เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ZX 002 เป็นเพชฌฆาต

Credit:  http://thesnowzombie.deviantart.com/art/The-Executioner-185751164


จากนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่กลับไปที่หมู่บ้านหยางมันใช้เวลาในการเดินทางราวๆหนึ่งเดือน นิกายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางรวมถึงรถม้าเมื่อตอนขามา แต่ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบเหล่านี้ จะต้องหาวิธีกลับไปยังหมู่บ้านหยางเอง

เด็กหนุ่มสาวของหมู่บ้านหยางมีฐานะที่ยากจน พวกเขาทำได้เพียงแค่เดินทางด้วยเท้า ซึ่งมันใช้เวลานานมากๆ แน่นอนมันย่อมมากกว่าหนึ่งเดือน

ทุกคนนั้นยอมรับในจุดนี้ พวกเขาได้นำเหรียญเงินออกมาใช้จ่ายก่อนที่จะจากไป เพื่อซื้อหมั่นโถในร้านเล็กๆบริเวณทางเดินข้างๆตีนภูเขาไว้เป็นจำนวนมาก โดยใช้แผ่นหนังที่เตรียมมาในการเก็บพวกมันแทนถุงผ้าและกินพวกมันระหว่างการเดินทาง

สำหรับชาวบ้านแล้วการเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะทางไกลนั้นเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับการทำนาที่พวกเขามีอยู่ หากพวกเขาโชคดีสามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งนิรันดร์  พวกเขาจะเป็นดั่งปลาที่กระโดดข้ามประตูแล้วกลายเป็นมังกรเลยทีเดียว และถึงแม้จะไม่ประสบผลสำเร็จพวกเขาก็สามารถกลับมาดำเนินชีวิตอย่างที่พวกเขาเคยเป็น

หยางเฉินนั้นได้ปรับอารมณ์มาเป็นปกติแล้ว ด้วยเป้าหมายที่หยางเฉินวางไว้ มันทำให้เขาไม่โกรธใครง่ายๆ ในสายตาของเพื่อนสนิทไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นคนหัวแข็ง  

หยางเฉินดูเหมือนจะเป็นตัวของตัวเอง สุภาพและน่ารัก มีรอยยิ้มเสมอ แต่ยังทำสิ่งต่างๆตามข้อเสนอแนะของเพื่อนๆอย่างง่ายดาย ไม่มีใครรู้สึกว่ามีอะไรที่แปลกไป มันเป็นเพียงแค่ว่าสิ่งที่หยางเฉินกล่าวออกมาดูเหมือนเหมาะสมและมีเหตุผลเป็นอย่างมาก

หยางเฉินหาข้ออ้างเพื่อแยกออกจากกลุ่มและอยู่เพียงคนเดียว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร แท้จริงแล้วทุกคนคิดว่าถึงเขาย้อนกลับไปมันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่ไม่มีใครพูดอะไรและได้แต่ปล่อยให้เขาจากไป

หยางเฉินไม่ได้ย้อนกลับไปที่นิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่อย่างเช่นที่ทุกคนคิด แต่เขาเลี้ยวไปทางฝั่งขวาแล้วเดินเข้าไปในภูเขา ด้วยมีดตัดไม้ที่อยู่ในมือและอีกประสบการณ์หนึ่งหมื่นปีของเขา หยางเฉินสามารถหาอาหารและน้ำเพื่อดำรงชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา เหตุผลที่หยางเฉินหลีกเลี่ยงทุกคนเป็นเพราะเขาอยากจะเริ่มต้นหล่อหลอมร่างกาย

การหล่อหลอมร่างกายนั้นต่างจากการบ่มเพาะ มันไม่ได้ดึงลมปราณเข้าสู่ร่างกายเพื่อรวบรวมลมปราณเช่นเดียวกับการฝึกบ่มเพาะ

แต่มันเป็นการใช้ทักษะการต่อสู้ฝึกฝนกำลังภายนอก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย สำหรับกำลังภายในเขายังไม่ได้ฝึกอะไรทั้งสิ้น

