"นั่น...เจ้านั่นเอง?" เสียงดังมาจากในหมู่ฝูงชนของเหล่านักโทษ มันเป็นเสียงแสดงความประหลาดใจเมื่อหยางเฉินปรากฏตัว
หรืออาจจะมีคนจากโลกนิรันดร์ยังจดจำเขาได้?
"ใคร...ใครที่พูด?" หยางเฉินชี้ไปในทิศทางของเสียง และในขณะที่เขาพูดชายชราในชุดสีเทาที่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนาก็ปรากฏตัวขึ้นบนแท่นประหารเซียน
เมื่อถึงแท่นประหารเซียน ร่างของชายชรานั่งหมอบคลานอยู่กับพื้นเพื่อรอให้หยางเฉินทำการลงดาบ การที่เพชฌฆาตเข้าสู่แท่นประหารเซียนนั้นมีมานานตั้งแต่การเสื่อมโทรมของการบ่มเพาะพลัง และแม้กระทั่งมนุษย์เฉกเช่นหยางเฉินก็สามารถทำสิ่งที่เขาปราถนาเพื่อให้พวกเขาได้อยู่บนแท่นประหารเซียน
"หลายเดือนที่ผ่านมา เจ้าได้ขุดหีบโลหะในวัดร้างของข้า และเจ้าได้แสดงความเคารพต่อข้า เจ้าจำได้หรือไม่?" เสื้อผ้าที่ชายชราสวมใส่มีรอยฉีกขาดมันดูขัดแย้งกับสถานะของเขาเล็กน้อย "มันยากที่จะมีใครไปที่นั่นและยากนักที่ใครจะเคารพข้า นั่นจึงทำให้ข้าจำเจ้าได้อย่างชัดเจน"
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา หยางเฉินเข้าใจได้ว่าชายชราคนนี้เป็น ‘ท่านเจ้าที่’ ที่วัดร้าง สถานะระดับของท่านเจ้าที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าดีเยี่ยมหรือขั้นรองลงมา หรืออาจจะบอกได้ว่ามันแทบจะไม่ได้ผ่านการเป็นเซียนเลย
"นั่น...เป็นเจ้านั่นเอง!" หยางเฉินยิ้มรับ แต่ไม่ได้รีบร้อนที่จะแกว่งใบดาบ อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพชฌฆาตเฉพาะที่นี่ ที่แท่นประหารเซียนแห่งศาลสวรรค์ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเวลา มันก็ขึ้นอยู่กับหยางเฉินเมื่อเขาต้องการที่จะทำการประหาร
"นั่น...เจ้านั่นเอง?" เสียงดังมาจากในหมู่ฝูงชนของเหล่านักโทษ
มันเป็นเสียงแสดงความประหลาดใจเมื่อหยางเฉินปรากฏตัว
หรืออาจจะมีคนจากโลกนิรันดร์ยังจดจำเขาได้?
"ใคร...ใครที่พูด?" หยางเฉินชี้ไปในทิศทางของเสียง
และในขณะที่เขาพูดชายชราในชุดสีเทาที่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนาก็ปรากฏตัวขึ้นบนแท่นประหารเซียน
เมื่อถึงแท่นประหารเซียน ร่างของชายชรานั่งหมอบคลานอยู่กับพื้นเพื่อรอให้หยางเฉินทำการลงดาบ
การที่เพชฌฆาตเข้าสู่แท่นประหารเซียนนั้นมีมานานตั้งแต่การเสื่อมโทรมของการบ่มเพาะ
และแม้กระทั่งมนุษย์เฉกเช่นหยางเฉินก็สามารถทำสิ่งที่เขาปราถนาเพื่อให้พวกเขาได้อยู่บนแท่นประหารเซียน
"หลายเดือนที่ผ่านมา
เจ้าได้ขุดหีบโลหะในวัดร้างของข้า และเจ้าได้แสดงความเคารพต่อข้า เจ้าจำได้หรือไม่?"
เสื้อผ้าที่ชายชราสวมใส่มีรอยฉีกขาดมันดูขัดแย้งกับสถานะของเขาเล็กน้อย
"มันยากที่จะมีใครไปที่นั่นและยากนักที่ใครจะเคารพข้า
นั่นจึงทำให้ข้าจำเจ้าได้อย่างชัดเจน"
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา หยางเฉินเข้าใจได้ว่าชายชราคนนี้เป็น ‘เจ้าภูเขา’
ที่วัดร้าง สถานะระดับของเจ้าภูเขาไม่สามารถเรียกได้ว่าดีเยี่ยมหรือแม้แต่ขั้นรองลงมา
หรืออาจจะบอกได้ว่ามันแทบจะไม่ได้ผ่านการเป็นเซียนเลย
"นั่น...เป็นเจ้านั่นเอง!" หยางเฉินยิ้มรับ แต่ไม่ได้รีบร้อนที่จะแกว่งใบดาบ
อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพชฌฆาตเฉพาะที่นี่ ที่แท่นประหารเซียนแห่งศาลสวรรค์ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเวลา
มันก็ขึ้นอยู่กับหยางเฉินเมื่อเขาต้องการที่จะทำการประหาร
"เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าสามารถทำสิ่งที่น่าอายอย่างนี้ได้อย่างไร?"
เจ้าภูเขาเฒ่า รู้สึกไม่พอใจ ทำการตำหนิหยางเฉินด้วยเสียงอันดัง
"ท่านก็รู้ว่า ข้าเป็นมนุษย์
ข้าจะสามารถตัดสินใจกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ด้วยตัวของข้าเองได้อย่างไร?” หยางเฉินลูบใบดาบหินในมือของเขาอย่างเบาๆช้าๆ
ขณะที่ให้คำตอบอย่างไม่ใคร่จะสนใจ
คำถามอะไรกันที่สามารถที่จะถามได้ เขาช่างไม่ได้มีสมองที่จะคิด
มันก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเป็นได้แค่ ‘เจ้าภูเขา’
ที่วัดร้างในเมื่อเขาชอบอวดรู้เป็นซะส่วนมาก และเป็นเจ้าภูเขาที่ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
"ต่อต้านศาลสวรรค์ มันช่างน่าอายนัก!"
เจ้าภูเขาเฒ่า ก็ยังคงพูดกับตัวเอง
แต่เขายังคงพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกับตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกล่าวคำว่า
"น่าอาย" เขาพูดมันออกมาอย่างต่อเนื่อง
"‘ญัตติ (ข้อเสนอต่อที่ประชุม)’ ของสวรรค์จะเหมือนกันอยู่เสมอในทุกๆที่
แต่กับกฎหมายของสวรรค์จะไม่เหมือนกันมันมีความแตกต่างกันออกไป" หยางเฉินไม่เห็นความสำคัญอันใดที่จะโต้เถียงกับเจ้าภูเขาเฒ่า
เขาเพียงแต่ให้เหตุผลของเขาเอง
"คนผู้หนึ่งสามารถดำรงในตำแหน่งที่สำคัญของศาลสวรรค์เป็นเวลาหลายปี
เนื่องจากกฎหมายสวรรค์ไม่ได้เหมือนเดิมแล้วมันควรหรือที่จักรพรรดิจะต้องเป็นเขาคนเดียวเสมอ?
‘พระราชชนนีแห่งสวรรค์ตะวันตก’*ก็ยังเป็นของเธอคนเดียวเสมอ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มีอำนาจ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีระดับบ่มเพาะที่สูงขนาดไหนพวกเขาก็สามารถเป็นได้แค่เพียงบริวารทหารสวรรค์
หรือแม่บ้านของราชวัง ถ้าหากเป็นข้า
ข้าจะต่อต้านแม้ว่าใครๆจะบอกกับตัวข้าว่ามันทำไม่ได้!"
TTL:** The Queen Mother of the West (พระราชชนนีแห่งสวรรค์ตะวันตก
หรือ ซี หวาง หมู่ (Xi Wang Mu) หรือ หวาง หมู่ เหนียง
เหนียง (Wang Mu Niang Niang))
ทรงเป็นพระมเหสีของเง็กเซียนฮ่องเต้ สำหรับสาเหตุที่พระนางได้รับการเรียกขานว่า
“พระราชชนนีแห่งสวรรค์ตะวันตก“ เนื่องจากพระนางทรงปกครองสวรรค์ของเซียนทางด้านทิศตะวันตกในเทือกเขาคุนหลุน
(KUNLUN) ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาทางทิศตะวันตกของประเทศจีน
ที่กล่าวกันว่าเป็นแดนสวรรค์ของเหล่าเซียน
ชาวจีนส่วนใหญ่นิยมบูชาพระราชชนนีแห่งสวรรค์ตะวันตก
เพราะมีความเชื่อว่าพระนางคือเจ้าแม่แห่งชีวิตและการเป็นอมตะ
รวมทั้งความสุขนิรันดร์
และพระนางยังทรงเป็นเทพที่ทรงอิทธิพลในสวรรค์ตามตำนานของจีนด้วย
Credit: Google. https://web.facebook.com/viharnrasien
นี่คือเหตุผลของคนเหล่านั้นเมื่อต่อต้านศาลสวรรค์และเป็นธรรมดาที่หยางเฉินจะรู้เกี่ยวกับมัน
แม้ในขณะที่เขาพูด เขารู้ว่าเขากำลัง ‘เล่นพิณให้วัวฟัง’
*
TTL: * playing the lute for cows (เล่นพิณสำหรับวัว)
=เล่นพิณให้วัวฟัง =สีซอให้ควายฟัง
"น่าอาย! น่าอาย!" นอกจากได้ฟังคำเหล่านี้เจ้าภูเขาเฒ่าก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรผ่านความโกรธของเขาออกมาได้
"การก่อจลาจลไม่ว่าจะเล็กหรือจะใหญ่
มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ
ข้าไม่อาจที่จะสนใจในเรื่องจำนวนมากๆได้" หยางเฉิน
ยิ้มอย่างใจเย็นขณะที่บอกกับเจ้าภูเขาเฒ่า "ก่อนที่ร่างกายของท่านจะจบสิ้นลง
หากผู้อาวุโสมีความปราถนาที่ยังไม่สำเร็จ
ข้าอาจจะสามารถช่วยให้ท่านบรรลุความต้องการหนึ่งหรือสองอย่างได้"
"ความปราถนารึ?" เจ้าภูเขาเฒ่าจ้องมองออกไปอย่างใจลอย
แล้วทำการสาปแช่งในทันที "ความปราถนาของข้าคือการประหารโจรกบฏเป็นหมื่นๆชิ้น!"
"หากจะต่อต้านพวกโจรกบฏก็จงอย่าเหมารวมเอาข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ข้าอาจจะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในบางส่วนของความตั้งใจของท่าน" หยางเฉินยิ้มอย่างใจเย็นเขาไม่สนใจกับการแสดงออกของเจ้าภูเขาเฒ่า
"แน่นอนท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าการฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นสิ่งที่ข้าสามารถช่วยท่านได้ มีเพียงความปราถนาในการฆ่าแค่นี้หรือที่ท่านต้องการให้ตัวข้าทำในนามของท่าน...ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่ข้าจะได้รับจากจากการที่ข้าช่วยท่าน?"
หยางเฉินพูดออกไปด้วยเสียงอันราบเรียบ
"อะ?" เจ้าภูเขาเฒ่าไม่คาดว่าหยางเฉินจะตอบออกมาในลักษณะนี้
และเขาพยายามที่จะยกหัวของเขาขึ้นมาเพื่อที่จะมองไปยังหยางเฉิน เขาถามหยางเฉินกลับไปด้วยความไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยินมา
"เจ้า...เจ้าพูดจริงรึ?"
"ในปัจจุบันนิกายบ่มเพาะทั้งหลาย
มันมีความสัมพันธ์กันระหว่างโลกนิรันดร์และโลกมนุษย์อย่างยากที่จะตัดขาด
ตัวข้าเองก็มีข้อข้องใจกับนิกายสวรรค์ล้ำเลิศ การฆ่าคนบางคนจากเหล่าสาวกในนิกาย
มันเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว" หยางเฉินกล่าวอย่างจริงจัง
"ตัวข้าเองได้กล่าวสาบานไว้ในหัวใจของข้าว่าจะฆ่าคนของนิกายสวรรค์ล้ำเลิศ
ถ้าท่านไม่มีความปรารถนาสุดท้ายอื่นใดอีก
ท่านเบาใจได้ในความต้องการของท่านย่อมได้รับการสนอง!"
"ตั้งแต่ที่เจ้ากล้าสาบานด้วยหัวใจของเจ้า
ข้าก็จะเชื่อเจ้าในครั้งนี้!" เจ้าภูเขาเฒ่าไม่เคยคิดเลยว่ามนุษย์เฉกเช่นหยางเฉินจะรู้มากเกี่ยวกับเรื่องภายในของศาลสวรรค์และเขาเชื่อเมื่อได้ยินเสียงคำปฏิญาณของหยางเฉิน
"หากเจ้ามีโอกาสที่จะออกจากแท่นประหารเซียนแล้วให้ไปที่วัดร้างของข้า
ภายใต้พื้นดินในบริเวณด้านหน้าของแท่นบูชามันจะมีหินจิตวิญญาณอันชั่วร้ายของข้าซ่อนอยู่
ข้าได้รับความลำบากมาตลอดครึ่งชีวิตของข้าและมันคือสิ่งที่ข้าได้ทิ้งไว้เบื้องหลังก่อนที่จะจากมา
ข้าขอมอบมันให้กับเจ้า! ทำหน้าที่ของเจ้าซะ!"
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา ที่นี่เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
โปรดให้อภัยข้า!" หยางเฉินยืนขึ้นและพูดวลีเหล่านี้กับเจ้าภูเขาเฒ่า
ทันทีหลังจากนั้นโดยไม่มีความลังเลใดๆ มือของเขายกสูงขึ้นและลดใบดาบหินลง เจ้าภูเขาเฒ่าล้มลงกับพื้นในทันที
เลือดพุ่งออกมา แต่มันไม่อาจสัมผัสโดนร่างกายของเฉินหยางได้แม้แต่น้อย
‘ฟู่วว...’ เขาลากลมหายใจยาว
วิถีมารเฒ่าอี้เริ่มหมุนเวียนอีกครั้ง
อย่างรวดเร็วเขาทำการดูดซับกระแสแก่นชีวิตของเจ้าภูเขาเฒ่า
กระแสอันอบอุ่นไหลเข้าสู่ภายในร่างกายของเขาตั้งแต่ด้านบนของศีรษะของเขา
หลังจากนั้นอย่างรวดเร็วมันหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปหลายทิศทางตามขั้นตอนของการบ่มเพาะ
ไหลไปตามเส้นลมปราณทั้งหลาย แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มันอาจไม่ได้ผลสำเร็จเช่นนี้หากหยางเฉินทำการฆ่าหลายร้อยปุถุชน
หยางเฉินปิดตาของเขาลงจนกระทั่งความร้อนได้หายไป เขาเปิดตาอีกครั้ง
ทันทีเขารู้สึกได้ว่าบางสิ่งบางอย่างของแหวนบนนิ้วมือของเขาได้เปลี่ยนไป ผ่านทางความคิดเขาค้นพบว่าคะแนนค่าความสำเร็จบนตัวเรือนแหวนได้เปลี่ยนแปลงแล้วมันเปลี่ยนจากศูนย์ไปหลายร้อยหลายพัน
หัวใจของเฉินหยางกระตุก แหวนวงนี้เป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งศาลสวรรค์
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังบันทึกค่าความสำเร็จ ในการประหารเจ้าภูเขามันได้ยกค่าความสำเร็จขึ้นจากปกติที่ควรจะเป็น
มันน่าจะเกี่ยวกับข้อเสนอในการฆ่าพวกกบฏอย่างแน่นอน
เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพิ่มขึ้นสำหรับกฏในศาลสวรรค์ และกฎของความสำเร็จที่ได้เปลี่ยนแปลงไป
การฆ่าด้วยความยุติธรรมมันจะสามารถเพิ่มคะแนนความสำเร็จ อย่างเช่นในตอนนี้ที่หยางเฉินได้รับ
เพียงไม่กี่แสนนักโทษไม่สามารถเรียกว่ามากหรือน้อย
มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเฉินหยาง แท่นประหารเซียนนี้แน่นขนัดเต็มไปด้วยนักโทษ
พวกเขาจะทำให้เป้าหมายของเขาบรรลุผลหรือไม่นะ?
นักโทษคนที่สองได้ถูกลำเลียงขึ้นมา เป็นทหารสวรรค์ระดับเล็กๆ หยางเฉินไม่ได้ให้ความสนใจใดๆกับประวัติความเป็นมาของเขา
เขาเพียงถามคำถามเช่นเดียวกับที่เขาทำกับเจ้าภูเขาเฒ่าในก่อนหน้านี้ "ก่อนที่ร่างกายของเจ้าจะจบลง
หากผู้อาวุโสมีความปราถนาที่ยังไม่เป็นผลสำเร็จอันใด อาจจะเป็นข้าเองที่สามารถช่วยให้ท่านบรรลุความต้องการหนึ่งหรือสองอย่างได้
แน่นอนกฎเช่นเคยสิ่งใดที่ข้าจะได้รับจากท่านหากข้าช่วยท่าน?"
"เจ้าต้องการอะไร?" ในขณะที่เขาเป็นเพียงทหารระดับเล็กๆในศาลสวรรค์
เขาอาจจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกมนุษย์และมีผู้ให้การสนับสนุนมันก็อาจจะสามารถเป็นของค้ำประกันหรือรับรองได้และเขาก็จะจากไปด้วยความสงบ
"สิ่งใดที่เจ้าปราถนา สิ่งแลกเปลี่ยนอาจจะเป็นทักษะแห่งการบ่มเพาะหรือบางทีอาจจะเป็นสมบัติบางอย่างที่เจ้าได้ทิ้งไว้ที่โลกเบื้องหลัง
โลกแห่งจิตวิญญาณหรือโลกนิรันดร์ ทุกอย่างถือว่าดีสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้"
หยางเฉินยิ้มบางๆ "เพื่อประโยชน์ของเจ้า
ข้าอาจจะทำให้ความปราถนาของเจ้าสำเร็จสมบูรณ์หากมันเป็นเรื่องที่ยุติธรรม
แต่หากว่ามันเป็นสิ่งที่คดโกงไม่ว่ามันจะหนุ่มหรือแก่ข้าก็ไม่อาจยอมรับได้"
"และถ้าเจ้าเอาค่าจ้างไปแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของข้าสำเร็จละ?"
ทหารเซียนเปล่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา ขณะถามหยางเฉิน
"ทุกคนเป็นเจ้านายที่ดี
ตัวข้าเองก็เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆ
ตัวข้าเองไม่กล้าที่จะโอ้อวดสิ่งที่เกินความสามารถของข้าออกไปได้" หยางเฉินยังคงพูดอย่างเอาใจใส่ "สิ่งที่ตัวข้าเองสามารถทำเองได้
ข้าก็จะพยายามที่จะทำ บางสิ่งที่ตัวข้าเองก็ไม่สามารถที่จะทำได้
เนื่องจากความสามารถของข้ามีขีดจำกัด และตัวข้าเองก็ไม่อาจที่จะกล้ารับรองผล
เพียงแต่ทุกคนได้ถูกบันทึกไว้ในรายนามแห่งอำมฤต
ทุกปัญหาก็จะได้รับการแก้ไขได้หลังจากการตาย ไม่มีความจำเป็นที่จะกลับชาติมาเกิดใหม่
ไม่จำเป็นต้องทิ้งสิ่งต่างๆของเจ้าไว้ทางเบื้องหลัง ถ้าพวกมันเป็นสิ่งของสำหรับคนรุ่นหลังในตระกูลเจ้า
ตัวข้าก็จะไม่เรียกร้องอันใด มันขึ้นอยู่กับเจ้า!"
เสียงของเขาไม่ดังนัก
แต่ภายในแท่นประหารเซียนทุกคนสามารถได้ยินเสียงของเขา
และเขาก็ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาพูดทุกคนก็ได้ยินเป็นปกติ
"ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น
ข้าก็ไม่มีความปราถนาอันใดอีก ทำหน้าที่ของเจ้าซะ!” ทหารศาลสวรรค์ไม่ได้มีความต้องการที่จะยื้อเวลาใดๆ
เขาปิดตาของเขาเพื่อรอหยางเฉินทำการประหารเขา
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา
ที่นี้เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง โปรดให้อภัยข้า!"
หยางเฉินไม่ได้เรียกร้องเช่นกัน เขาได้บอกกล่าวแล้วว่ามันก็อาจจะไม่สำเร็จ
เขาก็ไม่ได้บังคับให้ใครต้องยอมรับ หากพวกเขาไม่ต้องการ
โดยปกติหยางเฉินก็ไม่โกรธอยู่แล้ว
หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตแก่นชีวิตของพวกเขาก็จะช่วยบำรุงเขา
เสียงสะบั้นของใบดาบหิน และทหารศาลสวรรค์ก็ล้มลงไปบนแท่นประหารเซียน คะแนนความสำเร็จปรากฏในแหวนมีเพียงไม่กี่หมื่นดูเหมือนว่าทหารผู้นี้จะอยู่ระดับล่างจริงๆ
แต่เขาต้องใช้เวลาในการดูดซับแก่นชีวิตของทหารเซียนนานกว่าแก่นชีวิตของเจ้าภูเขา
แก่นแห่งชีวิตของทหารเซียนมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าเจ้าภูเขา
เพียงแค่ผ่านไปสองคนหยางเฉินเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในร่างกายของเขา
จริงๆมันก็เป็นเหมือนอย่างที่เขาคาดไว้ การประหารเซียนเพียงแค่สิบจากพัน
มันจะส่งผลที่ดีกว่าการประหารปุถุชนธรรมดา
"ข้าได้ผ่านสิ่งต่างๆมามากมายตลอดอายุของข้า
ข้าไม่มีความกังวลหรือข้อสงสัยใดๆ ไม่มีความปรารถนาใดๆ
หากแต่ข้าต้องการเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า...พูดมากไปมันก็ไร้ประโยชน์ ทำหน้าที่ของเจ้าซะ!”
นักโทษคนที่สามพูดอย่างตรงไปตรงมาและพูดมันขึ้นมาก่อนที่หยางเฉินจะถาม
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา
ที่นี้เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง โปรดให้อภัยข้า!"
เมื่อมีผู้ที่พูดอย่างตรงไปตรงมามันยิ่งทำให้หยางเฉินทำงานอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น
เขาทำการพูดวลี และยกมือขึ้นและลดใบมีดลง งานสิ้นสุดอย่างเรียบร้อยนอกเหนือจากคะแนนความสำเร็จไม่กี่สิบคะแนนที่หยางเฉินได้
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของรากจิตวิญญาณของหยางเฉินและเส้นลมปราณ ไม่มีอะไรที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง
หลังจากที่เขาจะจากไป
"ข้าไม่มีอะไรจะพูดตราบเท่าที่เจ้ามีโอกาสที่จะฆ่าพวกกบฏไม่กี่คนในอนาคต"
เซียนรายต่อไปยอมรับในโทษและหลังจากพูด เขาไม่ได้รอให้
หยางเฉินแนะนำเขา เขาพูดขึ้นมาโดยตัวเขาเอง "ก่อนที่ข้าจะมีอำนาจ
ข้าได้ทิ้งสวนสมุนไพรไว้ให้ลูกหลานของข้า
แต่น่าเสียดายที่ข้ารีบจากมาโดยไม่มีเวลาที่จะแจ้งให้พวกเขารับรู้ ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า
มันอยู่ที่ภูเขาเซียงหยาง (จิตรกรรมดวงอาทิตย์) ข้าเคยลงอักขระต้องห้ามเอาไว้
ถ้าเจ้าต้องการที่เข้าไป เจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความยุ่งยากอันเล็กน้อยที่จะเกิดขึ้นได้"
"สวนสมุนไพรแห่งภูเขาเซียงหยาง (จิตรกรรมดวงอาทิตย์)
รึ?" ใจของหยางเฉินพลันสว่างและพูดโพล่งออกไปว่า
"‘ค่ายกลเจ็ดก้าวสิ้นชีพ’ สามก้าวไปข้างหน้า
สองก้าวให้ถอยหลัง ไปซ้ายหนึ่งก้าว ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่ง ทำซ้ำเจ็ดครั้ง ต้องใช้พลังธาตุน้ำจิตวิญญาณในการเข้าไปในสวน
ทำทั้งหมดเจ็ดครั้ง ครั้งละเจ็ดก้าว รวมสี่สิบเก้าก้าว
หากผิดพลาดแม้เพียงก้าวมันหมายถึงความตายอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสได้ทิ้งสิ่งที่ดีมากมายไว้เบื้องหลัง...ขอบคุณมาก!"
"เจ้ารู้ได้ยังไง?" เมื่อได้ยินสิ่งที่หยางเฉินพูด
เสียงของหยางเฉินดังอยู่ภายในแท่นประหาร
เจ้าภูเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หูของเขาได้ยิน
สิ่งที่เขาคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ในตอนแรก
ในขณะนี้กลับไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉิน
มันจะไม่ทำให้เขาตกใจได้อย่างไร?
"ตัวข้าเองก็แค่รู้!" หยางเฉินรู้เกี่ยวกับมันก็เพราะว่าสวนสมุนไพรนี้จะถูกค้นพบในอีกสองพันปีนับจากนี้
เมื่อมีนิกายขนาดกลางบางแห่งได้เสียสละชีวิตของผู้เชี่ยวชาญระดับผลิดอกไปหลายสิบชีวิตเพื่อ
พยายามจะทำลายเส้นทางภายใน มันแน่อยู่แล้วที่หยางเฉินไม่สามารถอธิบายตัวของเขาเองกับเจ้าภูเขา
เขาทำได้เพียงพูดเพิ่มเติมว่า "หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรือง
นอกจากจะมีผู้ใดสามารถทำลายนักบ่มเพาะและคนที่ต่ำกว่าหนึ่งระดับของดินแดนแล้ว
มันไม่มีวิธีการใดที่สามารถส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับโลกที่อยู่เบื้องล่าง ผู้อาวุโส...ตัวข้าเองขอรับรองว่าสวนสมุนไพรนี้จะไม่ถูกรบกวนอีกครั้ง
ท่านเบาใจได้ในความต้องการของท่านย่อมได้รับการสนอง!"
"วิธีการที่จะควบคุมมันคือ..." เจ้าภูเขาตะลึงมองไปที่หยางเฉินในการอธิบายวิธีการที่จะควบคุมมัน
"ขอบคุณท่านมาก ผู้อาวุโส!" หยางเฉินคำนับเขาอีกครั้ง
"ไม่สามารถมองข้ามมันไปได้!" เจ้าภูเขาเพียงกล่าวแค่นั้น
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไม่มีใครคิดหามีวิธีที่จะอยู่รอด
ทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พวกเขายังมีเซียนที่มีคุณภาพอยู่อีกมากมาย
แต่ภาพแห่งความชื่นชมที่มีต่อหยางเฉินยังฉายชัดอยู่ในความรู้สึกของพวกเขาแต่ละคน
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา ที่นี่เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
โปรดให้อภัยข้า!" กับแต่ละเซียนหยางเฉินดำเนินการจนสำเร็จ
เขาอดทนที่จะพูดคำเหล่านี้ หลังจากพูดเสร็จ หยางเฉินก็จะทำการประหาร
"ทำไมเจ้าต้องพูดเช่นนี้ทุกครั้งก่อนทำการประหาร?
เซียนรายที่ห้าดูเหมือนว่าจะเป็นนักปราชญ์ที่ไม่สามารถบอกตำแหน่งของเขาได้
เมื่อเขาขึ้นมาเขาถามหยางเฉินด้วยคำถามนี้อย่างถากถาง "เจ้ากลัวว่าเจ้าจะถึงจุดจบที่ไม่ดีหลังจากทำการประหารเซียนและรู้สึกผิดใช่หรือไม่?"
"ตัวข้าเองไม่ต้องการได้รับผลแห่งกรรมที่อาจตามมา!"
หยางเฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงเยาะเย้ย เขาตอบกลับด้วยความสงบ
"ถึงแม้พวกท่านอาจจะตายด้วยมือของข้า หากแต่ตัวข้าเองไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านต้องตาย...ในเมื่อผู้อาวุโสยังมีความต้องการทางโลกยังรู้สึกต้องการจะแก้แค้นท่านก็สมควรวางมันไว้ในที่ของมันซะ...ไม่ใช่ที่ข้า!
ข้าเป็นแค่เพชฌฆาตไม่ได้อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม!"
"เจ้าไม่ได้รับผลแห่งกรรมก็เพราะเจ้าพูดมันออกมาเอง..."
แม้ว่านักปราชญ์ถูกผูกมัดไว้ ดวงตาของเขากลอกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"บางทีมันอาจจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้า?"
"ได้รับผลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับใจของข้า"
หยางเฉินไม่ได้โกรธ เพียงทำการตอบกลับพร้อมกับความเห็นของเขาว่า
"การประหารชีวิตของคนอื่นมันคือหน้าที่ของข้า
ตัวข้าเองไม่มีความอัปยศในหัวใจ หากตัวข้าเองได้พูดไว้ว่าไม่มีผลมันก็ย่อมไม่มีผล"
นักปราชญ์ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้อีก
เขาหมดกำลังใจหลังจากได้เห็นความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งในคำพูดของหยางเฉิน
ตั้งแต่เข้ามาแท่นประหารเซียนหยางเฉินได้เรียกตัวเองว่า "ตัวข้าเอง" เสมอ กลุ่มนักโทษที่เขาต้องทำการประหารชีวิตอาจมาจากคนใดคนหนึ่งที่เป็นเซียนที่เป็นผู้อาวุโสหากเทียบกับตัวเขาที่ยังต่ำต้อยแล้ว
ดังนั้นหยางเฉินจึงเรียกพวกเขาว่า ‘ผู้อาวุโส’ และเรียกตัวเองว่า ‘ตัวข้าเอง' เท่านั้น โดยไม่มีนามเรียกอื่น
"ดี! ข้าก็มีความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ เจ้าแค่ฆ่าคนไม่กี่คนและข้าก็ตั้งรางวัลบางอย่างไว้สำหรับเจ้า"
นักปราชญ์หัวเราะเบาๆ แล้วบอกหยางเฉิน "ในภูเขาลู่ชิงแห่งหุบเขาโอสถหยู
ข้าได้ทิ้งสมบัติเวทอาคม และยาไว้เบื้องหลัง หลังจากที่เจ้าออกไปจากที่นี่
ให้เจ้าไปที่นั่นแล้วค้นหาพวกมัน หากเจ้าค้นพบมัน พวกมันก็จะเป็นของเจ้า
มันขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว!"
"สิ่งที่ข้าต้องทำก็แค่ระมัดระวังเมื่อเข้าไปในหุบเขาโอสถหยู
รึ?" หยางเฉินถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงเรียบในแบบฉบับของเขาเช่นเคย
ภูเขาลู่ชิงแห่งหุบเขาโอสถหยู(ต้นหยู)
"การเข้าไปนั้นเป็นเรื่องง่าย เพียงแต่เมื่อจะออกมาจากที่นั่น
มันจำเป็นใช้ ‘กระจกทองแดงลมแปดทิศ’
เพื่อที่จะออกจากที่นั่น" การตอบกลับของนักปราชญ์ก็เป็นได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องลังเลแม้แต่น้อย
"แต่งเรื่องได้ดี" หยางเฉินจู่
ๆ ก็เยาะเย้ย "หุบเขาโอสถหยูสามารถเข้าแต่ออกไม่ได้
กระจกทองแดงลมแปดทิศสามารถออกแต่เข้าไม่ได้! ตัวข้าเองไม่ได้คิดที่จะหลอกผู้อาวุโส
ดังนั้นการที่ผู้อาวุโสตั้งใจที่จะทำให้ชีวิตของข้าเป็นอันตราย ข้าย่อมยอมรับมันไม่ได้
มันทำให้ข้าโกรธ!"
กระจกทองแดงลมแปดทิศ
"ฮ่าฮ่า! เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาด
เจ้าช่างรู้เหลี่ยมคูดีนัก"นักปราชญ์หัวเราะออกมาดังๆ
"จากที่เจ้ารู้เกี่ยวกับหุบเขาโอสถหยู
ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ้าคงจะไม่จบง่ายๆ ยังไงก็ตามแต่ ข้าชอบอย่างนี้
ความตายใกล้เข้ามา ข้าสงสัยว่าสิ่งใดที่เจ้าจะทำนอกเหนือไปจากการฆ่าข้า
เมื่อเจ้าบอกว่าเจ้ากำลังโกรธ?"
"ตัวข้าเองไม่มีความสามารถพิเศษ
แต่ตัวข้าเองกลับรู้ประเภทของการทำลายเซียน และแน่นอนปีศาจก็ด้วยเช่นกัน"
รอยยิ้มเย็นชาลอยบนใบหน้าของหยางเฉินขณะที่เขาพูดด้วยเสียงเรียบๆ
"แม้ว่าตัวข้าเองจะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพลังเวท
ด้วยแท่นประหารเซียนตัวข้าเองยังคงสามารถใช้หนึ่งหรือสองวิธี ท่านผู้อาวุโสก่อนที่ชีวิตของท่านจะสิ้นสุด
ท่านสมควรแล้วที่จะต้องตายทั้งเป็น!"
เมื่อหยางเฉินกล่าวออกไป ใบหน้าของนักปราชญ์ได้บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแต่เขาแต่รวมถึงนักโทษทั้งหมดที่แออัดกันอยู่ด้านล่างของเวที ที่แสดงออกถึงเรื่องนี้อย่างแตกต่างกัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น