เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564

VFEY 015 หลี่ต้าหนี่โกรธ

 VFEY 015 หลี่ต้าหนี่โกรธ

 

 

ก่อนที่กูเจิงจะพาลูกสะใภ้กลับบ้าน ไม่มีใครคิดว่า กูเจิงจะได้ลูกสะใภ้จากในเมือง ตอนนี้ ลูกสะใภ้คนที่ว่าก็คือ ฉินหลิงหลิง นั่นเอง

 

ในหนังสือนิยายต้นฉบับ มีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับสามีที่เสียชีวิตของเจ้าของร่างเดิม และยังมีเหตุผลที่ไร้สาระสำหรับการแต่งงานของพวกเขา

 

กูเจิงมีผิวที่ดี สูงและสง่า อีกทั้งเขายังเป็นทหารที่กระตือรือร้น เขามีรายได้หลายสิบเหรียญต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อค่าอาหารและเครื่องดื่มในช่วงเวลาปีใหม่ตรุษจีน สำหรับครอบครัวที่ยากจนเหล่านี้ ในพื้นที่ชนบทการที่ตะกูลมีสมาชิกครอบครัวแบบ กูเจิง ถือเป็นผู้ชนะ

 

ดังนั้นแม่เลี้ยงของเขาจึงรู้ว่าเขาสามารถหาเงินได้ และมีความอดทน ดังนั้นเธอจึงกระตุ้นให้ กูต้าชุน สามีของเธอรับเงินของ กูเจิง ไว้ในมือของเธอ

 

แต่กูเจิงคนนี้ไม่ได้โง่ เขาแน่วแน่มาก ไม่ว่าหลี่ต้านี่จะพูดเป็นนัย ๆ ว่าอย่างไร กูเจิงก็จะพูดเพียงว่า ‘เงินที่ฉันหามาได้ ใช้จ่ายอย่างไร ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง การกตัญญูต่อพ่อ ใช่ แต่ฉันไม่ใช่เด็กที่บ้านอีกแล้ว ดังนั้นฉันจะเชื่อฟังในแบบของลูกชายเท่านั้น’

 

ดังนั้นไม่ว่า หลี่ต้าหนี่ ต้องการรับเงินจาก กูเจิง อย่างไร มันก็ยากขึ้นทุกที นี่คือเหตุผลที่หลี่ต้าหนี่ต้องการใช้โอกาสนี้แนะนำลูกสะใภ้ที่อยู่ในการควบคุมของเธอเพื่อรับเงินจากเขา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อหลังจากที่แต่งงานหรือไม่ก็ตาม เป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยให้กูเจิงแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่เธอสามารถจัดการได้ ท้ายที่สุด กูเจิงเป็นทหาร เขาไม่ได้อยู่ในครอบครัวตลอดเวลา แต่ลูกสะใภ้จะเป็นคนที่อยู่ เขามักจะส่งเงินให้กับครอบครัว ลูกสะใภ้ที่จัดการได้ง่าย เงินก็จะรับได้ง่ายเช่นกัน

 

แต่เธอไม่ได้คิดเลยว่า กูเจิงที่ไม่ได้ใส่ใจและไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำอย่างเข้มข้นนี้ ในระหว่างทางกลับจากเมืองเขากับได้พาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาหาเธอ โดยบอกว่าเขาได้จดทะเบียนสมรสและได้รับใบรับรองแล้ว และพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของภรรยาของเขาอีก

 

ดวงตาของหลี่ต้าหนี่ เปลี่ยนเป็นดุเดือดเมื่อได้ยินเรื่องนี้!

