ผู้คนก็ยังคงแสดงความคิดเห็นในทักษะของเพชฌฆาตมือใหม่
ในขณะที่หยางเฉินรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนภายในร่างกายของเขา
เคล็ดวิชาของมารเฒ่าอี้นี่มันเหมาะจริงๆ อย่างน้อยจนถึงขณะนี้มันก็ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร
เขาก็ไม่ทราบว่าผลจะเป็นอย่างไร ได้เพียงแค่รอดู
กลับไปที่สนามหญ้าขนาดเล็กของเขา
หยางเฉินหยิบเอาหินห้าสีออกมาจากเชือกร้อยที่ผูกคอไว้
แม้ว่าผู้คนจะมองเห็นมันแต่แน่นอนพวกเขาจะไม่ทราบว่ามันคืออะไร มีเพียงหยางเฉินที่รู้ว่านี่คือหินห้าสีมันเป็นสิ่งที่ใช้ในนิกายอมตะในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
ในการทดสอบรากจิตวิญญาณของเหล่าผู้ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
โดยธรรมชาติแล้วรากจิตวิญญาณจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเกิด
ภายหลังที่คลอดรากจิตวิญญาณก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
Credit: google
เขาถือมันโดยจับทั้งสองข้างของหินห้าสี
มันดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่เมื่อมองอย่างระมัดระวังบนผิวของหินมันมีริ้วรอยแสงสีแดงจางๆที่เกือบมองไม่เห็น
นี่ก็หมายความว่ารากจิตวิญญาณของเขาหลังจากที่เกิดมา
มันได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากหากเทียบกับเวลาที่ใช้ไปเพียงไม่นาน
หลังจากที่เขาทำการฆ่าเพียงคนเดียว
มันดูเล็กน้อยเกินกว่าที่จะเปลี่ยนรากจิตวิญญาณของเขาได้อย่างสมบูรณ์
เพียงแต่อย่างน้อยนี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าวิถีแห่งมารนี้ใช้ได้ผล
กับประสบการณ์การบ่มเพาะของหยางเฉินนานนับหมื่นปี
เขายังไม่ได้ค้นพบการบาดเจ็บใดๆ และก็ไม่ได้พบอันตรายใดๆที่ซ่อนอยู่ หรือในอีกแง่
สำหรับช่วงเวลาที่ได้ใช้วิถีแห่งมารเขาไม่พบว่ามีปัญหาใดๆ มันดูแล้วน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากก็เพราะว่า
หนึ่งในวิธีการนี้มันไม่ได้เพิ่มพลังทางจิตวิญญาณหรือพลังเวทของเขา
และสองมันไม่ได้หลอมรวมแก่นจิตวิญญาณของเขา แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนมัน
เขาก็ยังคงเป็นคนธรรมดาสามัญชนทั่วไปและจะไม่ละเมิดข้อห้ามของศาลสวรรค์
เขาก็ยังคงมีโอกาสที่จะเข้าสู่หนทางแห่งการเป็นเพชฌฆาตอมตะ
ในครึ่งปีที่ผ่านมา
มีโจรมากมายผุดขึ้นดังเช่นวัชพืชทั่วอาณานิคม พวกมันต่างถูกจับกุมมากขึ้น
ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายดังกล่าวศาลได้ออกคำสั่งที่ชัดเจนและรุนแรงว่าโจรทั้งหมดที่ถูกจับกุมพวกมันจะต้องถูกประหารชีวิต!