สำหรับเหล่านักบ่มเพาะ การฝึกกำลังภายนอกนั้นด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตราบใดที่พวกเขาสามารถรวบรวมลมปราณแล้วฝึกมันจนสามารถขึ้นไปสู่ระดับก่อสร้างรากฐานได้ คนหนึ่งคนอาจจะมีพลังจิตวิญญาณเพื่อมาบำรุงร่างกาย ซึ่งได้ผลที่มากกว่าการฝึกกำลังภายนอกนับเป็นร้อยเท่า

นอกจากนี้ ผู้ที่ฝึกกำลังภายนอกก็จะเสียเวลาในการฝึกบ่มเพาะไปเปล่าๆ และถึงบางคนจะมีเวลามันก็ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นหินจิตวิญญาณหรือการกลั่นสกัดยาเพื่อช่วยเสริมการฝึก

หยางเฉินนั้นไม่ได้ปัญญาทึบ เขามีประสบการณ์บ่มเพาะนับหมื่นปี เขาย่อมรู้ดีกว่าใครๆว่าอะไรคือความแตกต่างเมื่อฝึกบ่มเพาะระหว่างร่างกายแข็งแกร่งกับร่างกายอ่อนแอ บางทีความแตกต่างอาจไม่สามารถมองเห็นได้ในไม่กี่ศตวรรษ แต่ช่องว่างก็จะมีมากขึ้นจนน่ากลัวเมื่อระดับพลังเพิ่มมากขึ้น

รากฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการฝึกบ่มเพาะ  และนอกจากนี้ยังมีพื้นฐานการฝึกฝนบ่มเพาะรากจิตวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ร่างกายที่แข็งแกร่งก็เป็นรากฐานที่ดีสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อย่างเยี่ยมยอดมากยิ่งขึ้น

การเสริมสร้างร่างกายให้มีประสิทธิภาพนั้นเป็นขั้นตอนแรก แม้กระทั่งเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ก็ไม่ได้ศึกษาแต่วิธีการบ่มเพาะและทำการละเลยที่จะฝึกฝนร่างกาย  

จริงอยู่ที่พลังจิตวิญญาณจะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่การที่จะเสริมสร้างร่างกายที่อ่อนแอกับร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นมันย่อมมีผลที่แตกต่าง

หากเทียบทักษะระหว่างนักบ่มเพาะคนหนึ่งกับคนที่ใช้เวลาในการเข้าฌาณเป็นเวลานาน มันย่อมมีความแตกต่างในการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่าย

เป้าหมายของหยางเฉินก็คือการฝึกกำลังภายนอก เพื่อปรับแต่งกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาก่อนที่จะเริ่มฝึกบ่มเพาะ

มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมหยางเฉินเน้นการฝึกกำลังภายนอกเพียงอย่างเดียวและไม่ฝึกกำลังภายใน นั่นก็คือเคล็ดวิชาการปรับปรุงรากจิตวิญญาณของมารเฒ่าอี้นั้นต้องทำเช่นนี้ก่อนเริ่มทำการฝึกบ่มเพาะเท่านั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ
(TTL: ประมาณว่าเทคนิคใหม่ย่อมดีกว่า)

นอกจากทักษะการต่อสู้แล้ว ยังมีการวิ่ง การกระโดดและอีกหลากหลายวิธีที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นและความเร็วให้กับร่างกาย

บนเส้นทางที่หยางเฉินกำลังมุ่งหน้าไป เขาทำการกระโดดมากกว่าวิ่งและไว้ใจในมีดผ่าฟืนในการหาอาหาร

มากกว่าสิบวัน ความทรงจำของหยางเฉินได้ย้อนกลับมามากขึ้น อีกทั้งยังเด่นชัด ทุกอย่างในชีวิตของเขานั้นย้อนกลับมาในความคิดของเขาอีกครั้ง  

ในขณะที่เขาทำการหล่อหลอมร่างกายด้วยการวิ่ง ไม่ช้าหยางเฉินก็มาถึงภูเขาลูกหนึ่ง

ภูเขาแห่งนี้อยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง มีคนไม่มากนักที่จะมาที่นี่ มันเป็นภูเขาที่แห้งแล้งที่แทบจะไม่มีพลังปราณหรือพลังจิตวิญญาณจากธรรมชาติเลย บริเวณนั้นมีวัดภูเขาขนาดเล็กๆ มันเป็นเพียงซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งให้รกร้างมานานและกำแพงครึ่งหนึ่งยังยุบลงมา



