"ในฐานะที่เป็นนายเจ้า ข้าขอสั่ง!" หยางเฉินโค้งคำนับและยื่นมือออกไปรับแหวน เมื่อผู้บังคับบัญชาชี้นิ้วไปที่แหวน
เขาค่อยๆสวมมันลงไปในนิ้วมือของเขา
หัวแหวนที่วางอยู่บนตัวเรือนแหวนก็เปล่งรัศมีของแสงอ่อนๆปกคลุมไปทั้งร่างกายของหยางเฉิน
หลังจากนั้นแหวนก็หายไปทิ้งไว้เพียงรอยสักบริเวณนิ้วมือของเขา
Credit: google
"นี่คือสัญลักษณ์ที่ใช้ผ่านเข้าสู่แท่นประหารเซียน
เมื่อเจ้าต้องการที่จะใช้งานแท่นประหาร มันจำเป็นที่จะต้องใช้รอยสักนี้!"
ผู้บังคับบัญชาแนะนำขั้นตอนการใช้งานให้กับหยางเฉินอย่างเป็นทางการด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
แล้วชี้ไปทางเบื้องหลังของหยางเฉิน "นอกจากเจ้าแล้ว คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะขึ้นไปบนแท่นประหารเซียนได้!"
หยางเฉินหันกลับไปมองด้านหลังของเขา เขามองเห็นบางช่วงของถนนสายหนึ่ง
มันเป็นทางนำไปสู่ประตูเมืองที่ดูยิ่งใหญ่อันงดงามตระการตา
ประตูเมืองดูหรูหรามากกว่าที่ใดๆในโลกมนุษย์ บนเสายักษ์มีมังกรทองสองตัวทำท่าคำรามกับท้องฟ้า
ในช่วงกลางของเสาต้นนั้นถูกเขียนคำไว้สามคำที่มีขนาดใหญ่หนาสีชาด ‘แท่นประหารเซียน’ เมื่อใกล้เข้าไป
ก็จะพบว่าทั้งสามคำได้ถูกสร้างขึ้นจากเนื้อหนังของสิ่งมีชีวิตที่ยังดิ้นอยู่
ด้านหน้าของประตูเมือง มีทหารสวมชุดเกราะสี่นายยืนรักษาการอยู่อย่างเคร่งครัด
"หยุด ใครกล้าเข้าสู่ ‘แท่นประหารเซียน’
โดยไม่ได้รับอนุญาต?" ทหารนายหนึ่งเรียกเขาทันที
เมื่อหยางเฉินเดินเข้าไป
หยางเฉินยื่นมือของเขาออกไปเพื่อแสดงเครื่องหมายบนนิ้ว
มันสามารถมองเห็นได้ทันที น่าแปลกที่จุดนี้ตัวแหวนได้ปรากฏขึ้นแทนรอยสักอย่างที่มันเคยเป็น
และมันทำให้ทหารรักษาการณ์เข้าใจหลังจากที่ได้เห็นมันในทันที
ทั้งสี่ก้าวออกจากประตูเพื่อหลีกทางให้หยางเฉินเดินเข้าไป
หลังจากที่เดินเข้าสู่ประตูเมือง พลันปรากฏแสงอันพร่ามัวซึ่งมันได้บดบังทุกอย่างไว้
หยางเฉินยื่นมือออกไปสัมผัสกับอากาศ เขาเพียงแค่คิดเกี่ยวกับมัน
แล้วก้าวเข้าไปในแสงสีขาวที่กินบริเวณกว้าง แสงสีขาวไม่ได้ปิดกั้นเขา
เขาสามารถเดินผ่านมันเข้าไปได้
เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพอย่างนี้ มันทำให้ทหารทั้งสี่รู้สึกโล่งใจ
ทหารคนหนึ่งหันขวับมาถาม "ท่านหัวหน้า เขาเป็นคนมือไว ที่ได้ปล้นของจากศพ ทำไมเขาถึงได้รับเลือก?"
ผู้บังคับบัญชาได้ปรากฏตัวถัดจากทั้งสี่
เขามองไปยังแสงรัศมีทรงกลมโดยไม่ประหลาดใจใดๆ แล้วกล่าวว่า "เจ้าก็ตระหนักดีอยู่แล้วว่า ใครบ้างที่ถูกประหารบนแท่นประหารเซียน
มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ไม่รับสินบน
ไร้ซึ่งความลำเอียงและยังทำการประหารหญิงงามในดาบเดียว
เขายังกล้าที่จะเตะและตัดหัวราชันย์แห่งวานนี้และวันพรุ่งนี้ ในขณะที่คนอื่นต้องหมอบคลานเป็นอย่างแรกก่อนดำเนินการและคนอื่นๆก็ไม่ได้เข้มงวดกวดขันกับความผิดทางอาญา
อีกทั้งไม่เต็มใจที่จะประหารหญิงงาม หรือไม่แม้แต่จะมีความกล้าบนแท่นประหารเซียน
ไม่ได้มีคนที่เหมาะสมมากไปกว่าเขา แม้เขาจะปล้นของจากศพมันก็ดีกว่าที่เขาจะปล้นเอาของจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่"
"เมื่อเข้าสู่แท่นประหารเซียน
นอกเหนือจากอาหารและน้ำ เพื่อกินและดื่ม ยังมีดาบของผู้เป็นเพชฌฆาตและตราบใดที่เขาปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไม่มัวหมอง
เขาก็สามารถจากไปได้" ผู้บังคับบัญชามองดูสี่ทหารที่เฝ้าประตูถัดไปจากเขา
"เจ้ารู้สึกว่าเขายังเป็นมนุษย์ ในขณะที่ประหารชีวิตเหล่าเซียนจำนวนมาก
เขายังจะมีโอกาสที่จะจากไปอีกเหรอ? ลักทรัพย์ของผู้อื่น ทำไมมันจะทำอย่างงั้นไม่ได้
มันก็แค่หยิบยื่นโอกาสให้กับเขา?"
ในที่สุดทหารรักษาการณ์ทั้งสี่นายก็ได้สำนึก
การทดสอบที่มากมายนั้นก็เพื่อที่จะเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมเท่านั้น
ไม่เพียงแต่เขาจะต้องกล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีจุดอ่อน
คนที่เหมาะสมกับข้อกำหนดดังที่ได้กล่าวนั้นเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งกว่าขนนกหงส์เพลิงและเขาของกิเลน
ดังนั้นแล้วบุคคลที่เหมาะสมเป็นอะไรที่หายากเป็นพิเศษ
มันเป็นสุดยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง
เมื่อหยางเฉินก้าวเข้าไปยืนในบริเวณแสงสีขาว
มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง
มันเป็นภาพเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะอยู่ที่ลานประหารอันกว้างใหญ่อย่างที่ประมาณมิได้
ในความเป็นจริงหยางเฉินไม่เคยได้มีโอกาสที่จะเห็นแท่นประหารเซียนแม้แต่ในชีวิตก่อนหน้าของเขา
แท่นประหารเซียนเป็นชื่อที่แสดงถึงสถานที่ ที่ศาลสวรรค์ทำการสำเร็จโทษเหล่าเซียนและมีเพียงตัวตนของเซียนที่เป็นนักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกที่สามารถเข้าไปได้
หยางเฉินไม่ได้เป็นเพชฌฆาตในชีวิตก่อนหน้านี้
และก็ไม่ได้เป็นนักโทษที่ถูกตัดสินจำคุก มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เคยมีโอกาสหรือมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับมัน
ด้านหน้าของเขามีที่ตั้งดาบ มันมีลักษณะเป็นสีทอง บริเวณแกนตั้งถูกแกะสลักเป็นรูปมังกรสองตัว
ลำตัวพันขดกันเป็นเกลียว ส่วนหัวของมังกรหันหน้าเชิดขึ้นไปทางข้างหน้า ดาบสีชาดถูกวางอยู่อย่างเรียบร้อยบนปากอ้ากว้างของมังกรทั้งสองตัว
หลังจากที่เฉินหยางก้าวเข้าไปเขากวาดสายตาไปรอบๆลานสำเร็จโทษ เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดด้วยดาบยาวเล่มนั้น
ดาบนี้แตกต่างไปจากใบมีดเพชฌฆาตที่ยิ่งใหญ่ของหยางเฉินที่เขามักจะใช้
ขอบของมันยาวมากกว่า และเมื่อกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วมันก่อให้เกิดประกายตกค้างของเงาดาบไปตามทางของการเคลื่อนไหว
ใบมีดกว้างเมื่อเวลาใช้งานจะต้องมีการปรับทักษะในการใช้ที่แตกต่างกัน
หากมีระดับทักษะที่เท่ากัน เมื่อเทียบกับการใช้ใบมีดเพชฌฆาต มันมีประโยชน์สำหรับการประหาร
ที่ด้ามจับเป็นสีดำแต่ดูเหมือนว่ามันมีฟันคมยาวออกไป
กลิ่นอายแห่งความมุ่งร้ายแผ่กระจายออกมา เพียงแค่จับมันเขาก็รู้สึกเหมือนจะถูกกลืนกินโดยสัตว์ป่าดุร้ายที่น่ากลัว
ขณะที่ก้าวไปข้างหน้า
ทันทีที่หยางเฉินจับด้ามของใบดาบสีดำกลิ่นอายแห่งความดุร้ายแสดงเจตจำนงแห่งการฆ่าก็ไหลบ่าเข้าสู่ภายในจิตใจของเขา
ดั่งแผ่นดินถล่มหรือคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร ผสมผสานไปกับเสียงครวญครางร้องโหยหวนที่ยากจะบอกได้ว่ามากมายเท่าไหร่
เนื่องจากผู้คนนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตภายใต้ใบดาบต่างล้วนส่งเสียงร้องด้วยความเกรี้ยวกราด
"ข้าไม่กลัวต่อการมีชีวิต
ดังนั้นข้าจะกลัวความตายไปทำไม?" หยางเฉินเยาะเย้ย
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน เจตจำนงแห่งการฆ่าวิ่งเข้าสู่ภายในจิตใจของหยางเฉิน
มันดูเหมือนจะวิ่งตรงมายังกำแพงอัคคีภายในร่างกายของหยางเฉินในทันที พื้นฐานของหยางเฉินที่มีมันไม่เพียงพอที่จะระงับความวุ่นวายที่ใบดาบหินก่อ
มันพยายามที่จะครอบงำเขา เขาแทบจะยอมจำนน
ใบดาบที่ดูเหมือนหิน มันมีความแข็งแกร่งและมีจิตวิญญาณเป็นของมันเอง อีกครั้งที่ใบดาบหินส่งเสียงออกมาจากความคิดของหยางเฉินว่า
"เชื่อฟังข้า ข้าจะพาเจ้าไปตัดหัวเหล่าเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนในปฐมภูมิสวรรค์!
เมื่อข้าเผชิญหน้ากับเจ้าหรือแม้แต่เจตจำนงแห่งการฆ่าของเหล่าสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม
พวกเจ้าก็ยังต้องหวาดกลัว!"
อย่างปฏิเสธไม่ได้
มันยากที่จะรู้ได้ว่าเหล่าเซียนผู้มีพลังได้ถูกประหารด้วยคมใบดาบนี้ไปเป็นจำนวนเท่าไหร่แล้ว
และปกติแล้วมันจะมีผลกระทบเมื่อมีการเผชิญหน้ากับเซียน
หยางเฉินรู้สึกเย็นเยือกไปทั่วร่างกายส่งผลทำให้เขาสั่นโดยไม่รู้ตัว
นั่นเป็นปฏิกิริยาปกติเมื่อเซียนเผชิญหน้ากับดาบแห่งเพชฌฆาต
แต่หยางเฉินในอดีตเป็นสุดยอดอมตะทองคำดั้งเดิม หลังจากความคิดฟุ้งซ่านของเขาได้หยุดลง
พลังอันไร้ขีดจำกัดของเขาก็เริ่มต่อสู้กับเจตจำนงของใบดาบหิน
ไม่มีใครรู้ภาพเหตุการณ์ภายในแท่นประหารเซียน
และหยางเฉินก็ไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับสุดยอดของความยากลำบากดังกล่าวหลังจากที่เข้าสู่แท่นประหารเซียนกับร่างกายที่เป็นมนุษย์ของเขา
ใบดาบหินมันมีเจตจำนงเป็นของมันเอง ถ้าปุถุชนธรรมดาเข้ามา มันย่อมไม่มีการโต้แย้งใดๆทั้งสิ้นนั่นเป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่คาดไว้ว่าจะปรากฏออกมาหลังจากที่เผชิญหน้ากับใบดาบหิน
ใบดาบหินพยายามที่จะทำให้หยางเฉินกลายเป็นทาสให้กับแท่นประหารเซียนภายใต้การควบคุมด้วยเจตจำนงของใบดาบหินเอง
"เชื่อฟังข้า!"
คลื่นความรุนแรงบังคับตัวมันเองอยู่ภายในอีกครั้ง
ร่างกายของเขาไม่สามารถที่จะทนทานต่อแรงกดดันดังกล่าว เขาพลันคุกเข่าลงบนพื้นดินเผชิญหน้ากับเจตจำนงแห่งการฆ่าที่เอ่อล้นออกมามากมายดั่งขุนเขา
หยางเฉินไม่มีกำลังสำรองที่จะต่อต้านเพื่อรักษาจิตใจของเขาจากการครอบงำของดาบ
ความไม่เต็มใจในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ ความคับข้องใจ ภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตได้ปรากฏออกมาให้หยางเฉินเห็นอีกครั้ง
มันบีบบังคับให้เขาตะโกนออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ "ข้าจะไม่ยอมแพ้!"
ลักษณะอันเปราะบางของอาจารย์หญิงก่อนที่เธอจะตายได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ภาพแห่งความเศร้า รอยยิ้มอันสวยงามถูกส่งมาให้หยางเฉินในแวบเดียว และทันทีย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่มีความสุขเมื่อหยางเฉินได้ถือดาบประกายแสง
"เจ้ามันก็แค่ใบดาบ ข้าต่างหากที่เป็นเพชฌฆาต!"
หยางเฉินตะโกนเสียงดังเพิ่มขึ้น เขายืนขึ้นบนเท้าของเขา
บูมมม...ทุกความรู้สึกของเจตจำนงแห่งการฆ่าพุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉินอย่างสมบูรณ์
หยางเฉินทำการดูดซึมพวกมันทั้งหมดโดยไม่หวั่นวิตกใดๆ
ในใจของเขามีเพียงสิ่งเดียวที่หยางเฉินจำได้และเขาก็ได้ตะโกนมันออกไป...ข้าคือเพชฌฆาต!
ภายในร่างกายของหยางเฉินกำลังต่อสู้กัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสมบูรณ์
ถ้าก่อนหน้านี้มันเป็นความต้องประสงค์ของใบดาบหินที่พยายามชักจูงและครอบงำหยางเฉิน
มันเคยทำให้หยางเฉินแทบจะยอมแพ้ แต่ในตอนนี้มันได้กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป ใบดาบหินได้อยู่ภายในร่างกายของหยางเฉินอย่างสมบูรณ์
"เชื่อฟังข้า!"
"ยอมแพ้ซะ!"
"ข้าจะนำเจ้าไปประหารเหล่าเซียนทั้งหลาย!"
......
ไม่ว่าภัยคุกคามหรือ การบังคับใดๆจากใบดาบหิน
หยางเฉินเพียงรักษาจุดสว่างในหัวใจของเขา...ข้าคือเพชฌฆาต! ประโยคนี้ทันทีสามารถตัดสินได้ว่าใครคือ
ผู้เชี่ยวชาญ และมันไม่สำคัญว่าใบดาบหินจะใช้วิธีการอะไร หรือกลยุทธ์ใดๆ
มันก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะพลังอำนาจแห่งจิตใจของหยางเฉินไปได้
ในที่สุด ใบดาบหินอ่อนแอลงเรื่อยๆ และภายใต้จิตใจอันเข้มแข็งแน่วแน่ของหยางเฉิน
มันเริ่มที่จะผสานกับเจตจำนงแห่งการฆ่าที่หยางเฉินได้รับจากการฆ่ามามากกว่าร้อยคนในโลกมนุษย์
เมื่อผสมผสานกับเจตจำนงแห่งการฆ่า ไม่มีเวลาเหลือให้ได้พัก
กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นเหมือนกับมีดร้อนผ่าผ่านเนย
แล้วช่วงเวลาถัดไป ใบดาบหินได้ผสานเข้ากับเจตจำนงแห่งการฆ่าของหยางเฉินได้อย่างสมบูรณ์
"ข้าคือเพชฌฆาต!" ดวงตาของหยางเฉินค่อยๆเบิกกว้าง
เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเลเหมือนกับการกระทำที่ง่ายๆ
ใบดาบหินนอบน้อมอยู่ในมือของเขาและนอกจากความคล่องแคล่วแล้ว ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
เขายกใบดาบสีเลือดยาว หยางเฉิน ชำเลืองมองและเสริมว่า "เจ้าเป็นเพียงแค่ดาบของเพชฌฆาต"
ด้วยเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ได้เกิดอย่างที่ไม่คาดคิด การผสมผสานกับเจตจำนงแห่งการฆ่า
หยางเฉินก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นในร่างกายของเขา
เขาถือใบดาบหินยืนอยู่ที่นั่น เขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าอันล้นจนถึงสวรรค์
ร่างกายของเขาดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีแดงจางๆ ในขณะที่เขาเปิดตาขึ้น รังสีแห่งการฆ่าอันรุนแรงของเขาถูกส่งออกไปส่งผลให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
"นี่คืออะไร?" เมื่อเห็นแสงสีแดงพร่ามัว
ร่างกายของเขาได้รับการปลดปล่อย หยางเฉินรู้สึกตกใจและประหลาดใจ
เมื่อย้อนกลับมาเมื่อตอนล่ามารเฒ่าอี้ จากการที่เขาได้ฆ่าคนจำนวนมากมันก่อให้เกิดม่านแสงสีแดงแผ่ออกมาจากตัวของมารเฒ่าอี้
แม้ว่าของหยางเฉินจะมีเพียงเงาสีแดงจางๆในตอนนี้ แต่มันดูเหมือนจะเป็นเช่นเดียวกับของมารเฒ่าอี้
เจตนาแห่งการฆ่าแผ่ล้นออกมาจากร่างกายเผยให้เห็นปีศาจอันชั่วร้ายที่ไม่ซ้ำกันอย่างชัดเจน
"โชคดีที่ข้าเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า!"
หยางเฉินยิ้ม แต่ไม่ได้สนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายกดาบของเขาและเดินไปข้างหน้า
ก้าวสู่แท่นประหารเซียน จริงๆสถานนี้เป็นสถานที่สำหรับสำเร็จโทษเหล่าเซียนทั้งหลายเพื่อส่งพวกเขาไปสู่ความตาย
หยางเฉินไม่ได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นประหารทันที แต่เขามองไปทางด้านข้าง
ที่พักของแท่นประหารเซียน ที่นั่นเรียบง่ายมาก
หนึ่งห้องครัวที่หยางเฉินสามารถที่จะกินและดื่ม อีกหนึ่งห้องเล็กๆ ที่เขาสามารถหลับนอนได้
เช่นเดียวกับห้องน้ำ อาหารและน้ำดื่มจะได้รับการจัดให้โดยทันทีโดยเขาไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรอีก
ในห้องพักยังมีชุดเสื้อคลุมสวรรค์ที่ไร้รอยต่อในรูปแบบของเพชฌฆาตสำหรับเขาที่จะสวมใส่
มันกันฝุ่นและน้ำ ทุกอย่างมีเพื่อหยางเฉินใช้ในการดำรงชีวิตอยู่ในที่นี่
พื้นที่ดำเนินการอันกว้างขวางมันเป็นที่ที่นักโทษจะถูกมัด
แต่ตอนนี้ยังคงไม่มีสัญญาณของจิตวิญญาณ แต่หยางเฉินรู้ว่ามันจะมีเร็วๆนี้
และมันจะเต็มไปด้วยเหล่าเซียนมากเกินกว่าที่จะเชื่อได้เพื่อให้หยางเฉินได้ทำการประหารทีละหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
การดื่มน้ำ กินอาหาร อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า
หยางเฉินได้ทำทุกอย่างและเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องรีบ แล้วหยิบใบดาบหินขึ้นมา ก้าวเข้าสู่แท่นประหารเซียน
หลังจากที่เขานั่งลงเขาเริ่มศึกษาแหวนในมือของเขา
ตั้งแต่เข้ามายัง แท่นประหารเซียน แหวนได้อยู่ในรูปร่างปกติของมัน
หยางเฉินเคยได้ครอบครองแหวนคล้ายกับรูปแบบนี้ในชีวิตของเขาก่อนหน้านี้
มันเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงตำแหน่งของศาลสวรรค์
นอกเหนือจากนี้มันสามารถทำการจารึกถึงความสำเร็จ
และยังสามารถเก็บสิ่งของไว้ในแหวนได้เป็นอย่างดี แหวนในมือของหยางเฉินนั้นค่อนข้างพิเศษมันเป็นเพียงสิ่งที่ศาลสวรรค์สร้างขึ้นมาให้กับปุถุชนเฉกเช่นหยางเฉิน
ไม่มีใครคาดว่าหยางเฉินจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้รวมถึงรอยสักที่นิ้วของเขา
ไม่มีใครรู้ว่าหยางเฉินเคยมีประสบการณ์กับสิ่งที่ไม่ปกตินี้อยู่แล้วในชีวิตครั้งก่อนของเขา
ชีวิตนี้เขาจะไม่ให้สิ่งที่เคยเสียใจเหล่านั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง
บูม! บูม! บูม! เสียงฟ้าร้องสามครั้ง และในเขตการดำเนินการที่พื้นดินด้านล่างของแท่นประหารเซียนได้ปรากฏฝูงชนหนาแน่น
โดยการคำนวณอย่างหยาบๆของหยางเฉิน
มันมีอยู่หลายร้อยและจำนวนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หยางเฉินเห็นทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เขายังนั่งอยู่เงียบๆบนแท่นประหารเซียน
หรี่ตาลงในลักษณะพักผ่อน ขณะที่ ปรากฏผู้คนจำนวนมากอยู่รอบๆแท่นประหารเซียน ทันใดนั้นใบดาบหินเริ่มส่งเสียงออกมาจากภายในร่างกายหยางเฉินอีกครั้ง
"ฆ่าพวกมัน! ฆ่าพวกมัน!"
ฉับพลันก็ปรากฏเป้าหมายที่ทำให้ใบดาบหินหลุดจากภาวะจำศีลกลายเป็นบ้าคลั่งอีกครั้ง
มันมีลักษณะกระหายที่จะตัดหัวเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย กระตุ้นให้ตัดหัว
มันเกือบจะทำให้หยางเฉินไม่สามารถรักษาจิตใจและความคิดของเขาไว้ได้
ในท้ายที่สุดหยางเฉินก็จำได้ว่าเขาเป็นเพชฌฆาต อาจเป็นเพราะว่าเขาทำการหลอมรวมเข้ากับใบดาบหินเร็วไป
ถึงมันดูไม่สมเหตุสมผลนิดหน่อย แต่เขาแน่ใจว่า หลังจากที่เป้าหมายของแท่นประหารเซียนได้ปรากฏและมันก็จะปรากฏอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อทำบ่อยๆเขาจะสามารถควบคุมมันได้ดียิ่งขึ้น
หากหยางเฉินได้เริ่มทำงานเพียงแค่ตอนนี้
ใบดาบหินอาจจะได้สัมผัสกับความสามารถของหยางเฉิน อีกครั้งที่มันบุกรุกจิตใจของเขา
แต่หยางเฉินอดทนที่จะใช้กำลังบังคับ เขานั่งนิ่งอยู่บนเวทีและใบดาบหินเท่านั้นที่สามารถกระโดดไปรอบๆ
และโบกสะบัดความดุร้ายของมันอีกครั้ง
ในความเป็นจริงนี้ โดยทั่วไปมันไม่ใช่สิ่งที่ใบดาบหินจะเป็น
แต่มันเป็นเพราะการเข้ามาใน แท่นประหารเซียน
ใบดาบหินมันเป็นส่วนหนึ่งของแท่นประหารเซียน
มันเคยส่งเซียนไปสู่ความตายและการตัดหัวปีศาจ เจตจำนงแห่งการฆ่าเฟื่องฟูจนกระทั่งมันถูกต่อต้าน
นับตั้งแต่รากฐานของแท่นประหารเซียน
ถ้ามันเป็นคนอื่นแน่นอนพวกเขาจะได้รับการควบคุมโดยแท่นประหารเซียนแต่น่าเสียดายที่มนุษย์ที่ว่าในเวลานี้คือหยางเฉิน
เมื่อเตรียมการณ์อย่างดีไว้แล้ว ตามธรรมชาติเขาจะไม่ถูกควบคุมโดยแท่นประหารเซียน
เขาปกป้องจิตใจของเขาอย่างแน่นหนา หยางเฉินประกาศกร้าวอย่างชัดเจนและรวดเร็ว...ข้าคือเพชฌฆาต!
มันไม่สำคัญที่จะฟาดฟันทางซ้ายและรุกทางขวา
ความรุนแรงที่ใช้ก็ยังคงไม่สามารถที่จะควบคุมหยางเฉินไว้ได้
ใบดาบหินถูกถือขึ้นมาในมือของเขา ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อยภายใต้การต่อต้านของแท่นประหารเซียน
ด้วยว่ามันอยากจะกระโดดจากมือของหยางเฉินและเริ่มต้นการประหารชีวิตด้วยตัวของมันเอง
หยางเฉินจึงจับถือดาบอย่างเหนียวแน่น มืออีกข้างจับใบดาบ
โดยไม่ให้โอกาสกับใบดาบหิน
ในที่สุดการต่อสู้กับแท่นประหารเซียนก็มาถึงจุดสิ้นสุดอีกครั้ง
ใบดาบหินที่เคยสั่นเริ่มสงบลงอย่างช้าๆและอยู่ในจิตใจของเขาโดยไม่สร้างความลำบากหรือก่อกวนที่รุนแรงกับหยางเฉินเพื่อที่จะฆ่านักโทษเหล่านั้น
ราวกับว่าแท่นประหารเซียนจะไม่มีทางเลือกแต่ก็ต้องก้าวต่อไปและ...ขอแนะนำให้รู้จัก...หยางเฉินผู้เป็นเพชฌฆาต
"เจ้าจะต้องระลึกให้ถึงจิตใจของเจ้า
ว่าเจ้าคือแท่นประหารเซียน เจ้าก็เป็นเพียงแค่ดาบ" หยางเฉินผนึกความมั่นใจของเขาอีกครั้ง
"ข้าคือเพชฌฆาต ข้าคือผู้เชี่ยวชาญของที่นี่ มีแค่ข้าเพียงคนเดียวที่จะสามารถตัดสินใจว่าใครจะถูกฆ่าและเมื่อไหร่!"
แท่นประหารเซียน จะไม่มีการต่อสู้อีกต่อไป
หากแต่มันยอมรับอำนาจของหยางเฉิน ทั้งแท่นประหารเซียน ดูเหมือนจะมีชีวิต
ที่เปลี่ยนแปลงตามการควบคุมของเฉินหยาง
"ดีมาก ข้าคือเพชฌฆาต!" หยางเฉินทำการตรวจวัดการเชื่อฟังคำสั่งนี้โดยการจับใบมีดตั้งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น