ภายใต้คำสั่งดังกล่าว โจรหลายคนถูกจับทุกวันทั่วทั้งอาณานิคม
เมื่อตอนเริ่มต้นมันมีไม่กี่คนหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นมากกว่าสิบหรือยี่สิบและภายในไม่กี่วันพวกเขาถูกจับนับได้ราวๆสี่สิบถึงห้าสิบ
ในเขตนอกเมือง
นอกจากเพชฌฆาตเฒ่าที่แกล้งป่วยแล้วก็คงมีเพียงแต่หยางเฉินที่เป็นเพชฌฆาต
ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ในการประหารหลายสิบชีวิตในแต่ละวัน
แรกๆฝูงชนก็ดูตื่นเต้นและแห่ขบวนไปชมการทำงานของหยางเฉิน แต่หลังจากที่ได้เห็นมันแล้ว
ก็ไม่มีใครที่จะมีอารมณ์ดูมันต่อไป
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
ข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมากับทุกคน นี่เป็นหน้าที่ของข้า
ข้าจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โปรดให้อภัยแก่ข้า!" ทุกครั้งก่อนที่เขาจะดำเนินการประหาร
หยางเฉินจะพูดประโยคเหล่านี้ เหมือนกับกำลังจะบอกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ เขาไม่ควรที่จะได้รับผลแห่งกรรม
ผ่านมาอีกหลายวันและแล้วหยางเฉินก็มีความคุ้ยเคยกับงานที่เขาทำอยู่
เสียงแหลม ‘หวีดดด’
จากการที่หยางเฉินเหวี่ยงใบมีดและตัดหัวออกไป เลือดกระฉูดออกมาจากบริเวณที่คอขาด
แต่หยางเฉินก็ยังดูสะอาดไม่เลอะเปื้อนด้วยเลือดแม้แต่น้อย
เนื่องมาจากการฝึกที่เข้มงวด กับการตัดหัวที่มากกกว่าร้อยหัว
มันทำให้เขาเชื่อมั่นในความสามารถของเขาว่าจะไม่มีการเลอะเปื้อนจากหยดเลือดแม้แต่หยดเดียวหลังจากกุดหัวเหล่านักโทษ
‘ฟืดดดด’
หยางเฉินสูดลมหายใจลึกๆ
เขาทำการสูดกระแสแห่งชีวิตที่มีอยู่ภายในศพเข้าไปในร่างกายของตัวเอง
แล้วทำการหมุนเวียนมันภายในร่างกายมามากกว่าร้อยครั้ง ทันทีที่เขาทำมันอีกครั้ง
มันจะทำการเก็บพลังปราณเข้าไปในสี่แขนขาและกระดูกนับร้อยของเขาอย่างรวดเร็ว
มันบำรุงเสริมร่างกายของเขาและเปลี่ยนรากจิตวิญญาณของเขา
มือของเขาไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย
ความชำนาญของหยางเฉินดังเส้นทางของสายน้ำที่ราบรื่น
เขาเดินมาด้านหน้าของนักโทษคนที่สองและทำการตัดหัว
ทำการสูดลมหายใจเพื่อหมุนเวียนตามมาด้วยคนที่สาม คนที่สี่...
ในวันนั้นมีนักโทษสี่สิบคนที่ถูกตัดหัว
และหลังจากที่หยางเฉินเสร็จสิ้นภาระกิจการตัดหัวคนสุดท้าย แก่นพลังชีวิตก็ถูกดึงเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉิน
เขาทำการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง
หยางเฉินยังคงส่ายหัวของเขาเบาๆ แก่นพลังชีวิตของเหล่ามนุษย์ ไม่สำคัญว่าจะดูดซึมได้ไปเท่าไหร่
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีประโยชน์มากอย่างที่คาด ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลที่ชัดเจนถ้าหากเขาฆ่าไปเพียงหลักหลายสิบหรือหลายร้อย
แม้แต่หลายพัน
สิ่งที่หยางเฉินคิดว่าเป็นเรื่องไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์
ในสายตาของคนอื่นนี้มันเป็นเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะที่วิธีการ หลังจากที่ทุกครั้งที่เขาฆ่าคน ร่างของหยางเฉินจะถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของเลือดที่หนาแน่นมากขึ้น
