เลือกสีพื้นเพื่ออ่านบทความ >>> พื้นขาว พื้นดำ พื้นครีม

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

CBGC 043 ผู้เฒ่า

 CBGC 043 ผู้เฒ่า

 

ส่วนบนของห้องโถงของตำหนักเทียนซือเฟิงถูกแยกออกจากกันในทันที

  

รัศมีแสงดาบ จิงหง เจียนกวง ที่ดูราวกับมังกรได้พุ่งเข้าหา ผู้อาวุโสกูเฟิงหยาง ที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยความตกตะลึง เขาเป็นผู้อาวุโสของนิกายหวูเหลียงซาน แน่นอนย่อมรู้ว่า ดาบเพลิงนับหมื่นที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ได้พุ่งตรงมาจากตาข่ายอาคมของนิกายหวูเหลียงซาน มันจะมีอย่างต่อเนื่อง และอย่างไม่จบไม่สิ้น

  

การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดจากพายุตาข่ายอาคม สามารถลบล้างพลังของผู้อาวุโสดินแดนหยวนหยิงได้

  

เขาเป็นเพียงคนเดียวของนิกายหวูเหลียงซานที่อยู่ในระดับหยวนหยิง ไม่ว่าในกรณีใด หวูเหลียงซานไม่สามารถล้มลงได้ เขามีอาวุธเวทที่ทำเลียนแบบระฆังจักรพรรดิตะวันออก แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นอาวุธอมตะ นี่คือสิ่งที่เขาใช้ในการต่อสู้กับสายฟ้าลงทัณฑ์จากสวรรค์

 

กูเฟิงหยางบินขึ้นไปในอากาศ ในลักษณะที่น่าตะลึงงัน เสื้อคลุมขนาดใหญ่ของเขาพัดปลิวไสวไปกับสายลมเย็น รัศมีแสงสีทองอันสดใสพุ่งออกมาจากมือของเขา ก่อนที่จะปะทะกับแสงกระบี่อย่างน่าตกใจ 

 

"โอ้!"

  

มังกรเจียนกวง ปะทะเข้ากับระฆังดงฮวง จนทำให้ระฆังทองสัมฤทธิ์ส่งเสียงดัง ลูกตุ้มแกว่งไปมาจากด้านหนึ่งไปที่ด้านหนึ่ง เขย่าสายลมอย่างดุเดือด แต่ด้วยความประหลาดใจ อาวุธของเขา ระฆังดงฮวงจงกลับสามารถต่อต้านดาบแสงได้โดยไม่มีความเสียหายใด ๆ 

  

บางคนเริ่มมองอย่างสังเกตไปที่ตาข่ายอาคม แม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะใช้พลังที่แท้จริงในการต่อต้านการโจมตี


เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ กูเฟิงหยางก็รู้สึกโล่งใจ เขาไม่ได้สนใจในวิธีที่เขาจัดการมัน ในขณะนี้งานเร่งด่วนก็คือการทำให้ภารกิจปรุงยาประสบความสำเร็จ เขาก็ต้องกำจัดสิ่งที่ขัดขวางออกไป

  

รัศมีลมปราณของเขาถูกถ่ายเทเข้าไปในระฆังจักรพรรดิ และระฆังของจักรพรรดิทั้งหมดก็ถูกปกคลุมอยู่เหนือห้องโถงใหญ่ ก่อนที่จะได้สร้างกำแพงปิดกั้นเพื่อหยุดการโจมตีจากพายุดาบที่ไม่รู้จบ

  

กูเฟิงหยาง ที่เคยดูเหมือนว่าจะเป็นตะเกียงที่น้ำมันใกล้จะหมด รัศมีกลิ่นอายของเขาก็หมดไปในเวลานี้ มันทำให้ใบหน้าของเขาดูสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น เขาไม่ได้นั่งอีกต่อไป แต่เดินตรงไปที่เตาหลอมถานติง 

 

ใบหน้าของอาจารย์ถานเฟิงหยางยังคงซีดเผือดในเวลานี้ เปลวไฟของเขาถูกกลืนกินด้วยหลุมดำอยู่ตลอดเวลา แม้แต่หยานเฉินของเขาก็ถูกเผาผลาญไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในเวลานี้เขาไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือใด ๆ ได้ ราวกับว่าเขาถูกข่มขู่ให้เดินเข้าสู่ดินแดนแห่งความตาย โดยปกติเขามักจะเป็นผู้ที่คอยข่มขู่ผู้อื่น ปราบผู้อื่นด้วยพลังที่เหนือกว่า แต่ในตอนนี้สถานการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม 

 

เขาเห็นว่าอาวุโสไท่ซางได้เดินเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาไม่สามารถตรวจจับความเจ็บปวดของอีกฝ่ายได้ เขาได้แต่จ้องไปที่เตาหลอมถานติงอย่างกระวนกระวาย เมื่อเขาเห็นใบหน้าของหลิวเฟยโจว ตามปกติ เขาดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดเหมือนกัน...ทำไม?

  

ทันใดนั้น พลันปรากฏเสียงกรีดร้องดังออกมาจากเตาหลอมถานติง ในเวลาเดียวกันกับที่บรรยากาศของความโศกเศร้าได้แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

 

บริเวณสระน้ำ ความรู้สึกเศร้าของหญ้าหางจระเข้ที่แผ่ออกมา ทำให้ชูหยูรู้สึกไม่สบายใจ และบรรดาผู้อาวุโสที่ต่างพากันหลบหนีจากฝนดาบ ได้รีบไปที่วิหารฟูเหรินถาง (ฟูเจิน?) ในเวลานี้ 

  

ฟางถิงหยวนมองดูหลีซินเหม่ยที่ล้มลงอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความมึนงง เสียงกรีดร้องของหญ้าหางจระเข้ไม่มีผลใด ๆกับเขา เขารู้สึกว่ามีหลายคนที่เร่งรีบเข้ามาที่นี่ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น

  

สิ่งแรกที่ตาข่ายหูซ่านต้องฆ่าคือผู้มีระดับการฝึกฝนสูง ดังนั้นเซียนในระดับจินถานจึงถูกโจมตีมากที่สุด และส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ตรงกันข้ามศิษย์ที่มีพลังต่ำ พวกเขาไม่ได้ถูกโจมตีมากนัก  

 

แสงดาบอันหนาแน่นนั้นหล่นลงมาไม่ไกลจากด้านข้างของเขา แต่ก็ไม่มีใครได้รับอันตราย

  

สัญชาตญาณบอกเขาว่าทั้งหมดนี้ทำโดยหลีซินเหม่ย... หากคนอื่นรู้ว่าเจ้าทำสิ่งเหล่านี้ ...

  

ในเวลาต่อมา ฟางถิงหยวนได้ลากหลีซินเหม่ยออกจากเขตแดนตาข่ายอาคมและวางไว้ใต้ต้นไม้ที่ถูกทำลายโดยรัศมีแสงดาบ มังกรเจียนกวง 


แม้ว่า หลีซินเหม่ยจะล้มลงกับพื้นในเวลานี้ แต่ตาของเธอยังคงเปิดอยู่และยังมีดวงตาที่สดใสเปล่งประกาย แม้ว่าเพลิงดาบเหล่านี้จะอ่อนแอกว่าที่ควรจะเป็นอยู่มาก แต่พวกมันก็ไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์

  

สติสัมปชัญญะของเธอนั้นเป็นอมตะ และดาบแห่งแสงสว่างของภูเขาขนาดใหญ่แห่งนี้จะไม่หายไปอย่างสิ้นเชิง เธอลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่ใบหญ้าทั้งสองที่กำลังส่งเสียงพึมพำบนพื้นดินเบื้องหน้าเธอ

  

นั่นคือเสียงกรีดร้องของผู้เฒ่า เธอทำลงไป แต่ก็ยังไม่สามารถฆ่าคนชั่วร้ายได้?

 

 

...

 

 

หญ้าหางจระเข้บนภูเขาน้อย ใหญ่ ไม่ว่าจะต้นเล็กหรือใหญ่ ต่างส่งเสียงครวญครางเบา ๆ ออกมาราวกับว่าพวกมันกำลังโศกเศร้า 

 

ทั่วบริเวณของโลกแห่งการบ่มเพาะ ไม่ว่าจะอยู่บนภูเขาหรือนอกภูเขาหรือที่ใดๆ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ต่างมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง ที่จะพูดซ้ำเสียงเดียวกัน โดยไม่รู้จบ

 

"ผีร้าย เป็นผีร้ายประเภทไหนกัน! เซียนเหม่ยกล้าที่จะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน?!" เสียงร้องอันน่าสยดสยองดังก้องไปทั่วในป่า

 

 

...

 

 

นิกายฮัวเย่วจง ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี เจ็ดยอดภูเขาหิมะที่ดูคดเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นน้ำแข็งตระหง่านเช่นเดียวกับมังกรหิมะ

  

ไม่มีใครใน ภูเขาหิมะฮัวเย่วจงที่จะเคยเห็นหญ้าหางจระเข้ แต่ในวันนี้ เมื่อตกเวลากลางคืน ท่ามกลางความเงียบสงบ จะมีคนได้ยินเสียงกรีดร้อง เมื่อมองไปตามต้นเสียง จะพบว่ารากของต้นสนสีเขียวที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ได้มีต้นกล้าเล็ก ๆ ของหญ้าหางจระเข้งอกเงยขึ้น 

 

"ผีร้าย เป็นผีร้ายประเภทไหนกัน! เซียนเหม่ยกล้าทำสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน?!" ลูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นเขาก็ดึงหญ้าอ่อน ๆ ขึ้นมา ขยี้แล้วโยนมันทิ้ง

 

 

 

...

 

 

เมื่อเปลวไฟเผาผู้อื่น เธอก็เผาตัวเองเช่นกัน

  

มันเป็นเหมือนสถานการณ์ที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งสุดท้าย เปลวไฟก็ลามเลียร่างกายของเธอ และแหวนก็เปล่งรัศมีแสงออกมาเพื่อซ่อมแซมเลือดเนื้อของเธออย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น แต่เธอก็ยังมีสติรับรู้ 

 

เธอถูกเผา จนหายเป็นปกติ กองกำลังทั้งสองใช้ร่างของเธอเป็นสนามรบ และผู้ที่เจ็บปวดที่สุดก็คือตัวเธอเอง

  

เสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดที่ดังกึกก้องจนแทบจะทะลุผ่านโลก นอกจากนี้ยังทำให้นักปรุงยาที่ใกล้ที่สุด และผู้อาวุโสตกใจอย่างมาก

  

ขาตั้งเตาหลอมเขย่าอย่างรุนแรงจนฝาเตาหลอมเปิดขึ้น โดยเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาเหมือนนกเฟิงหวง ในขณะที่มันระเบิดออกมาจากขาตั้งเตาหลอม มันก็พุ่งเข้าหาผู้คนรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง

  

จนทำให้ผู้ดูแลไฟต้องลอยออกไป 


ซูถิงหยุนมีความคิดเพียงอย่างเดียวในใจของเธอ...พวกเขายังไม่ตาย ต้องเผาพวกเขา

  

กลุ่มเพลิงขนาดใหญ่กลืนกินถานเฟิงหยาง อาจารย์นักปรุงยาระดับสูง และหลังจากเสียงกรีดร้องสั้น ๆ ร่างของเขาก็กลิ้งไปด้านล่างและมันก็กลายเป็นเถ้าถ่าน 


หลังจากนั้นไม่นาน กูเฟิงหยางผู้ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อทะลวงผ่านระดับที่เหนือจากหยวนหยิง หลังจากหลีกเลี่ยงอันตราย เขาพยายามช่วยชีวิตผู้คน แต่พบว่าผู้นั้นหายไป

  

เป็นไปได้ยังไง!

  

ยายังปรุงไม่สำเร็จ!

  

ถานเฟิงหยาง ทำงานล้มเหลว! ถานเฟิงหยางเป็นเด็กทารก! เขามองไปที่คนดูแลไฟที่ลอยออกไปเนื่องจากไฟจากเตาหลอมถานติงระเบิดด้วยความตกใจ 


เธอมีธาตุไฟสวรรค์ภายในตัวเธอหรือไม่?

  

การเผาไหม้ธาตุไฟสวรรค์ทั้งหมด...เพราะมีธาตุไฟในวัตถุดิบที่จะทำยา จนทำให้พวกมันถูกกลืนกินโดยไฟสวรรค์อย่างง่ายดาย

  

เปลวไฟทรงพลังมาก ซูถิงหยุนแค่อยากจะเผาคนเหล่านี้ให้ตายและปล่อยให้พวกเขาตาย

  

แต่มันยังไม่พอที่จะเผาถานเฟิงหยาง และเธอก็พุ่งไปปะทะคนอื่นที่อยู่ข้างเธอ

  

หลิวเฟยโจวรู้สึกเพียงว่าคลื่นความร้อนกำลังใกล้เข้าหาเขา เปลวไฟในร่างกายของเขา เผาผลาญวิญญาณของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้และเขาก็หายใจไม่ออก

  

"นางเว่ย"

  

แม้แต่ผู้ที่มีพลังบ่มเพาะระดับทารกหยวนก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้นานเกินสิบห้านาที หากเขาถูกเปลวไฟนี้ลามเลียนานกว่านี้ ร่างของเขาจะกลายเป็นสีดำและขี้เถ้าในไม่ช้า 


เมื่อเห็นว่าผู้ดูแลไฟหนีออกไป หลิวเฟยโจวก็ตะโกนออกไปอย่างงี่เง่า

  

เขาไม่ต้องการที่จะตายอย่างนี้ เสียชีวิตอย่างต่ำต้อยและได้รับบาดเจ็บอย่างน่าสังเวชโดยคนที่เขายอมรับมันในหัวใจของเขา

  

ซูถิงหยุน เพียงต้องการเผาคนชั่วเหล่านี้ทั้งหมด เธออยู่ในเปลวไฟที่ลุกโชนของเธอ ด้วยจิตรับรู้ของเธอ มันยากที่จะคาดการณ์และเธอแทบจะไม่สามารถเห็นโครงร่างของผู้คน ดังนั้นเธอจึงทำการโจมตีออกไป แต่ในขณะนั้น เธอก็ได้ยิน คนเรียกเธอ - ผู้เฒ่า

  

เปลวไฟไม่สามารถเก็บได้อีกต่อไป

  

มีเพียงความคิดเดียวในใจของซูถิงหยุน เธอไม่สามารถเผาเขาหรือทำร้ายเขาได้ นี่คือเปลวไฟในร่างกายของเธอ เธอต้องควบคุมมันและเผาเขาไม่ได้!

  

เปลวไฟติดกับร่างกายของเขาและได้ก่อให้เกิดแผลเป็นเล็ก ๆ บนผิวหนังของเขา มันไม่เจ็บปวด เปลวไฟที่แต่แรกนั้นเริ่มหดตัวลง ก่อนที่จะลุกโชนขึ้นทันที ด้วยวิธีนี้ดูเหมือนว่า มันจะสามารถดูดซับได้เช่นเดียวกับไม้เหล็กดำที่เพิ่มคุณภาพของเปลวไฟ

  

ก่อนที่หลิวเฟยโจวจะมีเวลาคิดเกี่ยวกับมัน เขาเห็นคนดูแลไฟกระโจนเข้าใส่ กูเฟิงหยาง อีกครั้ง

 

 

"ออกไป!" กูเฟิงหยางกรีดร้องอย่างโกรธแค้น ดาบในมือของเขาได้เฉือนลงไปจนผ่าแยกทะเลเพลิงออกไปในทันที แต่ในเวลาต่อมา ดาบคมในมือของเขา ที่รู้จักกันดีในชื่อ ทำลายล้าง กลับไม่สามารถต่อต้านได้ 

  

มันติดไฟ จนเข้าไปพัวพันร่างกายของเขาและเข้าใกล้วิญญาณปฐมกาลของเขา

 

กูเฟิงหยาง รู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ในขณะที่เปลวไฟบุกเข้าไปหาหยวนเฉินของเขา ท่าทีทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไป

  

"รนหาที่ตาย!" เสียงระฆังดงหวงเหนือห้องโถงส่งเสียงดังซึ่งครอบคลุมเสียงคำรามทั้งหมดรอบ ๆ 


หญ้าบนพื้นดินเหี่ยวแห้งและกอหญ้าที่ใหญ่ที่สุดในสระน้ำ ใบไม้ของมันก็หดตัวลงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อแห้งเหี่ยวแล้ว มันไม่สามารถต้านต่อไปได้ ใบไม้เริ่มร่วงหล่นลงมาที่พื้น และมีเกสรคล้ายดอกไม้สีแดงอยู่ระหว่างใบไม้ทั้งสองนั้น พวกมันอ่อนแอมากจนลิ้นเล็ก ๆ สั่นคลอน พวกมันพยายามดิ้นร้นที่จะช่วยชีวิต

  


เปลวไฟสวรรค์ของซูถิงหยุน นั้นทรงพลังกว่ามาก เธอมีพลังมาก แม้ว่าพลังของเธอจะอยู่เพียงแค่ระดับพื้นฐาน วันนี้ไฟในร่างกายของเธอนั้นน้อยกว่าหนึ่งในสิบของพลังที่แท้จริงของมัน 

 

เธอถูกทุบอีกครั้งและขับเคลื่อนกระแสโดยระฆังดงหวง และกระแสน้ำเย็นก็ไหลออกจากแหวนอย่างต่อเนื่อง มันไม่สามารถซ่อมแซมทำให้ร่างกายของเธอคงที่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการที่จะจับเขาและเผาเขา แต่เธอก็ไม่สามารถขยับลงมือได้มากกว่านี้อีกแล้ว

  

เธอไม่ให้อภัย!

  

"บูม!" ตามต่อด้วย "บูม!" 


เสียงระฆังดังขึ้นสองสามครั้งติดต่อกัน สติสัมปชัญญะของซูถิงหยุนก็ทรุดตัวลง ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน และเปลวไฟบนตัวเธออ่อนแอลงทันที

  

การโจมตีของระฆังดงหวงและเสียงระฆัง ยังดังอย่างต่อเนื่อง 


ในตอนนี้กูเฟิงหยาง ก็อ่อนแอมากเช่นกัน หลังจากอวัยวะทั้งหมดของเขาคำนวนมันแล้วเขาไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดนี้จะถูกทำลายด้วยมือของคนระดับล่าง

  

เธอต้องตายโดยไร้ที่ฝังศพ

  

ในขณะนี้ กูเฟิงหยาง รู้สึกผิดปกติที่ด้านหลังของเขา เขาสะบัดนิ้วของเขา ส่งดาบที่พุ่งออกไปและจับหลิวเฟยโจวขึงไว้บนเสาหยกสีขาวของห้องโถง

  

"หยูเออร์ เข้ามา" กูเฟิงหยางพูดเสียงแหบ เขาไม่ได้สนใจเรื่องความเจ็บปวดของเขา แต่เปลวไฟนี้สามารถทำร้ายจิตใจเขาได้

  

ด้านนอกห้องโถง ชูหยูที่อยู่ในระดับทารกหยวน และซูหลี่เจียงระดับจินถาน ถูกจู่โจมโดยดาบแสงเจียนกวงจำนวนมาก 


ซูหลี่เจียงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเวลานี้เพลิงดาบเหล่านี้โจมตีห้องโถงและโจมตีหวูเหลียงซาน เขายังคงดูแลปกป้องประตูของบรรพบุรุษโดยไม่รู้ตัว หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้อง แต่การเคลื่อนไหวของซูหลี่เจียงก็เริ่มช้าลง

  

เขาต้องการที่จะเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แม้กระนั้นห้องโถงใหญ่ไม่เพียงแต่จะมีตาข่ายอาคม แต่ยังมีระฆังทองสัมฤทธิ์ที่แขวนไว้ข้างบน ซูหลี่เจียงไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ๆ เขาถูกเยาะเย้ยโดยชูหยู 

 

ซูหลี่เจียงมีความภาคภูมิใจในการเป็นเซียนกระบี่เสมอ เขาเพียงค้นพบในเวลานี้ว่าเขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของชูหยูเลยแม้แต่น้อย แม่บ้านที่มีความสำคัญต่ำ แต่กลับได้รับการบ่มเพาะถึงดินแดนทารกหยวนเป็นอย่างน้อย

  

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่รู้สึกประหลาดใจ แม้แต่ชูหลิงที่อยู่ข้างๆเขาก็หวาดกลัวอย่างสมบูรณ์

  

เมื่อได้ยินคำสั่งของกูเฟิงหยาง ชูหยูจึงบังคับให้ถอยหนีจากซูหลี่เจียงและก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ในเวลานี้ กูเฟิงหยางกล่าวว่า "พาซูหลี่เจียงมาให้ข้า"

  

ยาอายุวัฒนะหายไป หยวนเฉินของเขาได้รับบาดเจ็บ การทะลวงผ่านดินแดนซิ่วเหว่ย (โชวหยสน?) ล้มเหลว และ กูเฟิงหยางก็แผ่กลิ่นอายของความตายออกมา

  

เพื่อความอยู่รอด เขาสามารถเดิมพันได้เท่านั้น

  

ในที่สุดใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของชูหยูก็เปลี่ยนไป

 

 

...

 

 

ในช่วงเวลานี้ ชูหยุนข่มซูหลี่เจียงด้วยแรงกดดันจากจิตวิญญาณเพื่อนำเขาเข้าไปในห้องโถง เพลิงดาบที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้หายไปจากท้องฟ้า

  



พวกเขาเข้าไป เพื่อสร้างตาข่ายอาคมดาบเท่านั้น

  

"ผู้เฒ่า..."

 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น