หยางเฉินยืนอยู่ด้านหน้าของวัดภูเขาแห่งนี้อย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่านี่คือวัดภูเขาในความทรงจำ เขาเผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะผลักประตูวัดที่ทรุดโทรมและเดินเข้าไปภายใน

แต่เดิมมันมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสลักอยู่บนผนัง แต่ลมและฝนได้กัดเซาะพวกมันจนเป็นรอยด่างลาย หลังจากหยางเฉินเข้ามาในวัดสิ่งแรกที่เขาทำคือทำความเคารพภาพของเจ้าภูเขาบนแผ่นศิลาจารึกที่ตะแคงอยู่บนก้อนดิน ภาพมันดูซีดจางจนแทบมองไม่ออก

เจ้าภูเขาอาจจะมีลำดับชั้นที่ไม่สูงนัก วัดวาอาจจะดูทรุดโทรม แต่มันก็ยังเป็นที่ทำการของสวรรค์

หลังจากที่แสดงความเคารพ หยางเฉินเดินไปยังพื้นที่ที่อยู่เบื้องหลังแผ่นศิลาจารึกจิตวิญญาณและต้นไหวโบราณ
  
Credit: Google, Lotus tree หรือ ต้นไหว

เขากะระยะห่างเพื่อตรวจสอบสถานที่และเริ่มขุด หลังจากขุดลึกประมาณสองเมตรเขาก็สัมผัสกับวัตถุที่เป็นของแข็ง

หยางเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาขุดลงไปทีละนิดตามขอบของวัตถุ ในที่สุดมันก็เผยให้เห็นวัตถุชิ้นหนึ่งมีลักษณะเป็นหีบสีเหลี่ยมทำมาจากโลหะ หีบถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินมาหลายปี แต่ยังคงอยู่ในสภาพที่ดี ไม่มีรอยของการกัดกร่อน มีเพียงคราบดำจากเศษดินและความชื้น


เขายกหีบขึ้นมา น้ำหนักของมันประมาณ ร้อยจิน (ราวๆห้าสิบกิโลกัรม) หากไม่ใช่เพราะว่า หยางเฉินเสริมสร้างความแข็งแรงของเขาเมื่อเร็วๆนี้และมีร่างกายที่แข็งแกร่งตั้งแต่วัยเด็ก เขาคงไม่สามารถยกหีบนี้ได้

หีบนี้มันเป็นของอาจารย์อาวุโสหยาง ซึ่งเป็นปู่ของหยางซี ผู้ซึ่งได้ทิ้งเบื้องหลังในวัยหนุ่มของเขาไว้ที่นี่ ในกรณีที่ครอบครัวของเขาพบกับภัยพิบัติในอนาคตพวกเขาจะใช้มันเป็นเงินทุนในการสร้างฐานะขึ้นมาใหม่ เพียงแต่ตอนนี้ทุนในครั้งนี้อยู่ในมือของหยางเฉิน

ด้วยทรัพย์สมบัติในหีบ หยางเฉินสามารถพาพ่อแม่ของเขาออกไปจากหมู่บ้านหยางได้

อดีตได้ย้อนเข้ามาในห้วงคำนึงของหยางเฉิน ครั้นเมื่อหยางซีได้วางกับดักหยางเฉิน มันแม้กระทั่งใช้พ่อกับแม่ของเขาเป็นตัวประกัน ทำให้หยางเฉินไม่มีทางเลือกได้แต่หวานอมขมกลืน ในชีวิตนี้หยางเฉินจะไม่ให้โอกาสหยางซีได้ทำเช่นนั้นอีก

ในเวลานี้อาจารย์อาวุโสหยางอาจจะยังไม่ได้บอกหยางซีเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่เพื่อประโยชน์ของหยางเฉิน สิ่งแรกที่เขาขุดขึ้นมาจากพื้นดิน เขาจะปลูกต้นไม้เล็กๆไว้ที่ตรงนี้แทนและย้ายจุดฝังหีบไปอีกที่ซึ่งอยู่ติดกับถนน หยางเฉินทำการกลบร่องรอยต่างๆเพื่อทำให้แน่ใจว่าไม่มีเบาะแสใดๆที่สามารถตรวจสอบได้ จากนั้นจึงเดินทางกลับบ้าน

ขณะที่วิ่งอยู่บนทางกลับบ้าน ความเร็วของหยางเฉินก็ไม่ได้ช้ากว่าเหล่าสหายที่กำลังเดิน เมื่อพวกเขากลับไปถึงหมู่บ้าน หยางเฉินก็ไล่ตามทัน

มากกว่าหนึ่งเดือนของการฝึกอย่างหนักทำให้ร่างกายของหยางเฉินดูบึกบึนและแข็งแรงมากกว่าเมื่อตอนที่เขาจากไป แม้จะมีอายุเพียงแค่สิบหก ร่างกายของเขาในตอนนี้อาจเทียบเท่ากับผู้ใหญ่ได้

ข่าวดีที่ว่าลูกหลานของอาจารย์อาวุโสหยางอย่างหยางซีและหยางลาน ที่ได้รับเลือกโดยนิกายสวรรค์ยิ่งใหญ่ ดังแซ่ซ้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เกือบทั้งเขตตกใจและแม้กระทั่งผู้รักษาการเขตก็ยังมาเพื่อแสดงความยินดี หมู่บ้านหยางยังคงคึกคักอย่างกับมีงานเทศกาลที่ใหญ่โต

ท่ามกลางเหตุการณ์ที่อึกทึกของครอบครัวอาจารย์อาวุโสหยาง ความเศร้าในความล้มเหลวของหยางเฉินนั้นประหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดา

ครอบครัวของหยางเฉินนั้นใช้แซ่หยางแต่พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ กับผู้อาวุโสหยาง

สามคนพ่อแม่และหยางเฉินได้เช่ารถม้าในเมือง พวกเขาไม่ได้นำสิ่งของอะไรไปมากนักและรีบเร่งออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว

หยางเฉินได้ยกเลิกรถม้าที่ใช้เดินทางเมื่อใกล้ถึงเมืองถัดไป จากนั้นเขาได้เช่ารถม้าใหม่ที่เมืองนี้ ระหว่างเดินทางยังได้ทำการเปลี่ยนรถม้าอีกประมาณหกที่เพื่อไปยังสถานที่ตั้งใจไว้ ในที่สุดหยางเฉินก็ทำการซื้อรถม้าและหลังจากนั้นหนึ่งวันบนท้องถนน ครอบครัวของหยางเฉินได้รีบเร่งเดินทางเพื่อไปยังจุดที่หยางเฉินได้ฝังหีบไว้

เมื่อเขาหาที่จอดพักในที่ๆเหมาะสมได้ ในเวลาไม่กี่ชั่วยาม กล่องต่างๆก็ได้ถูกบรรจุไว้ในหีบห่อสัมภาระของครอบครัวหยางเฉิน และแน่นอนสถานที่ที่ซ่อนกล่องเหล่านั้นย่อมไม่มีใครมองเห็น

ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาทำการเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางอีกครั้ง เมื่อเวลาได้ผ่านไปราวๆสองเดือน หยางเฉินอยากให้พ่อแม่ของเขาได้ลงหลักปักฐานในที่ที่ปลอดภัย ตลอดทางพวกเขาเดินทางบนถนนสายหลัก และเนื่องจากครอบครัวไม่ได้ดูมีฐานะ จึงโชคดี ไม่มีโจรภัยคุกคามตลอดการเดินทาง พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยจนถึงจุดหมายปลายทาง จากการเตรียมการทั้งหมดเหล่านี้มันยากสำหรับทุกคนที่จะหาพ่อแม่ของหยางเฉินเจออีกครั้งในภายหลัง

ในความเป็นจริง ถนนสายนี้ได้นำพวกเขาออกจากเมืองเฉินที่ซึ่งครอบครัวของหยางเฉินจากมา และเข้าสู่พรมแดนของเมืองเจา  สำหรับชาวนาแก่ๆสองคนที่ดูเหมือนพ่อแม่ของหยางเฉิน การออกจากเมืองเฉินนั้นเป็นไปได้ยาก

จากมุมมองภายนอกดูเหมือนหยางเฉินวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้วเขารู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่จะก่อให้เกิดปัญหาใดๆกับพวกเขา  ดังนั้นตลอดการเดินทางจึงปลอดภัยและราบรื่น

ทรัพย์สมบัติของอาจารย์อาวุโสหยาง มีมากมาย มันมีมากกว่าหกร้อยตำลึงทอง หนึ่งร้อยตำลึงเงิน ส่วนที่เหลือก็เกินที่คาดคิด มีหินจิตวิญญาณคุณภาพต่ำ อีกทั้งยังมีเศษหินจิตวิญญาณอีกหลายสิบก้อน ซึ่งมีค่าเท่ากับหลายหมื่นตำลึงทอง

หยางเฉินไม่ได้อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เขาทำการซื้อคฤหาสน์พร้อมที่ดินและคนรับใช้อีกกว่าโหล ในสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลแต่เขียวขจี แล้วรับพ่อแม่ของเขาไปอยู่ที่คฤหาสน์ขนาดใหญ่ อีกทั้งได้ซื้อที่ดินสำหรับการเพาะปลูกอีกหลายร้อยแปลง โดยให้กว่าร้อยครอบครัวชาวนาเป็นผู้เช่าที่ดิน

Credit: Google

ก่อนหน้านี้ชาวนาทั้งสองไม่คิดว่าเขาจะมีความสุขได้ง่ายๆแบบนี้ อยู่ๆพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีอันจะกิน ได้รับการยกย่องจากผู้คนหลายร้อยคน คนอื่นๆต่างเรียกพวกเขาว่านายท่านและฮูหยิน พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง

นี่คือสถานที่ห่างไกลและนอกจากชาวนาที่อาศัยอยู่ที่นี่มันเป็นเรื่องยากที่จะมีคนอื่นตามมาพบ แม้กระทั่งสงครามก็จะไม่ส่งผลต่อสถานที่แห่งนี้ นี้เป็นสถานที่ที่หยางเฉินได้เลือกอย่างระมัดระวังและเขาคิดว่ามันค่อนข้างที่จะเหมาะสมที่สุด

เมื่อหยางเฉินจัดการทุกอย่างจนเป็นที่พอใจแล้ว หยางเฉินก็ไม่รีบร้อนที่จะจากไป แต่อยู่พร้อมกับพ่อแม่ของเขาต่อไปอีกประมาณครึ่งปี ในครึ่งปีนี้หยางเฉินได้ขยันฝึกฝนเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้รับอาหารที่ยอดเยี่ยม ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแรงและมีขนาดตัวใหญ่หนาขึ้น ร่างกายของเขากำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไม่ได้มีลักษณะเหมือนเป็นเด็กอายุสิบหกอีกต่อไป

เมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยว หนึ่งฤดูกาลของชีวิตที่คฤหาสน์ก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง หยางเฉินกล่าวคำอำลากับพ่อแม่ของเขาและออกจากคฤหาสน์ใหม่หลังนี้  มันเป็นเวลาเก้าเดือนนับตั้งแต่การเกิดใหม่ของเขา

......

บนโต๊ะของเพชฌฆาตพันลี้ มีเงินยี่สิบตำลึงทองวางอยู่และตรงข้ามเพชฌฆาต มีหยางเฉินนั่งอยู่

"เจ้าหมายความว่า เจ้าต้องการที่จะเป็นเพชฌฆาตและถ้าข้าช่วยเจ้า ทองเหล่านี้จะเป็นของข้า?" เพชฌฆาตเฒ่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาของเขาเห็นและสิ่งที่หูของเขาได้ยิน โลกนี้มีโชคแบบนี้ด้วยเหรอ?

เพชฌฆาตเป็นอาชีพที่ไม่ได้รับความชื่นชมใดๆ ในความเป็นจริงในลำดับชั้นปัจจุบันเพชฌฆาตถูกรังเกียจจากพระเจ้าและเป็นที่รังเกียจของปีศาจ ต่ำกว่าขอทาน ไม่มีใครแสดงความเคารพพวกเขาแต่อย่างใดตลอดทางบนท้องถนน เพราะพวกเขาฆ่าคนเป็นจำนวนมาก

พวกเขาถูกเคียดแค้นโดยสวรรค์ ตามตำนานพวกเขาจะตกลงไปชั้นที่สิบแปดแห่งนรกหลังความตาย เพชฌฆาตเฒ่าไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนใช้ทองมากขนาดนี้สำหรับคำขอเช่นนั้น

"ข้ามีชะตากรรมที่แย่ หมอดูบอกว่าถ้าข้าไม่ได้ฆ่าคนมากพอ ข้าจะนำความตายมาสู่ครอบครัวของข้า ดังนั้นข้าจึงต้องการเป็นเพชฌฆาตเพื่อที่จะฆ่าคนให้มากพอที่จะแก้ไขชะตากรรมของข้า" หยางเฉินกล่าวอ้างด้วยเหตุผลไร้สาระออกมา  

"ข้าต้องการที่จะทำมันเพียงครึ่งปี เมื่อครบครึ่งปีแล้วข้าก็จะไป จากนั้นเจ้าจะทำอะไรก็ทำไป"

เรื่องที่เขาจะเป็นเพชฌฆาตแล้วฆ่าคนเพื่อสะเดาะเคราะห์เป็นเวลาครึ่งปีและยังให้เงินมาอีกยี่สิบตำลึงทอง ต่อให้เอาไปจ่ายสินบนหัวหน้าก็ยังเหลือกำไรอีกมาก หากเขาไม่ตกลงเขาก็คงจะบ้าไปแล้ว

ล้มป่วย ลาออก แล้วแนะนำเด็กฝึกงาน เพชฌฆาตเฒ่าใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการจัดให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบตามแผนการณ์

หยางเฉินทำการเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้านซ้ายซึ่งมันจะทำให้ไม่มีใครสงสัยใดๆ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ดูมีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่อันหนักหน่วงอย่างเพชฌฆาตได้
(TTL# เพชฌฆาตจะถนัดมือข้างเดียว หยางเฉินถนัดใช้มือซ้าย)

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหยางเฉินต้องการที่จะเป็นเพชฌฆาต มีเพียงแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ ครั้งหนึ่งเคยเกิดการกบฏในศาลสวรรค์แห่งโลกนิรันทร์ มันมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานก่อนที่หยางเฉินจะขึ้นมามีอำนาจ แต่หยางเฉินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่ละเอียดนักหลังจากที่เขาเกิด ในเวลานั้นท้องฟ้าในโลกมนุษย์เปลี่ยนเป็นสีชาตหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นยุคสมัยของศาลสวรรค์ก็มีการเปลี่ยนแปลง

ตามสิ่งที่หยางเฉินรู้หลังจากการก่อจลาจลในศาลสวรรค์ได้จบสิ้นลง หลายพันเซียน หลากหลายระดับทั้งใหญ่และเล็กที่ถูกประหารบนแท่นประหารเซียน อาวุธเวทถูกยึดโดยศาลสวรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงหากผู้เชี่ยวชาญจะใช้มันในการคุกคามต่อโลกนิรันดร์ บุคคลจากโลกมนุษย์มักถูกเรียกใช้เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญทางอาวุธเวทมาเกี่ยวข้อง

สำหรับผู้สมัครเป็นเพชฌฆาตแห่งโลกนิรันดร์ พวกเขาจะต้องมาจากเหล่าหมู่ของเพชฌฆาตแห่งโลกมนุษย์

หากหยางเฉินสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการเป็นเพชฌฆาตอมตะ อย่างตรงไปตรงมาเขาสามารถสำเร็จการฝึกด้วยวิชามาร การฆ่าชีวิตเซียนเพียงหนึ่งจะได้รับประโยชน์มากกว่าการฆ่าหมื่นปุถุชน แม้ว่าเขาจะไม่มีชื่อว่าเป็นนักบ่มเพาะมาร แต่เขาก็สามารถเติมเต็มการบ่มเพาะรากจิตวิญญาณของเขาด้วยวถีแห่งมาร หากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากสวรรค์ เพื่อทำให้เขากลายเป็นเซียน

หยางเฉินมาถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว วันรุ่งขึ้นหลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นเขามีนักโทษที่จะต้องประหาร ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ หยางเฉินจะทำการฆ่า และมันก็เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิชามารอี้ แม้ว่ามารเฒ่าอี้กล่าวว่ามันคือประตูแห่งความตาย มันไม่มีทางเลยที่จะแน่ใจว่ามันมีอยู่จริง ยังไงก็ตามแต่หยางเฉินก็จะอยากที่จะลองมันอยู่ดี เพชฌฆาตไม่มีทางเลือกที่สองสำหรับการฆ่า เขาเพียงทำงานตามหน้าที่เพื่อความเป็นธรรมและดำรงไว้ซึ่งอำนาจของศาล

"หากเจ้าเป็นหนี้เจ้าก็คือลูกหนี้ เจ้าและข้าไม่มีความแค้นหรือเกลียดชังจากอดีตที่ผ่านมา นี่เป็นที่ทำงานของข้า ข้าต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา อภัยให้ข้าด้วย" หยางเฉินเปลือยอก หัวของเขามัดด้วยผ้าไหมสีชาต เขาหยิบป้ายประหารชีวิตที่อยู่ในเสื้อของนักโทษที่นั่งคุกเข่าออกมาและโยนออกไปที่พื้น จากนั้นยกดาบเพชฌฆาตเหวี่ยงไปทางขวามือของเขา

จากการเคลื่อนไหวของหยางเฉิน ผู้ชมจากภายในและภายนอกลานประหารเบิกตากว้างหายใจติดขัดยาวนาน ตั้งแต่เหล้าหมักที่เตรียมไว้ถูกวางไว้ด้านข้างและหยางเฉินยกชามแรกดื่มอึกหนึ่งแล้วกรอกปากของเขาอีกครั้งและฉีดพ่นดาบเพชฌฆาตของเขา ทั้งหมดที่ทำนี้หยางเฉินมองไปที่นักโทษด้วยดวงตาที่สดใส วิญญาณของนักฆ่าได้หายไปราวกับว่าเขาได้เป็นคนที่แตกต่างกัน ใบมีดของเพชฌฆาตยกขึ้นสูงและลดลงอย่างรวดเร็ว

ฝูงชนมองเห็นเพียงแสงสะท้อนของดาบ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะถามถึงสิ่งที่หยางเฉินได้ทำมาแล้ว แต่หยางเฉินดูเหมือนจะได้กลับไปเป็นที่เด็กหนุ่มที่เป็นกันเองอีกครั้ง อย่างไม่คาดคิดเขาถือผ้าไหมผืนใหม่และเริ่มต้นที่จะเช็ดใบมีด ทุกคนจ้องมองด้วยสายตางงงวย และถูกตรึงไว้ หัวของนักโทษก็ยังคงอยู่บนคอของเขาไม่ได้เคลื่อนย้าย มันเกิดอะไรขึ้น?

เช่นเดียวกับที่ทุกคนยังคงสับสน ร่องรอยเส้นสีแดงก็ปรากฏบนคอของนักโทษ มันเริ่มเห็นชัดขึ้นขยายวงกว้างขึ้นกลายเป็นเส้นสีแดงพาดคอขนาดใหญ่ ไม่นานหลังจากนั้น หัวก็หล่นร่วงตกพื้น เปิดให้เห็นรอยตัดขนาดใหญ่ เลือดสดๆที่ยังอุ่นอยู่ พุ่งกระจายขึ้นไปในอากาศ มันพุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุในฤดูใบไม้ผลิ  เหตุการณ์เหล่านี้กินเวลานานถึงห้าหรือหกลมหายใจก่อนที่มันจะสงบลง ในขณะนี้ร่างกายของนักโทษที่คุกเข่าได้ล้มลงกับพื้น

ฝูงชนระเบิดเสียงดังตามมาทันที


หยางเฉินสูดลมหายใจลึกๆ อย่างไม่รู้ตัวหยางเฉินได้ทำการดึงเอาวิธีการบางส่วนขึ้นมาอยู่ในใจของเขาและเริ่มทำการหมุนเวียนทันทีหลังจากที่กลิ่นอายที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากศพ ร่างกายของหยางเฉินพลันมีกระแสที่อบอุ่นไหลเวียน สุดท้ายมันก็ไหลผ่านไปตามแขนขาทั้งสี่และกระดูกนับร้อยของเขา


1 ความคิดเห็น: