และแล้วมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจากไป
หยางเฉินไม่ยอมเสียเวลาโดยเปล่า หลังจากมอบหมายหน้าที่กลับคืนไปให้เพชฌฆาตเฒ่าแล้ว
หยางเฉินก็ได้เดินทางต่อไปด้วยมือเปล่าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
แน่นอนว่าของทั้งหมดของหยางเฉินเขาเก็บมันไว้ในแหวนแห่งความสำเร็จของเขา
การได้มาพบเจอกับ ซุนชิงเสียและซือสานส่าน
มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดและในการพบกันครั้งแรกของเขากับผู้หญิงทั้งสองคนได้สิ้นสุดลงด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หยางเฉินก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าว
เมื่อมันเป็นโชคชะตาที่ฟ้ากำหนด
หยางเฉินได้หายตัวไปอย่างรวดเร็วจากสายตาของชาวเมืองและหลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน
เพชฌฆาต นาม หยางเฉิน ก็ได้หายไปจากความทรงจำของชาวเมือง
ณ ตอนนี้
หยางเฉินกำลังน้ำลายหกกับจำนวนเคล็ดวิชาฝึกฝนบ่มเพาะพลังที่มากมายที่ได้รับมาจากแท่นประหารเซียนแล้ว
ห้าธาตุแห่งรากจิตวิญญาณทั้งสายหยินและหยางที่เขามีภายหลังการกำเนิด
มันได้ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ในระหว่างที่อยู่บนแท่นประหารเซียนด้วยวิถีของมารเฒ่าอี้
หยางเฉินไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการฝึกฝนบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาไม่กี่เคล็ดได้
เนื่องจากคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละธาตุและสายพลัง
ซึ่งในตอนนี้เขามีถึงสิบลักษณะของพลังลมปราณ
TTL: สิบประเภทของพลังลมปราณ
(Qi) จะถูกแบ่งออกได้ห้าธาตุและแบ่งตามหยางหยิน
1-2 ไม้ (หยาง หยิน)
3-4 ไฟ (หยาง หยิน)
5-6 ดิน (หยาง หยิน)
7-8 ทอง (หยาง หยิน)
9-10 น้ำ หยาง หยิน)
ตามแผนเดิมนั้น
ตราบใดที่เขามีรากจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟตามธรรมชาติเขาสามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังไปตามเส้นทางในความทรงจำเดิม
โดยฝึกไปทีละขั้นตอน
หลังจากนั้นหยางเฉินก็จะได้รับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังจนถึงระดับสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
และด้วยรากจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟที่สมบูรณ์ของเขา
มันสามารถลดเวลาลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเวลาที่เคยใช้ในความทรงจำ
ณ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่รากจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟที่สมบูรณ์เท่านั้น
แต่กลับมีห้าธาตุแห่งรากจิตวิญญาณทั้งสายหยินและหยาง ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์
มันทำให้เขาเกิดความคิดเพิ่มขึ้นมาภายในใจของเขา
ในความทรงจำของเขา เคยมีแฝดห้าคนที่แต่ละคนจะมีพลังหนึ่งในห้าธาตุที่ไม่ซ้ำกัน
แต่ละคนต่างฝึกฝนบ่มเพาะพลังในแนวทางของตัวเอง
จิตวิญญาณของพี่น้องห้าคนสามารถเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างรูปแบบของห้าธาตุที่ยอดเยี่ยม
มันมีความสามารถในโจมตีและป้องกันในเวลาเดียวกัน
นักบ่มเพาะพลังธรรมดานั้นมีความแตกต่างไปจากพวกเขาในเรื่องของความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เหล่านักบ่มเพาะพลังธรรมดาย่อมไม่อาจจะเป็นศัตรูกับพวกเขาเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน
พวกเขาพี่น้องมีทั้งหมดห้าคน
แต่สำหรับหยางเฉินที่มีห้าธาตุแห่งรากจิตวิญญาณทั้งสายหยินและหยาง
ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า*
เขาสามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังทักษะทั้งห้าธาตุได้ และพวกมันถูกควบคุมโดยคนเพียงคนเดียว
แม้มันจะต้องฝึกฝนมากกว่าพี่น้องทั้งห้าถึงเท่าตัวก็ตาม
แต่จริงๆแล้วมันเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะฝึกฝนบ่มเพาะพลังเพียงแค่หนึ่งธาตุธรรมดา
TTL:* หนึ่งคู่หยินหยาง-สำหรับแต่ละธาตุ
เบ็ดเสร็จแล้วจะมีสิบรากจิตวิญญาณ
ทำให้ธาตุปราณมีมากกว่าคนปกติสองเท่า (คนปกติมีห้าธาตุ)
ไม่เพียงแค่นั้น
หยางเฉินยังจำสิ่งที่ท่านศาลอาวุโสสูงสุดกล่าวไว้เมื่อตอนที่อยู่ในแท่นประหารเซียนว่า
สำหรับพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอด
เขาสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างมหาศาลมากกว่าที่ท่านศาลอาวุโสสูงสุดจะมีได้โดยไม่ต้องใช้เตาจักรวาลทั้งแปด
หยางเฉินไม่อาจจะให้อภัยตัวเองได้ถ้าเขาสูญเสียสิ่งที่อาจเกิดขึ้นดังที่ท่านศาลอาวุโสสูงสุด
ได้กล่าวไว้
หยางเฉินไม่ต้องการที่จะทิ้งโอกาสนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอดได้กลายมาเป็นทิศทางในการบ่มเพาะพลังของหยางเฉินในอนาคต
เพียงแต่สิ่งที่หยางเฉินต้องกังวลเกี่ยวกับในตอนนี้ก็คือจำนวนของเคล็ดวิชาการบ่มเพาะพลังที่มีอยู่มากมาย
หยางเฉินได้รับพวกมันมาเป็นจำนวนมากเมื่อตอนที่เขาทำหน้าที่บนแท่นประหารเซียน
ไม่ว่าจะเป็น
ความลับแห่งแก่นไม้หยาง
ความลับแห่งแก่นไม้หยิน
ความลับแห่งแก่นไฟหยิน
ความลับแห่งแก่นทองหยาง
ความลับแห่งแก่นดินหยาง
ความลับแห่งแก่นน้ำหยิน
ทั้งหกอนุภาคของความลับแห่งแก่นธาตุมันเป็นส่วนหนึ่งของพลังลมปราณธรรมชาติพื้นฐาน
มันสามารถถ่ายโอนปราณแห่งพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอดได้
โดยที่ลักษณะเฉพาะของแต่ละธาตุจะต้องตรงกันกับปราณธรรมชาติ
มันเป็นทักษะพื้นฐานที่ง่ายต่อการบ่มเพาะพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก
หากถ้าเขาจะได้รับมาเพิ่มอีกสี่อนุภาคที่เหลือ อันได้แก่
ความลับแห่งแก่นไฟหยาง
ความลับแห่งแก่นทองหยิน
ความลับแห่งแก่นดินหยิน และ
ความลับแห่งแก่นน้ำหยาง
เพื่อให้ตรงกับธาตุพื้นฐานที่เขามีทั้งหมด
เขาก็จะมีทักษะครบถ้วนทุกพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอด
แต่ความลับที่แท้จริงของพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอด
มันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งและนั่นก็คือว่าเขาจะต้องทำการหลอมหลวมพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าไปเป็นปราณตามธรรมชาติ
มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถที่จะบ่มเพาะพลังได้
มันเป็นเพียงแค่เรื่องของความโชคร้ายที่แม้หยางเฉินจะรู้ถึงตำแหน่งพลังส่วนใหญ่ของหยินหยางทั้งห้าธาตุเพื่อเป็นปราณโดยธรรมชาติ
แต่มันก็ไม่สามารถจะเข้าถึงได้ง่าย
ถึงแม้ว่าเขาอยากจะฝึกฝนบ่มเพาะพลังทุกเคล็ดความลับแห่งธาตุเหล่านี้มันก็เป็นไปไม่ได้ในขณะนี้
ในขณะที่เคล็ดอื่นๆ
ที่เขาได้รับก็ถือว่าอยู่ในระดับดีเช่นเดียวกับทักษะการสร้างรูปแบบ
พวกมันได้ผลในระดับสูงทั้งหมด
และเป็นไปไม่ได้ที่จะมำมันมาใช้กับการฝึกฝนบ่มเพาะพลังของหยางเฉินในปัจจุบัน
ทีเด็ดของทักษะเหล่านี้มันถูกทิ้งไว้โดยเหล่าเซียนผู้ถูกกลืนหายไป
และแน่นอนมันไม่ใช่สิ่งที่ใครบางคนที่เพิ่งเริ่มที่จะฝึกฝนบ่มเพาะพลังและยังไม่เข้าสู่ระดับการรวบรวมลมปราณจะทำการฝึกได้
ดังนั้นหยางเฉินสามารถฝึกฝนบ่มเพาะได้แค่บางพื้นฐานเพื่อเป็นการวางรากฐานของพลังหยินหยางธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอดได้เท่านั้น
จนถึงเวลาที่เหมาะสมที่สามารถบรรลุพลังหยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าไปเป็นปราณโดยธรรมชาติและเริ่มที่จะบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดแก่นของพลังหยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าที่เยี่ยมยอดได้
ทักษะระดับที่สองของเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง
มันทำการดูดซึมกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่อยู่รอบตัวหยางเฉิน
และปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้เข้าสู่จิตวิญญาณ ถึงกระนั้นเจตจำนงแห่งการฆ่าและกลิ่นอายของความต้องการฆ่าก็ยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ตราบใดที่หยางเฉินต้องการมัน จิตวิญญาณของเขาก็พร้อมที่จะปลดปล่อยกลิ่นอายเจตจำนงแห่งการฆ่าออกมา
มันเปรียบเสมือนอาวุธที่มีพลังโจมตีที่รุนแรงในการต่อสู้กับเหล่าศัตรู
ขณะนี้จิตวิญญาณของหยางเฉินได้ไต่ระดับมาอยู่ขั้นปลายของระดับก่อสร้างรากฐาน
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจิตวิญญาณมีประโยชน์อย่างมากในการบ่มเพาะ หากแต่มันไม่มีเจตจำนงแห่งการฆ่าใดๆ
เคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง ก็จะไม่มีประโยชน์
ระดับของเขาก็คงไม่ก้าวกระโดดถึงขอบเขตเช่นนี้ มันก็คงจะค่อยๆก้าวไปทีละขั้นตอน
มันก็เหมือนกับลำธารสายเล็กๆหลายสายไหลมารวมเข้าด้วยกันกลายเป็นแม่น้ำซึ่งมันจำเป็นจะต้องใช้เวลา
เป็นครั้งแรกที่เขาต้องการความแข็งแกร่งไว้ปกป้องตัวเอง จากภัยอันตราย
แต่ในตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นคนไร้ประโยชน์ไม่มีพลังลมปราณใดๆ ตามปกติหยางเฉินจะไม่ทำสิ่งที่ผิดพลาดแบบนี้
การบ่มเพาะพลังจากชีวิตอันมีค่าก่อนหน้านี้ของเขา
เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับคัมภีร์สุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังหยางบริสุทธิ์
มันเป็นวิธีการฝึกฝนบ่มเพาะพลังสำหรับธาตุไฟ ในพระราชวังหยางบริสุทธ์
และมันยังเป็นคัมภีร์แห่งการสร้างรากฐาน
หยางเฉินมีความคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี
เนื่องจากหยางเฉินทำการบ่มเพาะพลังครั้งแรกดัวยคัมภีร์นี้
เมื่อเขาเริ่มต้นการบ่มเพาะพลังด้วยคัมภีร์สุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้
เขาได้ใช้เวลาทั้งเดือนเพื่อฝึกฝนก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ถึงร่องรอยของพลังลมปราณ
แต่ในตอนนี้หยางเฉินจำเป็นต้องเริ่มต้นฝึกฝนบ่มเพาะพลังก่อนที่ร่างกายของเขาเริ่มที่จะไม่สามารถควบคุมและสร้างพลังลมปราณขึ้นมาเอง
ด้วยความรู้จากการฝึกฝนบ่มเพาะพลังมากกว่าหลายร้อยหลายพันครั้งในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
คัมภีร์สุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์ ได้ส่งผลต่อสัญชาตญานความเข้าใจของหยางเฉิน
โดยไม่มีการเบี่ยงเบนหรือผิดพลาดใดๆ และระดับการบ่มเพาะของจิตวิญญาณนั้นสูงกว่าพลังลมปราณอย่างมาก
ในขณะนี้หยางเฉินเริ่มรู้สึกถึงร่องรอยพื้นฐานที่สุดของพลังลมปราณโดยเพียงแค่การโคจรไหลเวียนพลังในครั้งแรก
ไม่นานหลังจากนั้น พลังลมปราณก็เริ่มที่จะไหลเวียนไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยภายใต้การควบคุมของพลังจิตวิญญาณของเขา
ตลอดเส้นทางที่พลังลมปราณได้ทะลวงผ่าน มันได้กรุยเส้นลมปราณและฟื้นฟูสภาพพร้อมกัน
มันเป็นการเปิดเส้นลมปราณที่สมบูรณ์แบบ
จากการโคจรลมปราณในหนึ่งรอบนี้ หยางเฉินค้นพบประโยชน์ที่เขาได้รับจากแท่นประหารเซียน
ไม่เพียงแต่รากจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ แต่รวมถึงกระดูก เส้นเลือด เส้นลมปราณ
และเลือดในร่างกายของเขาได้รับปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
ขณะที่มันถูกหล่อเลี้ยงด้วยแก่นพลังชีวิตของเหล่าเซียนจำนวนมหาศาล ความแข็งแกร่งของร่างกายและความจุของเส้นลมปราณของเขาอยู่ในระดับที่ใกล้จะผ่านไปอีกระดับ
ในการผ่านคอขวดระดับแรกของการบ่มเพาะพลังนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
โดยที่ไม่รู้ตัวขณะโคจรพลังลมปราณได้ครบรอบแรก เขาพบว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่เขาผ่านเข้าสู่ขั้นตอนก่อสร้างรากฐาน
มันแทบจะไม่มีสิ่งสกปรกภายในร่างกายของเขาราวกับว่ามันได้รับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งโดยแก่นพลังจิตวิญญาณจากแท่นประหารเซียนมันเป็นพลังชีวิตของเหล่าเซียนรวมทั้งจักรพรรดิหยกพระราชชนนีและท่านศาลอาวุโสสูงสุดมารวมกัน
เส้นลมปราณอันกว้างใหญ่มหาศาลและยืดหยุ่นบวกกับพลังลมปราณที่สมบูรณ์สอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพของเขา
หยางเฉินก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือผลของการโคจรเพียงแค่หนึ่งรอบ ในช่วงตอนท้าย
หยางเฉินยังมีความรู้สึกถึงพลังลมปราณที่ไหลผ่านเส้นลมปราณของเขา
หลังจากที่เขาเปิดตา
หยางเฉินค้นพบว่าหูและตาของเขาดูเหมือนจะสามารถจับภาพและได้ยินเสียงได้อย่างคมชัดมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
ในอดีตที่ผ่านมาเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับการมองที่ระยะประมาณยี่สิบเมตร
แต่ในตอนนี้ความชัดเจนของเขาได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเท่าตัวและเขาก็ดูเหมือนจะได้ยินการเคลื่อนไหวของมดที่อยู่ใต้เท้าของเขา
อย่างช้าๆกับการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน
หยางเฉินรู้สึกว่าพลังลมปราณมันล้นอยู่ภายในตัวเขา
หยางเฉินได้ระเบิดเสียงหัวเราะแห่งความสุขออกมา ไม่นานหลังจากนั้น
เขาเหยียดนิ้วออกไป มันปรากฏลูกบอลเพลิงที่บนปลายนิ้ว มันพริ้วไหวไปมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวของหยางเฉิน
มันเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างที่เขาอยากให้เป็น
ฟิ้ว...พรึบ ดับเปลวเพลิงด้วยพลังลมปราณ อย่างสบายๆหยางเฉินได้ก้าวเข้าสู่ระดับแรกรวบรวมลมปราณโดยการโคจรเพียงครั้งแรก!
TTL: สรุปตอนนี้หยางเฉินมีการฝึกสองส่วน
คือ
#1 พลังจิตวิญญาณอยู่ที่ระดับก่อสร้างรากฐานขั้นปลาย
#2 พลังลมปราณอยู่ที่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นต้น
สำหรับคนธรรมดาที่จะเข้าสู่ระดับ ‘รวบรวมลมปราณ’
ขั้นต้นพวกเขาจะต้องสามารถรู้สึกถึงพลังทางจิตวิญญาณระหว่างสวรรค์และโลกและโคจรมันไปตามเส้นลมปราณภายในร่างกายให้ครบรอบ
มันเป็นการโคจรเพื่อสร้างร่องรอยเข้าสู่จุด ตันเถียน ของพวกเขา
นั้นหมายถึงสภาวะที่พวกเขาได้เข้ามาในดินแดนของการรวบรวมลมปราณอย่างแท้จริง
ขั้นตอนดังกล่าวถือว่าเข้าสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นต้น
การโคจรจนครบรอบในการฝึกฝนครั้งแรกมันแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้กระทั่งสำหรับอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่สุด
ปกติแม้ว่าจะมีรากทางจิตวิญญาณที่ครบถ้วนสมบูรณ์และเข้าใจในขั้นตอนการบ่มเพาะอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ
ขั้นตอนนี้ก็ยังจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือนเพื่อดำเนินการตั้งแต่ต้นจนจบ
ในการเปิดจุดเส้นลมปราณก็ยิ่งต้องการความต่อเนื่องของการสะสมของพลังจิตวิญญาณและต้องมีความเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้ฝ่าฝันออกไป
เส้นทางแห่งการบ่มเพาะไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับการล่องเรือไปในแม่น้ำที่ราบเรียบ มีไม่ถึงหนึ่งในสิบที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นตต้นจากจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะพลัง
หยางเฉินเป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีใครเหมือนในรอบหมื่นปีของประสบการณ์ในการบ่มเพาะพลัง
อย่างไรก็ตามหยางเฉินหยุดการบ่มเพาะหลังจากเสร็จสิ้นการโคจรไปหนึ่งรอบ
กุญแจสำคัญที่จะได้มาซึ่งพลังหยินหยางห้าธาตุสองเท่าของการบ่มเพาะพลัง ก็คือ
การสร้างความสมดุลของพลังหยินหยางของห้าธาตุ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีความจำเป็นเพื่อความเท่าเทียมกัน
แต่ความแตกต่างกันยิ่งน้อยก็ยิ่งดีเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สมดุล
แน่นอนว่าพลังหยินหยางห้าธาตุที่มีความสมดุลสมบูรณ์แบบคือสิ่งที่ดีที่สุดและถ้ามีความแตกต่างกันบางคนเท่านั้นที่สามารถปรับสมดุลหยินห้าธาตุและหยางห้าธาตุแล้วยกระดับพวกมันได้สักวันหนึ่งในอนาคตและแน่นอนว่าหยางเฉินมันก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน!