มันยังคงติดแน่นหลังจากนั้นไปอีกนาน
ทั่วทั้งร่างกายของเขาจะรู้สึกราวกับว่าเขาได้ปีนขึ้นมาจากทะเลเลือด
มารปราณไหลล้นมาจากทุกทิศทุกทาง
มันทำให้คนธรรมดาสามัญหรือแม้แต่ทหารประจำการที่อยู่บริเวณรอบๆจะหันหน้าหนีเมื่อพวกเขาเห็นหยางเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของหยางเฉิน
เมื่อเดินไปตามถนนในเมือง
เหล่าประชาชนไม่แม้แต่จะกล้าเหลือบมองก็เพราะว่ากลัว พวกเขาถึงกลับไม่กล้ามองออกไปที่ถนนในเวลาที่หยางเฉินเดินผ่าน
เมื่อถึงคราวจำเป็นหยางเฉินจะปรากฏตัวบนถนนที่ว่างเปล่า
นอกจากนี้มันยังช่วยทำไว้หยางเฉินปลอดภัย
อย่างน้อยก็ไม่มีใครกล้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา ไม่ว่าพวกเขาจะเกลียดหยางเฉินมากแค่ไหนแต่ในการปรากฏตัวของเขา
พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดแม้ซักครึ่งคำที่ไม่เหมาะสม
หยางเฉินจะพักผ่อนในยามเช้า
เมื่อถึงตอนเที่ยงก็ตัดหัว และทำการฝึกในช่วงบ่าย นี่คือสิ่งที่หยางเฉินทำเป็นประจำในวันปกติอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งเดือน
หยางเฉินดูดซึมแก่นพลังชีวิตจำนวนมากของนักโทษถึงแม้ว่ามันจะไม่พอสำหรับเขาที่จะบรรลุเป้าหมาย
หากมันก็เพียงพอสำหรับเลือดและพลังปราณของร่างกายที่จะเพิ่มระดับทักษะการต่อสู้ของเขาไปอีกระดับ
ในวันนี้เมื่อหยางเฉินเสร็จภาระกิจภาคสนามในระหว่างทางกลับบ้านของเขา
เขาเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีแดง มันเป็นวันที่แปลกมาก
เมฆบดบังพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวัน ทั่วทั้งท้องฟ้ากลายเป็นสีชาด
เมื่อเห็นภาพนี้ใบหน้าของหยางเฉินก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม
ช่วงเวลาที่เขาได้รอมานานมันก็คือวันนี้ ในที่สุดมันก็ได้มาถึงแล้ว
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเลือด
นี้เป็นวันที่เขาได้เรียนรู้หลังจากเมื่อมีอำนาจในโลกนิรันดร์ในชีวิตของเขาก่อนหน้า
มันเป็นวันที่ศาลสวรรค์ได้มีการเปลี่ยนแปลง
หลังจากเสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็น
หยางเฉินเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ มันน่าแปลกที่ในคืนนี้ไม่ว่าใครก็ตามต่างนอนหลับใหล
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่บนเตียงของพวกเขา
อยู่ๆพวกเขาก็ถูกโจมตีด้วยความเหนื่อยล้าและหาสถานที่ที่จะหลับนอน
"หยางเฉิน
เจ้าเป็นเพชฌฆาตใช่หรือไม่?" ในความฝันหยางเฉินได้ยินเสียงร้องถามของพระเจ้า
"ใช่แล้ว!"
เมื่อได้ยินเสียงนี้หยางเฉินลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
เพื่อที่จะตอบกลับไปให้กับความว่างเปล่า ในขณะนี้เขาพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง
"ตราบใดที่พวกเขาเป็นนักโทษ
เจ้ากล้าที่จะตัดหัว? เจ้าสามารถประหาร? "เสียงถามคำถามอื่น
"ตราบใดที่พวกเขาเป็นนักโทษข้ากล้าตัดหัวและข้าสามารถประหาร!"
หยางเฉินตอบโดยไม่เย่อหยิ่ง
"ตามข้ามา!"
เจ้าของเสียงสง่างามไม่ได้เปิดเผยตัวเอง แค่ส่งเสียงถึงเขาจากทิศทางด้านหนึ่ง
"บนลานประหาร ให้ประหารนักโทษ!"
เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็งก้าวร้าวของพระเจ้าดังออกมา
เหล่าผู้คนไม่มีความคิดที่จะต้านทานใด ๆ
"ถูกต้อง
พระเจ้า!" หยางเฉินไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพียงตอบคำถามและเดินตามเส้นทางที่ปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะเดิน ไปพร้อมกับก้าวที่ยาวมากขึ้น
ในที่สุดเขาก็เห็นลานประหารที่แออัดไปด้วยผู้คน
เมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก
หยางเฉินได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดเพชฌฆาตในลานประหาร ทหารที่มีลักษณะไม่ชัดเจนประคองใบมีดของเพชฌฆาตด้วยมือทั้งสอง
ยื่นมันมาทางด้านหน้าของเขา หยางเฉินเอื้อมมือออกไปรับและยกใบมีดกวัดแกว่งตามรูปแบบที่เคยฝึกมา
เขาไล่นิ้วไปตามขอบของใบมีด
ก่อนที่จะตัดหัวอย่างน้อยเขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าใบมีดมันคม
"น้องชาย
ข้าขอโอกาสพูดกับเจ้าสักหน่อย!" ขณะที่ทดสอบความคมของใบมีด
สายคาดเอวของหยางเฉินถูกดึงเบาๆ โดยคนคนหนึ่งซึ่งตามมาด้วยเสียงประจบสอพลอ
หยางเฉินหันศีรษะไปทางทิศของต้นเสียง
เขาเห็นชายร่างอ้วนเต็มไปด้วยไขมันที่ดูแข็งแกร่งและสวมใส่ชุดผ้าไหมเนื้อดี
มือข้างหนึ่งของชายคนนั้นดึงสายคาดเอวของเขา ส่วนอีกมือยืดตรงมาทาง หยางเฉิน
ในมือของเขาถือทองคำแท่งอย่างน้อยสิบตำลึง
Credit: google
"น้องชาย
เจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม?" ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันของเขาส่งรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรอย่างคนใกล้ชิดออกมาและยัดทองคำแท่งเข้าไปในสายคาดเอวของหยางเฉิน:
"ข้าได้ติดสินบนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมดแล้ว น้องชายก็แค่ช่วยให้ลูกชายของข้ารอดออกไปจากลานประหารนี้
สิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่ช่วงที่เจ้าต้องตัดหัวเจ้าก็ทำให้มันเป็นเพียงแผลตื้นๆ
อย่าเอาชีวิตของเขาและซ่อนมันจากหัวหน้าผู้ตรวจการคนอื่นๆ
แน่นอนมันจะไม่มีใครร้องเรียนในเรื่องนี้ หากเจ้าทำสำเร็จข้านี้จะตอบแทนบุญคุณเจ้าให้อย่างงาม!"
"ข้าก็แค่เพชฌฆาต
หากเจ้าพูดถึงเรื่องอื่นใด ข้านั้นไม่อาจเข้าใจได้!"
หยางเฉินผลักมือที่มีแต่ไขมันออกไปแล้วหันหลังกลับ เขาเดินเข้าไปในลานประหาร
"ไอ้สารเลว
แกกล้าปฏิเสธปิ่งกัน (ขนมปังกรอบ) เพื่อที่จะถูกบังคับให้โดนปรับหนึ่งจอกอย่างงั้นเหรอ
ข้าเป็นคนระดับสูงของทางการ ถ้าเจ้าไม่รู้ ‘วิธีที่จะซาบซึ้ง’ มันคงยากที่จะรับผลที่ตามมาได้!"
เมื่อชายที่อุดมไปด้วยไขมันเห็นหยางเฉินปฏิเสธ การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีอย่างดุเดือด
เขาตะโกนเสียงต่ำมาด้านหลังของ หยางเฉิน
"เจ้าอาจจะเป็นผู้ตรวจการระดับสูง
แล้วมันมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ เพชฌฆาตอย่างข้างั้นรึ?" หยางเฉินเยาะเย้ยขณะที่เดินขึ้นไปบนลานประหาร
เขาถือดาบเพชฌฆาตสีชาดแล้วดึงมันมาที่หน้าอกของเขา
เขายืนอยู่ที่นั่นรอเวลาที่จะทำงานอย่างเงียบๆ...ซึ่งก็อีกไม่นาน
เวลานี้มันไม่ใช่มีแค่หยางเฉินที่รอทำการประหารเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ยังมีเหล่าเพชฌฆาตถือใบมีดสีชาดอีกเป็นจำนวนมาก
หยางเฉินไม่สามารถแม้แต่จะนับได้ว่ามีเพชฌฆาตเป็นจำนวนเท่าไหร่
ฉากนี้จริงๆเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง มันจะเป็นอย่างไรหากที่นี่จะทำการตัดหัวมากมาย?
ต่ง ต่ง ต่ง
เสียงกลองดังสามครั้ง ดวงอาทิตย์ส่องแสงลงมาเป็นแนวตั้งฉากในเวลาเที่ยงวัน
หยางเฉินเพียงได้ยินคำสั่ง "ประหาร"
หลังจากนั้นป้ายประหารชีวิตจะถูกโยนออกมาในทันที
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทำงานของข้า
ข้าต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย โปรดให้อภัยข้า!"
หยางเฉินพูดวลีทำงานของเขาตามธรรมเนียมอย่างรวดเร็ว
หลังจากคว้าป้ายประหารชีวิตที่ติดอยู่ในเสื้อผ้าของนักโทษแล้วขว้างมันออกไปด้วยเสียงอันดัง
เพชฌฆาตยกใบมีดสูงขึ้นและลดลงมาภายในพริบตา หนึ่งหัวพลันกลิ้งออกไปในทันทีและร่างกายที่ถูกตัดหัวออกไปก็ล้มลงกับพื้นอย่างช้าๆ
เลือดพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก
ด้วยทั้งหมดนี้หยางเฉินไม่ได้ดูดซับแก่นชีวิตดังเช่นปกติที่เคยทำ
แต่กลับถือใบมีดอย่างเงียบๆ เพื่อรอการประหารครั้งต่อไป
"เก้าพันสามร้อยเจ็ดสิบสองเพชฌฆาต
สามพันแปดร้อยสี่สิบสามหัวคน" มีเสียงกล่าวรายงานออกมามันดูเหมือนทั้งคำนวณสถิติและรายงานผล
ทันใดนั้นเกิดพายุขึ้น
ความแรงลมทำให้ฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่วลานทำการที่หยางเฉินยืนอยู่
นักโทษประหารชีวิตได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยมีเพียงสิ่งเดียวที่ยังอยู่บนลานทำการมันเป็นความงามที่ละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์
ร่างที่คุกเข่าท่ามกลางพายุฝุ่น แสงสะท้อนหยกขาวที่สมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าความงามของดอกไม้
ใบหน้าตัดกันกับเมฆสีแดงสวยงาม ในร้อยวิธีแห่งความงามอันไร้ขีดจำกัด
Credit google/Facebook
ที่ลานโล่งนั่นมีสาวงามนั่งคุกเข่าอยู่
แต่ผู้ที่ยืนอยู่รอบๆคือเหล่าเพชฌฆาตจำนวนมากหลายสิบเพชฌฆาตเฉกเช่นหยางเฉิน ดูเหมือนทั้งหมดจะรอเวลาที่จะลงมือประหารชีวิต
"ประหาร!"
เสียงตะโกนดังออกมาและแผ่นประหารชีวิตถูกโยนไปด้านหน้าของเพชฌฆาต
เพชฌฆาตก้าวไปข้างหน้าทันที แต่ในขณะที่เขากำลังจะตวัดดาบของเขา โฉมงามที่คุกเข่าก็พูดขึ้น
"นายท่าน ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ สงสารข้าเถอะ นายท่าน"
เพชฌฆาตเมื่อเห็นความงามของเธอก็รู้สึกสงสารขึ้นมาทันที
เธอได้ใช้คารมอันหวาบหวานด้วยการเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’
ด้วยการกระทำเช่นนี้มันทำให้กระดูกของเพชฌฆาตนี้อ่อนนุ่มและเส้นเอ็นกลับกลายเป็นปวกเปียก
ปากและดวงตาเบิกกว้าง แต่ไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนได้
ผู้บังคับบัญชาตะโกนด้วยความโกรธไปที่เพชฌฆาตอีกคนหนึ่ง
"เจ้า ประหาร!" ป้ายประหารชีวิตดูเหมือนจะมองเห็นได้อย่างเจน
มันปลิวไปตกอยู่ด้านหน้าของเพชฌฆาตผู้อื่น เพชฌฆาตผู้นี้ก้าวไปข้างหน้าและถูกโฉมงามวิงวอนขอร้องพอกันกับเพชฌฆาตคนก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นเขาก็หลงใหลและไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนได้อีกเช่นกัน
หลังจากนั้นก็มีเพชฌฆาตอีกหลายสิบคน
ทุกคนต่างประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถที่จะยับยั้งความโกรธ
มันถูกแสดงออกมาในน้ำเสียงของเขา
และในที่สุดป้ายประหารชีวิตก็มาปรากฏที่ด้านหน้าของหยางเฉิน
ผู้บังคับบัญชาตะโกนด้วยเสียงที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยความโกรธ
"เจ้า
ประหาร!"
หยางเฉินก้าวไปข้างหน้า
ยืนอยู่ข้างหน้าของโฉมงาม เมื่อโฉมงามเงยหน้าของเธอขึ้นมามันเผยให้เห็นเสน่ห์แห่งการทำลายล้างของเธอ
เสียงอันอ่อนหวานของเธอได้ถูกกล่าวออกไป "นายท่าน
ข้าถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม" เพียงเสียงหวานที่เปล่งออกมา
มันควรที่จะส่งผลให้กระดูกอ่อนนิ่มด้วยมนต์เสน่ห์
แม้เหล็กกลั่นร้อยครั้งก็อ่อนพอที่จะเป็นสายลมพัดผ่านรอบนิ้วมือของเขา
แต่น่าเสียดายที่หยางเฉินดูเหมือนจะมีจิตใจแข็งแกร่งดั่งหิน
เขามองไปที่ความงามอันละเอียดอ่อนเหมือนกับไม่ได้เห็นเธอ เขาเพียงตะโกนออกไป
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา
ที่นี่เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง โปรดให้อภัยข้า!"
พอสิ้นคำพูด
ไม่ว่าโฉมงามจะคร่ำครวญอย่างไร ใบมีดชั้นยอดก็ยกสูงขึ้นและลดลง
เสียงแห่งการอ้อนวอนของโฉมงามก็หยุดลงในทันใดนั้น
หัวของเธอกระเด็นออกไปไม่แตกต่างจากนักโทษธรรมดาที่ถูกตัดสินประหารชีวิตในก่อนหน้านี้
"ดี!"
หยางเฉินเหวี่ยงใบมีดลงและได้ยินเสียงกระหึ่มร้องด้วยความชอบใจจากฝูงชน
หยางเฉินไม่ได้แม้กระทั่งเหลือบมองด้านข้าง มีแต่รอยยิ้มเย็นที่อยู่ภายในใจของเขา
"สามพันแปดร้อยสี่สิบสามคน
มีเพียงหนึ่งร้อยสิบห้าที่ถูกประหาร" เสียงยังคงรายงานสถิติ
"หยางเฉิน
มานี่!" ใครบางคนจากด้านหลังเรียกเขา และ หยางเฉินเดินตามไปโดยไม่ต้องคิดทบทวน
เหล่าเพชฌฆาตที่ไม่สามารถตัดหัวของโฉมงาม ยังคงยืนนิ่งทำหน้าโง่
ราวกับว่าพวกเขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
ใกล้ที่จะถึงลานประหารอื่นๆ
มีเพียงหยางเฉินเป็นเพชฌฆาตคนเดียวเท่านั้นและนักโทษคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน
ผมเผ้าดูยุ่งเหยิง เขาสวมใส่เสื้อคลุมมังกร น่าแปลกที่ลานประหารแห่งนี้ไม่ได้มีผู้ช่วยใดๆ
และไม่มีเจ้านายคนใดมาเข้าร่วม
นักโทษยืนอยู่ในบริเวณนั้นด้วยท่าทางที่ดูหยิ่งในศักดิ์ศรีมากกว่าความโกรธ
เขามองหยางเฉินด้วยสายตาที่เย็นชา
ทหารที่พาเขามาได้หายไปแล้ว
และมีเพียงหยางเฉินเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนนี้ หยางเฉินยังไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเพียงยืนอยู่อย่างเงียบๆ
ในที่ที่แห่งนั้น
"หยางเฉิน
ประหาร!"