 

สำหรับเจ้าของร่างเดิม ฉินหลิงหลิงและกูเจิงที่ได้แต่งงานกัน ทั้งหมดเป็นเพราะครอบครัวของเธอที่ให้เธอกลับไปในเมือง ก็เพื่อบังคับให้เธอแต่งงานกับชายพิการเพื่อยกระดับครอบครัวของเธอให้สูงขึ้น ฉินหลิงหลิงซึ่งยังอ่อนแอและถูกรังแกไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ เธอทำการปฏิเสธอย่างไม่คิดชีวิตและวิ่งหนีไป ระหว่างทางกลับไปที่ฟาร์ม เธอได้พบกับนายทหาร กูเจิง

 

ทั้งสองเคยพบกันสองครั้งก่อนหน้านี้ และพวกเขาก็ได้พบกันอีกเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน เมื่อพวกเขาได้คุยกัน พวกเขาก็ได้ตกลงจะแต่งงาน

 

การแต่งงานนั้นเลอะเทอะมากจน ฉินหลิงหลิงรู้สึกประหม่าเมื่อเธอยืนอยู่ที่ผนังด้านนอกของบ้านกูที่ทำจากอิฐโคลน

 

"เกิดอะไรขึ้น?" กูเจิงยืนมองเธอที่มีท่าทางกังวล

 

ฉินหลิงหลิงส่ายหัว "ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ!"

 

เธอดำเนินชีวิตตามหลักการ 'การจัดการกับภัยคุกคามที่กำลังมา' มาโดยตลอด นี่คือกฎการเอาชีวิตรอดของเธอ เนื่องจากเธอมาอยู่ที่นี่นานแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลกับการมีสามี อย่างไรก็ตาม จากจุดเริ่มต้น การแต่งงานของทั้งสองถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์

 

เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินหลิงหลิงก็โล่งใจ

 

แต่ทั้งสองเพิ่งเปิดประตูไม้ไผ่เล็กๆ ในสวน พลันปรากฏเสียงร้องดังออกมาจากภายในบ้าน "พี่ใหญ่!"

 

ฉัพวกเขาได้เห็นว่ากูหยาวไม่ได้สวมรองเท้าใด ๆ และรีบวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคน การแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและน้ำตา "พี่ชาย เป็นคุณจริงๆหรือ คุณยังไม่ตายไม่ตาย จริงเหรอ?”

 

กูเจิงมองไปที่น้องสาวที่ยังไม่แต่งงานซึ่งยังไม่เสียชีวิตในการคลอดบุตร เขายิ้มน้อยๆ จับมือน้องสาวของเขา “ฉันยังไม่ตาย พี่ชายของเธอยังไม่ตาย และชีวิตของเขาก็ยืนยาวมาก”

 

“ก่อนหน้านี้ มีใครบางคนมารายงานว่า คุณถูกน้ำท่วมพัดพาไปและไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ ฉันคิดว่า ฉันคิดว่า…” กูหยาว พูดไม่จบ น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างไม่สบายใจ

 

พี่ชายและน้องสาวไม่ค่อยจะได้เจอกัน และฉินหลิงหลิง ต้องการให้มีที่ว่างสำหรับให้พวกเขาได้พูดคุยกัน

 

โดยไม่คาดคิด เมื่อเธอกำลังที่จะขยับ พลันปรากฏ คู่แม่และลูกสาวที่พูดคุยและหัวเราะเดินมาจากข้างนอก ท่ามกลางความมืด มันเป็นแม่เลี้ยงของกูเจิง หลี่ต้าหนี่และกูชุนฮวา ลูกสาวของอีกฝ่ายที่ขี้เกียจและตะกละ

 

ฉินหลิงหลิงเดาว่าทั้งสองคนออกไปข้างนอกมาและพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาเพิ่งกลับมา รอให้กูหยาวทำอาหารและล้างมือเพื่อรับประทานอาหาร

 

หลังจาก หลี่ต้าหนี่แต่งงานกับกูต้าชุน เธอให้กำเนิดลูกชาย กูเกาเฉียง ในปีแรก และลูกสาวกูชุนฮวา ในปีที่สาม

 

อาจกล่าวได้ลูกชายและลูกสาวของเธอ ทำให้สถานะของเธอในครอบครัวมั่นคงขึ้นในตระกูลกู

 

ไม่เหมือนกับ กูเจิง ซึ่งเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยงจากข้างนอก แม่ที่แท้จริงของเขาเสียชีวิต แม้ว่าจะมีคนไม่มากที่รู้ว่าเขาถูกรับมาจากข้างนอก พวกเขาก็ไม่สามารถรั้งหลี่ต้าหนี่ไว้ได้

 

หลี่ต้าหนี่ซึ่งมีลูกชายคนหนึ่ง ถือได้ว่าสามารถเป็นราชินีของครอครัว กูต้าชุน เป็นคนอารมณ์ดี เธอเป็นเพียงคนเดียวในครอบครัวของเธอที่ไม่ได้ทำงานเพื่อรับคะแนนงานในวันธรรมดา ทุกวัน กูหยาว ซึ่งไม่ใช่ลูกสาวหรือลูกชายของเธอเอง ถูกบังคับให้ทำงานหนักเพื่อหารายได้ จากนั้นเธอก็คำนวณหาเงินจากกูเจิง

 

เมื่อเห็น กูเจิงที่สนามหน้าบ้าน ท้องฟ้าที่มืดลงแล้ว หลี่ต้าหนี่ซึ่งยังคงพูดและหัวเราะอยู่พลันรู้สึกหวาดกลัว กำหน้าอกไว้แน่น ก่อนที่เธอจะตะโกนออกมาราวกับว่าเห็นผี

 

“นี่คนหรือผี”

 

เธอเดินเข้ามา และมองดูสามคนที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างระมัดระวัง "นี่คือผีของกูเจิง กลับมาหรือไม่"

 

“คุณนะสิคือผี!”

 

“คุณนะสิคือผี!”

 

กูหยาวและฉินหลิงหลิงสาปแช่ง

 

ฉินหลิงหลิงไม่ได้คาดหวังให้ กูหยาวพูด เธอไม่รู้ว่าหลี่ต้าหนี่น่ารังเกียจมาก และกูเจิงอย่างน้อยก็เป็นสมาชิกครอบครัวกู แต่คำพูดของเธอก็รุนแรงมาก

 

กูหยาวไม่ได้คาดหวังว่าพี่สะใภ้ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วไม่ได้พูดมากหลังจากสองสามวันจะดุแม่เลี้ยงคนนี้จริงๆ

 

หลี่ต้าหนี่ถูกดุอยู่ครู่หนึ่ง “เฮ้ พวกเธอ เด็กสาวหน้าโง่ กล้ายังไงถึงมาพูดแบบนั้น?”

 

กูชุนฮวาช่วยแม่ของเธอ "ใช่ ใช่ แม่ของฉันเป็นผู้อาวุโส พี่สะใภ้ พี่สาว มันเหมาะแล้วเหรอที่คุณจะมาดุผู้อาวุโสแบบนี้"

 

“ใครบอกให้เธอพูดแบบนี้กับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ยืนอยู่ตรงนี้ชัดๆ เขาไม่ใช่ผี เข้าใจไหม?”

 

“ไม่ใช่ว่ามีคนบอกว่า เขาตายไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ? มีคนมารายงานมา มันผิดพลาดหรือ?”

 

เมื่อตอนที่หลี่ต้าหนี่พูด เธอไม่กล้าเข้าใกล้กูเจิง แม้ว่ากูเจิงจะยืนอยู่ข้างหน้าเธอทั้งเป็นและจ้องมองเธอ เธอก็ตื่นตระหนก ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นผีหรือมนุษย์

 

กูเจิงหันไปมองอีกฝ่ายและพูดว่า "ป้าต้าหนี่ คุณมองมาที่ฉัน ฉันเหมือนคนที่ตายไหม"

 

เมื่อถูกจ้องมองด้วยดวงตาของกูเจิง เสียงแผ่วเบาของเขาดังกระทบหูของหลี่ต้าหนี่ เธอก็ถอยหลังไปสองก้าว “คุณมีชีวิตอยู่จริงๆ ทำไมคุณถึงมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาพูดว่า…”

 

“ฉันคิดว่าฉันจะตาย แต่โชคดีที่ฉันไม่ตาย คุณไม่มีความสุขเหรอ?”

 

เสียงของกูเจิงเยาะเย้ยเล็กน้อย แต่สายตาของหลี่ต้าหนี่ นั้นเย็นชาราวกับจะสามารถฆ่าใคร

 

หลี่ต้าหนี่ตัวสั่น พยายาฝืนยิ้มออกมา “มีความสุขสิ แน่นอน มีความสุข คุณยังไม่ตาย พ่อของคุณต้องมีความสุข รู้ไหม ใครบางคนมาบอกว่าคุณหายตัวไป และกลัวว่าคุณจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา พ่อคุณกับฉันเป็นกังวลมาหลายวันแล้ว เราไม่สามารถกินและนอน อย่าพูดถึงว่าคุณอึดอัดแค่ไหน ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว เราก็มีความสุขเหมือนกัน”

 

เมื่อมองไปที่หลี่ต้าหนี่ที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของกูเจิง ก็ค่อยๆ เย็นลง

 

ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นเพียงกูเจิงที่มีชีวิตอยู่มา 25 ปีแล้ว และอาจยังคงปฏิบัติต่อแม่เลี้ยงคนนี้เหมือนเป็นแม่ที่เคารพนับถือ แต่หลังจากได้เห็นสิ่งสกปรกของหลี่ต้านี่ในอีก 10 ปีข้างหน้า เขาก็ไม่สามารถให้ความเคารพสำหรับบุคคลนี้ได้จริง ๆ

 

เขาเพิกเฉยต่อคำพูดของหลี่ต้าหนี่ และถามน้องสาวของเขาว่า “กำลังทำอาหารอยู่หรือเปล่า?”

 

“ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งวางจานที่ทำเสร็จ ยังไม่ทันได้หาอะไรปิดเลย รอพ่อกลับมาจากที่ทำงานแล้วค่อยกิน แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะกลับมา และฉันทำอาหารไม่พอ" กูหยาวรู้สึกละอายใจ ใบหน้าสีแทนในตอนนี้กลายเป็นสีดำและสีแดง

 

“พี่ชาย คุณจะต้องหิวแน่ ๆ คุณกับพี่สะใภ้ควรกินข้าวก่อน ฉันจะทำเพิ่มทีหลัง” กูหยาว ถาม

 

กูเจิงพยักหน้าตอบแต่ไม่ได้ปฏิเสธ กล่าวกับฉินหลิงหลิง "ไปกันเถอะ!"

 

แต่เมื่อหลี่ต้านี่ได้ยินเช่นนั้น เมื่อเห็นว่ากูเจิงไม่เคารพเธอ เธอจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ต่อให้หิวแค่ไหน คุณก็ต้องรอให้พ่อกลับมา ใช่ไหม”

 

กูหยาวโต้กลับอย่างรวดเร็ว: “พี่ชายของฉันรีบกลับมา มีอะไรผิดปกติกับการกินก่อน ฉันทำอาหารมื้อนี้ ฉันให้พี่ชายกินก่อน แล้วฉันจะทำอาหารให้พ่อกินทีหลัง”

 

นอกจากกูเจิงและภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ของเขาแล้ว ยังมีครอบครัวกูอีกห้าคน พ่อของเขา แม่เลี้ยงของเขา กูหยาว และลูกสองคนที่เกิดจากแม่เลี้ยงของเขา

 

ในบรรดาห้าคนนี้ มีเพียงพ่อของเขาและกูหยาวเท่านั้นที่ทำงานในทุ่งนาเพื่อรับคะแนนการทำงาน โดยพื้นฐานแล้ว หลี่ต้าหนี่ไม่ได้ทำอย่างนั้น บางครั้งเธอขอให้กูชุนฮวาตัดหญ้าฮ็อกวีด [วัชพืชขนาดใหญ่] และเก็บฟืน สำหรับตัวเธอเองโดยพื้นฐานแล้วเธอก็จะไปเดินรอบๆ บ้าน เพื่อพูดคุย ซุบซิบ กับผู้คนที่แวะเวียน พอฟ้าใกล้ค่ำ พวกเขาก็ไปที่ทุ่งนา เรียกกูเหยาให้กลับมาทำอาหาร เธอรออาหาร เพื่อกิน และชีวิตของเธอราบรื่นกว่าใครๆ

 

ถ้าไม่ใช่เพื่อครอบครัวนี้ กูหยาว คงไม่อยากทำอาหารมื้อนี้

 

เมื่อหลี่ต้าหนี่ได้ยินสิ่งนี้ ดวงตากลมโตก็จ้องเขม็ง “ต้าหยา พูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันคือแม่ของคุณ คุยกับแม่แบบนี้เหรอ?”

 

“แม่ฉันตายแล้ว” กูหยาวพูดอย่างแข็งทื่อ เมื่อมีพี่ชายอยู่ที่บ้าน

 

หลี่ต้าหนี่แค่อยากจะบอกว่า 'นังสารเลว คุณกล้าสาปแช่งฉันอย่างนั้นเหรอ?' แต่เมื่อเธออ้าปากที่จะพูดออกไป กูเจิงเหลือบตามองด้วยดวงตาที่มืดครึ้ม "เหยาเหยากับฉัน มีแค่แม่คนเดียว หากคุณต้องการให้เรารับคุณเป็นแม่ เราไม่ว่าอะไรที่จะแบ่งปันธูปหอมเพิ่มในวันชิงหมิง*ในทุกปี”

[*หรือ เช็งเม้ง ป็นวันที่คนจีนไปทำความเคารพบรรพบุรุษหน้าหลุมศพ และทำความสะอาดหลุมศพ]

 

หลี่ต้าหนี่ตกใจกับแรงผลักดันของเขา และเปิดปากของเธอขึ้น หากแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ

 

เมื่อมีคนทั้งสามเดินเข้าไปในบ้าน หลี่ต้าหนี่ซึ่งมีปฏิกิริยาตอบโต้ก็รู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย "พวกป่าเถื่อน!"

 

กูชุนฮวาที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "แม่ นั่นหมายความว่า พี่ชายคนโตของฉันยังไม่ตาย?"

 

“คุณดูท่าทางหงุดหงิดของเขา แล้วเขาเหมือนตายไหม ฉันอยากให้เขาตายแล้วกลับมาเป็นผีดีกว่า มันน่าหงุดหงิดจริงๆ!”

 

กู่ชุนฮวามองไปทางประตู “แม่คะ หนูบอกพ่อกับแม่ก่อนหน้านี้ ที่อยากคุยเรื่องห้องให้กับเกาเฉียง...”

 

หลี่ต้าหนี่รู้สึกโกรธ และทันทีที่เธอได้ยินเธอก็ตบหัวกูชุนฮวา "ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดถึงตัวเอง ไร้ประโยชน์!"

 

กูชุนฮวาเจ็บและรีบกุมศีรษะของเธอไว้อย่างรวดเร็ว มองดูแม่ของเธอเตะสิ่งของข้างถนน แล้วเดินเข้าบ้านด้วยความโกรธ ขุ่นเคือง

 

ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้พูดคุยกันไว้ ในเมื่อพี่ชายใหญ่ตายแล้ว และพี่สะใภ้ที่ไร้ประโยชน์จะไม่กลับมาอีก ห้องของพี่ชายใหญ่ก็จะว่าง เกาเฉียงต้องการห้องของพี่ชายใหญ่มาโดยตลอด เมื่อพี่ชายใหญ่ไม่อยู่บ้าน เขาก็มักจะไปนอนอยู่ในห้องของพี่ชายใหญ่ พอพี่ชายใหญ่กลับมา เขาก็จะย้ายกลับห้องของเขา

 

ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าพี่ใหญ่ตาย เกาเฉียงจึงตัดสินใจที่จะยึดห้องของเขา และกูชุนฮวาก็จะไปอยู่ห้องของเกาเฉียง เพราะเธอไม่อยากที่จะบีบตัวเองอยู่ห้องที่สกปรกและมีกลิ่นเหม็นกับกูหยาว


1 ความคิดเห็น: