ไม่ได้มีเพียงแค่นักปราชญ์ที่อยู่บนแท่นประหารเซียนเท่านั้น แม้แต่นักโทษที่ถูกตัดสินรายอื่นๆที่รออยู่เบื้องล่างของแท่นประหารก็ยังสั่นหวาดกลัวเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงของหยางเฉิน
ด้วยเคล็ด ‘ฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต’
มันอาจเรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่เป็นอันตรายมากที่สุดในโลกนิรันดร์
ที่แม้แต่สุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิมยังต้องรู้สึกระคายเคืองไปทั่วทั้งร่างกายหากเมื่อโดนฝ่ามือนี้
มันเป็นประสบการณ์ที่ทุกข์ทรมานซึ่งยากจะทนทานได้
เมื่ออาการระคายเคืองถึงจุดสูงสุดของมัน
มันอาจทำให้เจ้าของร่างเการ่างกายของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือทั่วทั้งตัวจนกว่าพวกเขาจะเปียกโชกไปด้วยเลือด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพูดถึงความโหดร้ายจากเมื่อใช้เคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต
มันไม่เพียงแต่สามารถควบคุมได้อย่างอิสระ
แต่ยังมีผลสำคัญในการต่อต้านหรือขัดขวางการบ่มเพาะของนักโทษ
หากคิดที่จะป้องกันการโจมตีจากฝ่ามือนี้ผู้นั้นจำเป็นจะต้องเป็นผู้ฝึกที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าผู้ที่ใช้งานจากฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต
เพื่อจะหาวิธีที่จะกำจัดความเจ็บปวดให้หมดไปไม่งั้นมันจะตามติดพวกเขาไปตลอดชีวิตเหมือนกับหนอนกระดูก
ในชีวิตก่อนหน้านี้
หยางเฉินเคยโกรธเคืองผู้คนจากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์ผ่านคำกล่าวหาของหยางซี
เขาไม่ได้คาดคิดว่านิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่จะเป็นเพียงสาขาย่อยของนิกายสวรรค์ล้ำเลิศในโลกนิรันดร์
และนิกายสวรรค์ล้ำเลิศเป็นส่วนหนึ่งของกำลังหลักในการก่อกบฏกับศาลสวรรค์
เมื่อครั้งที่หยางเฉินมีอำนาจ เขาถูกจับตามองอย่างเฝ้าระวังจากนิกายสวรรค์ล้ำเลิศและพวกเขาเคยใช้เคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขตกับเขา
เพื่อให้เป็นตัวอย่างกับผู้อื่นที่คิดจะต่อต้าน
จากกรณีตัวอย่างเช่นหยางเฉินเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างของคนที่คิดจะต่อต้านและไม่เชื่อฟัง
ในแต่ละเดือนความอดทนของหยางเฉินน้อยลงไปทุกที
และในแต่ละครั้งหยางเฉินจะจมอยู่ในความเจ็บปวด
เขาสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เขามีในโลกนิรันดร์
เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้คน เขาพยายามที่จะฝึกบ่มเพาะของเขา
ในขณะนั้นการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ถูกกีดกันและในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็อยู่ในระดับสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
เคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต
เป็นเคล็ดวิชาโคตรโกงของเหล่าปีศาจและความชั่วร้าย มันมีขอบเขตการฝึก
โดยมีเพียงผู้เชี่ยวชาญของนิกายที่อยู่ในระดับสูงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติที่จะบ่มเพาะฝึกเคล็ดวิชาเหล่านี้ได้
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือบุคคลอื่นไม่สามารถที่จะฝึกมันได้
เคล็ดวิชานี้ถูกนำมาใช้กับหยางเฉินเพื่อที่จะลงโทษเขา
"เจ้าคือใคร? เจ้ารู้จักเคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขตได้อย่างไร?"
นักปราชญ์รู้สึกตกใจ เขาแทบสิ้นหวัง อย่างชัดเจน หยางเฉินไม่ได้มีความต้องการที่จะข่มขู่คนที่รอความตายเหมือนเช่นกรณีของเขา
"ตัวข้าเองได้เคยพูดไว้ว่า
ตัวข้าเองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ที่สามารถควบคุมแท่นประหารเซียนเท่านั้น"
ในขณะที่เขาพูดใบดาบหินในมือของเขาก็กลายเป็นเข็มเล็กเรียวยาว
"ผู้อาวุโส ท่านและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา
แต่ผู้อาวุโสเมื่อแรกคิดจะมุ่งร้ายต่อข้า
และตัวข้าเองก็ต้องการจะแก้แค้นด้วยเคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต
ท่านก็ถือซะว่านี่เป็นผลแห่งกรรมที่ท่านได้ทำต่อข้าก็แล้วกัน"
เนื่องจากหยางเฉินไม่ได้ฆ่านักปราชญ์
หยางเฉินจึงไม่ได้พูดวลีแห่งการฆ่าของเขา เมื่อเขากล่าวเสร็จ
เขาก็นำเข็มเรียวยาวออกมาแล้วขยับมือขึ้นลงซ้ำๆ ไปทั่วร่างกายของนักปราชญ์ นักปราชญ์วัยกลางคนไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากเริ่มต้นคร่ำครวญ
อาการคันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้หายได้
หากเป็นเวลาปกตินักปราชญ์อาจจะใช้มือของเขาเกาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ในตอนนี้เขาอยู่บนแท่นประหารเซียนเขาถูกผูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ นักปราชญ์ที่น่าสงสารเพียรพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะดิ้นรนหาวิธีที่จะหยุดอาการคัน
ในขณะนี้แม้ว่าเขาจะสูญเสียศักดิ์ศรีเขาก็ยังหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเขาเกาเพื่อบรรเทาอาการคัน
แต่น่าเสียดายที่หยางเฉินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
แท่นประหารเซียนพลันปรากฏรัศมีแสงสีทอง
และชายวัยกลางคนก็ถูกส่งออกนอกแท่นประหารเซียน
เสียงของหยางเฉินส่งกระจายออกไปทั่วทั้งแท่นประหาร "ผู้อาวุโสจะถูกปล่อยทิ้งไว้สักระยะเวลาหนึ่งเท่ากับเวลาที่ใช้ในการประหารคนพันคน
ผู้อาวุโสโปรดอดทนรอการประหารของท่าน"
เหล่าเซียนที่ขึ้นมาบนแท่นประหารเซียน
ไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นว่าหยางเฉินทำการลงโทษในรูปแบบนี้
ในตอนนั้นพวกเขาทุกคนก็รู้ว่ามีอันตรายแฝงอยู่ในคำพูดของนักปราชญ์และต่างก็ต้องการที่จะเห็น
หยางเฉินประสบกับความลำบาก แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นเหตุการณ์ในแบบอย่างที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งที่หยางเฉินในชีวิตก่อนหน้านี้ได้รู้เกี่ยวกับสวนสมุนไพร
เหล่าเซียนได้ค้นพบว่ามันค่อนข้างยากที่จะปกปิดสิ่งต่างๆจากเพชฌฆาตในแท่นประหารเซียน
แม้แต่เซียนก็ไม่ต้องการที่จะประสบกับความอับอายก่อนที่พวกเขาจะตาย
แต่วิธีการของหยางเฉินในการทำสิ่งต่างๆ
มันทำให้พวกเขาปรับและยกความคิดที่เคยมีให้ดีขึ้นโดยไม่มีความเกลียดชัง
หยางเฉินเป็นเพียงมนุษย์
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเปลี่ยนศาลสวรรค์
โศกนาฏกรรมของเหล่านักโทษก็เป็นเช่นเดียวกับที่ หยางเฉินกล่าวไว้ ‘ทุกคนมีหนี้ก็ต้องเป็นลูกหนี้’ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันไม่เกี่ยวข้องกับหยางเฉิน
ในกรณีของนักปราชญ์วัยกลางคน
หยางเฉินได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่านักปราชญ์เป็นคนแรกที่แต่งเรื่องและตั้งใจที่จะฆ่าเขาและหยางเฉินก็ไม่ได้สนใจในเศษของผลแห่งกรรมใดๆที่จะตามมา
ทุกคนไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนอีกมากมายที่ถูกฆ่าตายบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
ไม่มีใครรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเกี่ยวกับวิธีการจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้
อาจจะมีข้อยกเว้นก็แต่กรณีของนักปราชญ์
ปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามลำพังหากพวกเขาต้องการที่จะละทิ้งความปราถนาของพวกเขาไว้เบื้องหลัง
ในเมื่อหยางเฉินไม่ได้บังคับพวกเขา แต่ถ้าหากพวกเขามีความปราถนาและร้องขอความช่วยเหลือ
หยางเฉินก็พร้อมจะตอบสนองความต้องการของพวกเขาในแบบที่พวกเขาต้องการ
โดยไม่ทำให้ใครต้องลำบาก คนที่ไม่มีความปรารถนาใดๆที่จะพูดออกมาก็ปล่อยพวกเขาไป
สำหรับคนที่อยากจะตายแล้วถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวเมื่อพวกเขามีชีวิตที่นานกว่าที่พวกเขาควรจะมี
เหล่าเซียนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิตและความตายเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหากพวกเขาต้องการที่จะอยู่พวกเขาก็ควรจะก้มหัวของพวกเขาและยอมจำนนก่อนเข้าสู่แท่นประหารเซียน
เนื่องจากพวกเขาได้เข้ามาอยู่ในแท่นประหารเซียนแล้วนั่นหมายถึงพวกเขาได้เลือกเส้นทางของพวกเขาแล้ว
มันได้ผ่านช่วงเวลาที่จะสามารถปฏิเสธการมีอยู่ของชีวิตหรือความตายมานานมาแล้ว ในสายตาของพวกเขา...ใครช่างกล้าที่จะเล่นตลกกับหยางเฉิน?
หยางเฉินสามารถคาดเดาสิ่งนี้ได้อย่างถูกต้องและนั่นถึงทำให้เขายังคงสงบไม่พลุ่งพล่านไปตามกระแส
มันไม่สำคัญว่าจะเปิดใจเกี่ยวกับชีวิตและความตายได้อย่างไร เพราะในที่สุดทุกชีวิตย่อมมีความปราถนาที่ไม่อาจสมปราถนาอยู่บ้างและนี่ก็เป็นอำนาจจากคำพูดของหยางเฉิน..."หากยังมีบางความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จบางทีตัวข้าเองอาจสามารถช่วยให้พวกเขาได้สมดังหวัง"
อย่างน้อยผลจากคำเหล่านั้นก็คืออย่างน้อยกึ่งหนึ่งของนักโทษที่ถูกตัดสินบนแท่นประหารเซียนได้กล่าวถึงความปรารถนาของพวกเขาเพื่อให้หยางเฉินได้กล่าวถึงผลตอบแทน
"นิกายของข้าได้เสื่อมโทรมลงไปแล้ว หากมีโอกาส
เจ้าได้โปรดช่วยดูแลพวกเขา! ข้ามี น้ำหยินเร้นลับในปริมาณที่มากมาย น้ำนี้สามารถก่อกำเนิดปราณ
ได้โปรดช่วยทำให้ความปรารถนาของข้าสำเร็จด้วย!"
......
"ข้ารู้เกี่ยวกับสายแร่ของหินจิตวิญญาณมันมีอยู่ในหุบเขารกร้างดินแดนที่ยากจะมีมนุษย์เหยียบย่างเข้าไป
มันเต็มไปด้วยปีศาจชั่วร้ายเป็นจำนวนมาก ข้าคาดว่ามันจะยังไม่ถูกค้นพบ
ข้าจะให้มันกับเจ้า!"
......
"เมื่อตอนที่ข้ามีอำนาจ ข้าได้หล่อหลอมกระบี่บินนับหลายสิบสำหรับศิษย์น้องของข้า
แต่หลังจากที่ข้าได้ขึ้นครองอำนาจ พวกเขาก็ยังไม่สามารถค้นพบพวกมัน
เจ้าเอาพวกมันไปได้! กระบี่บินเหล่านี้มันเป็นผลของความพยายามของข้าทั้งหมดก่อนที่ข้าจะมีอำนาจ
เจ้าจงอย่าได้ปล่อยให้พวกมันอย่างไร้ประโยชน์"
......
ใจของหยางเฉินพลุ่งพล่านเหมือนน้ำเดือด เขาทำการจารึกความปรารถนาสุดท้ายและผลตอบแทนทั้งหลายจากเหล่าเซียน
บางเรื่องเขาเห็นด้วยและยอมรับทำเช่น การดูแลลูกหลาน
บางคนก็ต้องการให้เขาฆ่าคนในกรณีนี้เขาจะต้องพิจารณาก่อนหากพบว่าพวกมันเป็นศัตรูของเขา
เขาก็เห็นด้วยและถ้าพวกเขาไม่ได้เป็น เขาอาจจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำการตกลงไป
เมื่อผ่านไปมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนหยางเฉินจะเห็นด้วยที่จะทำมากเท่านั้น
เหล่าเซียนก่อนหน้านี้มีความปรารถนาอยากฆ่าคนแต่เมื่อเห็นหยางเฉินสั่นหัวของเขาเพื่อปฏิเสธที่จะทำ
เมื่อพวกเขาใกล้ความตายมากขึ้นสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลังก็จะสูญเสียเปล่า
มันชัดเจนไปถึงหัวใจ พวกเขาทำการมอบทุกสิ่งที่พวกเขามีเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
เพื่อโอกาสที่จะได้พบกับความตายโดยไม่ได้รับความทรมาน
ก่อนที่หยางเฉินจะฆ่าในแต่ละครั้ง
หยางเฉินมักจะกล่าววลีแห่งการฆ่าของเขา "ทุกคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้..." และหลังจากการประหารอย่างเงียบๆ
เขาจะใช้วิถีมารเฒ่าอี้ในการดูดซึมซับกระแสแก่นชีวิตของบรรดาเซียนทั้งหลายเข้าสู่ร่างกายของเขา
มันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เหล่าเซียนได้ทิ้งไว้เบื้องหลังให้กับเขา โดยที่เหล่าเซียนไม่อาจรับรู้ได้เลย
เหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและหยางเฉินไม่ได้มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยไม่ได้พักหยางเฉินทำการประหารไปเป็นจำนวนมากรวมทั้งนักปราชญ์ที่เขาได้ใช้เคล็ดฝ่ามือเซียนปีศาจไร้ขอบเขต
เบ็ดเสร็จมากกว่าครึ่งหนึ่งของนักโทษในบริเวณแท่นประหารเซียนได้กลายเป็นหมอกสีแดงคล้ายกับเลือดแผ่รัศมีรอบตัวของหยางเฉิน
ถึงแม้ว่าร่างกายของเขายังคงไม่ได้มีร่องรอยของการใช้พลังเวท
แต่หยางเฉินยังคงรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา
ราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างภายในตัวเขาได้งอกและกำลังเติบโตอย่างแข็งแรงและสมบูรณ์
ส่วนคะแนนความสำเร็จของเขา หยางเฉินพบว่าเขาได้มาหนึ่งพันล้านแต้ม
สำหรับหยางเฉินแล้ว นี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากแม้ว่าคะแนนความสำเร็จเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ในโลกมนุษย์
หากทันทีที่เขาขึ้นสู่โลกแห่งจิตวิญญาณพวกมันสามารถนำมาใช้แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่ดีจำนวนมากได้
"หื้ม...?" ที่ไหนสักแห่งในโลกนิรันดร์
เจ้าหน้าที่ผู้ที่ได้นำหยางเฉินเข้าไปในแท่นประหารเซียน
เขาดูเหมือนจะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเขาสักเกตดู เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
"มันคง...ในเร็วๆ นี้?" หลังจากที่เขาพูดก็ดูเหมือนว่าเขารู้ตัวและทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรจะทำ
เขาโบกมือไปทางข้างหลังของเขา "ส่งนักโทษกลุ่มอื่นเข้าไป"
หยางเฉินเพียงแค่ดื่มน้ำและพักผ่อน แต่จู่ๆเขาก็ค้นพบว่าแท่นประหารเซียนที่เคยว่างเปล่าปราศจากนักโทษเซียน
กลับมาเต็มไปด้วยเหล่าเซียนที่มากขึ้น บรรดาเหล่าเซียนกำลังทยอยถูกส่งเข้าไปภายในแท่นประหารเซียนอย่างต่อเนื่อง
หยางเฉินได้ทำการดูดซึมคุณสมบัติที่ดีที่สุดของพลังเซียนในก่อนหน้านี้
เขาเลยไม่รู้สึกเหนื่อยเพียงใดนัก เขาเพียงแต่ทำตามจังหวะแนวทางของตัวเองอย่างช้าๆ
รินน้ำที่อยู่ในชามอย่างช้าๆ แล้วปีนขึ้นไปบนแท่นประหารเซียนด้วยก้าวที่มั่นคง
บั่นหัวราชันย์!
บั่นหัวเจ้าภูเขา!
บั่นหัวทหารสวรรค์!
บั่นหัวผู้ชายที่แข็งแกร่ง!
บั่นหัวสาวงามแห่งพระราชวัง!
บั่นหัวเด็ก!
......
"ก่อนที่ร่างกายของท่านจะจบสิ้นลง
หากผู้อาวุโสมีความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ ข้าอาจจะสามารถช่วยให้ท่านบรรลุความต้องการหนึ่งหรือสองอย่างได้"
หยางเฉินพูดคำเดียวกัน แต่มีรสชาติของความตายแผ่ซ่านออกมา
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา
ที่นี่เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง โปรดให้อภัยข้า!"
หยางเฉินไม่อาจทราบได้ว่าเขาได้พูดวลีแห่งความตายไปมากแล้วกี่ครั้ง
ทำงานดั่งเพชฌฆาต ฆ่านักโทษทั้งหมดในหนึ่งวัน
"ฟู่วว" ข้างนอกของ
แท่นประหารเซียน หลังจากที่ผู้บังคับบัญชาได้ค้นพบว่า หยางเฉินได้ฆ่าเซียนไปทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง
เขาพลันรู้สึกเย็นไปถึงสันหลัง นักโทษเซียนมากกว่าสองพันราย! ได้ถูกฆ่าโดยหยางเฉินในระยะเวลาอันสั้น แม้แต่ตัวข้าเองถ้าต้องเผชิญกับความเป็นเซียนจำนวนมากขนาดนั้น
ก็อาจจะไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างที่เขาทำ
ในความเป็นจริง หากหนึ่งเซียนได้เผชิญหน้ากับเหล่าเซียนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าภูเขา
ราชันย์และแม้แต่ทหารสวรรค์ พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความสำคัญใดๆ
ความสามารถที่แท้จริงของการฆ่าคือการฆ่าโดยไม่ต้องลังเลแม้แต่น้อย
และดูเหมือนหยางเฉินจะเกิดมาเพื่อที่จะเป็นเพชฌฆาต
นักโทษอีกกลุ่มหนึ่งถูกส่งเข้าไปในแท่นประหารเซียน
หยางเฉินรู้โครงสร้างรูปแบบการทำงานของแท่นประหารเซียนตั้งแต่ในชีวิตก่อนหน้าของเขา
ในแต่ละครั้งกลุ่มของนักโทษจำนวนหนึ่งพันสองร้อยรายจะถูกส่งเข้าไปที่แท่นประหารเซียนเมื่อกลุ่มก่อนหน้าได้ถูกประหารไปทั้งหมด
กลุ่มนักโทษถัดไปจะถูกส่งเข้าไปเรื่อยๆตามรูปแบบของมัน ระดับของพวกเขาถือว่าอยู่ในระดับล่างที่ไม่มีความสำคัญอันใด
หยางเฉินได้ฆ่าพวกเขาไปมากกว่าสิบกลุ่ม เป็นจำนวนเกือบสองหมื่นราย
การประท้วงหรือการต่อต้านศาลสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
แม้แต่กบฏผู้มีความแค้น พวกเขาไม่กล้าที่สังหารหมู่อย่างไม่พิจารณา เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้เสียใจ
ผู้คนจำนวนมากจะปฏิบัติกับผู้อาวุโสเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
เหล่านักโทษที่ถูกจับกุมจึงถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมากเพื่อรอหยางเฉินทำการประหาร
หมอกโลหิตจางๆยังมีอยู่รอบๆตัวของหยางเฉิน
มันเป็นผลมาจากความหนาแน่นของปราณโลหิตหลังจากที่ฆ่าคนมาจำนวนมาก
แม้ว่าหยางเฉินได้ดูดซึมแก่นชีวิตของพวกเขา
แต่เขาไม่สามารถหาวิธีในการสลายพายุของเจตจำนงแห่งการฆ่าที่มาจากการฆ่าเซียนจำนวนมากในเวลาที่รวดเร็วได้
หลังจากการฆ่า เขาได้สูญเสียพลังเวทของเขาทั้งหมด ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นเซียนเหล่านั้นก็ยังคงตัวสั่นต่อหน้าเขาอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะมองดูหยางเฉิน
ราวกับว่าความรู้สึกหวาดกลัวของพวกเขามันแสดงออกมาอย่างไม่เสแสร้ง
เมื่อฆ่าหมดทั้งกลุ่มแล้วทำการพักผ่อนเล็กน้อย ในที่สุดหยางเฉินก็เห็นความแตกต่างของนักโทษ
จากวิธีที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติ เขาเห็นได้ว่าคะแนนความสำเร็จของเซียนเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"สามสิบหกวิญญาณสวรรค์ เจ็ดสิบสองปีศาจร้าย
ยี่สิบแปดสำนัก สิบสองสาขาโลก!" หยางเฉินได้แต่ถอนหายใจ
แต่เดิมพวกเขาต่างอยู่ห่างไกลกัน แต่มาในตอนนี้พวกเขากลายมาเป็นนักโทษที่รอการตัดสินอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
"ก่อนที่ร่างกายของท่านจะจบสิ้นลง
หากผู้อาวุโสมีความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ
ข้าอาจจะสามารถช่วยให้ท่านบรรลุความต้องการหนึ่งหรือสองอย่างได้" หมอกโลหิตแผ่กระจายรอบๆตัวเขา หยางเฉินพูดวลีเหล่านี้แน่นอนมันทำให้เหล่าเซียนตระหนก
มีเซียนเป็นจำนวนมากเท่าไหร่แล้วที่เขาต้องฆ่าเพื่อสร้างเจตจำนงแห่งการฆ่า
ที่แม้แต่เซียนระดับนี้ก็ยังต้องกลัว?
น่าแปลกใจที่เซียนที่มีระดับสูง
ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าจะสนใจเรื่องทุกข์ร้อนของพวกเขามากขึ้น
คำพูดของหยางเฉินจึงดูเหมือนจะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับพวกเขา
"ข้ามีทีเด็ด มันคือ กุญแจแห่งความจริง
ช่วยข้าหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมเพื่อรับมอบมันไป!"
"ข้ามีที่พำนักลับ อยู่ที่โลกมนุษย์
บริเวณหุบเขาฟ้าคราม วิธีการควบคุมมันเป็นอย่างนี้... "
"ก่อนที่ข้าจะมีอำนาจขึ้นมา ข้ามีชีพจรไม้หยินสวรรค์
ข้าเก็บมันไว้ในที่พำนักของข้า ถ้าเจ้ามีเวลาก็โปรดไปเอามัน หากมีการใช้งานร่วมกับเคล็ดวิชาลับไม้หยินสวรรค์
มันจะส่งผลกระทบอย่างยากที่จะอธิบายออกมาได้ แค่เพียงแต่เจ้าหาช่วยข้าหาสาวกของข้าจากฝั่งทางโลกแห่งจิตวิญญาณและนำทักษะจักรวาลกระบี่ไร้ขอบเขตให้กับพวกเขา
แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถหาพวกเขาพบ มันก็จะเป็นของเจ้า! อะ!"
"ข้าสะสมคัมภีร์โอสถไว้มากมายหากเจ้าพบคนที่มีบุญวาสนาก็จงมอบพวกมันให้กับพวกเขาด้วย!"
"เรามี สุดยอดค่ายกลผู้พิทักษ์สิบสองราศี มันต้องใช้คนทั้งหมดสิบสองคนเพื่อใช้ค่ายกลนี้
พวกเราขอมอบมันให้เจ้าเผื่อเจ้าจะได้ใช้มันป้องกันสำนัก!"
“สุดยอดแผนผังกลุ่มดาวสวรรค์ มันเป็นแผนผังภาพ
เจ้าไม่จำเป็นต้องถามว่ามันมีความสามารถแค่ไหน ข้าขอมอบมันให้กับเจ้า!"
“เคล็ดวิชากลั่นสมบัติจิตวิญญาณสวรรค์ มันสามารถปรับแต่งสมบัติของเจ้าได้อย่างอิสระ
สำหรับเจ้า หากเจ้าไม่ต้องการก็ทิ้งมันไป"
“เคล็ดวิชาก่อร่างปีศาจปฐพี ถ้าเจ้าโชคดี
มันสามารถปรับแต่งเครื่องมือวิเศษได้ถึงเจ็ดสิบสองขั้น โปรดรับมัน!"
......
อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชา ทักษะ อักขระอาคม ทักษะปรุงยา
กลั่นสกัดปรับแต่งอาวุธ และที่พำนักลับ จำนวนมากมาย มันทำให้หยางเฉินไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อว่าคนเหล่านี้มีสิ่งที่ดีมากมายเหล่านี้อยู่จริง
นอกจากนี้เขายังสามารถตรวจสอบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริงทั้งหมดจากความทรงจำของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุดยอดค่ายกลผู้พิทักษ์สิบสองราศี มันเป็นเคล็ดที่เรียบง่ายและสามารถพัฒนาความสามารถส่งเสริมยกระดับได้แม้แต่สวรรค์
อีกครั้งอย่างต่อเนื่องการประหารเซียนนับหลายสิบ
การประหารระดับแม่ทัพสวรรค์ก็ไม่มีอะไรที่สำคัญ เมื่อมีการประหารสิบสองราศี
หยางเฉินสุ่มพบว่าคะแนนความสำเร็จของเขาก็เริ่มที่จะปีนขึ้นไปเป็นร้อยล้านแต้ม
เมื่อเขาได้ทำกับยี่สิบแปดกลุ่มดาว*เขาได้ค้นพบว่าแต้มของเขาอยู่ที่หนึ่งล้านล้านแต้ม
TTL: ยี่สิบแปดกลุ่มดาวนั้นจะประกอบไปด้วยกลุ่มดาวใหญ่ สี่กลุ่มดาวหรือสัตว์สี่ทิศที่ศาสตร์ฮวงจุ้ยคุ้นเคยกันดี
ได้แก่
กลุ่มดาวกระเรียนแดงทิศใต้ ธาตุไฟ
(ขาดธาตุดิน คนจีนจะเรียกตรงกลางว่ามังกรเหลืองซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์
ธาตุดิน อยู่ตรงกลางพอดิบพอดี)
อ้างอิง: http://www.zhongtai.org/forum/index.php?topic=423.0
ที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับหยางเฉินก็คือแก่นชีวิตของยี่สิบแปดกลุ่มดาว
พวกเขาแต่ละคนดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันทั้งห้าธาตุและคุณสมบัติของหยินหยาง ขณะที่ดูดซึมแก่นชีวิตของพวกเขาดูเหมือนว่าเขาสามารถรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังแตกหน่อและเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ภายในตัวเขา
มันยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
"ว้า" หลังจากเวลาผ่านไปนาน
หยางเฉินเสร็จสิ้นการดูดซับและเปิดตาของเขาขึ้น
ขณะนี้เขาเข้ามาอยู่ในทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยฝูงของสัตว์ประหลาดมากมายหลายชนิด
ดูเหมือนมันจะมีอยู่ทุกประเภท
เห่าฟ้า สุนัขสวรรค์ของเอ้อหลางเสิน กวางดาวของเทพโช
นกกะเรียนอมตะ กระต่ายหยก กวาง เสือบิน งูเต่า แม้แต่มังกรน้ำ
ไม่กี่ชนิดที่หยางเฉินจำได้ พวกมันอาศัยอยู่ที่นี่เป็นสัตว์เลี้ยงและพาหะของเซียน
"อาจารย์ของข้ามีลูกท้ออมตะ และข้าก็มีลูกหนึ่ง!"เจ้ากวางดาวของเทพโช จู่ๆก็พูดขึ้นทำให้หยางเฉินอดที่จะตกใจและกระโดดออกไปไม่ได้
"นานมากแล้ว ข้าเก็บลูกท้อไว้ในที่พำนักในโลกจิตวิญญาณ เจ้าสามารถลิ้มรสมัน
ถ้าเจ้ามีเวลา มันอร่อยนะ"
เห่าฟ้า หมาสวรรค์ของเทพเอ้อหลาง กวางดาวกับเทพโช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น