เสียงของผู้บังคับบัญชาดังก้องอีกครั้งและป้ายประหารชีวิตก็ปรากฏด้านหน้าของหยางเฉิน
หยางเฉินยกใบมีดเพชฌฆาตขึ้นมาและก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ต้องมีคำที่สองเมื่อชายวัยกลางคนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น
ดวงตาของเขาเปิดกว้าง การแสดงออกของเขาแสดงถึงกลิ่นอายของผู้ครอบงำ ส่งเสียงตะโกนไปที่หยางเฉิน
"ข้าเป็นบุตรของสวรรค์ ราชันย์ของวานนี้และในวันรุ่งขึ้น
เจ้ากล้าที่จะหยาบคายต่อข้า?"
เสียงนี้คล้ายเสียงดังกังวานของโลหะเช่นทองและหยกมันดังอึกทึกก้องอยู่ในหู
คนขี้ขลาดอาจจะกลัวจนอ่อนปวกเปียกและคุกเข่าเมื่อถูกตะคอกด้วยเสียงลักษณะนี้
บูม...หยางเฉินไม่ได้สนใจ
เขาเดินขึ้นไปและเตะราชันย์ของวานนี้และในวันรุ่งขึ้น จิตวิญญาณของสุดยอดอมตะทองคำที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีจะต้องมาสนใจกับราชันย์มนุษย์ตัวเล็กๆเช่นนี้ด้วยรึ? เขาเตะชายวัยกลางคนอีกครั้งจนล้มไปกับพื้นด้วยเท้าข้างหนึ่งข้างหนึ่งของเขา
และก้าวเหยียบลงไป และหยางเฉินสะบัดใบมีดสีเลือดของเพชฌฆาต
"สำหรับคนที่มีหนี้ก็คือลูกหนี้
เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือความเกลียดชังในอดีตที่ผ่านมา ที่นี่เป็นสถานที่ของข้าในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง
โปรดให้อภัยข้า!" เมื่อพูดจบ
ใบมีดขนาดใหญ่ของหยางเฉินตัดลงและหัวของคนที่เรียกตัวเองว่าราชันย์ได้กลิ้งออกไป
ติ่ง... เสียงของจี้หยกขาวที่มีขนาดเล็กกลิ้งออกมา
มันอยู่ใกล้กับศพของราชันย์ หยกเปรียบดั่งความมั่งคั่งและราบรื่น
และหนึ่งสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าจากการมอง
หยางเฉินมองไปรอบๆ
เขาไม่เห็นใครในที่แห่งนี้ เขาหัวเราะอย่างเย็นชาในใจของเขา
เขาเอื้อมมือออกและคว้าจี้หยกวางไว้ในเข็มขัดของเขา เขายืนอยู่อย่างเงียบๆ
เพื่อรอคำแนะนำต่อไป
"คนสองคนหัวขาด
หนึ่งไม่ได้เหลือบมองด้านข้าง อีกหนึ่งเอาจี้หยก" หยางเฉินไม่สามารถได้ยินเสียงรายงานสถิติสุดท้าย
"ดี!
หยางเฉิน ‘แท่นประหารเซียน’ แห่งศาลสวรรค์
ต้องการเพชฌฆาตเยี่ยงเจ้า เจ้ายินดีที่จะทำหรือไม่?"
คราวนี้ผู้บังคับบัญชาที่เขาไม่เคยเห็น
มายืนอยู่ตรงหน้าของหยางเฉิน กล่าวด้วยเสียงแห่งความกรุณา ในมือของเขาถือแหวนสีขาว
ขณะที่ผู้บังคับบัญชาค่อยๆ นำเสนองานชิ้นถัดไปให้กับเขา
มีทั้งพระเจ้า มีทั้งเซียน เหอๆ
ตอบลบสนุกๆ
ตอบลบ