คัมภีร์สุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์นับเป็นธาตุไฟหยางในหมู่หยินหยางห้าธาตุ
หยางเฉินตอนนี้กำลังมองหาเคล็ดการบ่มเพาะพลังรากฐานที่เหมาะสมอีกเก้าอนุภาคที่เหมาะสมกับลักษณะของธาตุที่เหลืออยู่ภายในร่างการของเขาเพื่อที่จะสามารถบ่มเพาะพลังทำให้เกิดห้าธาตุธรรมชาติภายในตัวเขาเองได้อย่างสมบูรณ์
หยางเฉินมีเคล็ดสำหรับฝึกธาตุไฟจากกองคัมภีร์เพลิงหยาง
มันมีตั้งแต่ระดับต่ำไปสูงสุด แต่คุณลักษณะของอนุภาคธาตุอื่นๆเขามีไม่มาก
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้หยางเฉินมีความสุขก็คือว่าเขามีเคล็ดระดับต่ำสำหรับการบ่มเพาะรากฐานของอีกสอง-สามธาตุอยู่ในมือของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคล็ดดาบคลื่นวารี มันเป็นรากฐานของการบ่มเพาะในส่วนของอนุภาคน้ำ
แม้ว่าเคล็ดดาบคลื่นวารีจะเป็นเคล็ดที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรเป็นพิเศษและมันดูธรรมดามาก
แต่หยางเฉินไม่สนใจ เขาเพียงต้องใช้เคล็ดดาบคลื่นวารี
เพื่อบ่มเพาะพลังอนุภาคน้ำแห่งรากจิตวิญญาณเพื่อที่จะเข้าสู่สวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง
(จิตรกรรมดวงอาทิตย์) เพราะว่านอกเหนือจากกระบวนท่าเจ็ดก้าวสิ้นชีพ เมื่อเข้าไปในสวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง
ยังคงมีข้อกำหนดอื่นๆอีก และนั่นก็คืออนุภาคน้ำทิพย์พลังจิต
สวนสมุนไพรเป็นสิ่งที่ทิ้งไว้เบื้องหลังของเซียนในแท่นประหารเซียน
ที่ค้นพบโดยรุ่นต่อมา แม้ว่าหยางเฉินไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่หายากจะเป็นยาครอบจักรวาล
นิกายที่ค้นพบสวนสมุนไพรได้ขายพวกมันไปเป็นจำนวนมาก ในเวลาที่ยาวนาน
และสาวกของพวกเขายังได้รับยาที่มากมาย มันน่าจะเป็นไปได้ว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวมันไม่ใช่พื้นที่เล็กๆ
ยังคงมีเวลา ก่อนที่พระราชวังหยางบริสุทธิ์ของนิกายหลักจะทำการเปิดรับสาวกและหยางเฉินก็แค่จะไปเอาสวนสมุนไพรในเวลานี้
อาศัยประสบการณ์ของหยางเฉินในการผสมยาจากชีวิตที่ผ่านมาของเขา
เขาคาดว่าเขาจะไม่ได้มีปัญหาใดๆกับยาเพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังก่อนที่จะเข้าสู่ระดับผลิดอก
แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่หยางเฉินทำการฝึกเคล็ดอนุภาคน้ำ
ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตที่ผ่านมาของเขาหรือในตอนนี้
อาจเป็นเช่นที่ว่ามันเป็นเคล็ดพื้นฐานที่เรียบง่ายมากสำหรับคนที่มีประสบการณ์ของสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
มันแตกต่างจากคัมภีร์สุดยอดเพลิงหยางศักดิ์สิทธิ์ตรงที่เขาต้องใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการฝึกเคล็ดดาบคลื่นวารี
สามวันต่อมาเขาก็ประสบผลสำเร็จ ในหนึ่งรอบโคจรของเคล็ดดาบคลื่นวารี
มันก็ทำให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับแรกของการฝึกบ่มเพาะพลัง
แม้ว่าห้าธาตุของเขาจะสมบูรณ์
แต่หยางเฉินอยากจะบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดลับพลังหยินหยางห้าธาตุที่ยอดเยี่ยม
ปกติแล้วเขาจะต้องทำให้พลังของหยินและหยางมีความสมดุลกัน
โชคดีที่เขามีเคล็ดการวางรากฐานสำหรับหยางห้าธาตุ* แต่เขาขาดสองหยินห้าธาตุ มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะสามารถทำการบ่มเพาะหยางห้าธาตุเพื่อเพิ่มความความแข็งแรงที่จะสามารถปกป้องตัวเอง
ในขณะที่หยินห้าธาตุ
เขาจะรอจนกว่าเขาได้รวบรวมเคล็ดการบ่มเพาะให้ครบก่อนจึงจะทำการบ่มเพาะมัน
TTL: เข้าใจว่าหยางเฉินสามารถปรับสมดุลอนุภาคน้าทั้งหยินและหยางได้
จึงทำให้เขามีทั้งหมดแปดอนุภาคในขณะนี้
1-2 ไม้ (หยาง หยิน) àมีครบ จากแท่นประหารเซียน
3-4 ไฟ (หยาง หยิน) àมีครบ หยินมาจากแท่นประหารเซียน หยางมาจากชีวิตก่อนหน้า
5-6 ดิน (หยาง หยิน) àมีหยาง ซึ่งได้มาจากแท่นประหารเซียน ขาดหยิน
7-8 โลหะ (หยาง หยิน) àมีหยาง ซึ่งได้มาจากแท่นประหารเซียน ขาดหยิน
9-10 น้ำ (หยาง หยิน) àมีครบ หยินมาจากแท่นประหารเซียน
หยางได้มาจากการพยายามปรับสมดุลจากเคล็ดดาบคลื่นวารี
สรุปตอนนี้ขาดสองหยิน
หยางเฉินใช้เวลาประมาณสิบวันกับฝึกเคล็ดของทั้งสามอนุภาค ในตอนนี้เขาได้เข้ามาในดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่สมบูรณ์มากขึ้น
วันถัดมา หยางเฉินลองควบคุมทั้งห้าเคล็ดวิชาในการหมุนเวียนไปพร้อมๆกัน
และทำการกระตุ้นและเชื่อมรวมกันของแต่ละเคล็ด ซึ่งมันใช้เวลาค่อนข้างมาก
ในเวลานี้ความน่ากลัวของจิตวิญญาณก็แสดงให้เห็น ผลสรุปของการไหลเวียนของทั้งห้าเคล็ดวิชาไปพร้อมกันมันเป็นเรื่องที่ยากในตอนแรกเพราะสมาธิของเขาต้องแยกไปถึงห้าส่วน
ซึ่งมันยากมาก
หลายต่อหลายครั้งของความพยายามที่ล้มเหลวเพราะเขาไม่สามารถที่จะประสานหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกันได้
หลังจากหยางเฉินได้ทำการบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับสามขั้นแห่งการรู้แจ้ง
ในไม่กี่ครั้ง ด้วยจิตใจและลมปราณที่นิ่งสงบ และอาศัยอยู่บนจิตวิญญาณที่น่ากลัว
หลังจากนั้นไม่นานนัก ในที่สุดเขาก็ประสบการณ์ความสำเร็จที่จะหลอมรวมห้าธาตุเข้าด้วยกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็เป็นไปตามที่คาด ในอีกห้าวันต่อมาหยางเฉินสามารถหลอมรวมหยางห้าธาตุเข้าด้วยกันได้อย่างชำนาญ
หากพูดอย่างจริงจัง สามัญชนที่มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับสอง หากทำการสกัดกลั่นอุปกรณ์เวท
พวกเขาจะต้องถ่ายเทห้าประเภทของพลังทางจิตวิญญาณลงไปที่อุปกรณ์เหล่านั้น พลังจิตวิญญาณที่ถ่ายเทลงไปที่อุปกรณ์สามารถเก็บไว้ได้โดยการลงอักขระปิดผนึกลงไป
พลังจิตวิญญาณที่ถ่ายเทลงไปจะไม่สูญหาย แต่ในท้ายที่สุดพวกมันก็ยังคงมีเพียงห้าประเภทของพลังทางจิตวิญญาณ
ปัญหาของหยางเฉินสำหรับการก้าวเข้าสู่ระดับที่สองจะเป็นห้าเท่าของคนอื่นๆ
แม้จะมีความสะดวกสบายของการหลอมรวมห้าธาตุ แต่มันก็ยังคงต้องใช้เวลามากกว่าปกติถึงสามเท่า
โชคดีที่รากจิตวิญญาณของหยางเฉินถูกเติมเต็มในขณะนี้ และเขาก็ยังสามารถที่จะฝึกฝนพลังจิตวิญญาณของทุกอนุภาคได้
ด้วยสภาพทางกายภาพที่โดดเด่น บวกกับประสบการณ์ที่เหนือธรรมชาติ
เขาสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของเขา หากหยางเฉินไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือจากภายนอก
ความเร็วในการบ่มเพาะในโลกนี้ก็อาจจะช้าไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง
ถึงแม้จะมีความเร็วในการบ่มเพาะที่ช้า
แต่หยางเฉินก็ยากที่จะจัดการหากเทียบกับสามัญชนที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ด้วยการหลอมรวมทั้งห้าธาตุ ในตอนนี้หยางเฉินมีก่อร่างห้าธาตุ*ที่ยอดเยี่ยม สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น
มันมีความสามารถทั้งในรูปแบบของการโจมตีและป้องกัน
TTL:*การก่อสร้างรูปแบบการต่อสู้หลังจากหลอมรวมห้าธาตุหยาง
หยางเฉินเก็บเรื่องการบ่มเพาะพลังเอาไว้ในขณะที่เขาเดินทาง
เขามีพลังจิตวิญญาณที่น้อยเกินไปที่จะเริ่มต้นสกัดกลั่นอุปกรณ์เวท
เขาคนเดียวไม่สามารถที่จะควบคุมกระบี่ที่จะบินแม้ว่าเขาจะได้รับกระบี่บินเมื่อตอนที่เขาอยู่แท่นประหารเซียนเพื่อนำมาใช้ในโลกนี้
หยางเฉินยังไม่สามารถควบคุมมันได้ ส่วนใหญ่ของสามัญชนเมื่ออยู่ในระดับนี้พวกเขามักจะใช้ยันต์
โดยพื้นฐานแล้วพวกมันจะถูกใช้เป็นอาวุธ มันก็อาจจะดีกว่าสิ่งที่มนุษย์ธรรมดามีอยู่เพียงเล็กน้อย
แต่ก็ยังห่างไกลจากระดับของอุปกรณ์เหล่านั้น
ที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้สำหรับการเดินทางมันเป็นยันต์ฟ้าคราม
มันสามารถแบ่งเบาน้ำหนักได้ส่วนหนึ่ง ทั้งยังช่วยให้ไปได้เร็วยิ่งขึ้นและโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก
ตั้งแต่หยางเฉินได้เริ่มต้นที่จะบ่มเพาะพลังตามธรรมชาติ
เขาจะใช้มันเพื่อแก้ปัญหาที่เขาต้องเผชิญหน้า
หยางเฉิน ทำการดึงเอายันต์ออกมา มันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ หยางเฉินไม่ทราบว่าระยะเวลาแสดงผลของยันต์จะนานเท่าไหร่
แต่เขาได้เตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้อย่างเพียงพอสำหรับการสร้างยันต์ ในขณะที่พลังลมปราณของเขาได้ประสบความสำเร็จเล็กๆ
เขาก็เริ่มทำการลงอักขระบนยันต์ในแบบง่ายๆ
หยางเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับยันต์อันแรกที่อยู่ในมือของเขา
หากนักบ่มเพาะพลังได้มาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาแน่นอนจะจ้องมองด้วยตาที่เบิกกว้างและอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจแม้มันจะเป็นยันต์ที่ง่ายที่สุด
แต่ก็ใช่ว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์ในครั้งแรกที่ลองทำ
หยางเฉินขณะนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งและนั่นก็คือว่าเขาสามารถใช้พลังจิตเพียงชนิดเดียวในการสร้างยันต์เวทขึ้นมา
ไม่สำคัญว่ายันต์ประเภทใดที่ต้องการ เพียงแค่ทำให้ขั้นตอนง่ายขึ้น หลังจากที่เขาทำการลงยันต์หมอกฟ้าครามไปมากกว่าสิบในครั้งเดียว
หยางเฉินยังสร้างยันต์อื่นๆรวมๆอีกสิบกว่าชนิดเพื่อนำติดตัวไว้ เช่น ลูกบอลเพลิง
ไม้กายสิทธิ์ ยันต์สามหมื่นคำสาป และอื่นๆ สำหรับการป้องกันตัวเอง
ขณะที่เขาได้ทำการเก็บยันต์ที่เขาได้ทำขึ้นมาไว้ในแหวนแห่งความสำเร็จ หัวใจหยางเฉินจู่ๆก็กระตุกและนึกได้ว่า ท่านศาลอาวุโสสูงสุดได้ยกจักรวาลสมบัติลับที่สามารถเพิ่มคุณสมบัติเพื่อปรับแต่งอุปกรณ์ มันก็น่าจะใช้ได้ผลกับยันต์ที่เข้าสร้างมา?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น