห็นรอยเท้าของมนุษย์ที่นี่
และก็แน่นอนว่าไม่มีเหล่าเซียนแถวๆนี้ ด้วยสิ่งต่างๆเหล่านี้มันส่งเสริมให้มีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่
และที่เห็นได้บ่อยๆคือก็สัตว์ดุร้ายบางชนิด
สิ่งที่กล่าวมานี้ก็เพื่อเหตุผลที่ว่าทำไมหยางเฉินจึงได้เตรียมยันต์ต่างๆเอาไว้มากมาย
ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ระดับหนึ่ง รวบรวมลมปราณ ขั้นต้น
มันแน่อยู่แล้วว่าหยางเฉินไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวสัตว์เหล่านั้น ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขามีความปราดเปรียวสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อนในบริเวณนี้ได้
แม้พลังจิตวิญญาณของที่นี่มีปริมาณน้อยจนแทบจะไม่มี แต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่าที่แห่งนี้ดูแห้งแล้งหรือมีสิ่งชั่วร้ายแฝงอยู่
แต่มันเป็นเพราะสวนสมุนไพรจำนวนมากมายที่ต่างก็ดูดซับพลังจิตวิญญาณในพื้นที่หลายร้อยลี้
หยางเฉินรู้เรื่องนี้ค่อนข้างดี
หยางเฉินพบพื้นที่ที่เหมาะสมมีพุ่มไม้หนาแน่น เขานั่งลงและเข้าสมาธิไปชั่วขณะ
หลังจากที่เขาฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณและความแข็งแกร่งของร่างกาย เขาก็เริ่มมองไปรอบๆ
เพื่อมองหาที่ตั้งของสวนสมุนไพร
เขาไม่สามารถบินไปบนท้องฟ้าเพื่อสังเกต สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่ปีนไต่ไปในจุดที่สามารถมองเห็นได้ไกล
หยางเฉินต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการค้นหาเส้นทางเพื่อจะหาจุดที่เป็นแม่น้ำภูเขา
มันเป็นผลมาจากทักษะการสร้างรูปแบบพื้นฐาน ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
แน่นอนว่าด้วยทักษะนี้ไม่มีอะไรที่จะค้นหาไม่พบ
เหตุผลที่นิกายนั้นสามารถหาสวนสมุนไพรนี้เจอในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ก็เพราะว่า
นักปราชญ์ที่อยู่ระดับก่อลำต้นขั้นปลายได้รับบาดเจ็บและหลุดเข้ามาในบริเวณนี้ และสะดุดกับตำแหน่งที่ตั้ง
ที่แห่งนี้ที่สามัญชนทั่วไปแทบจะไม่มีใครสนใจเลย
หลังจากที่เขาได้พักผ่อนและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขาให้กลับคืนมาอีกครั้ง
หยางเฉินก็ยืนและหันหน้าไปทางหนึ่งและพูดขึ้นว่า “เจ้าได้ติดตามข้ามานาน เจ้าจะไม่แสดงตัวให้ข้าเห็น?”
ในช่วงเวลาที่หยางเฉินได้กล่าวออกไป ภาพเงาของมนุษย์ผู้ชายร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏออกมาอย่างช้าๆบนยอดต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
เขาแสดงอาการคาดไม่ถึง และมากกว่านั้นยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจและลำบากใจที่เขาถูกค้นพบโดยเป้าหมายของเขา
เขาพูดออกมาด้วยความไม่ชอบใจ “เจ้าหาข้าพบได้อย่างไร”
หลังจากที่หยางเฉินเสร็จสิ้นกระบวนการปรับแต่งยันต์ต่างๆของเขา
เขาก็ค้นพบว่ามีใครบางคนแอบลอบติดตามเขาอยู่ พฤติกรรมของอีกฝ่ายมันเด่นชัดมาก
เขาใช้จิตวิญญาณของเขาทำการตรวจสอบ
ดูเผินๆเหมือนจะไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่ในสายตาของหยางเฉิน
จิตวิญญาณของเขาใช่ว่าจะแข็งแกร่งมากนัก ตามที่เขาคาดหมายณ์มันก็เป็นไปได้ว่าคนที่ติดตามเขาอยู่ในขั้นปลายของระดับรวบรวมลมปราณเท่านั้น
หยางเฉินก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้ที่ติดตามนี้ถึงได้ติดตามเขามา
โดยไม่มีการบอกกล่าวใดๆกับเขา ในทางตรงกันข้าม
ตราบใดก็ตามเพียงที่เขาผู้นั้นทำเพียงแค่เคลื่อนไหวโดยไม่สร้างความยุ่งยากให้แก่หยางเฉินมันก็เป็นพอ
หยางเฉินไม่อยากมีเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้ หยางเฉินยังมีความเกรงกลัวว่ามันอาจจะมีจิตวิญญาณแฝงมากับเม็ดยาที่ซื่อสานส่านมอบให้
หยางเฉินไม่อยากให้เธอรู้ความลับของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่อดทน
ผู้ที่แอบติดตามเขามาได้เริ่มตามเขามาถึงแค่ภูเขาเซียงหยาง
ไม่นานหลังจากที่เริ่มเข้าสู่ภูเขาเซียงหยาง หยางเฉินก็พบว่า
จิตวิญญาณของซื่อสานส่านที่แฝงหุ้มมากับยาเม็ดพลันหายไป มันก็อาจเป็นไปได้ว่าระยะห่างนั่นเกินขอบเขตที่ซื่อสานส่านจะตอบสนองได้
ยังไม่อาจพูดได้ว่าซื่อสานส่านจะสามารถตรวจสอบหยางเฉินที่อยู่ห่างนับพันลี้ได้ในทันที
เพียงแค่จิตวิญญาณที่แฝงหุ้มมานั้นได้เสียหายไป จิตวิญญาณที่แฝงก็อาจจะแจ้งเตือนไปที่เจ้าของให้ทราบถึงตำแหน่งสุดท้ายของหยางเฉิน
ขณะนี้ด้านหน้าของหยางเฉินปรากฏผู้ชายคนหนึ่ง
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่หรูหรามาก อายุน่าจะประมานยี่สิบกว่าๆ ดวงตาคู่นั้นส่องแสงเป็นประกาย
ดูราวกับว่ากำลังขบคิดอะไรบางอย่าง พฤติกรรมของเขาถูกทำลายด้วยเสียงตะโกนร้องถามอย่างแปลกใจของหยางเฉิน
เขาดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยแล้วถามกลับมาด้วยเสียงเย็นชาว่า “เพชฌฆาตตัวน้อย น่าแปลกใจนัก
ไม่ว่าเจ้าจะพบข้าได้อย่างไร จงนำสิ่งที่เทพธิดาซือมอบให้แก่เจ้าส่งมาให้ข้า
ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า!”
มันเป็นของกำนัลที่ ซื่อสานส่านมอบให้กับหยางเฉินเพื่อแสดงความขอบคุณเมื่อตอนอยู่ที่ลานประหาร
มันคือยาเม็ดเสริมร่างกาย
ยาเม็ดเสริมร่างกายนี้ได้ยินมาว่าสำหรับผู้ที่ฝึกตนแล้วมันเป็นของที่ไร้ประโยชน์
เพียงแค่สามารถส่งเสริมรากฐานวิญญาณของคนธรรมดาได้นิดหน่อย แต่ทว่าสามารถชักนำรากจิตวิญญาณของคนธรรมดาที่อยู่ในระดับสูงให้ปรากฏออกมาได้
แต่ในขณะนั้นเทพธิดาซือมอบยาเม็ดเสริมร่างกายแบบพิเศษให้เขาเพียงเพื่อเป็นการขอบคุณหยางเฉิน
เพื่อที่จะทำให้เขามีโอกาสได้ฝึกฝนบ่มเพาะ
แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มอบให้นั่นคืออะไร เพียงแค่รู้ว่าเทพธิดาซือมอบของให้เขา
และคิดว่ามันต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน
ด้วยสถานะของผู้คนที่ทำหน้าที่ ณ ลานประหาร จะไม่ทำร้ายชาวบ้านธรรมดา
แต่ก็ไม่สามารถห้ามพวกเขาบอกข่าวคราวให้กับคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีบางคนเริ่มอยากได้ของในมือของหยางเฉิน
แต่หยางเฉินนั่นได้หายตัวไปเร็วมาก
คนส่วนใหญ่ค้นหาเพียงบริเวณรอบๆในระยะไม่กี่ร้อยลี้ การที่หยางเฉินปรากฏตัวอยู่ที่นี่นับว่าเป็นเรื่องโชคดีอย่างคาดไม่ถึงและเขายังรู้สึกถึงจิตวิญญาณบนยาเม็ดนั้น
“นี้เป็นสิ่งที่เจ้าพูดถึงใช่ไหม?
เอาไป!” หยางเฉินถือโอกาสโยนเม็ดยาเสริมร่างกายที่ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเองออกไป
เขามีรากจิตวิญญาณที่มีความสมบูรณ์และพิเศษอยู่แล้ว
ในความคิดของเขายาเม็ดเสริมร่างกายนี้ เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อยู่แล้ว
แต่ขอเพียงเขายินยอม อีกทั้งตอนนี้เขาก็มีสวนสมุนไพรในครอบครองแล้ว ยาแบบนี้หากเขาต้องการเท่าไหร่ก็สามารถมีได้เท่าที่ต้องการ
“ยาเม็ดเสริมร่างกาย?” เห็นได้ชัดเลยว่าเยาวชนคนนี้เป็นเด็กที่มีความรู้พอสมควร เขายื่นมือออกไป
ยาเม็ดเสริมร่างกายลอยไปหาเขาด้วยความเร็วและอยู่ในมือของเขา เขาสังเกตเพียงเล็กน้อยก็มองออกว่าสิ่งนี้คืออะไร
เมื่อมองที่เม็ดยาที่สามารถเสริมร่างกาย หากคิดจะสกัดกลั่นมัน
ก็จำเป็นจะต้องมีระดับก่อสร้างรากฐานเป็นอย่างน้อย ในใจของเยาวชนคนนี้ปรากฏความชอบใจอย่างเงียบๆ
แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ต่อเขา แต่เขากลับสามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของอย่างอื่นได้
หรือจะให้เป็นน้ำใจต่อคนอื่นก็ดีไม่น้อย การติดตามหยางเฉินตลอดเส้นทางที่ผ่านมามันไม่สูญเปล่า
กับความเข้าใจที่ลึกซึ้งในสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิมของหยางเฉิน
ยาที่ว่านี้มันไร้ประโยชน์ ตราบเท่าที่ผู้ติดตามคนนี้ไม่ขัดขวางการทำภาระกิจของเขา
หยางเฉินก็จะไม่ถือสาเขาและหยิบยื่นผลประโยชน์เล็กน้อยให้กับอีกฝ่ายด้วย เหล่าเซียนก็ย่อมมีมุมมองแบบเซียน
เพียงแต่
ในความคิดของหยางเฉินที่คิดว่าหลังหยิบยื่นยานั่นให้แล้วเขาจะจากไป
และตัวเองก็จะได้เก็บสวนสมุนไพรได้เท่าที่ตัวเขาปราถนา
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด ดวงตาของเยาวชนคนนี้เปล่งประกายเล็กน้อย หยางเฉินคิดในใจ
แน่ชัดแล้วว่ามันยังมีความคิดที่ชั่วร้ายตามมาอีก
“เพชฌฆาตอย่างเจ้า
ฆ่าคนโดยไม่คิด เจ้ามาทำอะไรในที่แห่งนี้? ข้าดูแล้ว มันเหมือนเป็นเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถให้คนอื่นเห็นได้?” เยาวชนเก็บยาเสริมร่างกาย แล้วมองหยางเฉินอย่างดุร้าย
ยาเม็ดนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเทพธิดาซือมอบมันให้แก่หยางเฉิน
หลังจากนี้หากเพียงแค่หยางเฉินโวยวายขึ้นมา ตัวเขาเองอาจจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหากไม่ระวังตัว
แบบนั่นคงไม่ดีแน่ แม้ว่าหยางเฉินจะไม่รู้ฐานะของเขา แต่เขาไม่คิดที่จะกลัวคนหมื่นคน
หากเพียงกลัวแค่หนึ่งในหมื่น คนตายจะสามารถรักษาความลับไว้ได้ตลอดกาล
“สังหารปีศาจกำจัดอสูร
ทำหน้าที่กวาดล้างคนชั่วให้กับสวรรค์ มันเป็นหน้าที่ของข้า!”
เยาวชนนั่นตะโกนขึ้นมาแล้วมองไปยังหยางเฉินที่อยู่ด้านหน้า “เจ้าอยู่ที่นี่คิดจะทำเรื่องไม่ดี
ชีวิตคนนั้นมีค่า ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
เขายกมือทั้งสองข้างชี้ออกไป ทันใดนั่นก็ปรากฏกระบี่ที่เขาแสนจะภูมิใจ
เขาตั้งใจที่จะเอาชีวิตของหยางเฉินไป แต่สัญลักษณ์มือของเขาก็ทำได้เพียงแค่ครึ่งเดียว
ทันใดนั้นก็ปรากฏบางอย่างขึ้นในดวงตาเขา มันเป็นแสงเย็นยะเยือกที่แฉลบผ่านตาเขา
รู้สึกว่าลำคอเย็นวาบ ทันใดนั่นทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืดมิด
หยางเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ในมือเขาปรากฏดาบแห่งเพชฌฆาต สังหารในดาบเดียวบ่งบอกถึงความชำนาญเป็นพิเศษ
หัวของเยาวชนได้ลอยสูงขึ้นไปสามฉื่อ เลือดสดๆพุ่งทะลักออกมา
ศพก็ค่อยๆร่วงลงกับพื้น
เกรงว่าเยาวชนนั่นเป็นนักบ่มเพาะระดับหนึ่งรวบรวมลมปราณขั้นปลาย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ดูเหมือนว่า หยางเฉินจะทำให้เขากลายเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหยางเฉินสามารถค้นพบการซ่อนตัวของเขาได้อย่างไรอุปกรณ์ป้องกันที่มีก็ไร้ความหมาย
ถูกตัดหัวด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว
“ฉับ!”เพียงแค่ตวัดมือครั้งเดียว ดาบแห่งเพชฌฆาตก็อันตธานหายไปในทันที เหลือไว้เพียงศพที่อยู่ตรงหน้า
หยางเฉินก้มลงหยิบถุงครอบจักรวาลเล็กที่สายคาดเอวของร่างเยาวชนและดึงมันออกมาเบาๆขณะที่ถือถุงครอบจักรวาลในมือ
“ถ้าเจ้ากำลังจะฆ่าคนเพื่อปิดปาก
แล้วจะต้องใช้เหตุผลมากมายไปทำไม!” หยางเฉินพูดสั่งสอนออกมาโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องอื่น
“ปากกับใจไม่ตรงกันเช่นนี้ การกระทำที่แตกต่างจากความคิด
ไม่ต้องรอภัยพิบัติทั้งสามบังเกิดขึ้นหรอก เจ้าก็จะตายอย่างไร้ที่ฝังศพ
จะตายเร็วหรือช้าล้วนไม่มีอะไรแตกต่างกัน จงเชื่อมั่นในเส้นทางของตนเถอะ!”
หยางเฉินลูบเบาๆที่ถุงครอบจักรวาล แล้วเขาก็เก็บมันเข้าไปในแหวนแห่งความสำเร็จ
นักบ่มเพาะระดับหนึ่งรวบรวมลมปราณขั้นปลายแม้แต่ยาเสริมร่างกายเม็ดเล็กๆก็ยังโลภ
จะมีสิ่งดีๆอะไร ที่จะทำให้หยางเฉินคำนึงถึงอีก?
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่
ตั้งแต่ที่เจ้าภูเขาได้ทิ้งสวนสมุนไพรไว้เบื้องหลังแต่ไม่คิดว่าจะต่ำกว่าพันปี เจ้าภูเขาเมื่อตอนที่มีระดับต่ำสุดก่อนก้าวขึ้นมามีอำนาจสู่โลกจิตวิญญาณแล้วอาจจะขึ้นสวรรค์เข้าสู่โลกนิรันดร์อีกครั้ง
เวลาที่เสียเป็นพันปีแบบนี้มันก็เหมาะสม
เขาเร่งรีบเดินไปยังตำแหน่งที่ตนเองตรวจสอบไว้แล้วเป็นอย่างดี
จิตวิญญาณของเขาเปิดกว้างกวาดออกไป หลังจากที่กวาดตาหาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของหยางเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
เขาเดินไปหาต้นไม้ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบ
ก่อนที่จะชนต้นไม้ หยางเฉินก็คล้ายจะไม่หยุดเดิน
เท้าข้างหนึ่งชนกลับลำต้น ทิวทัศน์รอบๆก็พลันเปลี่ยนไป
ทันใดนั้น เหนือศีรษะของหยางเฉินก็ปรากกฎยอดโดมออกมา เหมือนกับว่าร่างกายของเขากำลังอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ บนยอดโดมปรากฏกระบี่บินเปล่งแสงเย็นยะเยือกมีทั้งหมดสี่สิบเก้าเล่ม
พวกมันเรียงตัวกันอย่างเป็นรูปแบบเฉพาะ มึอยู่เจ็ดแถว แถวละเจ็ดเล่ม ดูราวกับว่าทั้งสี่สิบเก้าเล่มนี้กำลังมองหาศัตรูที่ชั่วร้าย
พวกมันต่างพากันจ้องมองไปที่หยางเฉินอย่างเงียบๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น